บทที่ 861 : หวงเสี่ยวหยิงกับเสี่ยวมี่อยู่ไหนกัน (3)
กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเขารับคำสั่งพวกมันเดินเข้าไปหาเฟิงหลวนอีกครั้ง
หัวใจของเฟิงหลวนตึงเครียดนางกระชับอาวุธในมือ แววตาของนางเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
ณขณะนั้น…
แสงสีขาวพุ่งลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับห่อหุ้มทุกคนไว้ทันที
ทุกคนที่ต่อสู้ในสถานที่ทดสอบต่างตะลึงจ้องมองไปที่ลำแสงสีขาวที่ตกลงมาจากฟากฟ้า
”ดูเหมือนว่าจะหมดเวลาแล้วเราจะได้ออกจากสถานที่แห่งนี้กันแล้ว … ”
สถานที่ทดสอบนี้เป็นสถานที่ที่ซึ่งคนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใช้เพื่อการฝึกฝน
เวลาครึ่งเดือนภายในสถานที่ทดสอบนี้หลายคนได้รับผลประโยชน์อย่างมากมาย แม้แต่คนที่ล้มเหลวตั้งแต่ครึ่งทาง พวกเขาก็ยังได้รับผลประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว !
แน่นอนในบรรดาคนเหล่านี้คงหนีไม่พ้นจะต้องมีคนเช่นเฉิงหลิวที่เอาแต่มั่วสุมกันอยู่บ้าง…
”เฟิงหลวนข้าให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หากเจ้าไม่คว้าไว้ก็อย่าได้ตำหนิข้าที่ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ดี ๆ ในครั้งอดีต !”
ในขณะที่เฉิงหลิวกำลังจะถูกส่งตัวออกไปจากที่นั่นเขาก็ดึงกริชขึ้นมาแทงที่แขนของตนเองอย่างแรง กระทั่งเลือดพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้แขนของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด …
*****
ต่อให้ต้องตายในสถานที่ทดสอบก็ไม่ได้ทำให้ตายจริงๆ ทว่าหากได้รับบาดเจ็บในดินแดนทดสอบ กายเนื้อภายนอกก็จะได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน
ดังนั้นผู้คนที่นั่งอยู่โดยรอบ สถานที่ประลองในวันนี้จึงเต็มไปด้วยสี และกลิ่นเลือดแพร่กระจายไปทั่ว พิสูจน์ให้เห็นถึงความโหดร้ายของการทดสอบ
”แม่นางไป๋และองค์หญิงน้อยมาถึงแล้ว”
หลังจากคนเหล่านั้นลืมตาขึ้นก็มีเสียงดังตามมา
ทุกคนหันหน้าไปมองภายใต้แสงไฟยามเย็น อาภรณ์สีแดงที่แสนตราตรึงก็ก้าวเข้ามา
หญิงสาวแสนสวยและงดงามราวมงกุฎแห่งโลกนี้เยื้องกรายมา เส้นผมดำขลับราวไหมพริ้วไสวในสายลม ขณะที่นางเดินผ่าน ทุกคนก็แทบลืมหายใจอย่างไม่รู้ตัว
ติดตามหลังหญิงผู้นั้นมาก็คือหญิงสาวที่มีเสน่ห์และน่ารักผู้ซึ่งมาพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ๆ บนใบหน้า นางเดินตามมาอย่างรวดเร็ว
ครั้นทั้งสองเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วพวกนางก็นั่งลงน้ำเสียงอันไพเราะของหญิงสาวดังลอยมาอย่างช้า ๆ
”การแข่งขันสิ้นสุดลงแล้วทุกคนที่ผ่านการทดสอบสามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ในฐานะศิษย์ของเรา”
”ช้าก่อน!”
ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นยืน มือกุมแขนข้างที่บาดเจ็บของตน ท่าทางของเขาเจ็บปวดมาก “แม่นางไป๋หยาน ข้ามีเรื่องต้องแจ้ง”
ใบหน้าของไป๋หยานไม่เปลี่ยนแปลงเลยทว่าคิ้วของนางขมวดเข้าหากันโดยไม่ตั้งใจ
”เกิดอะไรขึ้น?”
”แม่นางไป๋ข้าจำได้ว่ากฎของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีอยู่ว่า ในระหว่างการแข่งขันจะต้องไม่เข่นฆ่าผู้อื่น …แม้แต่การแข่งขันครั้งนี้ ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำร้ายผู้แข่งขันคนอื่นใช่หรือไม่ ?”
ไป๋หยานเท้าคางพลางเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน
อาภรณ์สีแดงของนางดูเหมือนจะคลุมไปทั่วทั้งเก้าอี้ทำให้ใบหน้าของนางงามล้ำภายใต้พระอาทิตย์อัสดง
”ใช่นี่เป็นกฎของดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
”ถ้าเช่นนั้นข้าขอแจ้งข้อหาแม่นางเฟิงหลวน!” เฉิงหลิวหรี่ตาลง แววตาร้ายกาจมองใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเฟิงหลวน พลางกัดฟันเอ่ยกล่าวว่า “หญิงผู้นี้ นางเคยมีความสัมพันธ์ไม่ดีกับข้า เมื่อเข้ามาในสถานที่ทดสอบ นางก็โจมตีข้า เพื่อทำให้ข้าสูญเสียโอกาสในการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ! นางโกงเช่นนี้ จะมีสิทธิ์เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร ?”
หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้วเขาก็หันไปมองไป๋หยาน”ข้าหวังว่าแม่นางไป๋จะให้ความเป็นธรรมกับข้า !”
ไป๋หยานวางมือลงพลางเลิกคิ้วนางหันไปจ้องมองเฟิงหลวนที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน
”สิ่งที่เขากล่าวมานั้นเป็นความจริงหรือไม่?”
ใบหน้าเฟิงหลวนไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ แววตาของนางไม่ผันแปรแม้แต่น้อย “ข้าเชื่อว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะค้นหาความจริงในเรื่องนี้ได้”
***จบบทหวงเสี่ยวหยิงกับเสี่ยวมี่อยู่ไหนกัน (3)***
บทที่ 862 : หวงเสี่ยวหยิงกับเสี่ยวมี่อยู่ไหนกัน (4)
ความหมายก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่ฟังถ้อยคำของผู้ใดแต่เพียงฝ่ายเดียวนางเชื่อในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ !
ไป๋หยานยิ้มรอยยิ้มนั้นสวยงามมาก กระทั่งทำให้ทุกคนมองตาไม่กระพริบ
ทว่าฐานะของนางนั้นสูงส่งมากกระทั่งผู้คนไม่กล้าแม้แต่จะแอบมอง เช่นนั้นพวกเขาจึงมองไป๋หยานอย่างเคารพ โดยที่ไม่มีอารมณ์อื่นใดอีก
”ข้าพูดความจริง”เฉิงหลิวเย้ยหยัน “ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้มิใช่มีเพียงข้าที่เห็น ในเวลานั้นคนอื่น ๆ ก็เห็นเช่นกัน เจ้าบอกสิว่าข้าพูดความจริง”
ผู้ติดตามเฉิงหลิวไม่คาดคิดว่าเฉิงหลิวจะใส่ร้ายเฟิงหลวน ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าเท่านั้น
”ใช่เฟิงหลวนเป็นหญิงชั่วช้าสารพัดพิษ นางกลัวว่านายน้อยเฉิงหลิวจะขโมยพลังของนางไป เช่นนั้นนางจึงต้องการทำร้ายนายน้อย”
ขณะที่ทุกคนกำลังกล่าวหาเฟิงหลวนนั้น
นับแต่ต้นจนจบเฟิงหลวนกลับไม่แก้ตัวใด ๆ การแสดงออกของนางไม่ต่างจากทะเลสาบที่เงียบสงบ
เฉิงหลิวมองไป๋หยานอย่างพิจารณาทว่าในยามนี้ใบหน้าของไป๋หยานกลับมีรอยยิ้ม นัยน์ตาดำขลับของนางล้ำลึกมาก กระทั่งเขาไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่อยู่ในใจของนางได้เลย
เมื่อนึกถึงความอัปยศที่เฟิงหลวนกระทำกับเขาเขาก็กัดฟันกล่าวต่อว่า “แม่นางไป๋ ไม่รู้ว่าท่านรู้จักเฟิงหลวนหรือไม่ ? นางเป็นราชินีแห่งอาณาจักร เฟิงฉี และ … นางหลงใหลหลานเฉาหลิง ทว่าน่าเสียดายที่หลานเฉาหลิงไม่ได้ชอบนาง เขาจึงปฏิเสธนาง”
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเฉิงหลิวและคนอื่น ๆ จะใส่ร้ายนางเช่นไร นางก็ยังเฉยเมย ทว่าตอนนี้เมื่อนางได้ยินชายคนนั้นเปิดเผยอดีตอันเป็นจุดอ่อนของนางต่อหน้าสาธารณะชน ใบหน้าที่สวยงามของนางก็ซีดเซียว
เฉิงหลิวเหลือบมองเฟิงหลวนหลังจากเห็นความตื่นตระหนกในแววตาของนาง เขาก็เย้ยหยันต่อว่า “สตรีเช่นนี้ย่อมไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ! แม่นางไป๋ในฐานะลูกพี่ลูกน้องของนายน้อยแห่งตระกูลหลาน ท่านต้องไม่อนุญาตให้คนเช่นนี้เข้าเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ !”
ร่างของเฟิงหลวนสั่นสะท้านไม่หยุดการแสดงออกของนางแลดูน่าเกลียดมาก นางกำมือแน่น
สตรีบนเวทีสูงนั่นคือลูกพี่ลูกน้องของหลานเฉาหลิง! เฉิงหลิวเปิดเผยเรื่องของข้าต่อหน้านาง
ต่อจากนี้ไปลูกพี่ลูกน้องของเฉาหลิงจะปฏิบัติต่อข้าเช่นไร?
”อีอี้”ในที่สุดไป๋หยานก็เปิดปาก เมื่อเสียงนั้นหลุดออกมาสถานที่นั้นก็เงียบสงบลง “ข้าไม่รู้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเราตกต่ำถึงจุดที่คนนอกมาชี้นำได้แล้วกระนั้นรึ ?”
ชั่วขณะนี้แม้เข็มตกเบา ๆ ก็ยังได้ยิน
ใบหน้าที่พึงพอใจของเฉิงหลิวก็แข็งค้างไปด้วยถ้อยคำเหล่านี้
นัยน์ตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจทั้งเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ไหนว่าไป๋หยานเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลานเฉาหลิงนางควรต้องปกป้องญาติสนิทของนางสิ เหตุใดหลานเฉาหลิงถูกหญิงผู้นี้คอยตามตื๊อ หากแต่นางกลับไม่ไล่หญิงผู้นี้ออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล่ะ
”แม่นางไป๋ข้า … ข้าเป็นห่วงคุณชายใหญ่ตระกูลหลาน รวมถึงแม่นางไป๋เองด้วย อย่างไรก็ตาม เฟิงหลวนไม่เพียงแต่ละเมิดกฎเท่านั้น ทว่านางยังหมกมุ่นปรารถนาแต่คุณชายหลาน กระทั่งข้าทนดูไม่ได้ เช่นนั้นข้าจึงได้ออกมาเรียกร้องเพื่อความยุติธรรม”
แววตาที่เยือกเย็นของไป๋หยานกวาดไปมองเฉิงหลิวก่อนจะค่อย ๆ ยกมุมปากขึ้นเอ่ยกล่าวว่า “ไม่ว่านางจะละเมิดกฎหรือไม่ ทว่าการตัดสินใจเป็นอำนาจของข้า เพียงคำพูดของเจ้ากับลูกน้อง เจ้าจะให้ข้าลงโทษนาง มันดูแปลก ๆ นะ !”
”นอกจากนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์มาบอกว่าข้าควรทำอย่างไร ไม่ใช่เรื่องของเจ้าที่จะมาชี้นำข้า !”
น้ำเสียงของนางเบามากทว่าก็หนักแน่นมาก ชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจด้วยกลัวว่าพวกเขาจะติดร่างแหไปด้วย
***จบบทหวงเสี่ยวหยิงกับเสี่ยวมี่อยู่ไหนกัน (4)***
บทที่ 863 : เปิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ / มังกรหลังกระโดง (1)
ใบหน้าของเฉิงหลิวเปลี่ยนไปเขาไม่คาดคิดว่า เมื่อเขาเปิดเผยความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของเฟิงหลวนกับหลานเฉาหลิงแล้ว ไป๋หยานจะตอบกลับเขาเช่นนี้ !
”แม่นางไป๋เมื่อไม่นานมานี้ท่านกล่าวเองว่าจะไม่มีการเล่นพรรคเล่นพวกในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นเหตุใดเวลานี้ท่านจึงปกป้องนาง” เฉิงหลิวกำหมัดแน่น หัวใจของเขาสั่นเทา ทว่าตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกแล้ว
ไป๋หยานยกรอยยิ้มที่สวยงามขึ้นอีกครั้ง”เข้าใจยากจริง ๆ … เจ้าคงไม่รู้สินะว่าในสถานที่ทดสอบมีสายตานับไม่ถ้วนจับจ้องเจ้าอยู่ ? คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าทำอะไรในสถานที่ทดสอบนั่น ?”
”ท่านกำลังพูดเรื่องอะไร?” เฉิงหลิวหน้าซีด
ไป๋หยานหมายถึง สิ่งที่เขาทำในดินแดนลับนั่นอยู่ในสายตาของคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์กระนั้นรึ ?
เป็นไปได้อย่างไร?
ครู่หนึ่งขาของเฉิงหลิวก็อ่อนลงเล็กน้อยเขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวจนต้องจับมือบ่าวรับใช้ข้าง ๆ เพื่อพยุงตัวให้มั่นคง ความตื่นตระหนกปรากฏบนใบหน้าของเขา
ไป๋หยานเอนหลังลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้านนางสะบัดศีรษะกระทั่งเรือนผมดำงามสยาย งามจนไม่อาจบรรยาย
”เช่นนั้นเมื่อครู่นี้ ข้าจึงให้โอกาสเจ้า ว่าเจ้าจะสารภาพเอง…หรือ … ”
ตุ้บ!
ในที่สุดเฉิงหลิวก็อดไม่ได้ที่จะเข่าทรุดเขาคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋หยาน เหงื่อเย็นไหลชุ่มโชกเสื้อของเขา
ความสิ้นหวังเพิ่มขึ้นในหัวใจเขาหลับตาลงเล็กน้อย รอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏอยู่บนใบหน้า
เสร็จแล้วครานี้เขาจบสิ้นแล้ว !
ไม่รอให้เฉิงหลิวได้กล่าวคำใดต่อบรรดาผู้ติดตามที่อยู่ข้างหลังเขาก็ไม่อาจทนแรงกดดันจากไป๋หยานได้ พวกเขารีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว
“แม่นางไป๋เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา เป็นเพราะนายน้อยเฉิงสั่งเราทำ โปรดปล่อยเราไปเถอะ พวกเราไม่กล้าฝ่าฝืนกฎอีกต่อไปแล้ว”
ทุกคนพากันโขกศีรษะคำนับเสียงดังสนั่นฟ้า กระแทกกระทั่งพื้นเกือบจะเป็นรูขนาดใหญ่ ท่าทีของพวกเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เพราะกลัวว่า ไป๋หยานจะสำเร็จโทษพวกเขา !
ครั้นเฉิงหลิวเห็นว่าคนเหล่านี้ไม่ปกป้องเขาแล้วเขาก็ใจสั่นลืมตาขึ้นเบา ๆ แววตาของเขาไม่ได้มีประกายชั่วร้ายเฉกเช่นเดิมอีกต่อไป ทว่ากลับแทนที่ด้วยความสิ้นหวังลึก ๆ
เขามองขึ้นไปที่ไป๋หยานอย่างละอายพลางสงสัยว่าเขาจะได้รับการลงโทษแบบใด ? ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะทำเช่นไรกับเขาต่อไป ?
ฉู่อีอี้มองเฉิงหลิวก่อนจะหันหน้ามามองสตรีที่แลดูเกียจคร้านทว่าทรงอำนาจข้างกายนาง พลางเอ่ยถามว่า “ไป๋หยาน…เหตุใดข้าถึงไม่รู้ว่ามีสายตานับไม่ถ้วนจับจ้องมองพวกเขาในสถานที่ทดสอบล่ะ ? เจ้าส่งคนไปตั้งแต่เมื่อไรกัน ?
ไป๋หยานยักไหล่ยกยิ้ม”ข้าเพียงล้อเล่น ผู้ใดจะรู้ว่าเขาไม่ตลกด้วยล่ะ”
ล้อเล่นกระนั้นรึ?
พวกที่กำลังคำนับต่างก็หยุดการแสดงออกของเฉิงหลิวพลันแข็งค้าง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ เขาจ้องมองสตรีในอาภรณ์สีแดงที่กำลังลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ ยามนี้ พวกเขาแทบลืมหายใจ …
นางเพิ่งกล่าวว่าถ้อยคำของนางเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นงั้นหรือ ?
และพวกเขากลับรับสารภาพออกมาเสียเองเพราะเรื่องล้อเล่นนี้หรือ
”ชิงหง…เจ้าคงรู้ว่าจะจัดการกับคนเหล่านี้อย่างไรนะ?” ไป๋หยานเหยียดแขนอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็เดินลงจากเวทีสูงอย่างช้า ๆ “อีอี้พวกเราไปกันเถอะ”
ฉู่อีอี้ตามหลังไป๋หยานที่ผละจากไปอย่างรวดเร็วปล่อยให้กลุ่มของเฉิงหลิวยังคงตะลึงงัน หลังจากนั้นความเย็นยะเยือกก็คลอบคลุมหัวใจ พวกเขาตัวสั่นสะท้าน ขณะที่หันไปมองชิงหงผู้ซึ่งไม่รู้มายืนอยู่ข้าง ๆ พวกเขาตั้งแต่เมื่อใด ?
”ท่าน… ท่านอาจารย์ชิงหง” เฉิงหลิวกลืนน้ำลายอย่างแรง
ไม่รอให้เขากล่าวคำใดต่อน้ำเสียงเย็นชาของชิงหงก็ดังมาพร้อมกับสายลม…
***จบบทเปิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ / มังกรหลังกระโดง (1)***
บทที่ 864 : เปิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ / มังกรหลังกระโดง (2)
”กล้ามากนะกล้าใส่ร้ายคนอื่น ทั้งยังคิดจะหลอกลวงแม่นางไป๋ ! พวกเจ้าจับคนเหล่านี้ไป ! อย่าให้หลุดรอดไปได้แม้แต่คนเดียว !”
”ขอรับอาวุโสชิงหง !”
ผู้ที่ติดตามชิงหงรับคำสั่งพลางก้าวไปข้างหน้าเพื่อโอบล้อมเฉิงหลิวและคนของเขา
ครั้นตกอยู่ในวงล้อมพวกเขาก็ยากที่จะหลบหนี เช่นนั้นร่างของเฉิงหลิวจึงทรุดลงกับพื้นอีกครั้ง ความสิ้นหวังปรากฏในแววตาของเขา …
*****
หลังออกมาจากสถานที่แห่งนั้นแล้วไป๋หยานก็ไม่ได้กลับเข้าสู่เกาะศักดิ์สิทธิ์อีก จากที่ไกลออกไป นางเห็นเจิ้งฉีรอทักทายนางอยู่ที่ประตู
ไป๋หยานขมวดคิ้วก่อนจะค่อย ๆ เดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ “ท่านอาจารย์กำลังรอข้าอยู่กระนั้นหรือ ?”
”การแข่งขันทดสอบสิ้นสุดลงแล้วใช่หรือไม่?” แววตาของเจิ้งฉีเปล่งประกายขณะเอ่ยถาม
ไป๋หยานพยักหน้าน้อยๆ “เพิ่งจะจบไป”
”เยี่ยมมาก!” เจิ้งฉีถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เมื่อครู่นี้ ท่านประมุขบอกให้ข้ามาหาเจ้าเพื่อแจ้งว่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้เปิดแล้ว ตอนนี้เจ้าสามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้เพื่อฝึกฝนได้ แต่ก่อนอื่นขอเตือนเจ้าว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้นั้นอันตรายมาก เจ้าต้องระวังตัวให้ดี”
ในความเป็นจริงอันตรายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้นั้นเป็นอย่างไร เกรงว่าเจิ้งฉีเองก็ไม่ชัดเจนนัก หากแต่เขารู้ว่าคนที่เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้นั้นจะต้องผจญความตายนับสิบครั้ง !
”ดี”
แววตาของไป๋หยานสว่างไสวขึ้นหลังจากเห็นความกังวลของเจิ้งฉี นางก็ตบไหล่เขา
”อย่ากังวลเลยข้าไม่เป็นไรหรอก ทว่าเมื่อข้าไม่อยู่ ท่านต้องฝึกฝนการปรุงยา ห้ามอู้นะ!
เจิ้งฉีหัวเราะร่า”ศิษย์รัก เจ้าไม่เชื่อใจอาจารย์ของเจ้าเลย มีเพียงเจ้าสามเท่านั้นที่ขี้เกียจ !”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้แล้วไป๋หยานก็ไม่กล่าวคำใดอีก ที่สุดนางก็มองเจิ้งฉี ก่อนที่จะเดินไปยังลานบ้านของท่านประมุข
ฉู่อีอี้จ้องมองด้านหลังของไป๋หยานที่เดินจากไปด้วยสายตาว่างเปล่างุนงง”ผู้อาวุโสใหญ่ นางจะกลับมาได้จริง ๆ หรือ ? ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดบิดาของข้าจึงยอมให้นางไปยังสถานที่อันตรายเช่นนั้น ?”
แววตาของเจิ้งฉีพลันเศร้า”ท่านประมุขกล่าวว่า บางทีอาจจะมีนางเพียงผู้เดียวที่สามารถเดินออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ได้อย่างปลอดภัย ข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของหยานเอ๋อแล้ว นางจะสร้างปาฏิหาริย์ให้โลกนี้”
เขาเคยเห็นแล้วว่าหญิงผู้นี้ไม่ใช่แค่ปลาคาร์พในสระน้ำ ทว่าวันหนึ่งนางจะกลายร่างเป็นมังกรและบินขึ้นสู่ท้องฟ้า !
เช่นนั้นนางจึงเป็นสิ่งมหัศจรรย์เพียงสิ่งเดียวในโลกนี้!
ฉู่อีอี้กัดริมฝีปาก “หากไป๋หยานกลับมาไม่ได้จริง ๆ แล้วล่ะก็ ข้าจะตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกเสีย แล้วข้าจะหนีไปอยู่กับพี่ชายของข้า ทั้งจะไม่กลับมาดูแลเขายามแก่เฒ่าอีกด้วย !”
ในตอนนั้นผู้ใดใช้ให้บิดาของนางบอกไป๋หยานเกี่ยวกับเรื่องดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ล่ะ ทั้งมาตอนนี้ก็ยังอนุญาตให้นางไปที่นั่นอีก
ผู้ที่เคยไปยังสถานที่ที่อันตรายแห่งนั้นไม่เคยได้รอดชีวิตกลับมาเลย !
หากไป๋หยานต้องเผชิญหน้ากับอันตรายใดๆ … พี่ชายของนางต้องเป็นบ้าไปด้วยแน่นอน !
เจิ้งฉีถอนหายใจอย่างนุ่มนวลแม้ว่าเขาจะกล่าวออกไปเช่นนั้น ทว่าเมื่อลูกศิษย์คนเดียวของเขาวางแผนจะไปยังสถานที่ที่อันตรายเช่นนั้น อาจารย์อย่างเขา จะไม่ใจเสียได้อย่างไร ?
“นี่เป็นทางที่หยานเอ๋อเลือกแล้วและเด็กคนนี้ก็มักจะมีความคิดเป็นของตนเอง ข้าเป็นอาจารย์นาง ไม่สามารถขัดขวางทางของนางได้” เจิ้งฉียิ้มอย่างขมขื่น เขาหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ข้างหลัง พลางกล่าวว่า “อีอี้ ไปกันเถอะ ใช้เวลาไม่นานหรอกเดี๋ยวนางก็กลับออกมา ”
มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างช่วงเวลาบนแผ่นดินใหญ่และดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้หนึ่งเดือนในแผ่นดินใหญ่ เท่ากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้หนึ่งปี เช่นนั้นเขาจึงบอกว่า ใช้เวลาไม่นานที่ไป๋หยานจะกลับออกมา …
***จบบทเปิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ / มังกรหลังกระโดง (2)***
บทที่ 865 : เปิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ / มังกรหลังกระโดง (3)
ฉู่อีอี้พยักหน้าอย่างเข้าใจ”เช่นนั้นข้าจะไปหาเฉินเอ๋อ ไป๋หยานไม่อยู่ ข้าจะต้องดูแลเฉินเอ๋อแทนนาง”
ครั้นได้ยินว่าฉู่อีอี้กำลังจะไปดูแลไป๋เสี่ยวเฉินเป็นการส่วนตัวใบหน้าชราของเจิ้งฉีพลันกระตุกไปสองสามครั้ง เขารีบจับมือฉู่อีอี้พลางหัวเราะ “ไม่จำเป็นหรอกเหรินอี้ และฉิวชู่หรงจะดูแลเขาเอง เจ้าไม่ต้องกังวล ”
ปล่อยไป๋เสี่ยวเฉินไว้กับฉู่อีอี้น่ะรึ? นอกจากจะพาเด็กน้อยไปวางเพลิงแล้ว นางยังจะทำอะไรได้อีก ? เช่นนั้นเพื่อรักษาสมบัติต่าง ๆ ให้อยู่คู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาจะต้องไม่ปล่อยให้หญิงผู้นี้เข้าใกล้ไป๋เสี่ยวเฉิน
ฉู่อีอี้ไม่คิดอะไรมากนักหลังจากเจิ้งฉีปล่อยมือ นางก็หันหลังกลับอย่างเชื่อฟังและผละจากไป
*****
ในป่าดอกท้อหน้าเกาะศักดิ์สิทธิ์ฉู่หรานไพล่มือข้างหนึ่งไว้ข้างหลัง ไม่รู้ว่าจะกล่าวคำใดดีกับผู้อาวุโสข้างกายเขา ชั่วขณะนั้นเขาก็เห็นสตรีผู้หนึ่งเดินช้า ๆ มาจากด้านหลัง นางก้าวมาพร้อมด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปากแดง ๆ ของนาง
”ไป๋หยานเจ้ามาแล้วหรือ ?”
ไป๋หยานเดินมาหยุดที่ด้านหน้าของฉู่หรานพลางพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าได้ยินจากท่านอาจารย์ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้เปิดแล้ว”
”ใช่”ฉู่หรานขมวดคิ้ว เขามองไปข้างหน้าอย่างกังวลเล็กน้อย “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้นี้แตกต่างจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์น้อย กล่าวได้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์น้อยเป็นเพียงแดนจำลองจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ เช่นนั้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์น้อย หากเกิดอันตรายใด ๆ เจ้าก็สามารถหายตัวออกมาได้ ทว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้แตกต่างไป … ”
เขาหยุดพูดพลางถอนหายใจ “หากเจ้าทิ้งชีวิตไว้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ ในโลกนี้ก็จะไม่มีตัวตนของเจ้าอีกต่อไป เช่นนั้น ไป๋หยาน เจ้าพร้อมที่จะเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้หรือไม่ ?”
“ความมั่งคั่งและเกียรติยศล้วนเป็นที่ต้องการของทุกผู้คน ข้า…ไป๋หยานเองก็เช่นกัน ทั้งข้าก็ไม่ใช่คนขี้ขลาด”
อันตรายแล้วไง?
นางต้องกลัวสิ่งใด?
”ฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉู่หรานหัวเราะลั่น เขาตบไหล่ของไป๋หยานด้วยสีหน้าชื่นชม “ฉู่หรานดูคนไม่ผิด ข้าเชื่อว่าเจ้าจะเป็นคนเดียวที่สามารถรอดออกมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ได้อย่างปลอดภัย ?”
ไป๋หยานยิ้มน้อยๆ “ท่านประมุขในระหว่างที่ข้าไม่อยู่ รบกวนท่านช่วยดูแลเฉินเอ๋อ และเสี่ยวหลงเอ๋อด้วย”
”สบายใจเถอะข้าปฏิบัติต่อเฉินเอ๋อเหมือนหลานของข้าตลอดมา ไม่มีผู้ใดกล้าพอที่จะสร้างปัญหาให้กับเขาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นแน่” ฉู่หรานรับปาก
ไป๋หยานละอายใจนางไม่ได้กังวลว่าจะมีผู้ใดรังแกไป๋เสี่ยวเฉิน หากแต่นางเป็นห่วงว่าไป๋เสี่ยวเฉินจะไปรังแกผู้อื่น …
”นอกจากนี้ท่านห้ามให้ฉู่อีอี้ดูแลเฉินเอ๋อด้วย”
หากไป๋เสี่ยวเฉินอยู่ในมือของฉู่อีอี้กว่านางจะกลับออกมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ บางทีดินแดนศักดิ์สิทธิ์น้อยทั้งหมดอาจจะกลายเป็นซากปรักหักพังพินาศไปหมดแล้ว …
”ข้ารู้แล้ว”
ฉู่หรานพยักหน้าอย่างเข้าใจ
แม้จะไม่ได้รับความไว้วางใจจากไป๋หยานเขาก็จะห้ามไม่ให้ฉู่อีอี้ยุ่งเกี่ยวกับไป๋เสี่ยวเฉินมากเกินไป หาไม่ … ไม่ต้องถึงครึ่งเดือน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์คงต้องสร้างขึ้นใหม่
บุตรสาวของเขาไม่มีทักษะอื่นนางชำนาญเพียงเรื่องสร้างความวุ่นวายเท่านั้น
”ข้าต้องไปแล้ว”
หลังกล่าวจบไป๋หยานก็หันไปมองกระจกสีเงินที่มีแสงสีขาวอยู่ด้านหน้านางเดินช้า ๆ ตรงเข้าไปหากระจก
ทันทีที่นางก้าวเข้าไปในกระจกแสงของกระจกพลันหายไป กลายเป็นกระจกธรรมดา ๆ ตั้งนิ่ง ๆ อยู่ในป่าดอกท้อ …
“ท่านประมุข…จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นจริงหรือ?” สีหน้าของผู้อาวุโสเคร่งเครียด อีกทั้งหวาดกลัว “หากแม่นางไป๋เป็นอะไรไป เท่ากับทำลายความหวังของผู้อาวุโสทั้งสามเลยนะ”
ฉู่หรานเลิกคิ้ว”เจ้าลืมความสามารถของไป๋หยานในดินแดนศักดิ์สิทธิ์น้อยแล้วกระนั้นหรือ ? นางเป็นคนเพียงผู้เดียวที่สามารถอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์น้อยมาได้นานหลายเดือนเลยนะ … และ … ”
***จบบทเปิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แท้ / มังกรหลังกระโดง (3)***