บทที่ 162 คนทั้งเมืองร่วมเป็นพยาน หย่าภรรยาแทนท่านพ่อ
เซี่ยอวินเท้ามือทั้งสองข้างบนพื้นและถอยหลังไปสองก้าว ความกลัวที่มีต่อเผยยวนตั้งแต่เด็ก ทำให้เมื่อเห็นตัวจริงของอีกฝ่ายจึงตัวสั่นขึ้นมาด้วยความกลัวตามสัญชาตญาณ
“เจ้า…เจ้า…” เซี่ยอวินแม้แต่ลิ้นก็พลันแข็งไปด้วย
ร่างสูงโปร่งของเผยยวนยืนอยู่ตรงหน้าเขา ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินไม่ใช่ความฝัน
คนที่สวมเสื้อคลุมสีดำ คิ้วและดวงตาเหมือนกับเมื่อก่อน แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ทำให้เขารู้สึกเกลียดได้ คน ๆ นั้นก็คือ เผยยวน!
ขาเรียวยาวของเขาก้าวออกมาหนึ่งก้าว ก็ทำให้เซี่ยอวินหวาดกลัวไปหนึ่งส่วน เมื่อมองไปที่รองเท้าสีดำที่เข้ากันกับชุดสีดำ ท่าทางย่ามใจและดูสบาย ๆ นั้น ราวกับว่าสามารถทำให้เขายอมสยบอยู่ในกำมือได้ ไม่จำเป็นต้องออกแรงใด ๆ เลย
ความเป็นจริงก็เป็นดังที่เซี่ยอวินคิด เผยยวนโน้มตัวลงไปบีบคอของเซี่ยอวิน หิ้วเซี่ยอวินที่มีร่างกายสูงใหญ่ขึ้นมา มีเพียงเซี่ยอวินที่เห็นถึงความรังเกียจและแฝงความเหยียดหยามบนใบหน้าของเผยยวน
“เมื่อครู่เจ้าใช้มือสกปรกข้างใดหมายจะสังหารนาง?”
ดวงตาที่คมกล้าของเผยยวนมองไล่ไปตามแขนทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทาของเซี่ยอวิน และเลื่อนลงไปที่ข้อมือของเขา ก่อนเผยยวนจะเอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ “ช่างเถอะ ตัดออกทั้งสองข้างเลยก็แล้วกัน”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเผยยวน เซี่ยอวินก็เบิกตาโพลง ร่างทั้งร่างถูกเผยยวนโยนขึ้นไปในอากาศ ขณะที่เขาลอยขึ้นไปในอากาศ เผยยวนก็กระโดดขึ้นสูงกว่าเขาและดึงแขนทั้งสองข้างของเขามาไว้ด้านหลัง พลางใช้เข่ากดทับกระดูกสันหลังของเขาเอาไว้ และด้วยแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงทำให้เซี่ยอวินร่วงลงสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว
ปัง!
หัวเข่าของเซี่ยอวินมีเลือดไหลออกมา กระดูกขาหักเป็นท่อน ๆ แขนทั้งสองข้างบิดเบี้ยวจนผิดรูปเพราะถูกเผยยวนหัก
เซี่ยอวินเคียดแค้นเผยยวนมาก เขาตะโกนขึ้นว่า “พวกเจ้ามัวอึ้งอะไรกันอยู่ ใครเป็นนายของพวกเจ้ากันแน่ จับมันเร็วเข้า!”
ทหารของตระกูลเซี่ยจึงได้สติกลับมา แต่ใครจะกล้าสู้กับเผยยวนกัน?
เซี่ยอวินรู้ว่าพวกเขาไม่กล้า จึงเอ่ยด้วยความโมโหขึ้นมา “หากพวกเจ้ายังไม่ลงมืออีก กลับไปข้าจะฆ่าพวกเจ้าซะ!”
เหล่าทหารตระกูลเซี่ยต่างก็มองหน้ากัน พวกเขาไม่มีทางเลือก บัดนี้เผยยวนสูญเสียอำนาจไปแล้ว ก็อย่ามาโทษพวกเขาก็แล้วกัน!
เหล่าทหารตระกูลเซี่ยพุ่งเข้ามาหาเผยยวน องครักษ์ของจวนถังกั๋วกงย่อมไม่ยอมให้พวกเขาทำได้สำเร็จ คนของทั้งสองฝ่ายทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมา
จี้จือฮวนมองไปที่เซี่ยอวินที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าตนเอง จึงตบไหล่ของเขาเบา ๆ แต่เซี่ยอวินกลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ไหล่ จากนั้นร่างกายก็พลันอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงไปในทันที
จี้จือฮวนอาศัยไหล่ของเขาเป็นฐานเพื่อใช้มือดันส่งตัวและกระโดดออกไป ก่อนจะใช้แส้ฟาดไม้กระดานที่ทหารของตระกูลเซี่ยเขวี้ยงมาออกไป และช่วยเด็กน้อยที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยความตกใจเอาไว้ได้พอดี
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านหมอเทวดามากเจ้าค่ะ!” แม่ของเด็กน้อยรีบพุ่งตัวเข้ามา อุ้มเด็กน้อยเข้าไปรวมกับฝูงชนทันที
“หยุด” ถังกั๋วกงที่ฟังอยู่ด้านหลังมานาน ในที่สุดก็ลุกออกมา
คนแรกที่ถังกั๋วกงเห็นก็คือเผยยวนที่ไม่ได้พบมานาน ตอนที่เจ้าเด็กคนนี้ล้มป่วย เขาออกไปตามหาหมอและยาอยู่ แต่เมื่อกลับมาเผยยวนก็ถูกส่งออกไปนอกเมืองนานแล้ว แม้ว่าเรื่องนี้จะน่าสงสัย แต่การที่ฮ่องเต้แบ่งกองทัพทหารเกราะเหล็กให้กับตระกูลอื่น ถังกั๋วกงก็คาดเดาจุดประสงค์ของฮ่องเต้ได้แล้ว
เดิมคิดว่าเผยยวนคงยากที่จะรอดกลับมา เพราะคนที่ส่งออกไปก็มักจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยกันหมด แต่เมื่อเห็นว่าตอนนี้เขายืนอยู่ตรงหน้าตนและสบายดี ถังกั๋วกงก็ทั้งประหลาดใจและรู้สึกยินดี
เพราะความสามารถในการเป็นแม่ทัพของเขานั้นหาได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นเผยยวนยังเป็นลูกชายของเพื่อนเก่าของเขาอีกด้วย
“เรื่องในวันนี้ข้าจะนำสิ่งที่เห็นทั้งหมดถวายฎีกาต่อฝ่าบาท” ถังกั๋วกงเอ่ยจบ ก็มองไปยังเซี่ยอวินที่คุกเข่าอยู่บนพื้นและคนของจวนจี้กั๋วกง
“ถังกั๋วกง เรื่องเมื่อครู่ไม่ใช่ความจริงนะเจ้าคะ!” จี้หมิงซูยังคิดที่จะหาทางรอด อีกด้านหนึ่งถังหมิงกลับมีสีหน้าเคร่งขรึม เขายืนดูและฟังอยู่ตรงนี้มานานแล้ว ถ้าเขายังไม่เข้าใจว่าตัวเองทำผิดอะไรอีก เช่นนั้นก็ควรไปกินสารหนูให้ตายไปเสีย
ที่แท้คนที่ช่วยท่านปู่คือจี้จือฮวน! และเขาก็ถูกลู่อวิ๋นเซียงหลอก แถมยังเรียกจี้จือฮวนว่าสาวชาวบ้าน และดูถูกนางหลายต่อหลายครั้ง!
ลู่อวิ๋นเซียง! หลอกลวงเขาราวกับเป็นลิงตัวหนึ่ง!
