บทที่ 174 สอบปากคำโดยการทรมาน ต้องการแผนภาพคืน
เมื่อฟังคนทรยศเหล่านี้แฉสิ่งที่ตัวเองทำออกมาอย่างฉะฉาน ไป๋อี๋เหนียงก็รู้สึกว่าสายตาที่จ้องมองมาที่ตน ราวกับจะสามารถเจาะร่างของนางจนเป็นรูได้
นางร้องไห้และส่ายหน้าไปมาด้วยความโศกเศร้าเสียใจ “นายท่าน ข้าเปล่านะเจ้าคะ ท่านอย่าฟังพวกเขาพูดจาเหลวไหลนะเจ้าคะ”
จี้เม่าซวินเองก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน แต่สิ่งที่พวกเขาพูดออกมานั้นละเอียดอย่างมาก ทั้งยังเป็นตุเป็นตะถึงเพียงนั้น เขากับนางรักกันมาหลายปี เขาไม่อยากจะเชื่อว่านางจะเป็นคนที่ใจดำอำมหิตเช่นนี้
แต่จี้เม่าซวินตอนนี้ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระเหล่านั้นของนางกัน “รายการสินเดิมเล่า!”
ไป๋อี๋เหนียงเตรียมถ้อยคำมากมายที่จะพูดกับจี้เม่าซวิน ทว่าสุดท้ายเขากับเอ่ยหักหน้านางตรง ๆ ไป๋อี๋เหนียงจึงเอ่ยเสียงเบาพร้อมรอยยิ้ม “รายการนั่นก็ตั้งนานแล้ว ข้าเองก็ลืมไปนานแล้วเหมือนกันเจ้าค่ะ”
“ลืมไปแล้ว? ไปรื้อห้องของนางเดี๋ยวก็มีเองนั่นแหละ” ท่านป้ารออยู่ในรถม้ารู้สึกอุดอู้จะตายอยู่แล้ว เมื่อลงมาก็ได้ยินสตรีผู้นี้เสแสร้งทำเป็นแก้ตัว
นางปีศาจเฒ่าเช่นนี้นางมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นคนเช่นไร คิดว่านางจะจัดการไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
ทันทีที่ท่านป้าเอ่ยออกมา ยอดฝีมือก็พุ่งตัวเข้าไปทันที
ไป๋อี๋เหนียงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมององค์หญิงใหญ่และเอ่ยขึ้นมา “เจ้าเป็นใคร เหตุใดเจ้าถึง…”
“หุบปาก!” จี้เม่าซวินรู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนไม่สามารถล่วงเกินได้ ต่อให้เป็นหญิงชาวบ้าน! นั่นก็เป็นหญิงชาวบ้านที่ไท่ซ่างหวงพามา ยิ่งไปกว่านั้นท่านผู้นี้เขายังรู้สึกคุ้นตาอีกด้วย
มีเพียงจี้คังซื่อที่มีอายุไล่เลี่ยกับองค์หญิงใหญ่ เมื่อนางเห็นดังนั้นก็ร่างกายสั่นเทาทันที รีบโขกศีรษะกับพื้นและเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ “องค์หญิงใหญ่อู๋ซวง?”
บรรดาองค์หญิงที่เป็นลูกของฮ่องเต้ คนที่ได้รับความโปรดปรานจะมีชื่อยศ หากไม่ได้รับความโปรดปรานจะถูกเรียงตามลำดับเท่านั้น และในฮ่องเต้พระองค์ก่อน ผู้ที่ถูกเรียกว่าองค์หญิงอู๋ซวงมีเพียงองค์หญิงใหญ่ที่อุทิศชีวิตเพื่อต้าจิ้น รักษาความสงบของชายแดนต้าจิ้นและถู่เจียมาหลายสิบปีท่านนี้เท่านั้น
ทั้งจวนจี้กั๋วกงนับว่ายังมีคนที่พอมีตาอยู่คนหนึ่ง องค์หญิงใหญ่กลอกตามองบน ก่อนจะนั่งลงและเอ่ยขึ้นมา “พวกเจ้าก็คือพวกสารเลวที่รังแกฮวนฮวนของข้าอย่างนั้นหรือ?”
คนของจวนจี้กั๋วกงหากตอนนี้ยังไม่รู้อีกว่าตัวเองพลาดอะไรไป เช่นนั้นก็โง่จนไร้ทางรักษาแล้วจริง ๆ
จี้หมิงซูที่นอนอยู่ในกองผ้าห่มหากไม่ใช่เพราะใบหน้าไม่สามารถแสดงสีหน้าได้มากนักล่ะก็ นางจะต้องมองจี้จือฮวนด้วยสีหน้าที่ชั่วร้ายอยู่อย่างแน่นอน
เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงได้รับการปกป้องจากไท่ซ่างหวงและองค์หญิงใหญ่กัน? นางมีสิทธิ์อะไร มีสิทธิ์อะไร!!!
