บทที่ 194 ประทับตราแล้ว
เผยยวนลุกขึ้น ช่วยจี้จือฮวนเก็บชาม
“อยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะ จ้องหน้าข้าเช่นนี้ทำให้คนกลัวพิลึก” จี้จือฮวนเอ่ยหยอกล้อ
เผยยวนครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะคารวะจี้จือฮวนด้วยท่าทางจริงจัง “ขอบคุณฮูหยินที่ช่วยดูแลเป็นอย่างดี เผยยวนจะไม่ทำให้ฮูหยินผิดหวังแน่นอน”
จี้จือฮวนมองดูเขา ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรตอบกลับเช่นไรดี
เผยยวนยืดตัวขึ้น เอาชามในมือของนางวางไว้ข้าง ๆ แล้วลากนางเข้าไปในป่าใกล้ ๆ
บรรดาท่านป้าในหมู่บ้านเห็นแล้วก็พากันยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
“มีอะไร เหตุใดต้องเปลี่ยนที่คุยด้วย?” จี้จือฮวนเอ่ยถาม
เผยยวนหยิบตราในมือออกมา
“นี่คือตราพยัคฆ์ของกองทัพทหารเกราะเหล็ก เห็นตราเหมือนเห็นข้า หากข้าไม่อยู่ กองทัพทหารเกราะเหล็กจะเชื่อฟังคำสั่งเจ้า”
จี้จือฮวนเบิกตาโพลง นี่คือสิ่งที่มีค่าที่สุดของเผยยวน เขามอบชีวิตตัวเองไว้กับนางอย่างนั้นหรือ
เผยยวนกุมมือของนางและตราไว้ในอุ้งมือ ก่อนจะเอาไปวางไว้ตรงตำแหน่งหัวใจอย่างแนบแน่น สายตาที่ร้อนแรงจ้องนางโดยไม่กะพริบ “เผยยวนขอสาบานต่อฟ้า ข้าภักดีต่อหัวใจตนเองและจะภักดีต่อเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะมาจากอดีตหรืออนาคต จะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก ข้าจะรักเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
ไม่เคยมีเวลาไหนเลยที่เขาไม่หัวใจเต้นแรงเพราะนาง เมื่อเห็นนางวางแผนอนาคตเพื่อพวกเขา เห็นนางทำเพื่อกองทัพทหารเกราะเหล็ก เห็นนางเอาใจใส่เลี้ยงดูลูก ๆ ที่เขาพามา เห็นนางดูแลพวกเขาไม่ทอดทิ้งไปไหน อีกทั้งเผยยวนก็ตระหนักถึงความงาม ความเฉลียวฉลาด ความแน่วแน่ และไหวพริบของนางได้เป็นอย่างดี
เขาช่างโชคดีที่ได้พบกับจี้จือฮวนที่เป็นเช่นนี้
สายลมพัดผ่าน จี้จือฮวนจ้องมองแววตาที่แน่วแน่ของเขา ก็รู้สึกว่าใบหูของตัวเองกำลังร้อนผ่าว
นางมองตราพยัคฆ์ในฝ่ามือ และไม่พูดอะไรอยู่นาน
แต่ตัวนางเองรู้ดีว่าที่เผยยวนเป็นเช่นนี้ และเอ่ยคำสาบานที่หนักแน่นเช่นนี้ สิ่งที่เขาพูดออกมาต้องสามารถทำได้อย่างแน่นอน
“ก่อนที่ท่านพ่อของข้าจะจากไปได้ฝากกองทัพทหารเกราะเหล็กไว้กับข้า ตามธรรมเนียมของตระกูลเผย ตราพยัคฆ์ของกองทัพทหารเกราะเหล็กแบ่งออกเป็นหยินและหยาง เพื่อให้นายท่านและนายหญิงช่วยกันดูแล นายหญิงจะมีหน้าที่ดูแลองครักษ์ลับ ดังนั้นที่เจ้าถืออยู่จึงเป็นตราพยัคฆ์ขององครักษ์ลับ ของสิ่งนี้ท่านพ่อข้าไม่เคยมอบให้เซี่ยฉงฟางมาก่อน นับแต่นี้ไปกองทัพทหารเกราะเหล็กจะรับเจ้าเป็นนายหญิงแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
เผยยวนหยิบตราพยัคฆ์อีกชิ้นออกมาจากอกเสื้อ รวมสองชิ้นเข้าด้วยกัน ด้านบนมีตัวอักษรเล็ก ๆ เขียนไว้หนึ่งแถว
– แม้เนิ่นนานไม่ลืมเลือนอีกฝ่าย มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง –
จี้จือฮวนมองตราพยัคฆ์ในมือ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าภาระของนางหนักอึ้งขึ้นอีกแล้ว
“เสบียงของกองทัพทหารเกราะเหล็ก ข้าจะให้เหล่าองครักษ์ลับเอาบัญชีและเงินมามอบให้เจ้าทั้งหมดเมื่อพวกเขากลับมา เจ้าสามารถจัดการทุกอย่างที่เจ้าอยากทำได้
อีกอย่าง ข้ายังเป็นประมุขคนต่อไปของสำนักหลัวซาอีกด้วย แต่เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้า…”
“เผยยวน” จี้จือฮวนเอ่ยขัดเขา “ข้ารับเอาไว้แล้ว”
เผยยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองนางด้วยความนิ่งงัน
จี้จือฮวนทนกับท่าทางซื่อบื้อของเขาไม่ไหวแล้ว จึงหันหน้าหนีและเดินจากไปทันที ผ่านไปสักพักเผยยวนจึงได้วิ่งตามไป และเดินตามฝีเท้าของนางไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนตัดสินใจขวางนางเอาไว้ เขาเอ่ยพร้อมกับใบหน้าแดงเรื่อ “ฮวนฮวน เช่นนั้นข้า…ก็สามารถสู่ขอเจ้าได้แล้วใช่หรือไม่?”
จี้จือฮวนรู้สึกว่าคำถามนี้ของเขางี่เง่าจนนางทนมองหน้าเขาไม่ได้แล้ว นางจึงเลือกเดินต่อไป เผยยวนทำได้เพียงเดินตามนางไปอย่างเชื่อฟัง “ข้า…ข้ามีความสุขมากเลย”
จี้จือฮวนชะงักฝีเท้าเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อไป คนผู้นี้กลายเป็นคนโง่ไปแล้วจริง ๆ!
น่าเสียดายที่เพิ่งเดินไปได้สองก้าว เผยยวนก็ช้อนร่างของนางขึ้นมา ร่างสูงใหญ่เพียงพริบตาก็สามารถยกจี้จือฮวนขึ้นมาได้แล้ว
“ข้ามีภรรยาแล้ว!”
เสียงหัวเราะที่กระจ่างชัดของเผยยวนดังทะลุออกมานอกป่า
จี้จือฮวนรีบอุดปากของเขาเอาไว้ “อย่าตะโกน”
เผยยวนเห็นมือของนางปิดปากตนเองอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะจุมพิตไปหนึ่งที จี้จือฮวนเมื่อเห็นเขาแสดงความรักกับนางอย่างตรงไปตรงมา ก็อดไม่ได้ที่จะจับใบหน้าของเขาเอาไว้และจุมพิตไปที่หน้าผากของเขาหนึ่งทีเช่นกัน “ประทับตราแล้ว”
เผยยวนดวงตาเป็นประกาย “นี่ก็เป็นสัญญาด้วยหรือไม่?”
“ตามความเข้าใจของพวกเราที่นู่นก็…ใช่”
เผยยวนยิ้มจนตาหยี “เช่นนั้นพรุ่งนี้ เจ้าประทับตราให้ข้าอีกได้หรือไม่?”
“เช่นนั้นวันมะรืนก็ต้องประทับตราด้วยได้หรือไม่?”
“และเวลาที่เจ้าจะประทับตรา ต้องบอกข้าด้วยนะ”
จี้จือฮวน “…”
เมื่อก่อนเหตุใดข้าถึงไม่รู้ว่าเจ้าช่างพูดเช่นนี้
…
ตำบลเล็ก ๆ
พ่อค้าแม่ค้าแผงลอยกำลังร้องเรียกลูกค้า ที่หน้าต่างบนชั้นสองของโรงเตี๊ยม มีชายหนุ่มรูปลักษณ์โดดเด่นผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ เขาก็คือองค์ชายรองเซี่ยหยาง
องครักษ์ประจำตัวกลับมาพร้อมกับเอ่ยรายงาน “องค์ชายรองพ่ะย่ะค่ะ เสี่ยวเอ้อบอกว่าเคยเห็นชายรูปร่างกำยำหลายคนมาที่โรงเตี๊ยมเมื่อสิบวันก่อนจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ แต่พวกเขาก็หายตัวไปในชั่วข้ามคืน”
เซี่ยหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย องครักษ์จึงเอ่ยต่อ “คงไม่ใช่…อาฉื่อน่าหลู่ผิดสัญญาหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ”
เงื่อนไขที่เซี่ยหยางเสนอก็คือจะแบ่งปันทรัพยากรแร่เหล็กให้ สำหรับพวกถู่เจียแล้ว นี่ถือเป็นความมั่งคั่งที่ยากจะปฏิเสธได้ อาฉื่อน่าหลู่เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?
“ยังไม่มีข่าวองค์หญิงใหญ่อีกหรือ?”
“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายรองทรงสงสัยว่าอาฉื่อน่าหลู่รู้ข่าวขององค์หญิงใหญ่และตามไปฆ่าแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?” องครักษ์เงยหน้าขึ้นถาม
“นอกจากเหตุผลนี้แล้ว ข้าก็คิดหาเหตุผลอื่นไม่ออกอีก” เซี่ยหยางเอามือไพล่หลังมองผู้คนที่เดินสวนกันไปมาบนถนน แต่ไม่เห็นใครที่มีการเคลื่อนไหวผิดแปลกไปเลย
เขารออาฉื่อน่าหลู่อยู่ที่นี่มาเกือบสี่วันแล้ว พันธมิตรในครั้งนี้สำคัญมาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่ราชสำนักจะแต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่ องค์หญิงใหญ่ถูกลอบสังหารตามแผนการแล้ว แม้จะยังไม่พบศพ แต่เซี่ยหยางสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้นางมีชีวิตรอด และไปปรากฏตัวที่เมืองหลวงได้แน่นอน
ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามแผนของอาฉื่อน่าหลู่
กลับเป็นเขาเองที่มีปัญหา มือไม่พายเอาเท้าราน้ำจริง ๆ!
ขณะนั้นเองประตูก็ถูกเปิดออกและมีคนเข้ามารายงาน บอกว่ามีคนเห็นชายฉกรรจ์หลายคนมุ่งหน้าไปยังป่าทึบนอกตำบล
“ไปดูสิ”
ร่องรอยในป่าถูกเผยยวนจัดการไปนานแล้ว แม้แต่ซากศพเหล่านั้นก็ถูกกัดกร่อนจนผสมกับดินและใบไม้ที่ร่วงหล่นไปนานแล้ว
“ในป่าแห่งนี้มีรอยเท้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง คนธรรมดาก็มักเดินผ่านมาทางนี้เช่นกัน จึงหาได้ยากมาก”
“ใช่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่ออาฉื่อน่าหลู่นัดกับพวกเราเอาไว้แล้ว เหตุใดต้องหลบพวกเราด้วย”
เซี่ยหยางไม่ได้พูดอะไร แต่ภายในใจกลับรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก การนัดพบในวันนี้ล้วนเป็นความลับระหว่างทั้งสองฝ่าย อาฉื่อน่าหลู่ผิดนัดกะทันหันดังนั้นต้องมีคำอธิบาย คงไม่ใช่ถูกคนสังหารกลางทางไปแล้วหรอกกระมัง?
“กลับเมืองหลวง” เขาเสียเวลาอยู่ที่นี่มานานเกินไปแล้ว เพื่ออาฉื่อน่าหลู่คนเดียวไม่คุ้มกัน
ตอนที่เซี่ยหยางกำลังจะหันหลังกลับ ทันใดนั้นก็มีลูกธนูพุ่งมาตรงหน้าของเขา
“มีนักฆ่า! ปกป้ององค์ชายรอง”
เหล่าองครักษ์ต่างพุ่งตัวมาตรงหน้าของเซี่ยหยาง แต่ขณะที่เซี่ยหยางกำลังสังเกตสถานการณ์โดยรอบ ก็มีคนแทงเขาอย่างแรงที่ด้านหลัง
“องค์ชายรอง!” เหล่าองครักษ์ได้สติขึ้นมา ก็ได้ต่อสู้กับคนร้ายเหล่านั้นทันที
“พวกเจ้ารีบพาองค์ชายรองหนีไปก่อน!”
เซี่ยหยางที่ถูกแทงด้านหลัง ถูกเหล่าองครักษ์ประคองให้เดินไปข้างหน้า ทว่าทางด้านหลังก็ยังมีคนร้ายไล่ตามมา เหล่าองครักษ์ต้องคอยปกป้องเขาและขวางลูกธนูไปด้วย
เซี่ยหยางซ่อนตัวอยู่ในความมืด ก่อนจะฉีกผ้าชิ้นหนึ่งมาพันแผลเอาไว้อย่างส่ง ๆ และหนีไปอีกทางหนึ่ง และทางนั้นก็เป็นทางไปตำบลฉาซู่ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเมืองหลวงพอดี