จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – บทที่ 856 -860

บทที่ 856 -860

บทที่ 856 : รับท่านน้าข้าไปเถอะ (2)
บูม!
ถ้อยคำของสาวใช้ทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่าต่างมองหน้าซีด ๆ ของกัน และกันพูดไม่ออก
เพื่อตำแหน่งฮั่วหยุนฆ่าอัจฉริยะนับไม่ถ้วนของพรรคฮั่วหยัน แม้แต่น้องชายของนางเอง ช่างไร้สาระมากที่พวกเขาเคยคิดว่าหญิงผู้นี้ใจดี และอ่อนโยน
”หุบปากเจ้าหุบปากเลยนะ !”
ร่างของฮั่วหยุนสั่นไหวแววตาของนางมีร่องรอยของความหวาดกลัว ร่างของนางอ่อนยวบ นางจิกเล็บฝังแน่นไปในเนื้อตนเอง
อย่างไรก็ตาม… นัยน์ตาสีแดงราวเลือดคู่นั้นของนางก็จ้องมองไปที่สาวใช้ราวกับอยากจะกินเลือดกินเนื้อถลกหนังของสาวใช้ออกมา เพื่อบรรเทาความเกลียดชัง !
“เอ๊ะ! ปรากฎว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในพรรคฮั่วหยัน ไม่รู้ว่าหัวหน้าพรรคเจ้าจะรู้เรื่องนี้หรือไม่นะ ?” ฉู่อีอี้ยิ้มเยาะ นางมองฮั่วหยุนด้วยสายตาดูหมิ่น พลางยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย
สาวใช้นางนั้นก้มศีรษะลงโดยไม่สนใจสายตาเกลียดชังของฮั่วหยุนเอ่ยกล่าวต่อว่า “นายท่านรู้แเพียงว่าคุณหนูสังหารอัจฉริยะเหล่านั้น หากแต่นายท่านไม่รู้ว่าคุณชายน้อยเองก็ตายด้วยน้ำมือของคุณหนูเช่นกัน ข้าติดตามรับใช้คุณหนู ทำงานให้นางมาตั้งแต่เด็ก จึงได้รู้เรื่องต่าง ๆ มากมาย แม้แต่เรื่องที่คุณหนูสังหารคุณชายน้อย ครั้นคุณหนูขู่ว่าจะสังหารน้องชายของข้า ข้าก็จำต้องปกปิดความผิดให้นาง”
นางเองก็มีส่วนร่วมกับการตายของคุณชายน้อยหากเรื่องนี้รู้ถึงหูหัวหน้าพรรค นางก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย และน้อยชายของนางก็คงหนีไม่พ้นความตาย
ทว่าตอนนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วนางไม่กลัวความตายตราบเท่าที่น้องชายของนางรอด นางยินดีทำทุกอย่าง !
”อีอี้”
เสียงของไป๋หยานดังมาจากด้านหลังทำให้ฉู่อีอี้หยุดแล้วหันไปมองใบหน้าอันสวยงาม พลางกระพริบตาอย่างนุ่มนวล “ไป๋หยาน เจ้าเรียกข้าหรือ ?”
”ข้าส่งคนของพรรคฮั่วหยันกลับไปส่วนเจ้าก็ส่งคนไปที่พรรคฮั่วหยันเป็นการส่วนตัว แจ้งว่า … ฮั่วหยุนต้องการจะสังหารข้า ให้หัวหน้าพรรคฮั่วหยันจัดการกับนางเอง อย่าลืมบอกหัวหน้าพรรคฮั่วหยันถึงสิ่งที่นางทำด้วยล่ะ”
นัยน์ตาของฮั่วหยุนมีประกายตื่นตกใจหากพวกเขาบอกให้บิดาของนางรู้ว่าการตายของน้องชายนางเกิดจากนาง บิดาของนางย่อมจะไม่มีวันปล่อยนางไว้แน่ !
”ไม่! ข้าไม่ต้องการกลับไปที่พรรคฮั่วหยัน ข้าไม่ไป !”
ในขณะที่คำพูดนี้จบลงศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สองคนก็ก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็ลากนางออกไปจากงานชุมนุม พร้อมเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดรวดร้าวแว่วมากระทั่งเงียบหายไป
แน่นอนว่าสาวใช้เองก็ถูกลากตัวไปด้วยทว่าก่อนที่จะถูกนำตัวออกไป ฉู่อีอี้ก็บอกว่า นางจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวผ่อนคลายลง และขอบคุณฉู่อีอี้และไป๋หยาน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานางเบื่อหน่ายกับสิ่งที่ฮั่วหยุนทำทว่าน่าเสียดายที่ชีวิตของน้องชายตกอยู่ในกำมือฮั่วหยุน นางจึงต้องเชื่อฟังนายหญิง มาถึงตอนนี้นางก็โล่งใจแล้ว …
อย่างน้อยก็ไม่ต้องติดตามฮั่วหยุนเพื่อทำสิ่งชั่วร้ายที่น่าชัง
”ทุกอย่างจบลงแล้วตอนนี้ถึงเวลาสำหรับการแข่งขันอย่างเป็นทางการ” ไป๋หยานก้าวขึ้นเวทีสูง ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งอย่างสงบ พลางมองไปรอบ ๆ แลดูผู้คนที่ยังยืนนิ่งอยู่ เสียงของนางบางเบาราวกับล่องลอยมาจากสวรรค์
”การแข่งขันครั้งนี้จำกัดเวลาเพียงครึ่งเดือนข้าจะสั่งให้คนเปิดอาณาเขตลับในภายหลัง พวกเจ้าต้องไปยังอาณาเขตลับผู้รอดชีวิตไม่ตายภายในครึ่งเดือนนี้ จึงจะมีสิทธิ์เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
ผู้ที่มีความแข็งแกร่งน้อยเอ่ยถามเสียงอ่อนว่า”จะเกิดอะไรขึ้นหาก … ตาย?”
”ก็แค่พลังทางจิตวิญญาณของเจ้าไม่ใช่เนื้อหนังแท้จริงที่เข้าสู่อาณาเขตลับที่ใช้ทดสอบเช่นนั้นต่อให้เจ้าตายในที่ทดสอบ มันก็จะไม่สร้างความเสียหายให้กับกายเนื้อของเจ้า ทว่าเจ้าจะต้องนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงเป็นเวลาหนึ่งเดือนหลังจากเจ้าตาย จากนั้นจึงจะออกจากสถานที่ทดสอบได้ และนั่นเป็นการพิสูจน์ว่าเจ้าพ่ายแพ้ในการแข่งขัน !”
***จบบทรับท่านน้าข้าไปเถอะ (2)***

บทที่ 857 : รับท่านน้าข้าไปเถอะ (3)
ไป๋หยานลุกขึ้นยืนอย่างเฉยเมยอาภรณ์สีแดงภายใต้แสงแดดยามเที่ยง ยิ่งแลดูงดงาม
“ข้าได้เตรียมอาวุธสำหรับพวกเจ้าไว้แล้วหลังจากหยิบอาวุธขึ้นมา ข้าจะพาพวกเจ้าออกเดินทางไปยังสถานที่ทดสอบทันที !”
“ขอรับแม่นางไป๋”
ทุกคนกล่าวด้วยเสียงอันดังและทรงพลัง มีความคาดหวังเล็กน้อยในแววตาของพวกเขา
ไป๋หยานก้าวลงจากเวทีสูงติดตามด้วยฉู่อีอี้
ทว่า…
ขณะที่นางเดินไปข้างหน้านางกลับต้องชะลอฝีเท้าเล็กน้อย เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างของหญิงสาวในชุดสีชมพูโดยไม่ตั้งใจ หากแต่ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดผิดปกติ นางจึงเดินต่อ
“เฟิงหลวนข้าขอแนะนำว่าเจ้าเป็นผู้หญิงของข้าเถิด แล้วข้าจะปกป้องเจ้าเอง !”
ครั้นไป๋หยานและคนอื่นๆ จากไปแล้ว ชายที่ยืนอยู่ถัดจากหญิงสาวในชุดสีชมพูก็กล่าวเยาะ แววตาของเขาแลดูน่ากลัว อีกทั้งเจ้าเล่ห์ “หาไม่แล้วด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า ข้าเกรงว่า … เพียงวันแรกเจ้าก็คงทนไม่ไหวแล้ว”
เฟิงหลวนขมวดคิ้วนางมองเขาอย่างเบื่อหน่ายแกมระอา
หลังนางออกจากอาณาจักรเฟิงฉีโดยไม่ลังเลนางเพียงต้องการเดินทางอย่างสงบสุข ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับชายน่ารำคาญคนนี้ ช่างโชคร้ายจริง ๆ
เมื่อหวนนึกถึงสิ่งนี้แล้วแววตาที่สวยงามของเฟิงหลวนก็เย็นชาลง นางสะบัดแขนเสื้อ เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
“อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนกันถึงมาแสดงท่าทางเย่อหยิ่งเช่นนี้ ? ก็แค่จักรพรรดินีจากอาณาจักรเล็ก ๆ กล้าไม่ไว้หน้าข้า !” แววตาของชายผู้นั้นเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกพร้อมรอยยิ้มเยาะ “ไม่ช้าก็เร็ว ข้า จะทำให้เจ้าต้องมาซบตรงเป้าของข้า !”
หลังจากไป๋หยานออกจากสถานที่นั้นแล้วฉู่อีอี้ก็ไล่ตามไปติด ๆ จากนั้นก็เดินตีคู่ไปกับนาง
“ไป๋หยานหญิงผู้นั้น … เจ้ารู้จักหรือ ?”
คนอื่นอาจไม่ได้สังเกตสายตาของไป๋หยานทว่าไม่ใช่ฉู่อีอี้ นางสังเกตได้ว่าหากเป็นสถานการณ์ปกติ ไป๋หยานมักจะไม่สนใจมองคนแปลกหน้า การที่ไป๋หยานปฏิบัติเช่นนั้น แสดงว่าหญิงผู้นั้นจะต้องเป็นคนที่นางรู้จัก
ไป๋หยานหยุดพลางจิกริมฝีปากเล็กน้อย “ข้าไม่รู้จัก”
“ถ้าเช่นนั้นเหตุใด… “
“ข้าไม่รู้จักนางไม่ได้หมายความว่า คนอื่นก็ไม่รู้จักด้วย” ไป๋หยาน หันมามอง ฉู่อีอี้ “เจ้าจำลูกพี่ลูกน้องของข้า หลานเฉาหลิง ได้หรือไม่ ?”
ฉู่อีอี้กระพริบตา“หญิงผู้นี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่เฉาหลิงหรือ ?”
“อืม”ไป๋หยานหรี่ตา “นางคือจักรพรรดินีเฟิงหลวน แห่งอาณาจักรเฟิงฉี และพี่เฉาหลิงก็เป็นสหายสนิทของนาง เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นางสารภาพรักกับพี่เฉาหลิงทว่าถูกเขาปฏิเสธ นับแต่นั้นมานางก็หายตัวไป ข้าเองก็ไม่ได้คาดหวังว่านางจะมาปรากฏตัวที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา”
นัยน์ตาของฉู่อีอี้เบิกกว้างอย่างตกใจ“จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรเฟิงฉีชอบพี่เฉาหลิงงั้นรึ ? นางงดงามถึงเพียงนี้เหตุใดพี่เฉาหลิงจึงไม่ยอมรับนางล่ะ ?”
“ข้าไม่คิดว่าพี่เฉาหลิงจะไม่ชอบจักรพรรดินีเฟิงหลวนบางทีอาจจะมีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้นในตระกูลหลาน ทำให้พี่เฉาหลิงคิดว่าเขาไม่คู่ควรกับจักรพรรดินีเฟิงหลวน จึงพยายามปฏิเสนางตลอดมา ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ข้าให้สำนักเวชโอสถช่วยดูแลตระกูลหลาน ทำให้ตระกูลหลานมีความแข็งแกร่งมากขึ้น พี่เฉาหลิงต้องการตามหาจักรพรรดินีเฟิงหลวน ทว่านางก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย”
ฉู่อีอี้เอียงคอเล็กๆ พลางหันไปมองไป๋หยานอย่างสงสัย : “ไป๋หยาน เหตุใดเจ้าถึงรู้เรื่องละเอียดนักล่ะ ?”
“อย่าลืมสิว่าหอบุปผาเป็นของข้า ในอาณาจักรแห่งนี้ จะมีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้บ้างเล่า ?” ไป๋หยานยิ้มกว้างพลางบีบจมูกเล็ก ๆ ของฉู่อีอี้พร้อมรอยยิ้มในแววตานาง
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น… เจ้าก็จะบอกเฟิงหลวนเรื่องพี่เฉาหลิงใช่หรือไม่ ?”
***จบบทรับท่านน้าข้าไปเถอะ (3)***

บทที่ 858 : รับท่านน้าข้าไปเถอะ (4)
”ไม่ข้าไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกของคนอื่นยิ่งไปกว่านั้น เรื่องเช่นนี้ต้องแก้ไขด้วยตนเอง ทว่า … ” ไป๋หยานหยุดพูด ริมฝีปากของนางเผยรอยยิ้ม “เจ้าควรแจ้งพี่เฉาหลิงว่า … เฟิงหลวนอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแล้ว”
”ได้”
แววตาของฉู่อีอี้สว่างไสว
ตอนที่นางอยู่ในอาณาจักรหลิวฮั่วนางรู้สึกดีกับตระกูลหลาน เพราะพวกเขารักไป๋หยานและบุตรชายมาก นอกจากนี้พวกเขาก็ยังเอาอกเอาใจนางมากเช่นกัน
บางทีอาจเป็นเช่นที่คนโบราณกล่าวไว้คนทำดีก็ย่อมได้รับผลดี ทำให้ตระกูลหลานได้รับเกียรติยศมากมายในปัจจุบัน หากพวกเขาไม่ดีกับไป๋หยาน สำนักเวชโอสถก็คงจะไม่ดูแลตระกูลหลานอย่างดีด้วยสำนึกในบุญคุณพวกเขาเช่นนี้
”ว่าแต่… ” ใบหน้าของฉู่อีอี้มีชีวิตชีวายิ่งทำให้งดงามมากกว่าเดิม นางเอ่ยถามว่า “ไป๋หยาน เจ้ามีที่อยู่ของไป๋เซียวหรือไม่ ? ข้าไม่ได้พบเขานานมากแล้ว”
ไป๋เซียว
หัวใจของไป๋หยานสั่นคลอนนางกำมือแน่น หัวใจของนางเต็มไปด้วยความวิตกกังวลไม่จบสิ้น ท้ายที่สุดนางก็ส่ายศีรษะ
”เซียวเอ๋อออกจากอาณาจักรหลิวฮั่วโดยไม่กล่าวคำใดเลย ข้าส่งคนจาก หอบุปผา และสำนักเวชโอสถ ออกตามหาเขาแล้ว ข้าก็ยังไม่รู้ว่าเขาไปที่ใด แต่ข้าเชื่อว่าเมื่อเซียวเอ๋อมีพลังมากพอ เขาจะกลับมาหาข้าอย่างแน่นอน”
นางต้องการให้ไป๋เซียวเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์หากแต่หลังจากได้ยินว่า นางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไป๋เซียวก็ปฏิเสธที่จะอาศัยประโยชน์จากฐานะของนางจึงปฏิเสธข้อเสนอของนาง
ชายหนุ่มต้องการพึ่งพาพละกำลังของตนเพื่อให้การสนับสนุนนาง !
บางทีอาจเป็นเพราะนึกถึงเรื่องดี ๆ ของหนุ่มน้อย ใบหน้าของไป๋หยานจึงแลดูยิ้มแย้มแจ่มใส หัวใจของนางอบอุ่น ราวกับดวงอาทิตย์กำลังส่องประกายอยู่ในใจ
”เจ้าไม่มีที่อยู่ของเขางั้นหรือ?” ฉู่อีอี้ถอนหายใจช้า ๆ อย่างผิดหวัง
ไป๋หยานจ้องมองสีหน้าผิดหวังของฉู่อีอี้แววตาของนางส่องประกาย นางกุมไหล่ของฉู่อีอี้ ร่องรอยแห่งความดีใจปรากฏในแววตาของนาง “อีอี้ หรือว่าเจ้ากับเซียวเอ๋อ … ”
”อ๊ะ?” ฉู่อีอี้จ้องมองใบหน้าที่มีความสุขของไป๋หยาน นางรับรู้ได้ทันที นางก้าวถอยหลังไปสองก้าวอย่างรวดเร็ว รีบร้อนอธิบายว่า “ไป๋หยาน อย่าเข้าใจผิด … ไป๋เซียวกับข้า เราคบกันอย่างบริสุทธิ์ใจ ข้าเพียงเป็นห่วงเขา”
รอยยิ้มในแววตาของไป๋หยานยิ่งลึกซึ้งกว่าเดิมนางยกมือขึ้นตบไหล่ของฉู่อีอี้ : “แม้ว่าข้าจะเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าไม่ได้ ทว่าเราก็ยังมีโอกาสเป็นครอบครัวเดียวกันได้ นี่เป็นเรื่องที่ดีมากเลย”
”…” ฉู่อีอี้งุนงง
ความเข้าใจผิดของไป๋หยานนั้นล้ำลึกมาก
ไป๋เสี่ยวเฉินเองก็ไม่รู้ว่าโผล่ศีรษะเล็กๆ ของเขามาจากที่ใด ทว่าใบหน้าเล็ก ๆ ที่กลมยุ้ยอมชมพูนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา
”พี่สาวฉู่สนใจเรื่องท่านน้าของข้ามากนางต้องชอบท่านน้าของข้าแน่ ๆ บางทีอีกไม่ช้าเฉินเอ๋อคงจะต้องเรียกว่าน้าฉู่”
”น้าฉู่น้าฉู่”
เสี่ยวหลงเอ๋อตะโกนอยู่ข้างหลังไป๋เสี่ยวเฉินน้ำเสียงอ่อนเยาว์ของนางดังลั่นลานที่ว่างเปล่า ทำให้ฉู่อีอี้เขินอายกระทั่งหน้าแดง
”เฉินเอ๋อเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ เจ้ายังเป็นเด็กอยู่เลยนะ และแม้ว่าข้าจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับไป๋เซียว … ไม่สิ ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลย ข้าเพียงเปรียบเทียบเท่านั้น อย่างไรเสียข้าก็ไม่สามารถเป็นน้าของเจ้าได้หรอก”
เสี่ยวหลงเอ๋อทำหน้าล้อเลียนพลางยิ้ม”ราชินีอยู่ในใจของข้า นางอ่อนโยนกว่ามารดาของข้าเสียอีก และแม้ว่าข้าจะเรียกนางว่าราชินี หากแต่ข้าก็ถือนางเสมือนหนึ่งมารดาของข้ามานานแล้ว”
”น้าฉู่ท่านเห็นว่าน้าของข้าหล่อเหลามีความสามารถไม่เลว ทั้งนิสัยก็ดีมาก แม้ว่าเขาจะค่อนข้างเย็นชากับคนทั่วไป หากแต่ก็แค่กับคนแปลกหน้าเท่านั้น” ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือฉู่อีอี้พลางยิ้มน้อย ๆ ใบหน้าของเขาเบ่งบานราวกับดอกไม้ “เช่นนั้น ท่านก็รีบรับท่านน้าของข้าไปเถอะนะ”
***จบบทรับท่านน้าข้าไปเถอะ (4)***

บทที่ 859 : หวงเสี่ยวหยิงกับเสี่ยวมี่อยู่ไหนกัน (1)
“ไป๋เสี่ยวเฉิน!” ฉู่อีอี้กระทืบเท้าของนางด้วยความโกรธ พลางกัดริมฝีปากสีชมพูเล็ก ๆ ของตน “หากเจ้าพูดเรื่องไร้สาระนี่อีก ข้าจะให้มารดาของเจ้าบังคับเจ้าให้แต่งงานมีภรรยาทันที !”
ชั่วขณะนั้นใบหน้าเล็กๆ ของ ไป๋เสี่ยวเฉิน ก็หดหู่ลงทันที เขาหันไปมองไป๋หยานอย่างเศร้าโศก แววตาของเขาช่างน่าเวทนา “หม่ามี้ … เฉินเอ๋อ ไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีภรรยา เฉินเอ๋ออยากอยู่กับหม่ามี้ตลอดไป”
ไป๋หยานเกือบหลุดหัวเราะนางลูบศีรษะเล็กๆ ของ ไป๋เสี่ยวเฉิน “เจ้าและเสี่ยวหลงเอ๋อไปเล่นกันก่อนเถอะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินรู้สึกโล่งใจเขาเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบใบหน้าของไป๋หยาน การแสดงออกของเขานั้นช่างไร้เดียงสาและน่าเอ็นดู “บ๊ายบาย หม่ามี้”
หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้วเขาก็จับมือเล็ก ๆ ของเสี่ยวหลงเอ๋อ แล้วเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาร่างเล็ก ๆ ก็หายไปจากสายตาของนาง
ไป๋หยานมองตามหลังไป๋เสี่ยวเฉินกระทั่งเขาหายลับตาไป นางจึงหันหน้าพร้อมกับวาดริมฝีปากโค้งขึ้น “อีอี้ เสี่ยวมี่กับหวงเสี่ยวหยิงล่ะ? ข้าบอกให้พวกเขามารอข้าที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดเมื่อข้ามาถึงที่นี่แล้วกลับไม่เห็นพวกเขาเลย ?”
ฉู่อีอี้แตะนิ้วที่ริมฝีปากของนางเบาๆ แลดูช่างน่ารักและน่าหลงใหล “พวกเขาจากไปแล้ว”
”ไป?”
หัวใจของไป๋หยานระส่ำระสายเหตุใดเสี่ยวมี่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของนาง ? ไยมันถึงจากไปก่อนที่นางจะกลับมา ?
”เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาไปที่ใด?”
“ตอนพวกเขาจะออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนพวกเขาจะบอกว่า พวกเขาจะไปตามหาเจ้า ข้าไม่สามารถห้ามพวกเขาได้ !” ฉู่อีอี้เอ่ยปาก นางยิ้ม ขณะคว้าแขนของไป๋หยานเข้ามากอด พร้อมกระพริบนัยน์ตาอันสดใสพลางกล่าวว่า “ไป๋หยาน เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเสี่ยวมี่หรอก เสี่ยวมี่ฉลาดจะตายไป มันไม่เป็นไรหรอก”
ไป๋หยานถอนหายใจอย่างช้าๆ หากแต่นางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นางกล่าวว่า “งัั้นข้าจะกลับไปฝึกฝนก่อน หลังจากการทดสอบสิ้นสุดลง เจ้าค่อยเรียกข้า”
หลังจากกล่าวจบประโยคไป๋หยานก็ทิ้งให้ฉู่อีอี้อยู่คนเดียวในลานแห่งนั้น ส่วนตนเองหันหลังเดินไปทางเกาะศักดิ์สิทธิ์ทันที
*****
เวลาครึ่งเดือนสำหรับผู้ฝึกฝนก็เพียงแค่ลัดนิ้วมือเดียว
ภายในครึ่งเดือนผู้คนจำนวนมากต้องพ่ายแพ้ในสถานที่ทดสอบ พิสูจน์ได้ว่าพวกเขายังไม่มีความสามารถเพียงพอ …
ยามนี้เฟิงหลวนผู้ซึ่งสวมชุดสีชมพู กำลังนั่งขัดสมาธิ กระจายพลังลมปราณออกมานอกกาย นางผ่อนลมหายใจเข้าออกช้า ๆ แลดูงดงามมาก
”เฟิงหลวนที่สุดข้าก็หาเจ้าพบจนได้”
ทันใดนั้นน้ำเสียงที่น่ากลัวก็ดังเข้ามาในโสตประสาท ทำให้เฟิงหลวนค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
หลังจากเห็นกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหน้านางก็ย่นหัวคิ้ว พลางเงยหน้าขึ้นด้วยอาการขยะแขยง เอ่ยถามอย่างเฉยเมย “เหตุใดเจ้าถึงคอยตามหลอกหลอนข้าอยู่ได้ ?”
น้ำเสียงของนางไม่อ่อนหวานเฉกเช่นสตรีทั่วไปทว่าเต็มไปด้วยความอาจหาญ และสง่างาม
”ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ถึงครึ่งเดือน ข้าคิดว่าเจ้าจะพ่ายแพ้ไปแล้วเสียอีก ฮ่าฮ่าฮ่า !” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะสั่งให้คนข้างกาย เข้าโอบล้อมเฟิงหลวน
ครั้นเห็นใบหน้าของเฟิงหลวนเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลันทันทีเขาก็ขยับยกโค้งที่มุมปากอย่างเย็นเยือก ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็ยกมือขึ้นเชยคางของนาง พลางออกแรงบีบแน่น “เฟิงหลวน ขอเพียงเจ้ายอมเป็นผู้หญิงข้า ข้าจะช่วยปกป้องอาณาจักรเฟิงฉีของเจ้า !”
เฟิงหลวนหรี่นัยน์ตาเรียวยาวของนางพลางเชิดริมฝีปากเยาะหยัน นางยกมือขึ้นปัดมือของชายหนุ่มออก
”เฉิงหลิวอย่าใช้มือสกปรกของเจ้าสัมผัสข้า ! ข้า…เฟิงหลวนมีคนในหัวใจอยู่แล้ว เจ้าอย่าได้หวังเลย !”
ราวกับได้ยินเรื่องตลกไร้สาระเฉิงหลิวเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับหัวเราะอย่างดุเดือด
***จบบทหวงเสี่ยวหยิงกับเสี่ยวมี่อยู่ไหนกัน (1)***

บทที่ 860 : หวงเสี่ยวหยิงกับเสี่ยวมี่อยู่ไหนกัน (2)
”คนในหัวใจของเจ้างั้นหรือ? ใช่หลานเฉาหลิงคนของตระกูลหลานหรือไม่ ? ข้ารู้แล้วว่าเจ้าได้สารภาพรักกับหลานเฉาหลิง ทว่ากลับถูกเขาปฏิเสธ เมื่อเขาไม่มีเจ้าอยู่ในหัวใจ เจ้ายังจะคาดหวังอีกหรือว่าสกุลหลานจะสนับสนุนเจ้า ?”
เฉิงหลิวเหลือบมองใบหน้าซีดๆ ของเฟิงหลวน ก่อนจะเดินหน้าเข้าใกล้นางอีกสองก้าว
”เฟิงหลวนเจ้าก็แค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ! อย่างไรเสียตระกูลหลานก็เป็นชนชั้นสูง พวกเขาได้รับการปกป้องจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และสำนักเวชโอสถ โลกนี้อาจมีคนกล้ามีเรื่องกับพรรคสัตว์อสูร ทว่าไม่มีผู้ใดกล้ามีปัญหากับตระกูลหลานเป็นแน่ แล้วเจ้าคู่ควรกับพวกเขาแล้วงั้นหรือ ?”
เฟิงหลวนหลับตาลงช้าๆ
นางรักหลานเฉาหลิงอย่างลึกซึ้งจากการเห็นความพากเพียร และความกล้าหาญของเขา ครานั้นทุกคนในอาณาจักรเฟิงฉีต่างก็ขัดขวางไม่ให้นางมีปฏิสัมพันธ์กับหลานเฉาหลิง เพราะเห็นว่าเขาไม่คู่ควร ทว่าตอนนี้…เมื่อตระกูลหลานยิ่งใหญ่แล้ว
ก็กลายเป็นว่านางต่างหากที่ไม่คู่ควรกับเขา
เหตุที่นางมาเข้าร่วมแข่งขันที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ก็เพื่อพัฒนาตนเอง บางทีเมื่อนางแข็งแกร่งมากพอ นางก็อาจมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะยืนเคียงข้างเขา
เหมือนก่อน…
”ต่อให้ข้าไม่คู่ควรกับเขาแล้วไง?” เฟิงหลวนลืมตาเอ่ยกล่าวอย่างไร้อารมณ์ใด ๆ “แม้ว่าข้าจะไม่ได้รับหัวใจของเขา อย่างไรเสียข้าก็จะไม่ยอมรับเจ้า ไม่รักก็คือไม่รัก ข้ายังยืนยันคำเดิม”
”สุราคำนับมิยอมดื่มต้องดื่มสุราลงทัณฑ์ !” (หมายถึงเรื่องที่ควรทำไม่ยอมทำ ต้องบังคับจึงจะยอมทำ) นัยน์ตาเฉิงหลิวเย็นยะเยือก เขาออกคำสั่งอย่างเย็นชา “จับหญิงผู้นี้มาให้ข้า วันนี้ข้าจะได้ลิ้มรสนาง”
”ขอรับนายน้อย”
ทุกคนก้าวไปข้างหน้ายื่นกรงเล็บราวหมาป่าออกไปจับเฟิงหลวน
ท่าทีของเฟิงหลวนยังคงเยือกเย็นนางกวาดตามองคนที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ อย่างเย็นชา พลางตวาดเสียงดังก้องฟ้า
”ออกไป!”
บูม!
เสื้อผ้าของนางพริ้วไหวสายลมพัดแรงขึ้น กระทั่งผู้คุ้มกันที่พยายามคว้าตัวเฟิงหลวนถึงกับก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ภายใต้เสียงคำรามของนาง พวกเขาตื่นกลัว สีหน้าของพวกเขาค่อนข้างละอายใจ
“พวกเจ้าถอยไปข้าจะจัดการนางเอง !”
ฟุ่บ! เฉิงหลิวเก็บพัดไว้ในมือ ทันใดนั้นเองร่างของเขาก็เหมือนสายลมกระโชกแรงพุ่งไปอยู่ที่ด้านหน้าของเฟิงหลวน กรงเล็บของเขาเปลี่ยนเป็นกรงเล็บนกอินทรีคว้าคอของเฟิงหลวนไว้ !
นัยน์ตาของเฟิงหลวนไม่มีความผันผวนและไม่มีร่องรอยของความสับสนใด ๆ เช่นเคย เว้นแต่ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อหลานเฉาหลิงที่สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาสงบเหมือนเดิม
เมื่อเผชิญหน้ากับกรงเล็บนกอินทรีของเฉิงหลิวนางก็รวบรวมกำลังกระแทกมือใส่เฉิงหลิว พร้อมกับร้องคำรามลั่น
เฉิงหลิวตกตะลึงเขารีบเปลี่ยนทิศทางของการโจมตีทันที พร้อมกันนั้นก็ยกมือขึ้นรับพลังของเฟิงหลวน ชั่วขณะนั้นลำคอของเขาก็ได้รสหวาน และเลือดก็ไหลออกมาจากปากของเขา
”เจ้า… ” เฉิงหลิวมองเฟิงหลวนด้วยความตกใจ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “เหตุใดความแข็งแกร่งของเจ้าถึงได้พัฒนาขึ้นเร็วถึงเพียงนี้ ?”
ก่อนหน้านี้เฟิงหลวนยังตามเขาทว่าตอนนี้ … หญิงผู้นี้แซงหน้าเขาอย่างเห็นได้ชัด !
”ข้าไม่เหมือนเจ้าข้าเข้ามาอยู่ในสถานที่ทดสอบนานครึ่งเดือนแล้ว และนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะพัฒนาตนเอง ทั้งครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ข้าก็ยังไม่หยุดต่อสู้หรือหยุดฝึกซ้อมเลย”
คนหนึ่งคือจักรพรรดินีแห่งอาณาจักรส่วนอีกคนเป็นบุตรชายของสำนักใหญ่อันดับสอง เปรียบเทียบกันแล้ว ทรัพยากรการฝึกฝนของสำนักใหญ่ย่อมจะมากกว่า ทว่าเหตุผลที่เฟิงหลวนไม่ปล่อยให้เฉิงหลิวนำหน้านาง นอกเหนือจากความสามารถของนางแล้ว ก็คือความเพียรพยายามของนางเอง !
หากนางต้องการครองคู่กับหลานเฉาหลิงนางจะต้องฝึกฝนอย่างเต็มที่ และทำให้ดีที่สุด ! นางจะทิ้งโอกาสที่ดีเช่นนี้ได้อย่างไร ?
นัยน์ตาของเฉิงหลิวส่องประกายความหวาดกลัวเขาโบกมือให้นาง “ไปจับนางมา เฟิงหลวนคนเดียว มีหรือจะเอาชนะพวกเราได้ อย่างไรเสียนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา !”
***จบบทหวงเสี่ยวหยิงกับเสี่ยวมี่อยู่ไหนกัน (2)***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท