บทที่ 190 ข้านอนด้วยได้หรือไม่?
มือที่จี้จือฮวนคลึงตาให้เขาชะงักไปเล็กน้อย “ตอนเด็ก ๆ ไม่มีใครสนใจเจ้าเลยหรือ?”
ด้วยฐานะของเขา ไม่ควรเป็นเช่นนั้นนี่นา
“เซี่ยฉงฟางไม่ชอบข้า ทุกครั้งที่ท่านพ่อไม่อยู่ นางจะมองข้าด้วยสายตาเย็นชา ตอนนั้นข้ายังเด็กจึงไม่รู้ว่านางเกลียดข้า คิดว่าแม่ทั้งใต้หล้าล้วนเป็นเช่นนี้”
เผยยวนเอ่ยถึงตรงนี้ก็ก้มศีรษะลง “ข้าอยากทำให้ดี เรียนหนังสือให้เก่งที่สุด ฝึกวรยุทธ์ให้เก่งที่สุด ทำให้ท่านแม่ดีใจ แต่นอกจากเวลาที่ท่านพ่ออยู่ด้วยแล้ว นางก็ไม่เคยมองหน้าข้าตรง ๆ เลยสักครั้ง
ความเหินห่างที่แท้จริงเริ่มขึ้นตอนที่นางจงใจทำร้ายมือของข้าเพื่อให้ท่านพ่อกลับบ้าน ตอนนั้นข้ารู้เรื่องบ้างแล้ว เด็กคนอื่นก่อเรื่องแม่ของพวกเขาจะร้องไห้เพื่อพวกเขา อากาศหนาวก็จะเอาเสื้อผ้ามาให้พวกเขา เมื่อตกม้าก็จะทายาให้พวกเขาด้วยความสงสาร มีเพียงเซี่ยฉงฟางเท่านั้นที่ยังคงมองมาที่ข้าด้วยสายตาที่เย็นชาและรังเกียจอยู่เช่นนั้น”
จี้จือฮวนได้ฟังถึงตรงนี้ก็กุมมือของเขาเอาไว้ “เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อย่าไปพูดถึงมันเลย นางเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ในชีวิตเจ้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเสียใจให้กับคนแบบนี้ เจ้ายังมีคนที่ห่วงใยเจ้าอีกมาก”
เผยยวนมองดูมือของนางที่เกาะกุมมือของเขา พลางกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพลิกฝ่ามือเอามือเล็ก ๆ ของนางมากุมไว้ในอุ้งมือของตนอย่างเงียบ ๆ “เช่นนั้นเจ้าเป็นห่วงข้าหรือไม่?”
“…” ได้คืบเอาศอกจริง ๆ
จี้จือฮวนยังไม่ทันได้ชักมือกลับ ก็แทบหลอมละลายเพราะสายตาที่ร้อนแรงของเผยยวนเสียแล้ว
“ไหนบอกว่ากินข้าวอย่างไรเล่า! อยู่ในห้องทำอะไรกะ…” เซียวเย่เจ๋อเดินเข้าประตูมาพร้อมกับตะโกนเสียงดัง เมื่อเห็นท่าทางของทั้งสองคนเช่นนั้น ก็กลับออกไปอย่างเงียบ ๆ
เผยยวนที่ถูกขัดจังหวะ หาโอกาสตีเจ้าเด็กนี่ซักยกเถอะ!
“กินข้าวกันเถอะ” จี้จือฮวนชักมือกลับ
เผยยวนมองนางด้วยท่าทางไม่พอใจ สีหน้าราวกับจะบอกว่า ข้ากะเอาไว้อยู่แล้ว!
จี้จือฮวนเห็นจากหางตาว่าเขาไม่ยอมขยับก็ได้แต่เอือมระอา ก่อนจะยื่นมือออกไป “ให้เจ้าจูง”
เผยยวนอึ้งไปครู่หนึ่ง จี้จือฮวนเอ่ยด้วยความเก้อเขิน “ข้าปลอบผู้ชายไม่เป็น ไม่จูงก็ช่างเถอะ”
“ข้าจะจูง!” เผยยวนกุมมือของนางเอาไว้ทันที ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ความจริงแล้วเขายังอยากจะกอดนางด้วย แต่เขาเข้าใจหลักการที่ว่าค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปดี ฮวนฮวนโอ๋เขา เขารู้
ใครบอกว่าฮวนฮวนไม่ดีกับเขา เขาจะจูงมือนางเดินไปอวดให้ทั่วทั้งหมู่บ้านเลยคอยดู!
เผยยวนจูงมือจี้จือฮวนออกมาอย่างร่าเริง จ้านอิ่งออกไปรับเผยจี้ฉือกลับบ้านด้วยตัวเองแล้ว ขณะที่เผยจี้ฉือกำลังลงมาจากรถม้า ก็เห็นท่านพ่อของตัวเองจูงมือท่านแม่เดินไปทั่วอย่างมีความสุขและตั้งใจอวดอย่างมากเข้าพอดี
“หัวหน้าหมู่บ้าน ออกมากินข้าวหรือ?”
“เสี่ยวฮุย วันนี้ดูกระปรี้กระเปร่าจังเลยนะ”
“เสี่ยวเจียน ตักข้าวอยู่หรือ?”
ทุกครั้งที่เผยยวนตะโกนเรียกใคร ก็จะจงใจชูมือขึ้นเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาจูงมือกันอยู่!
เผยจี้ฉือ “…”
กองทัพทหารเกราะเหล็ก การกระทำของท่านแม่ทัพนั้น…
ระหว่างที่รอกินข้าว ในที่สุดไท่ซ่างหวงก็สังเกตเห็นเซียวเย่เจ๋อกับหย่งหนิงแล้ว เห็นได้ชัดว่าบุคลิกของเซียวเย่เจ๋อขาดสิ่งที่ทำให้คนนึกเอ็นดู ไท่ซ่างหวงปรายตามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะอุ้มหย่งหนิงขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
“โอ้โห เด็กน้อยคนนี้โตเพียงนี้แล้วหรือ ร่างกายของพ่อเจ้ายังแข็งแรงดีหรือไม่?”
หย่งหนิงพยักหน้ารับ ก่อนจะคำนับอย่างน่าเอ็นดู “ทูลไท่ซ่างหวง ร่างกายของท่านพ่อแข็งแรงดีเพคะ ส่วนท่านพี่ก็สบายดีเช่นกันเพคะ”
“ฟังดูสิ อย่างกับผู้ใหญ่แน่ะ” ไท่ซ่างหวงจับลูกหมูน้อยตัวหนึ่งส่งให้นางอุ้ม หย่งหนิงจึงได้วิ่งดุกดิกกลับไปนั่งตรงกลางระหว่างอาอินและอาชิง
เซียวเย่เจ๋อผู้อ่อนแอและไร้เดียงสาแต่ทำให้คนรำคาญไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง เขาคารวะไท่ซ่างหวงหนึ่งครั้ง ก่อนจะนั่งลง
เผยยวนขี้เกียจจะสนใจว่าเขามีปฏิกิริยาเช่นไร เอาแต่คอยตักอาหารให้จี้จือฮวนอย่างขยันขันแข็ง “ฮวนฮวน จานนี้อร่อย”
อาชิงมองดูอยู่นาน ก่อนจะเลียนแบบเผยยวน คีบอาหารให้หย่งหนิงบ้าง
“หนิงหนิง กินอันนี้เยอะ ๆ นะ อันนี้มีประโยชน์”
“นี่ เจ้าผีน้อย อย่าเอาไชเท้าที่ตัวเองไม่กินมาให้ท่านอาน้อยของข้านะ อย่าคิดว่าข้ามองไม่เห็นนะ” เซียวเย่เจ๋อผู้ตื่นตัวส่งเสียงดังขึ้นมาทันที
ไป๋จิ่นที่กำลังตั้งอกตั้งใจกินข้าวตกใจกับเสียงตะคอกของเซียวเย่เจ๋อ จนก้างปลาเกือบติดคอ
เขาวางตะเกียบลงแล้วจ้องหน้าเซียวเย่เจ๋อ “เจ้าตะคอกใส่ลูกศิษย์ของใครกัน!”
เซียวเย่เจ๋อหันหน้าไป “เจ้าเป็นใครอีก ปีศาจขนหยิก”
“เฮอะ ข้าเป็นปรมาจารย์ที่โดดเด่นที่สุดของสำนักพิษ มาจากถ้ำพิษแดนตะวันตกที่โบราณและลึกลับ เจ้าพูดอีกทีสิ!”
เซียวเย่เจ๋อตบโต๊ะทันที “ข้าเป็นซื่อจื่อของอู่อันโหว! เจ้าคนบ้านนอก”
ขณะที่ทั้งสองกำลังเตรียมที่จะสู้กัน จี้จือฮวนก็เพิ่มระดับเสียงขึ้นเล็กน้อย “ไม่กินข้าวก็ไสหัวไป”
ชายที่ถลกแขนเสื้อทั้งสองคนรีบเอาแขนเสื้อลงทันที ก่อนจะถือชามข้าวขึ้นมาและกินข้าวต่ออย่างเชื่อฟัง
พลพรรคตัวเลขส่ายหน้าไปมา ดู ๆ ๆ ยังมีคนมากมายที่ไม่รู้ตัวเอง ใครจะสนใจกันว่าเจ้าจะมีฐานะอะไร ขนาดไท่ซ่างหวงก็ยังต้องตั้งใจกินไม่เลือกกินด้วยซ้ำ ไม่กล้าพูดแม้แต่ประโยคเดียว ดูสิ!
ทำให้ลูกพี่ฮวนฮวนโมโห ต่ำช้าจริง ๆ
ไม่เหมือนพวกเขา เชื่อฟัง น่ารัก แล้วยังรู้ความอีก~ พยายามเป็นเชลยที่ดีที่สุด! เป็นความภาคภูมิใจของหมู่บ้านตระกูลเฉิน! เพื่อสร้างเรือนสวย ๆ!
“กินข้าว ๆ” พลพรรคตัวเลขยกชามขึ้นพลางพูดกับเหล่าองครักษ์ของตระกูลเซียวที่อยู่ข้าง ๆ
พวกเขาตื่นตกใจจนรู้สึกว่ากับข้าวไม่อร่อยแล้ว
พลพรรคตัวเลขตบบ่าของเซียวผิงแล้วเอ่ยขึ้นมา “ไม่มีอะไร ที่หมู่บ้านตระกูลเฉินสถานการณ์เช่นไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ทำใจให้ชินก็พอ!”
เซียวผิง “…”
นี่ใช่เรื่องชินไม่ชินอย่างนั้นหรือ!? ตรงหน้านั่นคือไท่ซ่างหวงเชียวนะ! ไท่ซ่างหวง! เจ้าอย่าพูดเหมือนเป็นท่านตาที่อยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านคนหนึ่งจะได้หรือไม่?
ส่วนข้างกายของไท่ซ่างหวงคือเผยยวนเชียวนะ เผยยวน! ทั้งยังมีทหารเกราะเหล็กมากมายเพียงนี้ นี่คิดจะทำอะไรกันแน่?
เซียวผิงคิดลึกลงไปมือที่ถือชามข้าวก็พลันสั่นเทาขึ้นมา ในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำว่า จบกัน ๆ ใต้หล้าจะโกลาหลแล้ว
หลังจากกินข้าวเสร็จ เหล่าทหารเกราะเหล็กก็ไปทำงานกันต่อ บ้างก็ออกลาดตระเวน คนจวนจี้กั๋วกงวันนี้ในที่สุดก็รู้ความแล้ว ได้กินโจ๊กหนึ่งชาม ทุกคนก็ไม่สนใจแล้วว่าจะอร่อยหรือไม่อร่อย พลางเทเข้าปากอย่างตะกละตะกลาม
“ท่านแม่ ข้าไม่เคยกินโจ๊กที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย”
ความจริงแล้วใช่โจ๊กอร่อยที่ไหนกัน เป็นเพราะพวกเขาหิวมากต่างหากเล่า พอนึกถึงวันข้างหน้าว่าก็คงจะเป็นเช่นนี้ ดังนั้นต่างคนก็ต่างกินโจ๊กไปและร้องไห้ไปด้วย เพราะมื้อต่อไปยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดด้วยซ้ำ
จี้จือฮวน…โหดร้ายเกินไปจริง ๆ
น่าเสียดายที่ชีวิตคนไม่เคยมีคำว่าเริ่มใหม่อีกครั้ง พวกเขาผิดแล้วก็ผิดเลย เสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันกาลแล้ว
ฟ้ามืดแล้วเดินทางตอนกลางคืนไม่ปลอดภัย ดังนั้นจี้จือฮวนจึงให้พวกเซียวเย่เจ๋อพักที่นี่ก่อนในคืนนี้ ห้องรับแขกไม่มีแล้ว หย่งหนิงจึงต้องไปนอนกับอาอิน ส่วนเหล่าองครักษ์ไปนอนกับทหารเกราะเหล็ก มีแค่เซียวเย่เจ๋อที่ลำบากเล็กน้อย ทางนั้นก็ไม่อยากอยู่กับไป๋จิ่นกลัวว่าจะทะเลาะกันจนหลังคากระเด็น เขาจ้องเผยยวนตาปริบ ๆ สีหน้าบอกว่าเขาอยากนอนกับเผยยวน
“ไม่ค่อยสะดวก” เผยยวนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
เซียวเย่เจ๋อขมวดคิ้ว “มีอะไรไม่สะดวก ท่านนอนคนเดียวไม่ใช่หรือ คนในหมู่บ้านต่างก็รู้กัน” เขาเอ่ยถึงตรงนี้ก็เข้าไปใกล้เผยยวน พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “จี้จือฮวนดุมากใช่หรือไม่ ท่านกล้านอนกับนางหรือ?”
มีอย่างที่ไหนสามีภรรยาแยกกันนอน ต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน
เผยยวนจ้องเขาด้วยสายตาอาฆาต
เซียวเย่เจ๋อจึงรีบหุบยิ้มและนั่งยอง ๆ อยู่ข้างกายเขาอย่างเชื่อฟังทันที “ข้าไม่โวยวายแล้ว ข้าจะปูผ้านอนที่พื้นข้าง ๆ ไม่รบกวนท่านอย่างแน่นอน”
เผยยวนปฏิเสธด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ไม่ได้”
อ้าปากหุบปากก็เรียกแต่ชื่อของฮวนฮวน ยังคิดจะนอนกับเขาอีกอย่างนั้นหรือ! ฝันไปเถอะ