“เจ้ากลับมาแล้วหรือ ร่างกายหายดีหรือยัง?” ถังกั๋วกงขี้เกียจจะสนใจคนชั่วช้าเหล่านี้ จึงหันไปคุยกับเผยยวน
เผยยวนเคารพถังกั๋วกงอย่างมาก ได้ยินดังนั้นก็ประสานมือคารวะแล้วเอ่ยขึ้นมา “ขอบคุณท่านถังกั๋วกงที่เป็นห่วง มีฮวนฮวนอยู่ ข้าเกือบจะหายดีแล้วขอรับ”
เผยยวนเดิมคิดจะล้วงเอาไม้ค้ำออกมา แต่จี้จือฮวนกลับปรายตามองเขาเล็กน้อย พลางเอ่ยขึ้นมา “เลิกหยิบออกมาได้แล้ว น่าเกลียดจะตายไป”
เผยยวนมีท่าทางเขินอายและไม่มีท่าทางดุดันเช่นเมื่อครู่นี้อีก พร้อมกับยืนอยู่ด้านหลังของจี้จือฮวนอย่างเชื่อฟัง
พ่อบ้านจูก็พอมองเห็นอะไรบางอย่างแล้ว “เอ่อ หย่งกวานโหวก็เป็นคนที่ท่านหมอเทวดาช่วยรักษาอย่างนั้นหรือ?”
คนรับใช้ร้านยากลอกตามองบนแล้วเอ่ยขึ้นมา “พวกท่านไม่รู้หรือขอรับ? ท่านหมอเทวดาก็คือภรรยาของเขาขอรับ”
ข่าวล่าช้าเกินไปแล้วกระมัง! เขารู้ตั้งแต่หนึ่งชั่วยามก่อนแล้ว
ประโยคเดียวทำให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรง!
“อะไรนะ บุตรีภรรยาเอกของจวนจี้กั๋วกงที่ถูกรังแกเมื่อครู่แต่งกับท่านเทพสงครามอย่างนั้นหรือ!”
“ท่านเทพสงครามยืนอยู่ตรงหน้านางช่างเหมาะสมยิ่งนัก”
“ชายในฝันของข้าแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ!!!”
ท่ามกลางเสียงอุทานของฝูงชนที่มามุงดู ในที่สุดก็มีคน ๆ หนึ่งพูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“เช่นนั้นเมื่อครู่ที่จี้หมิงซูบอกว่าจี้จือฮวนแต่งงานกับคนที่นอนเป็นผัก นางก็แช่งท่านเทพสงครามของเราน่ะสิ?!”
เพียงพริบตาก็ปลุกความโกรธของชาวบ้านขึ้นมา วีรบุรุษที่ปกป้องบ้านเมือง จี้หมิงซูกลับบอกว่าเขาคือคนที่นอนเป็นผักอย่างนั้นหรือ?!
ราชสำนักจงใจรังแกคนใช่หรือไม่ ทั้ง ๆ ที่ท่านเทพสงครามยังแข็งแรงอยู่ กลับจัดการกับกองทัพทหารเกราะเหล็กของเขา นี่หมายความว่าอย่างไร? เสร็จงานฆ่าโคถึกเสร็จศึกฆ่าขุนพลไม่ใช่หรือ!?
“พวกเจ้ามีใครจำได้บ้าง? การหมั้นของท่านหญิงซ่างหยางและจวนจี้กั๋วกงก่อนหน้านี้ เหมือนว่ายกให้จี้หมิงซูเป็นอนุของท่านเทพสงครามกระมัง?”
ทุกคนเริ่มช่วยกันรื้อฟื้นความทรงจำกันแล้ว
“ยังต้องให้พูดอีกหรือ ต้องเป็นเพราะจี้หมิงซูเห็นว่าท่านเทพสงครามป่วยจึงไม่ยอมไปดูแลอย่างไรเล่า แต่จี้จือฮวนมีทั้งความรักและน้ำใจไม่ทอดทิ้งไม่ไหน ใช้ฝีมือการแพทย์ที่สูงส่งช่วยรักษาท่านเทพสงครามจนหายดี บุตรีอนุผู้นี้รู้ข่าวเข้าก็เลยมาหาเรื่องอย่างไรเล่า! เป็นสตรีขี้อิจฉาและใจดำอำมหิตจริง ๆ!”
