บทที่ 169 ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา
พวกไท่ซ่างหวงตีคนอย่างมีความสุข แต่คนที่อยู่ในวังหลวงกลับนอนไม่หลับทั้งคืน
“ยังหาคนไม่เจออีกหรือ?” ฮ่องเต้เซี่ยเจินคลึงหว่างคิ้ว พลางถามเสียงต่ำ
เจียงเต๋อรู้ว่านี่เป็นสัญญาณก่อนที่องค์ฮ่องเต้จะโมโห
เมืองหลวงกว้างแค่นี้ เผยยวนมีปีกบินได้หรืออย่างไร?
“ที่ที่คิดว่าเผยยวนจะไปก็หาหมดแล้ว ทางด้านหย่งอันถังและจวนถังกั๋วกงก็ส่งคนไปเฝ้าเอาไว้แล้ว ที่ค่ายทหารก็ไปดูแล้วเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ เหลือแค่จวนอีกไม่กี่แห่ง ก็ล้วนเป็นของเหล่าท่านอ๋อง พวกเขาไม่มีทางให้ที่พักเผยยวนหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินจ้องหน้าเขา “เช่นนั้นเจ้ายังจะมัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไมกัน เจ้าก็รู้ใช่หรือไม่ว่ายังหาเผยยวนไม่เจอ และตอนนี้ข้างนอกพูดถึงราชสำนักเช่นไร? ยังไม่รีบออกไปตามหาอีก!”
“พ่ะย่ะค่ะ ๆ ๆ”
หลังจากเดินไปได้สองก้าว เจียงเต๋อก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างระมัดระวังอีกครั้ง “เอ่อ…หากพบแล้วให้จับกุมกลับมาหรือว่า…?”
ฮ่องเต้ใกล้จะถูกพวกโง่เขลาเหล่านี้ทำให้โมโหจนตายอยู่แล้ว “ก็ต้องเชิญมาน่ะสิ! ขุนนางที่มีผลงานเจ้าจะจับกุมเขาได้อย่างไรกัน!? กลัวว่าตอนนี้คนยังวิจารณ์ราชสำนักไม่พอหรืออย่างไร!”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะโมโหจนล้มป่วยจริง ๆ เสียแล้ว
ทางนี้เพิ่งไล่คนออกมา ทางนั้นก็มีคนเข้ามารายงาน “ฝ่าบาท ผู้ว่าการของจิงจ้าวฝู่บอกว่ามีข่าวของไท่ซ่างหวงมารายงานพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินชะงักไป “ไท่ซ่างหวง? เกี่ยวอะไรกับจิงจ้าวฝู่ ไปเรียกคนเข้ามา”
เห็นได้ชัดว่าผู้ว่าการจิงจ้าวฝู่ก็ตกใจกับข่าวของไท่ซ่างหวงมากเช่นกัน เขาจึงรีบเข้าวังเพื่อขอเข้าเฝ้า เขายังไม่ทันได้คุกเข่า ฮ่องเต้ก็เอ่ยอย่างหมดความอดทนขึ้นมา “มีอะไรก็พูดมา ไม่ต้องมากพิธี”
ผู้ว่าการเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก พลางเล่าเรื่องที่เมื่อครู่จางตงไหลให้คนนำตัวพวกซูไป๋ซื่อมาส่งจิงจ้าวฝู่ด้วยตัวเองออกมา
“ซูไป๋ซื่อทำให้ไท่ซ่างหวงตกพระทัย?” ฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
ซูไป๋ซื่อโผล่มาจากที่ใดกัน ถึงได้ตาบอดเช่นนี้
“แล้วมาถามข้าทำไม คนที่รบกวนไท่ซ่างหวงเช่นนี้ไม่ลากไปตัดหัว จะเก็บเอาไว้กินเลี้ยงปีใหม่หรืออย่างไร?” ฮ่องเต้เซี่ยเจินตะโกนจบ เหงื่อของผู้ว่าการจิงจ้าวฝู่ก็แทบจะหยดลงถึงพื้น
“ไม่ใช่สิ แล้วไท่ซ่างหวงเล่า! เจ้าไม่ได้รั้งคนเอาไว้แล้วถามให้ชัดเจนก็ปล่อยคนกลับไปแล้วอย่างนั้นหรือ?” ฮ่องเต้เซี่ยเจินรู้สึกหน้ามืดขึ้นมา เขาจะตายคาที่แล้วจริง ๆ
เผยยวนก็ยังหาไม่เจอ ตอนนี้พ่อตัวเองกลับมาเมืองหลวงเขาก็ยังไม่รู้ ใช้ตาตุ่มคิดก็รู้ว่าคนทั้งใต้หล้าจะพูดถึงฮ่องเต้เช่นเขาว่าอย่างไร
“ไสหัวไป ๆ ๆ ไสหัวไปให้หมด แล้วหาตัวคนให้เจอ! ทั้งไท่ซ่างหวงทั้งเผยยวน ห้ามขาดไปแม้แต่คนเดียว!!!!”