ไม่นานเหล่ายอดฝีมือก็กลับมา พวกเขารื้อห้องของไป๋อี๋เหนียงจนทั่ว ในที่สุดก็รื้อคลังสมบัติเล็ก ๆ ของนางออกมา ในนั้นมีรายการสินเดิมของเซี่ยชิงหรู ทั้งยังใช้สีแดงขีดฆ่าไปเกินครึ่ง ทั้งหมดล้วนถูกสตรีผู้นี้เอาไปใช้แล้ว
ยอดฝีมือไม่เพียงนำรายการสินเดิมออกมาเท่านั้น ยังนำของที่ไม่อาจให้ใครรู้ได้ในห้องของไป๋อี๋เหนียงเหล่านั้นออกมาทั้งหมดด้วย ล้วนเป็นเครื่องมือที่หลายปีมานี้นางใช้มัดใจจี้เม่าซวินทั้งสิ้น เมื่อโยนมันออกมาต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ไป๋อี๋เหนียงก็ไม่อาจรักษาหน้าตาไว้ได้อีก
ทุกคนล้วนมองไปทางไป๋อี๋เหนียงด้วยความขยะแขยง คิดไม่ถึงว่าคนที่มีท่าทางสง่างาม ลับหลังกลับเป็นคนที่มีแผนการแยบยลเช่นนี้ พวกที่ออกมาจากหอนางโลมเกรงว่าก็คงไม่ได้มีลูกไม้มากมายถึงเพียงนี้กระมัง
องค์หญิงใหญ่รับน้ำชาที่จางตงไหลส่งมาให้ แล้วจิบด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ก่อนจะกล่าวขึ้นมา “ผู้ชายอย่างพวกเจ้าทำงานหยาบกันจริง ๆ พวกที่ไม่ยอมพูดความจริงเช่นนี้ให้คนเอาตัวไปถอดเสื้อผ้าและทรมานซะ ส่วนคนรับใช้ สาวใช้ และหญิงรับใช้ที่ปรนนิบัติข้างกายก็เอาไปลงโทษด้วย ทำให้แน่ใจว่าจะคายความลับทุกอย่างออกมาจนหมด”
จางตงไหลเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงใหญ่ตรัสได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงใหญ่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปาก “เช่นนั้นก็ไปจัดการเถอะ”
จางตงไหลอย่างไรเสียก็เป็นคนฉลาดที่เกิดมาในวังหลวง เขาจึงสั่งให้คนนำตัวคนเหล่านี้ออกไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งทันที โดยเฉพาะคนที่มีอายุมากและรู้เรื่องหลังจากที่เซี่ยซื่อแต่งเข้าจวนมา ทั้งหมดจึงถูกสอบปากคำโดยการทรมาน
หลังจากนั้นไม่นาน ฮูหยินและบรรดาคุณหนูของจวนจี้กั๋วกงต่างก็ร้องห่มร้องไห้ บ้างตะโกน บ้างก็ร่ำไห้ออกมาบอกว่าต้องการจะเล่าความลับที่ตนเองรู้
น่าเสียดายที่คนข้างบนต้องการให้ทรมานพวกเขาก่อน ใครจะกล้าห้ามกันเล่า?
แม้แต่จี้เม่าซวินและจี้คังซื่อก็ถูกลากตัวไปด้วย
“จี้จือฮวน! จี้จือฮวน ข้าเป็นพ่อของเจ้านะ”
จี้จือฮวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกระดิกนิ้ว ยอดฝีมือจึงลากคนกลับมาตรงหน้านางทันที
จี้เม่าซวินคิดว่าลูกสาวคงจะใจอ่อนแล้ว กำลังคิดที่จะเงยหน้าขอร้องนาง ทว่าจี้จือฮวนกลับดึงผมของเขามาหนึ่งเส้น ก่อนจะปัดมือให้คนลากตัวเขาออกไปทันที
อาศัยตอนที่เผยยวนยืนคุ้มกันนางอยู่ จี้จือฮวนจึงนำเส้นผมของตัวเองและจี้เม่าซวินโยนเข้าไปในกล่องยาน้อย ไม่นานกล่องยาน้อยก็เปิดออก ด้านบนมีการทำกากบาทสีแดงเอาไว้
ดูท่าเจ้าของร่างเดิมจะไม่ใช่ลูกของจี้เม่าซวินจริง ๆ เช่นนั้นเรื่องนี้จี้เม่าซวินรู้หรือว่าไม่รู้กันแน่?
หากเขารู้ เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำกับเจ้าของร่างเดิมก็มีเหตุผล แต่ทำไมตอนที่ตระกูลเซี่ยถูกกวาดล้างในตอนนั้น เขาถึงเก็บนางเอาไว้?
จี้จือฮวนรู้สึกไม่เข้าใจเรื่องราวที่ซับซ้อนภายใน
ขุนนางของกรมพระคลังไม่มีอารมณ์สนใจคดีเก่าของจวนจี้กั๋วกงเหล่านั้น เป้าหมายของพวกเขาคือการคิดบัญชีให้ชัดเจน จวนจี้กั๋วกงนั่นภายนอกอาจดูสง่างาม ทว่าลับหลังบัญชีเหล่านั้นราวกับรังต่อ*ก็ไม่ปาน
* รังต่อ (马蜂窝) เปรียบเปรยถึงคนหรือกลุ่มคนที่ไม่ดี
เต็มไปด้วยช่องโหว่ คนนี้ขโมยเงิน ทางนั้นก็มาอุดช่องโหว่
ท้ายที่สุดเมื่อคำนวณออกมา นับรวมที่ดิน เรือนรับรอง ร้านค้า ภาพวาด ภาพอักษรพู่กัน ของโบราณ ยังไม่อาจชดเชยได้ครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินตระกูลเซี่ยด้วยซ้ำ
ไท่ซ่างหวงไล่ดูสมุดบัญชีที่เสมียนของกรมพระคลังส่งขึ้นมาด้วยตัวเอง แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “ให้พวกเขาลงชื่อในใบยืมหนี้ และชีวิตที่เหลืออยู่ให้ส่งไปทำปุ๋ยมูลสัตว์ในหมู่บ้านตระกูลเฉินของเรา ให้ซาน ซื่อ อู่ ลิ่วคอยคุม”
องค์หญิงใหญ่ดวงตาเบิกโพลง “แค่นั้นจะไปพออะไร แล้วส่วนต่างจะทำอย่างไร ข้าว่าจวนจี้กั๋วกงนี่ยังมีราคาอยู่ เอาของที่ขายได้ขนไปให้หมด แล้วก็ขายจวนนี้ซะ”
“คำนวณต่อไป แล้วก็ตรวจสอบบัญชีส่วนตัวของคนเหล่านี้ด้วย ไม่แน่อาจจะไม่ได้มีแค่นี้” ไท่ซ่างหวงจิ้มไปที่สมุดบัญชี
ภายในจวนกลายเป็นสนามรบอย่างสมบูรณ์แล้ว เสียงกรีดร้องและเสียงโหยหวนดังขึ้นไม่ขาดสาย เรื่องจริงหรือโกหกล้วนถูกบันทึกเอาไว้ทั้งหมด หลังจากตรวจสอบคำสารภาพแล้ว ก็นับว่าได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาหลายอย่าง
เซี่ยชิงหรูตอนนั้นถูกวางยาพิษในระหว่างตั้งครรภ์ โดยไป๋อี๋เหนียงเป็นคนวางยา แต่เรื่องที่คลอดอย่างยากลำบากนั้น กลับเป็นแผนการของจี้เม่าซวิน
ในนั้นยังไล่เรียงถึงเรื่องที่เซี่ยชิงหรูถูกกระทำในตระกูลจี้อีกหลายร้อยข้อ เพื่อรักษาชีวิต คนเหล่านี้แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็พูดออกมาจนหมด
ตอนที่คนในตระกูลจี้ถูกลากออกมาหลังจากถูกสอบสวนด้วยการทรมานแล้วนั้น แต่ละคนก็มีสภาพราวกับสุนัขข้างถนนก็มิปาน โดยเฉพาะจี้คังซื่อที่อายุมากแล้วกลับมาโดนทรมานเช่นนี้ จึงเจ็บเจียนตายไปตั้งนานแล้ว
“หลังจากที่คนตระกูลเซี่ยตายหมดแล้ว แผนภาพกลไกอยู่ที่ใด?” จี้จือฮวนเอ่ยถามออกมา
จี้หมิงซูจึงเงยหน้าขึ้นทันที แผนภาพกลไกนั่นเป็นของนาง จี้จือฮวนก็จะแย่งไปอย่างนั้นหรือ!?
คนของตระกูลจี้ตอนนี้เพียงอยากจะมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงมีคนเอ่ยออกมา “แผนภาพกลไกนั่นพวกเราเก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ มีเพียงหมิงซูที่มีพรสวรรค์ด้านนี้ ทั้งหมดจึงอยู่กับนาง”
จี้จือฮวนพยักหน้ารับรู้ ดูท่าไม่รื้อจวนจี้กั๋วกงให้หมดคงจะน่าเสียดายแย่ แต่มีคนน้อยไปหน่อย ทว่านางก็ไม่อยากกลับมาอีกรอบ
ขณะเดียวกัน ภายในค่ายทหารของตระกูลต่าง ๆ ข่าวการกลับมาของเผยยวนก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว