จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – บทที่ 821-825

บทที่ 821-825

บทที่ 821 : แดนอสูรวิกฤติ (6)
ภายใต้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์
หัวใจของเหล่าผู้อาวุโสเต้นแรงขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นว่า พวกเขากำลังจะเข้าสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ รอยยิ้มแห่งความสุขพลันปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา
ทว่าในเวลานี้อาวุโสเหว่ยก็รีบคว้าตัวเด็กสาว พลางจ้องมองผู้อาวุโสแห่งแดนอสูรด้วยสายตาเย็นชา
”เจ้าแน่ใจหรือว่าราชาแห่งแดนอสูรอยู่ในภูเขาแห่งนี้ ?”
อาวุโสสี่ขมวดคิ้วต่างมองตากันด้วยประกายแสงที่ฉลาดเฉลียว “ใช่แล้ว องค์ราชาของพวกเราอยู่ที่นี่จริง ๆ เจ้าต้องการพบราชาของพวกเรามิใช่หรือ ? หากใช่ก็ตามข้ามา”
อาวุโสเหว่ยหัวเราะเบาๆ เขาหันไปมองหญิงสาวที่แลดูใจร้อนข้าง ๆ พลางเชิดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “คุณหนู ภูมิประเทศของสถานที่แห่งนี้ซับซ้อนมาก หากท่านขึ้นไปบนภูเขา ข้าเกรงว่าท่านจะเหนื่อยล้ามากเกินไป หากราชาถูกลิขิตให้มาเป็นสัตว์เลี้ยงของท่านจริง ๆ แล้ว ก็ให้เขาลงมาพบท่านเอง ไม่มีเหตุผลที่ท่านจะต้องไปพบเขาด้วยตนเองเช่นนี้”
แววตาของหญิงสาวพลันสว่างไสวขึ้นใบหน้าที่ไร้ความสุขของนางพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
”ก็สมเหตุสมผลดีราชาของเจ้าอยู่ที่ใด ? ให้เขาลงมาพบข้า !”
นางสะบัดแขนเสื้อพลางนั่งลงบนตอไม้ จากนั้นก็มองไปที่ผู้อาวุโสทั้งหลาย
ใบหน้าของผู้อาวุโสทุกคนเปลี่ยนไปชั่วพริบตาอีกไม่กี่ก้าวเท่านั้น หากเขาหลอกล่อคนเหล่านี้เข้าสู่เขตภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ ด้วยความแข็งแกร่งของ วิหคอัคคี นางย่อมสามารถสังหารคนเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน !
”ข้ารู้แล้ว… ราชาของเจ้าไม่ได้อยู่ในแดนอสูรนี้หรอก ใช่หรือไม่ ?” อาวุโสเหว่ยยิ้มเยาะพร้อมแสดงสีหน้าเย้ยหยัน
หญิงสาวตัวแข็งไปชั่วครู่หนึ่งนางเห็นรอยยิ้มของอาวุโสเหว่ย ก่อนจะหันไปมองผู้อาวุโสสี่แห่งแดนอสูร ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “ตาแก่พวกนี้กล้าโกหกข้า พวกเจ้าจับตาเฒ่าพวกนั้นมาให้ข้าที ข้าจะดูสิว่าราชาอสูรของพวกเขาจะมาช่วยพวกเขาหรือไม่ !”
*****
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองณ บริเวณชายแดนรอยต่อระหว่างแดนอสูร และโลกมนุษย์ ชายในอาภรณ์สีม่วงเหาะมาอย่างว่องไวราวสายลมพัด เรือนผมสีเงินของเขาโบกสะบัดเปี่ยมเสน่ห์ครองใจของผู้คนเช่นเคย
ส่วนสตรีข้างกายเขานางอยู่ในชุดสีแดงเพลิง เส้นผมยาวสลวยทิ้งสยายราวน้ำตก ใบหน้าที่งดงามของนางราวภาพวาดงดงามอัศจรรย์ใจแก่มนุษย์ทุกคน
บนหลังของมังกรทองมีเด็กน้อยอ่อนเยาว์น่าเอ็นดูสองคนยืนอยู่ช่างงดงามราวเทพบุตรและเทพธิดาน้อย ๆ ทั้งสองต่างมีผิวสีชมพูเปล่งปลั่ง น่ารัก บริสุทธิ์ และไร้เดียงสา
”หยานเอ๋อเราจะถึงแล้ว” ตี้คังเห็นศพที่นอนระเกะระกะบนพื้นบริเวณชายแดนของแดนอสูร นัยน์ตาเรียวคมเครียดเคร่งขึ้นเล็กน้อย มีประกายแสงเย็นยะเยือกส่องผ่านดวงตาของเขาอย่างเงียบ ๆ “ข้าจากแดนอสูรไปเพียงไม่นาน ผู้ใดกล้าบุกรุกแดนอสูรของข้า !”