หานกุ้ยเฟยกำลังคิดที่จะมาสืบสถานการณ์ ก็พลันตกใจกับเสียงตะคอกไปด้วย
“เผยยวนไปซ่อนอยู่ที่ใดกันแน่? ช่างกล้าดียิ่งนัก ฝ่าบาททรงกริ้วเพียงนี้ รอพบตัวเขาเมื่อใด ต้องถลกหนังของเขาให้สาสม” หานกุ้ยเฟยพูดกับตัวเอง
…
ตรอกอันซิงที่อยู่ใกล้กับวังหลวง ในเรือนรับรองส่วนตัวของไท่ซ่างหวง
เผยยวนและจี้จือฮวนวางแผนจะกลับหมู่บ้านตระกูลเฉินแล้ว
รถม้าเพิ่งวิ่งมาถึงทางเข้าตรอก ทหารม้ากลุ่มหนึ่งก็พุ่งมาจากข้างหน้า พวกเขาคือกองกำลังที่มาตามหาเผยยวน
เหล่าชาวบ้านต่างหลีกทางให้ด้วยความหวาดกลัว แผงลอยบางร้านที่หลบไม่ทันก็ถูกชนเข้าเต็ม ๆ สิ่งของกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น
ขณะเดียวกันรถม้าของพวกไท่ซ่างหวงก็กำลังมาทางนี้อย่างมีความสุข
เมื่อเห็นว่ากำลังจะชนกัน ทว่าความเร็วของทหารม้าเหล่านั้นกลับไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย “รีบหลบไป ใครขวางทางตาย!!”
ทว่าพวกไท่ซ่างหวงกำลังเล่นไพ่นกกระจอกกันอย่างสนุกสนาน ไหนเลยจะได้ยินว่ามีเสียงสุนัขเห่าหอนอยู่ด้านนอก
ในช่วงเวลาวิกฤตนั้นเอง จ้านอิ่งที่กำลังหาวอยู่จู่ ๆ ก็ร้องขึ้นมา ม้าที่ควบมาด้วยความเร็วต่างก็หยุดลงทันที และสะบัดคนที่อยู่บนหลังม้าลงไปกองกับพื้น
จ้านอิ่งย่ำกีบเท้า ม้าเหล่านั้นก็หันกลับมาและวิ่งไปทางมัน
“บัดซบ! ผีหลอกหรืออย่างไร ใครเล่นไม่ซื่อกัน ช่างบังอาจยิ่งนัก” จงหลางเจี้ยง*ที่เป็นหัวหน้าลุกขึ้นมา และชักกระบี่ยาวในมือออกมาพร้อมกับพุ่งเข้าใส่จ้านอิ่ง
* จงหลางเจี้ยง (中郎将) ตำแหน่งหนึ่งของทหารองครักษ์
ในตอนนั้นเอง ยอดฝีมือบนรถม้าของไท่ซ่างหวงก็วิ่งกรูเข้าใส่ทหารม้ากลุ่มนั้นโดยพร้อมเพรียง ก่อนจะกดพวกเขาลงกับพื้น
จงหลางเจี้ยงคิดว่าวันนี้บ้าไปแล้วจริง ๆ!
เจ้าหน้าที่ราชสำนักกำลังปฏิบัติหน้าที่ แต่ละคนนอกจากจะไม่ยอมลงจากรถม้าแล้ว ยังกล้าทำร้ายเจ้าหน้าที่อีก
คิดจะก่อกบฏกันหรืออย่างไร!
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ช่างกล้าดียิ่งนัก ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ราชสำนัก อยากตายหรืออย่างไร?”
จางตงไหลเปิดม่านรถม้า จ้องมองจงหลางเจี้ยงที่เอ็ดตะโรเสียงดังด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “บังอาจ! ใครอนุญาตให้ควบม้าบนถนนในเมือง และอ้างชื่อของราชสำนักมาชนผู้บริสุทธิ์ ทั้งยังทำร้ายผู้คนด้วยอาวุธบนถนนอีก?”
“ข้ากำลังตามจับตัวคนร้ายให้ราชสำนักอยู่! พวกเจ้ากำลังขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ก็นับว่ามีความผิดเช่นกัน!” จงหลางเจี้ยงตะโกนกลับไปทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ห่างอีกไกล
จนกระทั่งมองเห็นว่าคนที่พูดกับเขาเป็นใคร จงหลางเจี้ยงก็ขยี้ตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นแข้งขาก็พลันอ่อนแรง และรีบคุกเข่าลงทันที “ผู้…ผู้น้อยมีตาหามีแววไม่ ไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินขบวนเสด็จของท่าน…”
ใครบอกเขาได้บ้าง เหตุใดไท่ซ่างหวงถึงนั่งอยู่ในรถม้าที่ไม่สะดุดตาเช่นนี้! ทั้งยังกำลังเล่นไพ่นกกระจอกอีกด้วย!
หากไม่ใช่เมื่อครู่ม้าเหล่านั้นหยุดลงเสียก่อน มิเท่ากับชนไท่ซ่างหวงเข้าหรอกหรือ!!!
ในตอนนั้นเอง รถม้าคันเล็กด้านหลังที่ไม่สะดุดตายิ่งกว่าก็มีคนเปิดม่านรถม้าออกมา มุมปากของชายหนุ่มแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นช้า ๆ “หืม? ข้าไม่เห็นรู้เลยว่าตนเองกลายเป็นคนร้ายที่ราชสำนักต้องการตัวตั้งแต่เมื่อใด ไม่รู้ว่าข้าทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ? ขอจงหลางเจี้ยงชี้แจงด้วย”
จงหลางเจี้ยงราวกับถูกสายฟ้าฟาด ก่อนจะหันหน้าไปมองทันที
เผยยวนที่เขาตามหามาทั้งคืน นั่งอยู่บนรถม้าและกำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มอยู่ไม่ใช่หรือ!
เช่นนั้น ม้าที่เมื่อครู่ส่งเสียงร้องไล่ทหารม้าที่แข็งแกร่ง ก็ต้องเป็นราชาม้าที่เผยยวนเจอในฝูงม้าป่าที่ซีเป่ยน่ะสิ!
ด้านหน้ามีไท่ซ่างหวง ด้านหลังมีเผยยวน จงหลางเจี้ยงอยากจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ
พวกท่านป้าหยางไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร รู้แค่ว่าด้านหน้าหยุดลงแล้ว เมื่อชะโงกศีรษะออกไปก็เห็นเผยยวนเข้าพอดี “อ้าว เผยจื่อ! ฮวนฮวน!”
“หาเจอแล้วหรือ ขอข้าดูหน่อย” คนในหมู่บ้านต่างชะโงกศีรษะออกมาด้วยความสงสัย นั่นมันเผยจื่อกับฮวนฮวนนี่นา
พลันนั้นทุกคนก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก รีบลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว
แต่ก็ยังวิ่งไม่เร็วเท่าเด็กทั้งสามคน ทั้งหมดวิ่งไปทางรถม้าของจ้านอิ่ง ไม่มองจงหลางเจี้ยงเลยแม้แต่น้อย
“ท่านแม่~ ท่านพ่อ~!”
เผยยวนและจี้จือฮวนลงมาจากรถม้า ก็กอดพวกเขาเอาไว้เต็มอ้อมแขน
อาชิงน้อยชอบออดอ้อนที่สุด เขาเอาหน้าถูซ้ายทีขวาทีและเอ่ยออกมา “อาชิงคิดถึงพวกท่านมากเลย พวกท่านคิดถึงอาชิงหรือไม่ขอรับ?”
เผยยวนรู้สึกขบขัน จึงบีบแก้มอ้วน ๆ ของเขาไปหนึ่งที “ต้องคิดถึงอยู่แล้ว”
จี้จือฮวนมองดูเด็กทั้งสามคน ไม่เห็นแค่ไม่กี่วันก็รู้สึกว่าพวกเขาเปลี่ยนไปจากเดิม
“ซื้อเสื้อผ้าใหม่หรือ?” จี้จือฮวนให้อาอินหมุนตัวให้ดู “สวย ใครเลือกให้อย่างนั้นหรือ?”
อาอินตอบอย่างเชื่อฟัง “พวกท่านป้าหยางเลือกให้เจ้าค่ะ ท่านทวด ท่านป้า อาจารย์ของอาชิง อี เอ้อร์ ซาน ซื่อ พวกเขามากันหมดเลยเจ้าค่ะ”
อาชิงพยักหน้าหงึก ๆ “ใช่แล้ว ๆ พวกเรามารับพวกท่านกลับบ้านขอรับ”
เผยจี้ฉือมองดูท่านพ่อและท่านแม่ ก่อนจะเดินไปที่ข้างกายของพวกเขาเงียบ ๆ ในที่สุดก็วางใจได้แล้ว
จี้จือฮวนรู้ถึงความคิดของอาฉือ จึงจับมือของเขาไว้และมองไปทางพวกไท่ซ่างหวง
จงหลางเจี้ยงที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้นจึงถูกมองข้ามไปอย่างสิ้นเชิง
ไท่ซ่างหวงมองดูภาพครอบครัวของพวกเขาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนจะมองที่พื้นด้วยความรังเกียจและกล่าวขึ้นมา “ควบม้าบนถนน ขับไล่ออกจากตำแหน่ง โบยอีกแปดสิบที เนรเทศออกไปสามพันลี้”