บทที่ 160 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เหล่าชาวบ้านที่มุงดูอยู่ก็พลันได้สติขึ้นมาเช่นกัน คุณหนูบุตรีภรรยาเอกของจวนจี้กั๋วกง ว่ากันว่าเป็นกาลกิณีที่อัปลักษณ์ไร้ที่เปรียบ เกิดมาก็ดวงชงทำให้แม่ตัวเองตาย หลายปีมานี้จึงถูกคนในจวนจี้กั๋วกงรังเกียจและทอดทิ้งมาโดยตลอด
สวรรค์ แม่นางที่งดงามเช่นนี้ ทั้งยังมีฝีมือการแพทย์ที่ทำให้คนใกล้ตายฟื้นขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ได้ กลับบอกว่านางเป็นคนอัปลักษณ์! บอกว่านางอัปมงคลอย่างนั้นหรือ? คนของจวนจี้กั๋วกงเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร
“โอ๊ย ถ้านี่เป็นเรื่องจริง จวนจี้กั๋วกงนั่นก็เหมือนกับข่าวลือที่เขาว่ากันน่ะสิ ที่บอกว่าจี้กั๋วกงลุ่มหลงอนุจนหลงลืมภรรยาเอก”
“บุตรีของภรรยาเอกถูกคนย่ำยีเช่นนี้ แต่กลับเห็นลูกที่เกิดจากหญิงสารเลวเป็นเหมือนสมบัติ ข้าว่าองค์ชายรองที่ชมชอบจี้หมิงซูผู้นี้ก็เป็นพวกตาถั่วเหมือนกันสินะ”
นี่นับว่าสุภาพมากแล้ว ความจริงแล้วทุกคนล้วนเข้าใจความหมายนั้นดี เพียงแต่องค์ชายรองเป็นคนของราชวงศ์ คำพูดเหล่านั้นหากพูดออกมาจะดูหยาบคายเกินไป
ทว่าการเคลื่อนไหวของมือจี้จือฮวนกลับยังไม่หยุด นางฟาดทั้งเร็วและแม่นยำ มีพลังอย่างมาก
คนรับใช้ที่ชั่วร้ายของจวนจี้กั๋วกงเหล่านี้ทำอะไรกับเจ้าของร่างเดิมบ้าง วันนี้นางจะให้พวกเขาชดใช้ทั้งหมด
เพียะ!
เสียงแส้ดังขึ้นในอากาศ และมีอีกคนที่ถูกจี้จือฮวนฟาดที่หัวเข่า จนต้องคุกเข่าลงโดยไม่มีอะไรรองรับทำให้สะบ้าหัวเข่าส่งเสียงดัง กร๊อบ ถึงขนาดทำให้คนที่มุงดูอยู่ต่างก็พากันตกอกตกใจ เกรงว่ากระดูกคงจะหักแล้วกระมัง
“ฟาดได้ดี” พ่อบ้านจูรู้สึกว่าความโมโหภายในใจในที่สุดก็ผ่อนคลายลง เมื่อเห็นชาวบ้านมีสีหน้าทนไม่ไหว พ่อบ้านจูก็กระแอมขึ้นมา “สมัยนี้คนที่ขายตัวเป็นทาสไม่รู้จักฐานะของตัวเอง แต่กลับคิดว่าตัวเองเป็นนาย จวนจี้กั๋วกงเลี้ยงพวกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาอย่างพวกเจ้าเอาไว้ เพื่อให้พวกเจ้ามากำเริบเสิบสานใส่เจ้านายของตนเองอย่างนั้นหรือ? หากข่าวนี้แพร่ออกไปและมีคนเลียนแบบ เช่นนั้นใครจะยังกล้าใช้คนอีก”
ทุกคนจึงได้สติขึ้นมา ใช่แล้ว เมื่อครู่ท่านหมอเทวดาท่านนี้ไม่ได้ไปหาเรื่องพวกเขาก่อน แต่เป็นคนของจวนจี้กั๋วกงที่มายั่วยุไม่หยุด
สมน้ำหน้าจริง ๆ
คนของจวนจี้กั๋วกงเองก็คิดไม่ถึงว่าจะมีจุดจบเช่นนี้
ใครบอกพวกเขาได้บ้าง! จี้จือฮวนคนก่อนที่อัปลักษณ์และเชื่อฟัง ยอมให้คนรังแก วัน ๆ เอาแต่ทำสีหน้าหม่นหมองไปอยู่ที่ใดแล้ว?