ไป๋หยานขมวดคิ้ว”แล้วราชครูล่ะ ?”
ปกติราชครูจะรู้ทุกเรื่องก่อนพวกเขาเสมอ
ตามรายงานหญิงผู้นั้นต้องการมาที่อาณาจักรอสูรเพื่อจับสัตว์อสูร เช่นนั้นนางจึงสังหารสัตว์อสูรมากมายในอาณาจักรนี้ กระทั่งสัตว์อสูรที่มีความสามารถเหล่านั้นต้องลี้ภัยออกจากอาณาจักรสัตว์อสูรเพื่อไม่ให้ถูกจับ
นัยน์ตาของตี้คังหรี่ลง”เพราะยอดฝีมือตัวจริงของแดนอสูรต่างก็ออกไปฝึกฝนกันหมด ไม่หลงเหลืออยู่ในสถานที่แห่งนี้เลย ที่นี่มีเพียงราชครูและผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่สามารถรับมือเรื่องเหล่านี้ได้”
วิหคอัคคีไม่สามารถออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นนั้นเขาจึงไม่ได้นับรวม
เนื่องจากแดนอสูรมีผนึกขวางกั้นจึงไม่สามารถสื่อสารกับโลกภายนอกได้ ที่นี่จึงไม่มีอันตรายใด ๆ มากล้ำกราย เนื่องจากแยกขาดจากโลก ก่อนหน้านี้เขาจึงอยากจะส่งมอบอาณาจักรนี้เป็นของหมั้นให้กับไป๋หยานแทนอย่างอื่น
ส่วนพวกยอดฝีมือคนอื่นๆ เมื่อฝึกฝนถึงขีดจำกัด พวกเขาจะถูกส่งไปที่อาณาจักรลับเพื่อฝีกฝนต่อ เช่นนั้น ในแดนอสูรนี้ นอกจากผู้อาวุโสใหญ่แล้ว บรรดาผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็เป็นเพียงผู้ติดตามเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อราชครูไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย !
”ป๊ะป๋าวายร้าย”จู่ ๆ นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินก็สว่างไสวขึ้น “เฉินเอ๋อก็จะไปยังอาณาจักรลับเพื่อฝึกฝน เฉินเอ๋อจะพัฒนาความแข็งแกร่งเพื่อปกป้องหม่ามี้”
***จบบทแดนอสูรวิกฤติ (6)***

บทที่ 822 : เขาคือราชาแห่งแดนอสูร (1)
”ดีมาก”
ตี้คังยกมือขึ้นวางลงบนศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉิน
เดิมทีที่เขาไม่ส่งบุตรชายไปยังอาณาเขตลับก็เป็นเพราะเขากลัวพลังอสูรในตัวของไป๋เสี่ยวเฉิน ทว่าตอนนี้เขาควบคุมพลังในร่างของเด็กน้อยไว้ได้แล้ว คงจะไม่มีปัญหาอะไรนัก
*****
ภายใต้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์
กลุ่มองครักษ์โอบล้อมเหล่าผู้อาวุโสไว้ทันใดนั้นเองบรรยากาศก็พลันอึมครึม
”ฮ่าฮ่าฮ่า!” ผู้อาวุโสสี่หัวเราะร่า เสียงหัวเราะของนางช่างห้าวหาญ นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยรังสีโหดเหี้ยม “ใช่แล้ว องค์ราชาของเราไม่ได้อยู่ในแดนอสูรจริง ๆ แหละก็แล้วไงล่ะ ? ตอนนี้พวกเจ้าก็มาถึงตีนเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ขอเพียงเราเข้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ เจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ หากไม่เชื่อพวกเจ้าก็ลองดู”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถหลอกล่อคนเหล่านี้เข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ทว่าตราบใดที่พวกเขาเดินเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์คนพวกนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้อยู่ดี
หากคนเหล่านี้บุกเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ท่านวิหคอัคคีก็สามารถจัดการพวกมันได้ !
ดวงตาของอาวุโสเหว่ยเคร่งขรึมลงเขามองภูเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังเหล่าผู้อาวุโสแดนอสูรอย่างอึดอัดใจเล็กน้อย
”ถอนกำลัง!”
ครั้นเห็นว่าคนเหล่านั้นไม่ได้กล่าวคำใดผู้อาวุโสสี่ก็หรี่ตา นางอาศัยประโยชน์จากช่วงเวลานี้โบกมือให้พวกองครักษ์ที่อยู่ด้านหลังเดินเลี่ยงผ่านคนกลุ่มนั้น และวิ่งไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
อยู่บนเขาไยต้องกลัวจะไม่มีฟืนสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการรักษาชีวิตไว้
ในขณะที่ผู้อาวุโสหลายคนกำลังรีบเร่งไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะหันศีรษะไปมองข้างหลัง
แล้วพวกเขาก็เห็นสิ่งที่ทำให้ใจตื่นตระหนกหวาดกลัว
แม่เฒ่าหวง…ไม่รู้ว่านางโผล่มาจากที่ใดทว่านางถูกชายชราข้างกายหญิงสาวคนนั้นจับตัวไว้ได้ มือของชายชราบีบคอของนางแน่น ใบหน้าของเขาช่างโฉดชั่ว
”ข้าได้ยินมาว่าสัตว์อสูรรักใคร่กลมเกลียวกันมาก พวกเจ้ากล้าปล่อยยายเฒ่านี่แล้วหนีเอาตัวรอดกระนั้นหรือ ?”
”ท่านแม่!”
หวงฉีรู้สึกหงุดหงิดทันทีที่เห็นหญิงชราถูกจับ ร่องรอยแห่งความเศร้าซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเขา
หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เขาจะกักตัวหญิงชราไว้ที่บ้าน จะเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้นางต้องเผชิญกับอันตรายเช่นนี้
ฝีเท้าของเหล่าผู้อาวุโสแดนอสูรถูกบังคับให้หยุดชะงักพวกเขาจ้องมองชายชราผู้ซึ่งกุมคอแม่เฒ่าหวง แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาสีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเศร้าสลด
”เจ้าทำได้เพียงข่มขู่หญิงแก่ๆ คนหนึ่งกระนั้นรึ ? ปล่อยนางเดี๋ยวนี้นะ!”
เหล่าผู้อาวุโสพูดใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ พวกเขากัดฟัน ขณะจ้องมองอาวุโสเหว่ย
อาวุโสเหว่ยกล่าวเยาะขึ้นว่า”เจ้าคิดว่าข้าโง่ให้พวกเจ้าล่อหลอกมายังภูเขาแห่งนี้ง่าย ๆ กระนั้นหรือ ? นับตั้งแต่วินาทีที่ข้าก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ข้าก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ หากข้าเข้าไปในภูเขานี้ ข้าคงจะตกหลุมพรางของพวกเจ้า แต่เสียใจนะที่ทำให้พวกเจ้าต้องผิดหวัง !”
สีหน้าของผู้อาวุโสสี่และคนอื่นๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่คาดคิดเลยว่าสัญชาตญานระแวงภัยของอาวุโสเหว่ยจะแข็งแกร่งมาก
เพียงเข้ามาสัมผัสภูเขาศักดิ์สิทธิ์เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงอันตราย…
”เจ้า…ปล่อยท่านแม่ข้านะ!” หวงฉีรีบเข้าไปหาอาวุโสเหว่ยด้วยความกราดเกรี้ยว
ก่อนที่เขาจะทันเข้าถึงอาวุโสเหว่ยเขาก็เห็นอาวุโสเหว่ยโบกแขนเสื้อของ ตนขึ้น จากนั้นพลังอันแข็งแกร่งก็พุ่งเข้าชนร่างของหวงฉี กระทั่งร่างของหวงฉีถอยกลับไปสองสามก้าว เลือดกระอักออกมาเต็มปากเขา ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขาจ้องมองชายชราด้วยสายตาดุดัน
”ข้าบอกให้เจ้าปล่อยท่านแม่ของข้า!!!”