“ที่เจ้าพูดมามีเหตุผล บนเวทีงิ้วต่างก็ร้องกันเช่นนี้ สตรีชั่วเหล่านั้นล้วนแต่เล่นละครเก่ง เหมือนกับจี้หมิงซูผู้นั้นไม่มีผิด!”
จี้หมิงซูได้ยินกับหู ก็รู้สึกโมโหจนแทบจะกลั้นใจตาย
การแต่งงานระหว่างนางกับเผยยวน เดิมทีก็เป็นความเจ็บปวดของนางอยู่แล้ว ชาติก่อนนางตายเพราะเรื่องนี้ ชาตินี้นางย่อมต้องเลือกบุรุษที่มีเกียรติที่สุด
เรื่องอะไรนางต้องแต่งกับคนที่ตายก่อนวัยอันควรด้วย?
นางมีดวงฮองเฮา เป็นหงส์ในหมู่ผู้คน ไม่อย่างนั้นจะกลับชาติมาเกิดใหม่ทำไม?
ใครจะอิจฉาจี้จือฮวนกัน!
ฝูงชนที่มุงดูขี้เกียจจะสนใจว่าเรื่องจริงเป็นเช่นไร! ขอเพียงยิ่งคิดยิ่งมีเหตุผลก็พอแล้ว
ส่วนเซี่ยอวินผู้นั้นก็คงไม่ใช่คนดีอะไร ภรรยาของท่านเทพสงครามเป็นคนดี ศัตรูของภรรยาท่านเทพสงครามก็ต้องเป็นคนเลว มาหาเรื่องท่านเทพสงครามไม่ใช่นักเลงหัวไม้แล้วจะเป็นอะไรได้?
ชาวบ้านบางคนยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธแค้น จึงหยิบก้อนหินบนพื้นขึ้นมาขว้างปาใส่พวกเขา
“เจ้าสุนัข คิดว่าพวกเราตาบอดหรืออย่างไร ต่อไปอย่ามาให้พวกเราเห็นเจ้าบนถนนอีกนะ”
“ขอท่านถังกั๋วกงเป็นตัวแทนช่วยป่าวประกาศถึงความทุกข์ยากของประชาชน ลงโทษพวกงูพิษอย่างจวนจี้กั๋วกง และอย่าปล่อยเซี่ยอวินผู้นี้ไป เขาต้องไม่ใช่คนดีแน่นอนขอรับ”
“พวกเราไม่ยอมให้ท่านเทพสงครามได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้เจ้าค่ะ!”
ชื่อเสียงในหมู่ราษฎรของเผยยวน ก็เป็นบ่อเกิดนำภัยพิบัติมาสู่เขาเช่นกัน ซึ่งถังกั๋วกงเข้าใจดี
ทว่าเขาหายตัวไปนานเพียงนี้ ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะแตกต่างจากที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้ แม่ทัพที่คว้าชัยชนะได้ตั้งแต่อายุสิบเจ็ดปี และมีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย เต็มไปด้วยจิตใจฮึกเหิม
แต่ตอนนี้เขากลับสงบและเยือกเย็น แววตายามที่มองจี้จือฮวนไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองหรือไม่พอใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่ดูสบาย ๆ เสียมากกว่า
ทันใดนั้นถังกั๋วกงก็รู้สึกได้ว่า ฟ้าคงใกล้จะเปลี่ยนไปแล้ว
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เผยยวนก็หันกลับมามองเขาพอดี “ในเมื่อท่านกั๋วกงอยู่ที่นี่ด้วย ข้ามีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากท่านกั๋วกงด้วยขอรับ”
ถังกั๋วกงชื่นชมเผยยวนอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เขายังเป็นสามีของแม่นางจี้อีกด้วย
“เจ้าว่ามาได้เลย”
เผยยวนจึงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจขึ้นมา “ไม่มีอะไรมากขอรับ ข้าอยากเป็นตัวแทนท่านพ่อเพื่อทำการหย่า จึงขอท่านกั๋วกงช่วยเป็นพยาน จะได้ให้เซี่ยอวินนำเรื่องนี้กลับไปแจ้งด้วยขอรับ”