สตรีที่งดงามราวกับเทพธิดาที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ เป็นดาวอัปมงคลมาจากที่ใดกัน วรยุทธ์เช่นนี้ กระบวนท่าเช่นนี้ การเคลื่อนไหวที่เฉียบคมและแม่นยำเช่นนี้ จะเป็นจี้จือฮวนไปได้อย่างไรกัน?!
นางต้องเป็นตัวปลอม จี้จือฮวนอัปลักษณ์เพียงนั้น ไร้ประโยชน์เพียงนั้น นางใช่จี้จือฮวนที่ใดกัน
“พวกเจ้าพูดจาเหลวไหล นางไม่ใช่คุณหนูใหญ่คนนั้นของพวกเราแน่นอน”
“ถูกต้อง!”
คนที่ไม่ยอมรับรีบเอ่ยขึ้นมา คิดที่จะเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของสตรีผู้นี้ต่อหน้าทุกคน
พ่อบ้านจูกลอกตามองบน “พวกเจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เป็นสตรีที่น่าอับอายอันดับหนึ่งของพวกเจ้าผู้นั้นต่างหาก ที่บอกว่าท่านหมอเทวดาเป็นพี่สาวของนาง”
“คุณหนูหมิงซูต้องจำผิดอย่างแน่นอน สตรีผู้นี้ไม่มีทางเป็นนางอัปลักษณ์จี้จือฮวนนั่นได้”
เพื่อให้ทุกคนเชื่อ พวกเขาถึงกับทำท่าทางบนหน้าของตัวเองด้วย
“จี้จือฮวนคนก่อน บนหน้ามีรอยสีเขียวใหญ่เพียงนี้ ทั้งยังมีรอยมีดบาดยาวเพียงนี้อีกด้วย เวลาเป็นหนองขนาดแมลงวันยังไม่กล้าเข้าใกล้นางด้วยซ้ำ ผมก็ไม่สระ น้ำก็ไม่อาบ ตัวเหม็นอย่างกับอะไรดี!”
“ใช่ จี้จือฮวนไม่ได้เป็นเช่นนี้”
จี้จือฮวนดึงแส้กลับมา ฟังพวกเขาพูดอย่างเงียบ ๆ
เมื่อพวกเขาเห็นชาวบ้านจ้องมองมาที่ตัวเองด้วยความตกตะลึง ก็ยิ่งพูดกันอย่างสนุกปากขึ้นไปอีก
“จี้จือฮวนคนนั้นซื่อบื้อราวกับคนโง่ พวกเราให้นางไปกวาดพื้น ซักเสื้อผ้า แสร้งเหยียบนิ้วของนาง นางยังไม่รู้เลยว่าพวกเราตั้งใจ!”
“ใช่ กินขนมและอาหารที่เราไม่กินแล้ว และยังบอกว่าอร่อยอีกด้วย!”
“นางเป็นบ้า ต่อหน้าไม่กล้าแข็งข้อกับพวกเรา แต่ลับหลังกลับฆ่าแมวที่แม่นมฟางเลี้ยงเอาไว้ และคิดที่จะบีบคอข้าตอนกลางดึกด้วย แต่ข้าเห็นเข้าเสียก่อนเลยตีไปยกหนึ่ง”
พวกเขาพูดกันอย่างสนุกปาก ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าที่นี่ไม่ใช่จวนจี้กั๋วกง
พวกเขาไม่ได้อยู่ต่อหน้าจี้หมิงซูคนเดียว ที่จะบอกเล่าให้จี้หมิงซูฟังอย่างมีความสุข ว่าตนเองทำอะไรจี้จือฮวนไปบ้าง
ที่นี่ไม่มีใครชมว่าพวกเขาทำได้ดี และยิ่งไม่มีใครรู้สึกว่าพวกเขาเก่งกาจอะไรเลย
ทุกคนล้วนฟังการกระทำชั่วช้าที่พวกเขาสาธยายออกมาอย่างไหลลื่นพร้อมความภาคภูมิใจด้วยความตกตะลึง
จี้หมิงซูโกรธจนตัวสั่นไปหมด เจ้าพวกโง่นี่มือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำอีก! คิดว่าที่นี่เป็นที่จวนหรืออย่างไร?
“หุบปาก! พวกเจ้าถูกตีจนเลอะเลือนแล้วหรืออย่างไร เรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ต้องพูดอีก” จี้หมิงซูตะคอกออกมา
เหล่าคนรับใช้จึงได้สติขึ้นมา ก่อนพวกเขาจะสังเกตเห็นไฟโกรธและความไม่เข้าใจในสายตาของชาวบ้านที่มามุงดู
พ่อบ้านจูหัวเราะเสียงเย็นออกมา ก่อนจะเดินไปเดินมาอยู่ที่เดิมถึงสองรอบด้วยความโมโห จากนั้นก็ถอดรองเท้าพุ่งเข้าไปหาสาวใช้ที่พูดเก่งที่สุดคนนั้น และใช้พื้นรองเท้าตบเข้าที่ใบหน้าทั้งสองข้างของสาวใช้คนนั้นจนบวมเห่อขึ้นมา
“นางคนใช้สารเลว นางคนหน้าไม่อาย! ยังมีหน้ามาป่าวประกาศที่นี่อีกอย่างนั้นหรือ! สิบกว่าปีที่ผ่านมาข้าไม่เคยรู้สึกโมโหเช่นนี้มาก่อน วันนี้หากข้าไม่ได้สั่งสอนพวกเจ้า ความโมโหของข้าคงไม่หายไปง่าย ๆ แน่!”
อย่าว่าแต่พ่อบ้านจูที่โมโหจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลย คนรับใช้ร้านยาก็โมโหมากเช่นกัน นี่มันคนแบบไหนกัน เจ้าพวกต่ำช้ายิ่งกว่าหมูหมา!
บรรดาชาวบ้านที่เมื่อครู่ยังคิดว่า หากยังไม่รู้เรื่องจริงอย่าเพิ่งตัดสินจะดีกว่า ตอนนี้กลับไม่มีอะไรจะพูดแล้วจริง ๆ
“จวนจี้กั๋วกงนั่นไม่มีคนดีเลยสักคนจริง ๆ”
“จี้กั๋วกงเป็นคนซื่อบื้อแต่ยังเป็นกั๋วกงได้อีกอย่างนั้นหรือ มิน่าเล่าไท่ซ่างหวงถึงมีพระราชโองการต่อว่าเขา! ลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองกลับให้คนเหยียบย่ำเช่นนี้ได้”
“ข้าว่าไม่ใช่เพราะจี้จือฮวนหน้าตาขี้เหร่ แต่เป็นจวนจี้กั๋วกงของพวกเจ้าที่มีแต่ภูตผีปีศาจมากกว่า”
“จี้หมิงซูที่ทำตัวสูงส่งสุดท้ายก็เป็นแค่ลูกอนุที่คิดจะปีนขึ้นไปบนหัวของลูกสาวของภรรยาเอก! น่าสงสารฮูหยินกั๋วกงที่จากไปเร็ว ลูกสาวจึงต้องมาถูกพวกเขารังแกเช่นนี้”
“หากเป็นลูกสาวของข้าล่ะก็ ข้าจะต้องฆ่าพวกเขาให้ได้”
จี้หมิงซูได้ยินคำตำหนิของชาวบ้าน ก็รีบส่ายหน้าเป็นพัลวันแล้วเอ่ยขึ้นมา “ไม่ใช่ ๆ เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเจ้าคิด”
จี้จือฮวนเอาแส้ฟาดไปที่ใบหน้าของจี้หมิงซู จากคิ้วด้านซ้ายพาดยาวไปจนถึงแก้มด้านขวา
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแล่นขึ้นมา ทำให้จี้หมิงซูเจ็บจนต้องกุมใบหน้าเอาไว้ “จี้จือฮวน! เจ้าทำให้ข้าเสียโฉม!”
จี้จือฮวนแค่นเสียงเบา ๆ “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเคยทำกับข้าหรอกหรือ ข้าแค่จะคืนให้เจ้าทีละอย่างก็เท่านั้น”
นางเอ่ยจบก็ใช้แส้ฟาดอย่างแรงอีกครั้ง จี้หมิงซูยกแขนขึ้นมาบัง จึงถูกแส้ของจี้จือฮวนฟาดเข้าที่แขนจนรู้สึกชา
พวกชาวบ้านไม่ได้รู้สึกสงสารจี้หมิงซูเลยแม้แต่น้อย แต่กลับคิดแค่ว่า สตรีที่จิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้ ลับหลังไม่รู้ว่าสามารถทำอะไรได้อีก!
เรื่องสกปรกเหล่านั้นของตระกูลใหญ่มีน้อยเสียที่ไหนกัน!
ใบหน้าของจี้หมิงซูเดิมทีก็ยังไม่หาย กลับมาถูกจี้จือฮวนใช้แส้ฟาดอีก ตอนนี้อย่าว่าแต่สาวงามเลย แม้แต่ท่านป้าข้างถนนก็ยังดูสวยกว่านางเสียอีก
จี้หมิงซูมองจี้จือฮวนที่เป็นเช่นนี้ ก็ตกใจจนไม่กล้าส่งเสียง
จี้จือฮวนเดินเข้าไปหานาง ก่อนจะโค้งตัวลงเล็กน้อย จากนั้นก็ยื่นมือไปเชยคางของจี้หมิงซูขึ้น
จี้หมิงซูกำเริบเสิบสานต่อหน้าจี้จือฮวนจนชินเสียแล้ว ตั้งแต่เด็กนางอยากจะทำเช่นไร จี้จือฮวนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรีภรรยาเอกก็ทำได้เพียงมองตาปริบ ๆ เท่านั้น ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง แต่ตอนนี้กลับกล้าปรายตามองนางเช่นนี้ จี้หมิงซูจะรับได้อย่างไรกัน?
“ท่านจะทำอะไร พี่หญิง ข้ารู้ว่าเมื่อก่อนท่านอิจฉาข้า ตอนนี้ท่านจะทำอะไร หากสามารถทำให้ท่านมีความสุขขึ้นได้บ้าง ข้าจะยอมรับมันเจ้าค่ะ”
จี้จือฮวนได้ยินดังนั้นสีหน้ากลับไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นพ่อบ้านจูที่หันมาด่านางแทน “ปกติยามเจ้าอยู่บ้านไม่ส่องกระจกหรืออย่างไร? ท่านหมอเทวดาต่อให้กลายเป็นเถ้าธุลีก็ยังสวยกว่าเจ้าที่แต่งหน้าหนาเตอะด้วยซ้ำ! นางอิจฉาเจ้าเนี่ยนะ? อิจฉาอะไรเจ้า? อิจฉาที่เจ้าหน้าหนา! ไร้ยางอาย ใจดำอำมหิต เสแสร้งเป็นคนดีได้เก่งอย่างนั้นหรือ? นี่ ทุกคนดูสิ เคยเห็นคนหน้าไม่อายเช่นนี้หรือไม่”
จี้หมิงซูไม่เคยถูกคนเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อน น้ำตาจึงไหลลงมาทันที
จี้จือฮวนตบที่ใบหน้าของนางเบา ๆ พลางเอ่ยด้วยเสียงราวกับกระซิบที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น “ตอนนั้นเจ้าตั้งใจใช้มีดกรีดใบหน้าข้า แล้วยังให้แม่นมฟางทายาที่ทำให้แผลเน่าเปื่อยให้กับข้าด้วย ฉะนั้นใบหน้าของเจ้าชาตินี้ก็อย่าหวังว่าจะหายกลับมาเป็นปกติอีกเลย”