บทที่ 149 กล่องยาน้อยโมโหแล้วช็อตคน
หมู่บ้านตระกูลเฉิน
ท่านป้ามองดูท้องฟ้า ก่อนจะเอ่ยด้วยความหงุดหงิด “เร็วเข้า เที่ยงแล้วดินยังไถไม่เสร็จอีกหรือ? เลี้ยงปลาเค็มยังดีกว่าเลี้ยงพวกเจ้าอีก”
ซาน ซื่อ อู่ ลิ่ว “…”
อะไรกัน แค่โจ๊กแค่นั้นเรียกว่าข้าวได้อย่างนั้นหรือ กินอย่างไรก็ไม่อิ่ม
อีและเอ้อร์ตอนนี้เดินผ่านข้างกายองค์หญิงใหญ่โดยไม่แม้แต่จะชายตาแล พลางมองดูเจ้าพวกที่เพิ่งมาใหม่เหล่านั้น เฉลียวฉลาดเหมือนพวกเขาสองพี่น้องที่ใดกัน เย็นนี้อาหารที่พวกเขาได้กินมีมันเทศด้วย!
จี้จือฮวนกำลังตัดผ้าอยู่กับท่านป้าหยาง
“ซื้อภูเขาหรือ?” ท่านป้าหยางรู้สึกประหลาดใจ “เจ้าจะซื้อภูเขาลูกนี้ไปทำไมกัน ที่ดินมากมายเช่นนี้ไม่มีคนดูแล เจ้าคนเดียวจะทำไหวหรือ?”
จี้จือฮวนมองไปที่กลุ่มชายร่างกำยำที่อยู่นอกหน้าต่างเหล่านั้น “ไม่ต้องกลัวหรอกเจ้าค่ะ เดี๋ยวก็มีคนส่งคนมาให้ข้าเอง”
คนกลุ่มนี้หายไป จี้หมิงซูจะไม่ส่งคนกลุ่มใหม่มาอีกอย่างนั้นหรือ
ก็เหมือนกับกุยช่ายที่ขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยังไม่ต้องจ่ายแม้แต่เหวินเดียว
จี้จือฮวนวางแผนเอาไว้อย่างมีความสุข ตั้งใจว่าวันนี้จะไปที่ที่ว่าการ จดสำมะโนครัวของพวกเขาให้เรียบร้อย นับแต่นี้ไปพวกเขาก็จะเป็นคนงานของจี้จือฮวนแล้ว
ท่านป้าหยางได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร “เรื่องซื้อที่เดี๋ยวกลับไปข้าจะพูดกับลุงเฉินของเจ้าให้ พวกท่านผู้อาวุโสของหมู่บ้านช่วงนี้ก็มีความคิดบางอย่างขึ้นมา สำนักศึกษาของหมู่บ้านตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว คนของครอบครัวเฉินนั่นก็ไสหัวไปแล้ว พวกเขาก็เลยอยากให้ทุกครอบครัวกัดฟันออกเงินคนละเล็กคนละน้อยให้พวกเด็ก ๆ ได้เรียนหนังสือกัน”
จี้จือฮวนคิดตามก่อนจะพยักหน้าและเอ่ยขึ้นมา “คิดเช่นนี้ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ”
แต่จี้จือฮวนมีความคิดที่ดีกว่านั้น เรื่องแมลงกระบองเพชรนางต้องคุยกับเซียวเย่เจ๋อก่อน ดังนั้นนางจึงได้ให้พญาครุฑต้าเผิงนำตัวอย่างของสีชาดทาปากไปส่งให้เซียวเย่เจ๋อแล้ว
หากตระกูลเซียวสามารถผลิตได้จำนวนมาก ๆ และหาลูกค้าได้เยอะ แม้แต่กล่องสีชาดทาปากก็สามารถมอบหมายให้เขาทำได้
ถึงเวลานางก็จะซื้อที่ดินทั้งหมดในหมู่บ้านที่สามารถซื้อได้ และจัดการปลูกทุ่งกระบองเพชรไว้ด้านหน้า อีกทั้งยังจะทำโรงเรือนขนาดใหญ่ไว้สำหรับรวบรวมพันธุ์พืช
ท่านลุงและท่านป้าในหมู่บ้านหากยินดีที่จะมาช่วยงานก็จะได้ค่าจ้างที่เหมาะสม และจะได้เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนด้วย ทางด้านฮวาเซียงเซียงนางตั้งใจว่าถึงเวลานั้นก็จะเชิญนางเข้ามาร่วมหุ้น เพื่อเปิดที่ตำบลฉาซู่สักร้านหนึ่ง
นอกจากนี้ จี้จือฮวนยังคิดที่จะใช้ประโยชน์จากไท่ซ่างหวงอีกด้วย
เดิมเกลือนี่นางยังคิดที่จะแอบทำไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อไท่ซ่างหวงกระโดดเข้ามาร่วมวงเอง เช่นนั้นทะเลสาบน้ำเค็มที่เขาด้านหลัง หากไม่พัฒนาจะไม่เท่ากับเป็นการเสียเปล่าไปหรอกหรือ?
ใช้ชื่อของไท่ซ่างหวง ยังต้องห่วงเรื่องรายได้อีกอย่างนั้นหรือ?
ถึงเวลานั้นรอซื้อภูเขาด้านหลังแล้ว คนในหมู่บ้านนับรวมพวกกุยช่าย อ่อ ไม่ใช่ นับรวมพวกเชลยแล้ว ยังมีคนไม่พอทำเกลือด้วยซ้ำ
จี้จือฮวนว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำจึงได้วางแผนที่จะทำโรงงานในอนาคต โดยจะแบ่งออกเป็นโรงงานเครื่องสำอางและโรงงานเกลือ
“สะใภ้ตระกูลเผยอยู่หรือไม่!” ด้านนอกมีคนตะโกนเข้ามา
จี้จือฮวนออกไปดูก็เห็นว่าเป็นท่านป้าเถียนที่หลายวันมานี้ไม่เห็นหน้า
เห็นนางถือไข่ไก่สีแดงมาด้วยหนึ่งตะกร้า พลางหัวเราะจนใบหน้าแดงก่ำ “โอ๊ย สะใภ้ตระกูลเผย เจ้าคือพระโพธิสัตว์ที่ยังมีชีวิตจริง ๆ กวนอิมประทานบุตรให้แท้ ๆ ตงหลิงของเราทำตามที่เจ้าบอก ตอนนี้มีลูกแล้วจริง ๆ”
จี้จือฮวนเองก็ดีใจมาก “เช่นนั้นก็ดีแล้วเจ้าค่ะ รีบเข้ามานั่งก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
ท่านป้าเถียนวางไข่ไก่แดงลงบนโต๊ะ ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นับจากนี้ฐานะของตงหลิงในบ้านสามีก็นับว่ามั่นคงแล้ว
ไม่นานคนในหมู่บ้านต่างก็รู้ข่าวว่าตงหลิงลูกท่านป้าเถียนที่มีลูกไม่ได้ ได้ฮวนฮวนช่วยรักษาจนหายแล้ว
หากเป็นเมื่อก่อนทุกคนไหนเลยจะเชื่อ แต่มาตอนนี้ทุกคนต่างก็มีความสุขกันถ้วนหน้า
“ข้าบอกแล้วว่าฮวนฮวนเป็นหมอเทวดากลับชาติมาเกิด”
“ดาวนำโชคนี่ไม่เหมือนใครจริง ๆ!”
“เจ้าซาน ซื่อ อู่ ลิ่วที่อยู่ตรงนั้น อย่าขี้เกียจล่ะ”
พวกอันธพาลจากจวนจี้กั๋วกงที่ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่ บ้างก็ไถดินต่ออย่างยอมจำนน บ้างก็นั่งเลือกถั่วงอกอยู่บนคันนา
หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าพวกเขารู้ว่าคุณหนูใหญ่ที่อัปลักษณ์ผู้นั้น จะกลายมาเป็นอย่างในตอนนี้ ตีให้ตายพวกเขาก็ไม่เชื่อ
หวังว่าเมื่อคุณหนูหมิงซูรู้เรื่องแล้วจะรีบมาช่วยพวกเขา
อย่างไรเสียคนหนึ่งอยู่ในชนบท อีกคนอยู่ในจวนกั๋วกง แค่ดูก็รู้ว่าใครสูงส่งกว่า
เชื่อว่าความอัปยศอดสูที่พวกเขาได้รับในตอนนี้ อีกไม่นานก็จะเอาคืนได้แล้ว
“ให้เจ้าช่วยเลือกถั่วงอก เจ้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันทำไมกัน! แค่ทำงานยังท่ามากเพียงนี้อีก”
“ไม่อยากกินข้าวแล้วใช่หรือไม่?”
พวกชาวบ้านต่างก็พูดกับพวกเขาคนละประโยคสองประโยค ซาน ซื่อ อู่ ลิ่วจึงได้แต่ก้มหน้าร้องไห้เงียบ ๆ และทำงานต่อไป
หลังจากส่งท่านป้าเถียนกลับไปแล้ว จี้จือฮวนกำลังคิดว่าจะเอาไข่ไก่แดงไปจัดการ ก็พบว่าที่นอกเรือนมีเด็กคนหนึ่งชะโงกหน้าเข้ามา
เมื่อก่อนนางไม่ได้รู้สึกอะไรกับพวกเด็ก ๆ ทว่านับตั้งแต่ได้อยู่กับเด็กทั้งสามคน ใจนางก็เริ่มอ่อนลง
“เสี่ยวฮุย ยืนอยู่ตรงนั้นทำไมกัน เข้ามานี่สิ”
เมื่อเห็นจี้จือฮวนกวักมือเรียก เสี่ยวฮุยจึงได้รวบรวมความกล้าเปิดประตูเรือนเข้ามา
จี้จือฮวนหยิบไข่ไก่แดงหนึ่งใบให้เขา
เสี่ยวฮุยมองหน้านาง จากนั้นก็มองไข่ไก่แดง ทันใดนั้นก็เอ่ยเสียงเบาพร้อมทั้งขอบตาแดงเรื่อ “ท่านน้าฮวนฮวน ท่านรักษาคนเป็นใช่หรือไม่ขอรับ ท่านช่วยรักษาพ่อข้าหน่อยได้หรือไม่ขอรับ”
จี้จือฮวนไม่เคยเห็นหน้าพ่อของเสี่ยวฮุยมาก่อน เนื่องจากเขาออกไปทำงานข้างนอกเหมือนกับเฉินปิงพี่ชายของเสี่ยวเจียน
“พ่อเจ้าทำงานอยู่ที่เมืองหลวงไม่ใช่หรือ? เขากลับมาแล้วหรือ?”
เสี่ยวฮุยพยักหน้ารับ “กลับมาเมื่อวานซืนขอรับ บนใบหน้าของเขามีตุ่มสีแดงเล็ก ๆ เต็มไปหมด ครอบครัวเจ้านายรังเกียจที่เขาป่วยจึงไล่เขากลับมาขอรับ หมอที่หย่งอันถังในเมืองหลวงก็ไม่ยอมรักษาให้เขาขอรับ”
เสี่ยวฮุยปกติเป็นเด็กขี้อายคงเป็นเพราะพ่อไม่ได้คอยอยู่ข้างกาย แต่สามารถรวบรวมความกล้าวิ่งมาหาจี้จือฮวนเช่นนี้ คงไม่ง่ายเลยจริง ๆ
หย่งอันถัง? นั่นเป็นร้านยาที่ถังกั๋วกงยกให้นางไม่ใช่หรือ?
“ได้ ข้าจะตามเจ้ากลับไปที่บ้านเพื่อช่วยดูพ่อเจ้า”
ภายในห้อง ไป๋จิ่นกำลังจ้องกล่องยาน้อยของจี้จือฮวนเขม็ง อาศัยตอนที่นางคุยกับคนอื่นอยู่ข้างนอก แอบล้วงเอากล่องยาน้อยออกมาจากตะกร้าสะพายหลังของนาง เพื่อต้องการจะหายาเม็ดสีขาวด้านใน
กล่องมีความเบา วัสดุเหมือนทำมาจากเงิน แถมยังมีที่จับอีกด้วย ไป๋จิ่นคิดว่าคราวหน้าจะทำให้ตัวเองบ้างสักอัน
เขาถูมือไปมา ก่อนจะเปิดกล่องยาน้อย ๆ ออกด้วยความคาดหวัง
“แม่เจ้า!”
ไป๋จิ่นตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นกล่องยาน้อยว่างเปล่า ทั้งยังมีกระดาษแผ่นหนึ่งเขียนแปะเอาไว้ด้านบนด้วย ‘หน้าไม่อาย! อย่ามาแตะต้องข้า’
ไป๋จิ่นไม่อยากเชื่อ จี้จือฮวนต้องเป็นคนทำแน่!
เขาดึงกระดาษในกล่องยาน้อยออก ก่อนจะปิดฝาลงจากนั้นก็เปิดออกอีกครั้ง!
กล่องยาน้อยเริ่มโมโห ‘อย่าคิดว่าเจ้าดึงกระดาษข้าออกแล้วข้าจะไม่มีกระดาษอีก! เจ้าขี้ขโมยหน้าไม่อาย!’
ไป๋จิ่น “????!!!!”
ไป๋จิ่นไม่เชื่อ! เขาพับแขนเสื้อขึ้นเตรียมจะเปิดอีกครั้ง กล่องยาน้อยกลับปิดตัวเองลงก่อนแล้ว หึ ไม่ใช่เจ้านายแล้วคิดจะเอาของไปจากมันอย่างนั้นหรือ
เห็นมันเป็นกล่องยาน้อยที่ใจง่ายอย่างนั้นหรือ! ถุย อย่ามาแตะข้า!
ไป๋จิ่นคราวนี้ไม่กล้าเปิดกล่องยาน้อย ๆ อีก เพราะตอนที่แตะโดนกล่องยา ก็มีไฟฟ้าแล่นผ่านที่ปลายนิ้วก่อนจะไหลไปทั่วร่างจนผมของเขาหยิกและชี้ฟู
ไป๋จิ่นตาเหลือก ก่อนจะสลบอยู่บนพื้น
ตอนที่จี้จือฮวนเข้ามา ก็เห็นไป๋จิ่นมีควันออกจากจมูกและนอนตาค้างไปเสียแล้ว
???
จี้จือฮวนเตะเขาไปสองที พลางคิดว่า หากตายขึ้นมาจะเอาไปฝังที่ใดดี คงต้องหาอาจารย์คนใหม่ให้อาชิงเสียแล้ว
แต่นางขี้เกียจเกินกว่าจะเสียเวลาไปกับไป๋จิ่น จึงหิ้วกล่องยาน้อยและเดินออกมา
เผยยวนกำลังช่วยไท่ซ่างหวงกวาดพื้นอยู่พอดี เห็นนางหิ้วกล่องยาออกมา จึงวางไม้กวาดลงพลางเอ่ยถามขึ้น “จะออกไปข้างนอกหรือ? ข้าจะไปเป็นเพื่อน”
เผยยวนมีนิสัยติดคน จี้จือฮวนเองก็ชินเสียแล้ว
“อืม”