เมื่อเทียบกับความหวาดกลัวและความแค้นของหวงฉีแล้ว หวงฮูหยินกลับรู้สึกสงบกว่าอย่างเห็นได้ชัด นางอาบน้ำร้อนมาก่อน นางจะมัวกลัวความตายกระนั้นหรือ ?
เช่นนั้นการแสดงออกของนางจึงสงบและไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ
”เห็นยายแก่อย่างข้าเป็นคนรักตัวกลัวตายกระนั้นรึ? คิดจะข่มขู่ข้า เจ้าคิดผิดแล้ว ! ลูกชายเจ้าไปก่อนเถอะ อย่าให้หลานของข้าต้องกลายเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร
***จบบทเขาคือราชาแห่งแดนอสูร (1)***

บทที่ 823 : เขาคือราชาแห่งแดนอสูร (2)
แม่เฒ่าหวงไม่เสียใจเลยที่ติดตามมาที่นี่! คนเหล่านี้สร้างปัญหาให้กับแดนอสูร นางไม่อาจวางเฉยอยู่ได้ นางอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้มาหลายปีย่อมจะจงรักภักดีกับแดนอสูร
”ท่านแม่!” หวงฉีน้ำตาพรั่งพรู น้ำตาแห่งความเจ็บปวดร่วงหล่นจากดวงตาของเขา
เขาเชื่อฟังมารดาของเขามาตลอดชีวิตทว่าครานี้เขาจะไม่ยอมเชื่อฟังนาง
”ข้าบอกให้เจ้าไปไง!” แม่เฒ่าหวงโกรธ
เส้นผมที่ขมับของนางเปลี่ยนเป็นสีขาวขึ้นแล้วนับตั้งแต่หวงเสี่ยวหยิงจากไปใบหน้าที่เคยได้รับการดูแลอย่างดีนั้นพลันแก่และเสื่อมโทรม ทว่าในเวลานี้ใบหน้าชราภาพกลับเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ปรากฏแววโมโหในดวงตาของนาง
หวงฉีกัดริมฝีปากของตนเขายืนนิ่งเงียบจ้องมองอาวุโสเหว่ย และคนอื่น ๆ ด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความเกลียดชัง
”คิดจะหนีงั้นหรือ? ข้าเกรงว่าแม้เขาอยากจะไปก็อาจจะไปไม่ได้ ?” อาวุโสเหว่ยหัวเราะเยาะ พลางเงยหน้าขึ้นมองเหล่าผู้อาวุโสแห่งอาณาจักรอสูร “เจ้าลองตัดสินใจดู จะลงจากภูเขานี้ หรือดูข้าสังหารหญิงชราคนนี้แทน ?
ผู้อาวุโสหยุดพวกเขายืนอยู่บนยอดเขา พลางมองหวงฉีผู้ซึ่งกำลังหวาดกลัว และแม่เฒ่าหวงที่ดื้อรั้น
“อาวุโสเหว่ย”เด็กสาวขมวดคิ้วอย่างขัดใจ “เรามัวเสียเวลาทำเรื่องไร้สาระกับคนพวกนี้ทำไม ? แค่ขึ้นเขาไป ข้าไม่เชื่อว่าจะมีอันตรายใด ๆ บนภูเขาลูกเล็ก ๆ นี้หรอก”
หลังจากกล่าวจบนางก็เริ่มเดินเข้าไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่มีรัศมีสีขาว
ทว่า…
ทันทีที่หญิงสาวก้าวเท้าออกไปอาวุโสเหว่ยก็คว้าตัวนางไว้
เขายิ้มอย่างขมขื่นพลางพยายามโน้มน้าวใจนางอย่างอดทนว่า “คุณหนู ความรู้สึกข้าไม่ผิดแน่ น่าจะมีกับดักบางอย่างบนภูเขาลูกนี้ เราเองก็ไม่ได้นำยอดฝีมือ หรือเตรียมการใด ๆ มา กรณีนี้ รออยู่ที่นี่น่าจะเป็นการดีกว่า”
ผู้อาวุโสสี่ไม่อาจทำใจทนดูแม่เฒ่าหวงถูกคนกลุ่มนี้สังหารต่อหน้าต่อตานางไม่อาจทนเห็นเรื่องนี้ได้
หาก… หากไม่ใช่เพราะวิหคอัคคีชอบความสงบเงียบ ทั้งไม่ต้องการถูกรบกวน นางคงจะพาทุกคนในแดนอสูรมาอาศัยบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้นานแล้ว
ก่อนหน้านี้นางยังกังวลว่า วิหคอัคคีจะหงุดหงิดที่กล้าปล่อยให้คนอื่น ๆ ขึ้นไปบนภูเขา …
“ครานี้ดูเหมือนว่าพวกเราจะจนแต้มแล้วจริง ๆ ”
ผู้อาวุโสสี่ยิ้มอย่างขมขื่นนางตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ก่อนจะเดินลงจากภูเขา
”หัวหน้าเผ่าหวงข้าเคยติดค้างบุญคุณท่าน และในครั้งนี้ ข้าจะทดแทนให้ท่าน”
ยามที่ดวงตามุ่งมั่นของนางมองไปที่หวงฉีอีกครั้งรอยยิ้มที่สิ้นหวังพลันปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง แม้แต่การแสดงออกของนางก็แลดูหดหู่ลง
ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสสี่จะถูกจัดอันดับว่าอยู่อันดับสี่ในกลุ่มผู้อาวุโสทั้งนางยังเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด ทว่าด้วยความสามารถที่โดดเด่นของนาง ทำให้นางได้รับเลือกเข้าสู่กลุ่มผู้อาวุโส และได้อันดับที่สี่ตามความแข็งแกร่งของตน
ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสสี่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วหวงฉีบังเอิญไปพบนางเข้า เขาจึงช่วยชีวิตนางไว้
บุญคุณในครั้งนั้นนางยังจดจำใส่ใจอยู่เสมอ !
ครั้นแม่เฒ่าหวงเห็นว่าผู้อาวุโสสี่กำลังจะเดินลงมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์นางก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ข้าไม่ต้องการใคร ! พวกเจ้าไปซะไว ๆ ! คนแก่อย่างข้าอยู่ไปก็ไร้ค่า ! พวกเจ้าไปซะ !”
ผู้อาวุโสสี่ไม่ลังเลใดๆ นางลงมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทันที
ครานี้แม่เฒ่าหวงตื่นตระหนกหัวใจของนางเต็มไปด้วยความสำนึกผิด ที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงกังวลกันไปหมด
นางไม่กลัวความตายทั้งไม่เสียใจกับการตัดสินใจใด ๆ ในครั้งนี้ หากแต่ … เมื่อนางคิดว่าพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัวของนางได้ลากคนอื่นลงมาลำบากไปด้วย สีหน้าของนางก็ซีดขาว นางมองผู้อาวุโสสี่ด้วยความตื่นตระหนก
”ฮ่าๆ ๆ ๆ !”
อาวุโสเหว่ยเองก็ไม่ใช่คนไร้จิตใจเช่นนั้นเขาจึงผลักแม่เฒ่าหวงออกไป จากนั้นร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นสายฟ้า พุ่งไปอยู่ข้างหลังอาวุโสสี่ในทันที
***จบบทเขาคือราชาแห่งแดนอสูร (2)***

บทที่ 824 : เขาคือราชาแห่งแดนอสูร (3)
สายลมอันดุดันพุ่งจากฝ่ามือของเขาเร็วแรงกว่าสายฟ้าผ่า รัศมีอันทรงพลังแผ่กระจายไปทั่วเขา ทำให้ร่างของผู้อาวุโสสี่แข็งทื่อ
กล่าวได้ว่าเพราะร่างของนางยังคงแข็งค้าง ทำให้สายเกินกว่าที่ผู้อาวุโสสี่จะต่อต้านใด ๆ ครั้นนางยกแขนขึ้นต่อต้าน ฝ่ามือของอาวุโสเหว่ยก็ตกลงมาปะทะหน้าอกของนางแล้วพร้อมเสียงดังสนั่น
ผู้อาวุโสสี่ถอยหลังกลับไปสองก้าวหยดเลือดหลั่งรินลงมาจากริมฝีปากของนาง
รอยยิ้มเศร้าๆ ปรากฏบนริมฝีปากของนาง “ยอดฝีมือของแดนสวรรค์ทำได้แค่นี้เองหรือ ? ข้าคิดว่าฝ่ามือของเจ้าจะสังหารข้าไปแล้วเสียอีก !”
”บังอาจ!” อาวุโสเหว่ยโกรธ การโจมตีดุเดือดราวพายุเกิดขึ้นอีกครั้ง
เนื่องจากผู้อาวุโสสี่เตรียมรับอยู่ก่อนแล้วในครั้งนี้นางจึงไม่โดนทำร้ายอีก แต่ครั้นเวลาผ่านไปนานพอควร นางก็ล้มลง
”บูม!”
ผู้อาวุโสสี่รับมือไม่ทันหน้าอกของนางถูกกระแทกอย่างแรงอีกครั้ง ร่างของนางซวนเซ ใบหน้าซีดจางลงเมื่อเทียบกับท้องฟ้าสีเลือดก็ยิ่งขับเน้นให้ซีดขาว
”พี่สี่”
ทันใดนั้นก็มีมือยื่นออกมาจากด้านข้างรับร่างของนาง
อาวุโสสี่ตัวแข็งทื่อเล็กน้อยนางหันหน้าไปมองใบหน้าที่คุ้นเคยริมฝีปากของนางสั่นเทา “เจ้าห้า … เหตุใดเจ้าถึงได้กลับลงมา ?”
ครั้นนางกล่าวจบลงผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็มายืนเคียงข้างนาง ยืนมองพรรคพวกพลางน้ำตาร่วงริน
”พวกท่าน…”
”น้องสี่พวกเรารวมใจกันเป็นหนึ่ง ผู้อาวุโสใหญ่ไม่อยู่ที่นี่ ส่วนอาวุโสรองก็ยังต้องโทษ เช่นนั้นก็ต้องนับข้าเป็นหัวหน้ากลุ่มผู้อาวุโสนี้ !” ผู้อาวุโสสามขมวดคิ้ว พลางกล่าวอย่างเยือกเย็น “มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิ หากไปไม่ได้ ก็ตายพร้อมกัน !”
ผู้อาวุโสสี่ยิ้มรอยยิ้มของนางสว่างไสวงดงามยิ่งกว่าดวงอาทิตย์
”ดีมาด้วยกันก็ตายด้วยกัน !”
*****
ข้างหลังพวกเขาหญิงสาวในชุดสีชมพูมองผู้ชราเหล่านี้ด้วยความประหลาดใจ นางใช้นิ้วลูบคาง นัยน์ตาของนางเปล่งประกายแสงวาบวับ “จริง ๆ ด้วย พวกสัตว์อสูรนี่น่ารักกว่ามนุษย์เยอะเลย หากข้าสามารถสร้างพันธะสัญญากับราชาแห่งแดนอสูรได้ ต่อไปในภายหน้าแดนอสูรนี้ก็จะคอยช่วยเหลืองานข้า ! แต่หลังจากที่ข้ามาถึงแดนอสูร ข้าได้ยินมาเรื่องหนึ่งว่าราชินีแห่งแดนอสูรนี่ก็เป็นมนุษย์มิใช่หรือ ?”
อาวุโสอีกคนหนึ่งพยักหน้าอย่างใจเย็น”ใช่ นางเป็นมนุษย์”
“น่าเสียดายหากนางเป็นมนุษย์ นางก็ไม่อาจเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าได้” หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ “อย่างไรก็ตาม ข้าไม่ชอบให้ผู้ใดมาทำให้ของ ๆ ข้ามีมลทิน แม้แต่สัตว์เลี้ยง ! รอให้ข้าปราบราชาแดนอสูรได้แล้ว ก็ค่อยให้เขาสังหารนางซะ”
เป็นที่ทราบกันดีว่าสัตว์อสูรปกป้องเจ้านายเสมอหากนางกลายเป็นเจ้านายของราชาอสูร มีหรือที่เขาจะไม่เชื่อฟังคำสั่งของนาง
เมื่อนั้นนางก็จะบอกให้เขาสังหารภรรยาของตนซะจากนั้นนางจะหาสัตว์อสูรมาเป็นภรรยาของเขาแทน
”คุณหนูราชาแห่งแดนอสูร และหญิงมนุษย์ผู้นั้นดูเหมือนจะมีลูกด้วย…” อาวุโสขมวดคิ้วพลางกล่าว
”ลูกงั้นรึ?” หญิงสาวหัวเราะเยาะ “หากเด็กนั่นมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมก็ไว้ชีวิตเขา แต่หากไม่ ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ น่าเสียดายที่เลือดของราชาแห่งแดนอสูรต้องมาแปดเปื้อนกับมนุษย์ เด็กที่เกิดมาย่อมไม่ต่างจากขยะใช่หรือไม่ ?”
แม้ว่าด้วยฐานะของนางจะทำให้นางดูถูกสัตว์อสูร แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันว่า ในฐานะราชาแห่งแดนอสูร เขาจะต้องมีสายเลือดที่แข็งแกร่งมาก แต่สายเลือดที่แข็งแกร่งชนิดนี้กลับต้องเสียไปโดยเลือดมนุษย์ !
เด็กลูกครึ่งอสูรครึ่งมนุษย์สายเลือดที่แตกต่างกันจนเกินจินตนาการได้เช่นนี้ ทำให้นางเสียใจมาก
บทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองนั้นผู้อาวุโสที่กำลังต่อสู้ไม่ได้ยินแม้แต่น้อย พวกเขากำลังรับมือกับอาวุโสเหว่ยอยู่
***จบบทเขาคือราชาแห่งแดนอสูร (3)***

บทที่ 825 : เขาคือราชาแห่งแดนอสูร (4)
และเนื่องจากกำลังรับมือกับผู้อาวุโสเหล่านั้นอาวุโสเหว่ยเองก็ละความสนใจพวกของเขาไปชั่วขณะ
ครั้นเห็นเช่นนี้เด็กสาวพลันขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นนางก็เหลือบไปมองผู้อาวุโสคนอื่นที่อยู่ข้างกาย
เหล่าผู้อาวุโสต่างก็เข้าใจว่านางหมายถึงอะไรพวกเขาดึงอาวุธออกมาทันที และรีบพุ่งเข้าหาพวกผู้อาวุโสแห่งแดนอสูรอย่างรวดเร็ว
”เจ้าแปดระวังตัวด้วย !” ครั้นผู้อาวุโสสี่เห็นอาวุโสคนหนึ่งวิ่งเข้าหาผู้อาวุโสแปด นางก็มองด้วยความตื่นตกใจ ก่อนจะผลักผู้อาวุโสแปดออกไป
เนื่องจากพลังของนางหมดไปแล้วนางจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีที่พุ่งเข้ามาหาได้ เช่นนั้นนางจึงทำได้เพียงมองคมกระบี่แทงทะลุหน้าอกเข้ามาเท่านั้น
เลือดไหลพุ่งออกมาไม่ต่างกับน้ำพุสาดกระเซ็นลงบนพื้นดิน ย้อมให้ทุกสิ่งในดวงตาของทุกคนเป็นสีแดงฉาน …
อาวุโสสามวิ่งเข้าหาอาวุโสสี่อย่างบ้าคลั่งแรงกดดันทั้งหมดของเขามารวมตัวกันในฝ่ามือ ก่อนจะพุ่งออกไปอย่างแรงราวกับคนเสียสติ พร้อมเสียงดังปัง เหล่าผู้อาวุโสอีกฝ่ายต่างก็ต้องถอยร่นไปสองสามก้าว ภายใต้การโจมตีของผู้อาวุโสสาม
”น้องสี่”
ในขณะที่ผู้อาวุโสสี่กำลังจะล้มลงผู้อาวุโสสามก็กอดร่างของนางไว้ เสื้อคลุมของนางเปื้อนเลือดสีแดง ยามนี้นางเสียเลือดมากเกินไป กระทั่งสีหน้าซีดขาวราวหิมะ
“แค่ก!” ผู้อาวุโสสี่ไอ รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของนาง “ข้าสบายดีไม่เป็นไร พวกท่าน … ท่านควรพาแม่เฒ่าหวงขึ้นไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์”
ผู้อาวุโสสามมองบรรดาเหล่าผู้อาวุโสอีกฝ่ายที่ยืนขวางทางขึ้นภูเขาศักดิ์สิทธิ์เขายิ้มให้กับพรรคพวกของตน “ข้าเกรงว่า ยามนี้คงจะสายเกินไปแล้วที่จะขึ้นเขาศักดิ์สิทธิ์ …
”นี่!”
เด็กสาวเดินผ่านฝูงชนมาจากด้านหลังนางเท้าสะโพก พร้อมกับเชิดคางอย่างภาคภูมิใจ เผยให้เห็นลำคอขาวราวหิมะ
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าไปนำราชาแห่งแดนอสูรกลับมาข้าจะให้เจ้ามาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า ข้าจะไม่ทำร้ายชีวิตของเจ้า”
”ถุย”
ผู้อาวุโสแปดนัยน์ตาแดงก่ำขณะถ่มน้ำลายใส่เด็กสาว “เจ้าฝันไปเถอะ ราชาอสูรของเราจะไม่มีทางเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้า ! เจ้าเลิกคิดได้เลย !”
”เจ้าไม่ใช่เขาเจ้าไม่สามารถตัดสินใจแทนเขาได้ นอกจากนี้ เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ต้องการเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ?” หญิงสาวยิ้มเยาะ “ราชาแห่งแดนอสูรอาจจะฟังดูดีมีเกียรติแต่ก็เพียงได้ชื่อว่าเป็นราชาของเผ่า ๆ หนึ่งเท่านั้น ท้ายที่สุดก็เป็นเพียงแค่สัตว์อสูร ข้ามีฐานะสูงส่งกว่ามาก เขามาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าย่อมไม่เสียเกียรติ”
ครั้นเหอฉูฉู่กล่าวจบในอากาศว่างเปล่าพลันปรากฏเสียงอึกทึกครึกโครม เสียงของนางพลันถูกกลบสิ้น ท้องฟ้าทั้งเวิ้งฟ้าแลดูมืดมน
”เจ้าต้องการให้ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้างั้นหรือ?”
เสียงของชายหนุ่มนั้นทุ้มต่ำเย็นยะเยือกฟังดูแหบห้าว ทว่ากลับดึงดูดใจ
เหอฉูฉู่หันศีรษะของนางไปมองด้วยความประหลาดใจครั้นเห็นร่างในอาภรณ์สีม่วงยืนอยู่ในอากาศว่างเปล่า นางถึงกับตื่นตะลึง
นางรู้ว่าสัตว์อสูรนั้นล้วนมีรูปลักษณ์เป็นชายหญิงที่สวยงามหากแต่นางไม่คาดคิดว่าราชาแห่งแดนอสูรจะหล่อเหลาถึงเพียงนี้
แค่ใบหน้าของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกสิ่งในโลกหมดสีสันราวกับว่าทั้งโลกมีเพียงเขาเท่านั้นที่เปล่งประกายดึงดูดที่สุด
ทว่าน่าเสียดายที่คนรูปงามเช่นนี้จะเป็นเพียงสัตว์อสูร!
เหอฉูฉู่จ้องมองตี้คังด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังก่อนที่จะหันไปมองหญิงสาวงดงามข้างกายตี้คัง
สตรีที่แต่งกายด้วยชุดสีแดงโดดเด่นที่ยืนเคียงข้างตี้คังรูปร่างหน้าตาของนางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย
ไม่จำเป็นต้องคิดมากหญิงผู้นี้ต้องเป็นราชินีแห่งแดนอสูรเป็นแน่…
”หม่ามี้”ไป๋เสี่ยวเฉินลุกขึ้นยืนบนหลังมังกรทอง เขายื่นมือเล็ก ๆ ของตนออกไปจับมือของไป๋หยาน นัยน์ตาของเขาช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา “เหตุใดนางถึงอยากให้ป๊ะป๋าไปเป็นสัตว์เลี้ยงของนางล่ะ ? เฉินเอ๋อกังวลว่าเมื่อป๊ะป๋าเห็นหน้านาง แล้ว…จะป่วยจนกินอะไรไม่ลงมากกว่า”
***จบบทเขาคือราชาแห่งแดนอสูร (4)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท