บทที่ 184 ยินดีด้วยที่ได้ทะเลสาบน้ำเค็มบนภูเขาด้านหลัง
เผยยวนกุมศีรษะและเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง สายตาจึงค่อย ๆ ชัดขึ้น เขาเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะรีบเลิกผ้าห่มออก จากนั้นก็คลุมกลับอย่างเงียบ ๆ…
ในหัวของเขาปรากฏภาพเมื่อคืนขึ้นมาเป็นฉาก ๆ เขาทรุดตัวลงและเอาหน้าฝังลงไปในผ้าห่ม ใบหูแดงก่ำไปหมดแล้ว
เผยยวนรู้สึกเหมือนตัวเองจบสิ้นแล้ว
การดื่มเหล้าจึงกลายเป็นเรื่องที่เขาเสียใจที่สุดในชีวิต!
หลังจากกินข้าวเสร็จจี้จือฮวนก็เตรียมที่จะไปส่งเผยจี้ฉือไปเรียน และจะแวะไปที่ที่ทำการเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการซื้อภูเขาและที่ดิน เรื่องนี้ต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด จะได้อาศัยตอนที่มีคนอยู่จำนวนมาก ปรับปรุงที่ดินบนภูเขาด้านหลังนั่นซะ
ตอนนี้มีกองทัพมาอยู่ด้วย สามารถให้พวกเขาทำการฝึกพิเศษเป็นกลุ่มบนภูเขาได้ และสามารถเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายได้ ดังนั้นการซื้อที่ดินจึงกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด
เผยจี้ฉือสะพายห่อหนังสือ และรอจี้จือฮวนอยู่ข้างรถม้าเรียบร้อยแล้ว
ตอนที่จี้จือฮวนปลดผ้ากันเปื้อนออก และหยิบตะกร้าสะพายหลังเตรียมจะออกไปนั้น เผยยวนก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูห้องครัว เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว ผมก็หวีเรียบร้อยแล้ว ดูแล้วไม่มีอะไรแตกต่างไปจากปกติ แต่รอยช้ำขนาดเท่ากำปั้นที่ประดับอยู่บนใบหน้านั้น ดูน่าขันเล็กน้อย
เผยยวนคอตกมองจี้จือฮวนอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากเช่นไร
จี้จือฮวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ข้าชงน้ำผึ้งเอาไว้ ไปดื่มสักหน่อยสิ คราวหน้าหากดื่มเหล้าอีก…”
“ไม่กล้าแล้ว!” เผยยวนรีบยกมือขึ้นสาบาน “ไม่กล้าแล้วจริง ๆ”
จี้จือฮวนถลึงตาใส่เขา “ไปกินข้าวเถอะ”
นางก้าวออกจากห้องครัว เผยยวนก็เดิมตามอย่างประจบทันที “เจ้าจะไปส่งอาฉือที่ตำบลหรือ ข้าไปกับเจ้าด้วยดีกว่า”
จี้จือฮวนชะงักฝีเท้าลง ทำให้เผยยวนตกใจจนไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าต่อ
นางปรายตามองเผยยวน จากนั้นก็ยื่นมือไปดีดที่หน้าผากของเขาหนึ่งที “ที่ข้าไปก็เพราะมีธุระสำคัญ พี่น้องกองทัพทหารเกราะเหล็กยังรอเจ้าไปแจกแจงงานของวันนี้อยู่ ข้าจะหนีไปได้หรืออย่างไรกัน?”
เผยยวนดึงแขนเสื้อของนางอย่างระมัดระวัง “เช่นนั้นเจ้าอย่าโกรธข้าได้หรือไม่?”
ราวกับกลัวว่าจี้จือฮวนจะไม่ตกลงอย่างไรอย่างนั้น เผยยวนจึงเอ่ยขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “และอย่าหักคะแนนของข้าได้หรือไม่?”
จี้จือฮวนเอามือทั้งสองข้างกอดอกเอาไว้ “ได้คืบจะเอาศอกนะ”
เผยยวนเอ่ยพร้อมทำท่าทางน่าสงสารขึ้นมา “แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ คราวหน้าข้าจะถามเจ้าก่อน แล้วค่อย…ค่อยจูบเจ้าดีหรือไม่?”
“…”
หงซื่อเซียนเหลวไหลเหมือนเจ้าที่ไหนกัน!
จี้จือฮวนกลอกตามองบนด้วยความโมโห ก่อนจะหันไปเอ่ยทิ้งท้ายหนึ่งประโยค “คิดเอาเอง” จากนั้นก็ขึ้นรถม้าไป จ้านอิ่งไม่ต้องรอให้เจ้านายสั่งก็วิ่งฉิวลงเนินไปแล้ว
เผยยวน “…”
ให้ข้าคิด หากข้าคิดเอง ก็แน่นอนว่าทุกวันก็จะสามารถทำนั่นทำนี่ได้น่ะสิ
ท่านป้าเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้าไปมา แล้วเอ่ยกับอาอินที่กำลังตากผ้าห่มอยู่ “เห็นหรือไม่ ต่อไปถ้าหาผู้ชายสักคน อย่าเอาคนเซ่อซ่าอย่างท่านพ่อเจ้าล่ะ”
อาชิงน้อยกัดลูกสาลี่ไปหนึ่งคำ “ท่านป้า อะไรคือเซ่อซ่าหรือขอรับ”
“ก็พ่อเจ้าอย่างไรเล่า”
ไท่ซ่างหวงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พูดอะไรกัน ต่อหน้าเด็กเช่นนี้ อาชิงเอ๊ย พ่อเจ้าไม่ใช่คนเซ่อซ่า ต่อไปเจ้าต้องเรียนรู้จากพ่อเจ้า เพราะเด็กคนนี้เป็นคนซื่อตรง”
อาชิงน้อยพยักหน้ารับ “เช่นนั้นท่านพ่อหากเทียบกับอาจารย์เล่าขอรับ?”
องค์หญิงใหญ่กับไท่ซ่างหวงกลอกตามองบนพร้อมกัน “อาจารย์เจ้าต้องโง่กว่าอยู่แล้ว”
เผยจื่อจะโง่อย่างไรก็เป็นลูกหลานของตัวเอง เจ้าผีตะกละของสำนักพิษแดนตะวันตกอะไรนั่นจะมาเทียบได้อย่างไร
…
หลังจากส่งเผยจี้ฉือเข้าสำนักศึกษาแล้ว จี้จือฮวนก็มุ่งหน้าไปที่ว่าการทันที เจ้าหน้าที่ที่หน้าประตูเมื่อเห็นว่าเป็นนางก็ให้คนไปเรียกนายอำเภอเจียงอย่างรวดเร็ว
“แม่นางจี้เชิญนั่งก่อน จะดื่มชาอะไรดีขอรับ?” นายอำเภอเจียงพานางไปที่ห้องโถงใหญ่ด้วยความกระตือรือร้น แทบอยากจะควักเอาใบชาที่แม้ครอบครัวของเขาก็ยังไม่กล้าดื่มออกมาให้หมด
จี้จือฮวนไม่ชอบดื่มชาจึงปฏิเสธอ้อม ๆ ไป ก่อนจะบอกจุดประสงค์ที่มาในวันนี้
“เรื่องซื้อที่ดินนั้นง่ายมากขอรับ หากหัวหน้าหมู่บ้านของพวกท่านไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถไปปรึกษากันเองได้เลย ส่วนภูเขาด้านหลังนี่ข้าต้องขอดูก่อน” นายอำเภอเจียงให้อาลักษณ์ไปนำสมุดทะเบียนที่ดินบริเวณใกล้ ๆ นี้มา
จากนั้นนายอำเภอเจียงก็ลุกขึ้นไปปรึกษากับจู่ปู้คนใหม่เล็กน้อย อันที่จริงภูเขาด้านหลังหมู่บ้านตระกูลเฉินนั้นเนื่องจากไม่มีใครอยู่ และไม่ได้ปลูกไม้ผลอะไร ที่ตั้งก็อยู่ในพื้นที่ห่างไกล อยู่ตรงนั้นมานานก็ไม่มีคนจัดการ
บวกกับหมู่บ้านตระกูลเฉินมีคนอาศัยอยู่น้อย ที่ดินที่มีก็เพาะปลูกไม่หมดแล้ว ใครยังจะไปสนใจที่บนภูเขากัน ไม่มีใครเห็นค่าภูเขาลูกนั้นจริง ๆ
ผ่านไปครู่หนึ่งนายอำเภอเจียงก็กลับมา “แม่นางจี้อยากจะซื้อภูเขาก็ไม่มีปัญหาอะไร เดิมก็เป็นของราษฎรอยู่แล้ว แต่ว่าภาษีหลังจากซื้อภูเขานั้นค่อนข้างสูง ถ้าแม่นางจี้ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องซื้อ ข้าว่าอย่าซื้อจะดีกว่า”
นายอำเภอเจียงพูดมาจากใจ หากว่าแม่นางจี้อยากซื้อภูเขาไปปลูกผลไม้อะไรล่ะก็ เกรงว่าคงไม่คุ้มกับค่าภาษีเป็นแน่
คนชนบทหากไม่ต้องเสียเงินในส่วนนี้ก็จะดีกว่า
ประเด็นสำคัญของจี้จือฮวนก็คือทะเลสาบน้ำเค็ม ดังนั้นภูเขาลูกนี้นางต้องซื้อให้ได้
“ขอบคุณนายอำเภอเจียงมากเจ้าค่ะ แต่ภูเขาลูกนี้ข้าต้องซื้อให้ได้ ครั้งนี้ที่มาก็เพื่อมาดำเนินการเจ้าค่ะ”
นายอำเภอเจียงเอ่ย “เช่นนั้นก็ได้ แต่ข้าขอบอกตามตรง ตอนนั้นราชสำนักได้กำหนดราคาเอาไว้สองพันแปดร้อยตำลึง ท่านดูบนสมุดทะเบียนที่ดิน นี่ก็คือขอบเขตของภูเขาลูกนี้ แม้ว่าจะห่างไกลแต่ไม่นับว่าเล็ก และข้าสามารถตัดสินใจเองได้ จึงจะขายให้ท่านในราคาสองพันห้าร้อยตำลึง แม่นางจี้ต้องคิดให้ดีนะขอรับ”
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน ข้ารู้ว่านี่เป็นกฎของราชสำนักไม่เหมาะที่จะต่อรองราคา วันนี้ก็ทำเรื่องเลยเถอะเจ้าค่ะ”
จี้จือฮวนนำเงินมาแล้ว ย่อมไม่ยอมกลับไปมือเปล่าแน่
นายอำเภอเจียงเห็นนางตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ก็ไม่เหมาะที่จะห้ามปรามอีก จึงให้คนรีบไปนำโฉนดมาประทับตรา จากนั้นก็ประทับลายนิ้วมือ ภูเขาลูกนี้จึงเป็นของจี้จือฮวนโดยสมบูรณ์แล้ว
ในที่สุดงานใหญ่ก็เสร็จสิ้นลง จี้จือฮวนพอใจเป็นอย่างมาก นางวางแผนที่จะไปสั่งสินค้าที่ตลาด ตอนนี้ที่บ้านมีคนเพิ่มขึ้นมามากเพียงนั้น และจี้จือฮวนก็เพิ่งซื้อที่ดินไป ดังนั้นจึงมีของอีกหลายอย่างที่ยังขาดอยู่ นางต้องหาคนที่ไว้ใจได้เอาไว้แต่เนิ่น ๆ
หลังจากสั่งของเสร็จและออกมาจากตลาด ก็พบกับเซียวเย่เจ๋อเข้า
รถม้าเปิดม่านเอาไว้ จึงเห็นว่าหย่งหนิงกำลังทะเลาะกับเขาอยู่ “ไหนคุยกันแล้วว่าไปเยี่ยมท่านพ่อเสร็จ จะพาข้าไปหาพี่สาวฮวนฮวนไม่ใช่หรือ! เหตุใดถึงจะส่งข้ากลับเมืองหลวงเช่นนี้!”
“ท่านพ่อเจ้า ท่านปู่เจ้า คิดถึงเจ้าแล้วน่ะสิ ดังนั้นข้าจึงจะไปส่งเจ้าอย่างไรเล่า เจ้าเป็นเด็กเป็นเล็กไม่กลับไปเรียนหนังสือใช้ได้ที่ไหนกัน!” เซียวเย่เจ๋อเองก็ไม่ยอมนางเช่นกัน
หย่งหนิงโมโหจนใบหน้าแดงก่ำ “ข้าจะกลับไปฟ้องท่านพ่อ! และจะไปฟ้องท่านพี่ด้วย!”
“เจ้าฟ้องพ่อข้าก็ไม่มีประโยชน์ การเรียนเป็นเรื่องสำคัญ ท่านอาน้อย ข้าหวังดีกับท่านนะ”
“เจ้าพูดจาเหลวไหล! เจ้าอยากจะไปกินของอร่อยที่บ้านพี่สาวฮวนฮวนลับหลังข้าใช่หรือไม่?” หย่งหนิงไม่หลงกลของเขาหรอก
เซียวเย่เจ๋อขี้เกียจจะทะเลาะกับนาง จึงสั่งให้คนพานางไปส่ง เมื่อหันกลับไปก็เห็นแม่นางหน้าตางดงามผู้หนึ่งกำลังมองมาที่เขา
เซียวเย่เจ๋อเลียริมฝีปากและสะบัดผมหนึ่งที เฮ้อ เสน่ห์ของข้าไปที่ไหนก็ไม่ต้องพูดถึงจริง ๆ
“แม่นางท่านนี้ มีเรื่องอะไรหรือไม่?”
“ได้รับจดหมายหรือยัง?” จี้จือฮวนไม่สนใจคำถามของเขา ก่อนจะถามไปตรง ๆ
เซียวเย่เจ๋อขมวดคิ้วมองจี้จือฮวน ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ข้าว่าเจ้าดูคุ้น ๆ…”
เหตุใดหน้าตาถึงคล้ายจี้จือฮวนที่มีหน้าตาอัปลักษณ์นั่นได้?
หย่งหนิงเห็นจี้จือฮวนก็เอ่ยขึ้นด้วยความดีใจทันที “พี่สาวฮวนฮวน!”
สาวน้อยกางแขนทั้งสองข้าง ถลาเข้าหาอ้อมกอดของจี้จือฮวนทันที ทิ้งเซียวเย่เจ๋อที่ค่อย ๆ กลายเป็นหินเอาไว้
“เจ้า ๆ ๆ…เจ้าคือจี้จือฮวน!? เหตุใดเจ้าถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้!”