บทที่ 210 ทรมานเซี่ยฉงฟาง
“บุญคุณที่เลี้ยงดู เผยยวนได้ใช้ชีวิตตอบแทนไปแล้ว หรือว่าข้าตายไปครั้งหนึ่งยังไม่พออีกอย่างนั้นหรือ?”
แน่นอนว่าจื่อเยว่ไม่ได้หมายความเช่นนั้น นางเพียงอยากให้ชีวิตของท่านหญิงซ่างหยางลำบากน้อยลงกว่านี้
“เรื่องมาถึงขั้นนี้ ข้าก็พูดมาขนาดนี้แล้ว ในเมื่อเจ้าไม่อยากหักหลังท่านแม่ ไม่ยอมพูดเรื่องเก่าของนางกับท่านพ่อออกมา นั่นก็เป็นการตัดสินใจของตัวเจ้าเอง”
จื่อเยว่หลับตาลง นางไม่สามารถพูดออกมาได้จริง ๆ เพราะมือของนางก็เปื้อนเลือดเช่นกัน แต่นางไม่เชื่อว่าคนอย่างเผยยวนจะฆ่านางกับท่านหญิงได้
แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ เผยยวนไม่ทำ ไม่ได้แปลว่าคนของหมู่บ้านตระกูลเฉินจะไม่ทำ
…
ห้องเล็กอีกห้องหนึ่ง
ท่านป้าฟู่กุ้ยกลับมาพร้อมกับความตื่นเต้น “นี่คือเกี๊ยวผักดองที่ขึ้นราของข้าเมื่อวาน เจ้าดูหนอนบนนั้นสิยังดิ้นอยู่เลย เอาป้อนให้นางไปเลย”
“อันนี้ ๆ องค์หญิงใหญ่” มีท่านป้าอีกคนกลับมา พลางเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “นี่เป็นถุงเท้าเหม็นเน่าที่เพิ่งถอดมาจากเท้าของตาเฒ่าที่บ้าน เท้าของเขาทั้งเหม็นทั้งเน่า สามารถรมคนที่อยู่ในบริเวณสิบลี้ให้ตายได้เลยนะ”
ทันทีที่สะบัดออกมา ทุกคนก็ถอยหลังไปสองก้าว แม้แต่เซี่ยฉงฟางก็แทบจะอาเจียนออกมา
คนในหมู่บ้านไม่รู้ว่าใช้อะไรลงโทษถึงจะดีที่สุด แต่พวกนางรู้ว่าจะทรมานคนได้อย่างไรถึงจะทรมานที่สุด
“เอาถุงเท้าเหม็น ๆ นี่ยัดปากนาง ถ้านางยังไม่ยอมพูดความจริงอีก ก็เอากางเกงซับในนี่มัดจมูกนางซะ รมนางให้ตายไปเลย”
องค์หญิงใหญ่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่เลว ยังมีอีกหรือไม่?”
“อันนี้เจ้าค่ะ เถาวัลย์หนามที่ข้าเพิ่งไปตัดมา ถอดเสื้อผ้าของนางออก แล้วมัดเถาวัลย์หนามไว้กับตัวนาง จะทำให้นางเจ็บตั้งแต่หัวจรดเท้า สิ่งนี้ต้องแทงร่างกายของนางเป็นรูนับสิบรูอย่างแน่นอน”
หากพวกนางเฆี่ยนตีหรือใช้การทรมานของทางการ บางทีเซี่ยฉงฟางอาจตายอย่างมีเกียรติ แต่หากว่าผมยุ่งกระเซอะกระเซิง หน้าตาก็สกปรกมอมแมม ถูกคนถอดเสื้อผ้า มีถุงเท้าเหม็น ๆ ยัดปากเอาไว้ ทั้งยังมีหนอนและแมลงคลานไปทั่วร่างกาย เซี่ยฉงฟางที่ทุกอย่างต้องดีที่สุด ต้องไม่ยอมให้ร่างกายตัวเองแปดเปื้อนอย่างแน่นอน เช่นนั้นไม่สู้ฆ่านางให้ตายเสียยังดีกว่า!
“ไม่! พวกเจ้า พวกเจ้ากล้าดียิ่งนัก!” เซี่ยฉงฟางในเวลานี้ถอยหลังไปไม่หยุด จนลืมไปแล้วว่ามีหนูและคางคกอยู่รอบตัวนาง
“ยังจำไม่ได้อีกหรือ? พวกเราถามเจ้า เจ้าก็แค่สารภาพมา! ไม่อย่างนั้นก็ไม่เป็นผลดีกับเจ้าเอง” พวกท่านป้าต่างช่วยกันพูด ด่าจนน้ำลายเต็มหน้าเซี่ยฉงฟางไปหมดแล้ว
ท่านป้าหลายคนก้าวเข้ามา พวกนางล้วนเคยชินกับการทำเกษตร เมื่อเข้ามาก็ทั้งหยิกทั้งดึงทำให้คนที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมอย่างเซี่ยฉงฟางเจ็บตัวไม่น้อย ก่อนจะเหลือเพียงเสื้อผ้าชั้นในสุดเพียงชั้นเดียว ซึ่งไม่สามารถขวางกั้นเถาวัลย์หนามได้ เมื่อทิ่มเข้าไปก็ทำให้เซี่ยฉงฟางเจ็บจนตาเหลือก
“จะเป็นลมหรือ? มีเรื่องดี ๆ เช่นนั้นที่ใดกัน!” พวกท่านป้ายกร่างของเซี่ยฉงฟางขึ้นมา และนำถุงเท้ามาปิดหน้าของนางไว้ เซี่ยฉงฟางก็ตกใจตื่นทันที หลังจากตระหนักได้ว่าสิ่งที่อยู่บนใบหน้าคืออะไร นางก็ดิ้นรนราวกับคนเสียสติก็มิปาน ไม่มีทีท่าว่าเป็นตายอย่างไรก็ต้องทำท่าทางสูงส่งเช่นเมื่อครู่นี้อีกแล้ว
“นางพวกสารเลว ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด! ฆ่าพวกเจ้าซะ!” เซี่ยฉงฟางด่าทุกคนที่ขวางหน้า ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ
“ในเมื่อพูดดี ๆ แล้วเจ้าไม่ฟัง ไปเอามีดโกนมา จะครองตัวเพื่อเผยเกอใช่หรือไม่ ทว่าวัน ๆ เอาแต่แต่งตัวสวยหยาดเยิ้ม นั่นไม่เหมือนคนที่ครองตัวเพื่อสามีที่ตายไปแล้วเลยนะ วันนี้ข้าจะปลงผมส่งเจ้าออกบวชเอง”
เซี่ยฉงฟางไม่เคยเห็นหน้าตาขององค์หญิงใหญ่ชัด ๆ จึงคิดว่าเป็นหญิงชาวบ้านที่กำลังสวมรอยอยู่ เมื่อเห็นว่าพวกนางจะโกนผมตัวเอง ก็พยายามพุ่งตัวออกไปข้างนอกทันที น่าเสียดายที่ถูกพวกท่านป้าจับกดเอาไว้กับพื้นเสียก่อน และไม่สามารถขยับตัวได้อีกต่อไป
นางไม่มีวิธีแล้วจริง ๆ ออกคำสั่งก็ไม่มีคนสนใจ ใช้ฐานะข่มขู่พวกนางก็ดูถูกเหยียดหยาม เลียนแบบพวกนางด่าทอออกมาก็ด่าสู้ไม่ได้ คนพวกนี้มีแต่ความต่ำช้า
“เจ้ากล้าสวมรอยเป็นองค์หญิงใหญ่ รู้หรือไม่ว่าจะมีจุดจบเช่นไร! หญิงชาวบ้านที่โง่เขลาจะต้องรับโทษเช่นไร?”
พวกท่านป้าได้ยินก็หัวเราะออกมา “เฮอะ เป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ”
“ไป ลากนางออกไปดูจี้กั๋วกงขนอึสิ”
ท่านป้าสองคนกดเซี่ยฉงฟางแนบกับขอบหน้าต่าง ให้นางมองออกไปจากร่องเล็ก ๆ ของหน้าต่างนั่น
คนที่กำลังช่วยเก็บพืชผลอยู่ตรงกลางคันนานั่น เป็นคนของจวนจี้กั๋วกงไม่ใช่หรือ?
มีทั้งหญิงและชาย แม้แต่คนขาไม่ดีก็ยังต้องเอาตัวพิงข้างทางเพื่อช่วยสานตะกร้าไม้ไผ่
เซี่ยฉงฟางไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น แต่น่าเสียดายที่ถูกท่านป้าลากกลับมาเสียก่อน
องค์หญิงใหญ่รับมีดโกนมา และเดินไปตรงหน้าของเซี่ยฉงฟาง จากนั้นก็ใช้มีดโกนตบที่หน้าของนางเบา ๆ “ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะพูดหรือไม่พูด ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”
คมมีดนั้นส่องประกายคมกริบภายใต้แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่าน
เซี่ยฉงฟางตัวสั่นเทา หากเสียโฉมยังสามารถไปหาหมอได้ แต่หากไม่มีผมนางจะเอาหน้าที่ไหนไปพบเผยเกอ มิเท่ากับนางต้องแพ้ให้กับเซี่ยชิงหรูหรอกหรือ?
“ไม่ ๆ ๆ…” เซี่ยฉงฟางหายใจถี่กระชั้นขึ้นมา และสั่นเทาไปทั้งร่าง ตอนที่ไท่ซ่างหวงดื่มชา ท่านป้าก็เคยได้ยินเขาเล่าถึงเรื่องชั่วช้าที่เซี่ยฉงฟางเคยทำมานานแล้ว
ดังนั้นเรื่องที่เซี่ยฉงฟางอาศัยที่ตัวเองเป็นเชื้อพระวงศ์ และเป็นที่โปรดปรานของไทเฮา บังคับให้เผยเกอแต่งงานกับตัวเอง นางจึงรู้เรื่องนี้ดี
“ไม่อะไรของเจ้า อย่างไรซะเผยเกอก็ถูกบังคับให้แต่งงานกับเจ้า เหตุใดเจ้าต้องครองตัวเพื่อเขาด้วย ตัดผมที่เป็นพันธะเหล่านี้ทิ้งซะ รอเจ้าลงไปไม่แน่ว่าเผยเกออาจมีภรรยาและอนุมากมายอยู่ในปรโลกแล้วก็เป็นได้ เจ้าก็จะได้ลงไปสวดมนต์ให้ครอบครัวเขาฟังได้พอดีอย่างไรเล่า”
ท่านป้าเอ่ยไป ก็จับผมของเซี่ยฉงฟางมาตัดทิ้งทันที
ผมที่ได้รับการบำรุงอย่างดีกระจุกหนึ่งร่วงลงบนพื้น เซี่ยฉงฟางถึงกับมองตาค้าง องค์หญิงใหญ่จึงอาศัยช่วงเวลานี้นำยาที่ไป๋จิ่นให้มายัดใส่ปากของนาง
เซี่ยฉงฟางคิดจะอาเจียนออกมา แต่กลับถูกปิดปากเอาไว้อย่างแน่นหนา “กลัวอะไร พิษโลหิตของแดนตะวันตกนี่ เจ้าใช้ได้ แล้วพวกเราใช้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ? ความทรมานที่เผยจื่อต้องนอนอยู่บนเตียงไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เจ้าก็ลองสัมผัสมันดู จับนางเอาไว้ให้ดี ข้าจะโกนหัวของนางซะ แล้วจะเขียนบนหน้านางว่า หญิงชั่วเซี่ยฉงฟาง”
นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น อยากตายหรือ? มีเรื่องดี ๆ แบบนั้นที่ใดกัน
ตอนนี้เผยจื่อไม่ใช่เด็กน้อยน่าสงสารที่ไม่มีพ่ออีกแล้ว เพราะเขามีคนมากมายที่อยากปกป้องเขา
เพื่อให้เซี่ยฉงฟางได้เห็นสภาพตอนนี้ของตัวเองชัด ๆ ท่านป้าจึงได้ให้คนไปย้ายกระจกของพวกตะวันตกที่ได้มาจากจวนจี้กั๋วกงออกมา บนกระจกที่เงาวับจนเห็นภาพสะท้อน ปรากฏภาพน่าอนาถของเซี่ยฉงฟางขึ้นมา และเห็นดวงตาของนางที่แข็งกร้าวด้วยความโมโห ไม่ว่าอย่างไรนางก็คิดไม่ออกว่าคนที่หนุนหลังเผยยวนในตอนนี้มีใครบ้าง เหตุใดจึงสามารถจัดการนางได้ตามใจชอบเช่นนี้
“ไม่ต้องโกนหมดหรอกกระมัง โกนครึ่งหนึ่งจะดูน่าขันกว่า”
“ใช่ แค่ครึ่งนี้ ส่วนอีกครึ่งนั้นทำเป็นรอยสุนัขแทะ”
องค์หญิงใหญ่หรี่ตาลง “เทียบกันแล้วพวกเจ้าร้ายกว่าข้าเสียอีก! เอามีดมาอีกสองเล่ม ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ตอนที่จี้จือฮวนเข้าประตูมา เซี่ยฉงฟางก็ใกล้จะถูกพวกท่านป้าทรมานจนตายแล้ว
“อ้าวฮวนฮวน เจ้ามาทำไมหรือ วางใจเถอะ พวกเราเข้ากับนางได้ดีทีเดียว”
จี้จือฮวนหัวเราะเบา ๆ “พวกท่านป้าเล่นสนุกกันไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ ข้ามีเรื่องที่ต้องถามนางหน่อยเจ้าค่ะ”
พวกท่านป้ารู้ได้ทันทีว่านางจะถามเรื่องจริงจัง ไม่ใช่เรื่องที่พวกนางจะอยู่ฟังด้วยได้ จึงรีบเหวี่ยงเซี่ยฉงฟางออกไป
องค์หญิงใหญ่หันกลับมามองอย่างสง่างาม แม้แต่ชายกระโปรงก็ไม่ได้ขยับมากนัก ทว่าน้ำเสียงของนางกลับน่าเกรงขามยิ่งกว่าเซี่ยฉงฟางเสียอีก
“มีเรื่องอะไรก็อย่าให้มือตัวเองแปดเปื้อนล่ะ”
“ท่านป้าวางใจได้เจ้าค่ะ” สภาพของเซี่ยฉงฟางตอนนี้ นางไม่อยากจะแตะต้องจริง ๆ
.
.
.