บทที่ 218 สร้างหมู่บ้านที่สวยงาม
หมู่บ้านตระกูลเฉิน
ในที่สุดเจิ้งต้าเฉียงก็ประกอบกระดานลื่นเสร็จ ด้วยความช่วยเหลือจากทุกคน กระดานลื่นจึงถูกติดตั้งอย่างแน่นหนา พวกเจ้าตัวเล็กวิ่งวนไปมาด้วยความดีใจ ทหารที่อายุค่อนข้างน้อยในกองทัพทหารเกราะเหล็กก็รู้สึกอยากลองขึ้นมาเช่นกัน
“ฮูหยิน นี่คืออะไรหรือขอรับ?” เหล่าทหารเกราะเหล็กลูบคลำไปมาอยู่รอบ ๆ ไม่เคยเห็นสิ่งที่หายากเช่นนี้มาก่อน
“กระดานลื่น!” จี้จือฮวนวางหย่งหนิงที่อยู่ในอ้อมแขนลง
“นี่คือประตู ข้ามสะพาน หลุมลื่น หลังคา ปีนบันได ราวจับ แท่น เสา กระดานลื่น ช่องปีนป่าย ตาข่ายเชือก พอเด็ก ๆ ขึ้นไปก็จะรู้ว่าต้องเล่นอย่างไรแล้ว หลักการเดียวกันกับอุปกรณ์การฝึกของพวกเจ้านั่นแหละ
อันนั้นเป็นกระดานหก ส่วนด้านหลังนั่นเป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายและศูนย์กิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ คนแก่ก็สามารถไปขยับมือขยับเท้าได้ อย่าเอาแต่ทำไร่ไถนา ตอนนี้เรามีคนงานมากมายแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องเก็บเกี่ยวผลผลิตอีก”
หย่งหนิงชูมือขึ้นทันที “ข้าอยากเล่นเป็นคนแรกเจ้าค่ะ!”
จี้จือฮวนจึงพยักหน้าให้ “ไปเถอะ”
พวกเด็ก ๆ วิ่งกรูกันเข้าไป “เล่นกระดานลื่น!”
“เข้าแถวให้ดี อย่าเบียดกันล่ะ เล่นทีละคนรู้หรือไม่!”
“รู้แล้วเจ้าค่ะ/รู้แล้วขอรับ!”
เซียวเย่เจ๋อหาบน้ำกลับมาพร้อมบรรดาทหารเกราะเหล็ก ก็เห็นอาหญิงน้อยของตัวเองจับมือกับเจ้าเด็กบ้าอาชิงนั่นกำลังจะปีนตาข่าย
“นี่ ๆ ๆ เอามือสกปรกของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้นะ เจ้าจับมืออาหญิงของใครกันฮะ!”
“เจ้าพูดว่าใครมือสกปรก!” ไป๋จิ่นที่ผมหยิกและกำลังดูรายชื่อของวันนี้อยู่ไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เขาถลกแขนเสื้อขึ้นพร้อมสู้กับเซียวเย่เจ๋อทันที
ทว่าก็เจียดเวลาไปเอ่ยกับจี้จือฮวน “เกี๊ยวหน่อไม้นั่นเหตุใดถึงมีแค่ยี่สิบที่เล่า ข้าก็อยากกินบ้าง”
เซียวเย่เจ๋อที่เดิมตั้งใจจะเกลือกกลิ้งไปบนโคลนกับไป๋จิ่นสักสองรอบให้เขาได้รู้ว่าใครแน่กว่ากัน สุดท้ายเมื่อได้ยินว่ามีอาหารจานใหม่ที่ตัวเองยังไม่เคยกิน ก็รีบเปลี่ยนไปอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาด้วย “ใช่แล้ว เหตุใดถึงไม่มีของพวกเราเล่า?”
“วัตถุดิบไม่พอ ให้คนแก่กินก่อน” จี้จือฮวนเท้าเอว พลางเลิกคิ้วขึ้น “มีปัญหาหรือ?”
เผยยวนที่อยู่ด้านหลังก็มองมาเช่นกัน
ทั้งสองคนเมื่อครู่ยังคิดจะเถียงคอเป็นเอ็น ทว่าเมื่อเห็นจี้จือฮวนและเผยยวนที่อยู่ด้านหลัง พวกเขาก็กลืนน้ำลายลงคอและส่ายหัวทันที พวกเขาจะกล้ามีปัญหาได้อย่างไร มีข้าวให้กินก็ไม่เลวแล้ว
“ไม่มีอะไรทำก็ไปดูพวกเชลยที่จับกลับมาว่าเป็นอย่างไรกันบ้างแล้วเถอะ รีบฝึกอบรมให้เสร็จจะได้รีบเข้าสู่การผลิต”
“ขอรับ!”
ทั้งสองคนเดินออกไปด้วยท่าทางเดียวกัน แต่เมื่อเห็นจี้จือฮวนเข้าไปทำอาหารแล้ว จึงได้เชิดหน้าและยืดอกวางท่าของซื่อจื่อกับปรมาจารย์พิษอีกครั้ง
ขายาว ๆ เตะออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปในประตูบานเล็ก ๆ ด้านขวามือของศาลบรรพชน ด้านในแขวนคนกลุ่มหนึ่งเอาไว้ ราวกับเนื้อที่ผึ่งลมด้านนอก
ส่วนเหล่าสายลับที่ราชสำนักส่งมาก็ถูกขังอยู่ที่มุมห้อง แต่ละคนยืดหลังตรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็มีคนเข้ามา พวกเขาจึงตะโกนขึ้นทันที “เจ้าโจรชั่ว ยังไม่ปล่อยพวกเราออกไปอีก!”
“เฮอะ!” เซียวเย่เจ๋อถลกแขนเสื้อขึ้น ตั้งใจจะเอาโคลนหนึ่งกำมือยัดใส่ปากพวกเขาเสีย แต่พลพรรคตัวเลขมารับช่วงต่อพอดี พวกเขาถือถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำเข้ามากันคนละตะกร้า
“คัดแยกประเภทของถั่วให้เรียบร้อย หากทำให้พวกท่านป้าเสียเวลา พวกเจ้าได้เห็นดีแน่”
เหล่าสายลับไม่แยแส ก่อนจะก้มตัวลงเตะตะกร้าที่อยู่ด้านหน้าสุดจนล้มคว่ำ ทันใดนั้นเมล็ดถั่วทั้งหมดก็กระจายเกลื่อนพื้น
คราวนี้อย่าว่าแต่เซียวเย่เจ๋อที่รู้สึกเสียดายใจจะขาดเลย แม้แต่ไป๋จิ่นเองก็ไม่สามารถทนได้อีก ไม่รู้หรืออย่างไรว่าถั่วมากมายเช่นนี้สามารถทำของอร่อยได้มากเพียงใด เจ้าพวกชั่วนี่! แม้แต่เรื่องเช่นนี้ก็ยังทำได้ลง แล้วจะมีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้อีก! การทำลายอาหารเป็นเรื่องที่น่าละอายที่สุดในใต้หล้า!
“เจ้าจะเก็บไม่เก็บ!”
สายลับเชิดคางขึ้น “ข้าเป็นสายลับของราชสำนัก ไม่มีทางยอมศิโรราบให้กบฏอย่างพวกเจ้าเด็ดขาด!”
เซียวเย่เจ๋อเดินออกมาจากในเงามืด “สายลับของราชสำนักอะไรกัน หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ พวกเจ้ายังต้องเชื่อฟังไท่ซ่างหวงอยู่ไม่ใช่หรือ”
สายลับเหล่านี้ล้วนเป็นจางตงไหลคนที่อยู่ข้างกายไท่ซ่างหวงฝึกมากับมือ ต่อมาจึงได้มอบให้กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
เหล่าสายลับเมื่อเห็นหน้าของเซียวเย่เจ๋อ ก็เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ซื่อจื่อของอู่อันโหว? เหตุใดท่านก็มาอยู่ที่นี่ด้วย?”
“ท่านเป็นพวกเดียวกับกบฏหรือขอรับ?”
เซียวเย่เจ๋อกลอกตามองบน ก่อนจะเปิดหน้าต่างออกและชี้ไปทางด้านนอก “ดูซะว่าคนที่ไล่ต้อนเป็ดอยู่ตรงนั้นเป็นใคร”
เหล่าสายลับแต่ละคนต่างทำคอยืดคอยาว รอจนกระทั่งไท่ซ่างหวงทักทายชาวบ้านอย่างเริงร่าผ่านหน้าไปแล้ว ดวงตาของแต่ละคนก็เบิกกว้างขึ้นมาหลายส่วน
คงไม่ใช่เพราะยาสลบแรงเกินไป จนทำให้เกิดภาพหลอนหรอกกระมัง? ยายังไม่หมดฤทธิ์อีกอย่างนั้นหรือ?
“เมื่อครู่พวกเจ้าบอกว่าเป็นพวกเดียวกับกบฏ! อ้อ~~~พวกเจ้าบอกว่าไท่ซ่างหวงเป็นกบฏด้วยอย่างนั้นหรือ!!!” เซียวเย่เจ๋อราวกับจับจุดอ่อนของพวกเขาได้แล้ว จึงกระทืบเท้าและชี้หน้าพวกเขา
เหล่าสายลับไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิตว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้!
“ไม่ ๆ ๆ พวกเราไม่ได้พูดเช่นนั้นขอรับ”
“แต่พวกเราได้ยิน!” เซียวเย่เจ๋อตะโกนเสียงดัง “ประหารเก้าชั่วโคตร!”
เหล่าสายลับร้อนใจขึ้นมา จึงรีบเอ่ยทันที “เก็บถั่ว พวกเราเก็บถั่วได้หรือไม่ขอรับ!”
หากบอกไท่ซ่างหวง หัวของพวกเขายังจะอยู่อีกหรือไม่!
“เก็บถั่วหรือ? นั่นเป็นงานเมื่อครู่ ไม้อ่อนไม่ชอบ ชอบไม้แข็ง เช่นนั้นก็เปลี่ยนไปกวาดมูลแกะกับยกอุจจาระก็แล้วกัน” พลพรรคตัวเลขเอาตะกร้าถั่วออกไปด้วยความโมโห ปล่อยให้สายลับมองตามด้วยความว่างเปล่า
ทางด้านนี้ พลพรรคตัวเลขก็ลากเหล่าสายลับที่มีโซ่คล้องคอเรียงเป็นแถวออกมา เหล่าสายลับจึงได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาอยู่ที่ใด
เหล่าทหารบนคันนากำลังกินข้าวกันอยู่
พวกท่านป้ากำลังตักน้ำแกงกระดูกชิ้นโต ซาลาเปาเนื้อลูกใหญ่ ไข่คนละหนึ่งฟองให้พวกเขาอยู่ที่หน้าเตาขนาดใหญ่ น้ำแกงกระดูกที่เข้มข้น สามารถทำให้ผู้คนได้กลิ่นหอมมาแต่ไกล
พลพรรคตัวเลขเมื่อเห็นว่าเริ่มแจกข้าวแล้ว ก็รีบเอาพวกสายลับไปมัดไว้กับต้นไม้ แล้วมารับอาหาร
“ท่านป้า วันนี้มีอะไรกินหรือขอรับ”
“ช่วงนี้ลำบากพวกเจ้าแล้ว ฮวนฮวนบอกว่าเตรียมซวนล่าเฝิ่น*เอาไว้ให้พวกเจ้าแล้วอยู่ในหม้อ”
* ซวนล่าเฝิ่น (酸辣粉) เป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำสไตล์เสฉวน น้ำซุปมีรสชาติเปรี้ยวเผ็ด เส้นจะเป็นวุ้นเส้นที่ทำจากมันเทศ
พวกสายลับได้ยินดังนั้น มันคืออะไรกัน? ฟังชื่อแล้วอย่างกับน้ำข้าวหมูอย่างไรอย่างนั้น พวกเขาไม่เห็นจะอยากกินเลย
สุดท้ายพวกเขาแต่ละคนก็ประคองชามกลับมา ซดคำแล้วคำเล่า ตอนที่เส้นถูกคีบขึ้นมาก็มีน้ำแกงไหลลงมาด้วย พวกเขากินจนเหงื่อออกเต็มหน้าก็ยังหยุดไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง จี้จือฮวนกำลังต้มหน่อไม้สดแผ่นบางที่เพิ่งหั่นเสร็จ จากนั้นก็สับกุ้งสดจนละเอียด ใส่พริกไทยเพื่อดับกลิ่นคาวเล็กน้อย ตามด้วยแห้วสับ หัวไชเท้าสับ ขึ้นฉ่ายสับ ก่อนจะคนรวมกันเพื่อเพิ่มรสสัมผัสกรุบกรอบ จากนั้นก็เติมเกลือ น้ำตาล ซีอิ๊ว น้ำมันงา และตักไส้ขึ้นมาตบเบา ๆ จนเป็นเนื้อเดียวกัน
หน่อไม้และวัตถุดิบอื่น ๆ ห่อเป็นไส้แล้วนำไปนึ่ง ส่วนน้ำแกงเข้มข้นนางใส่หัวไชเท้า ขึ้นฉ่าย และซ่านเป้ย**ลงไป เติมเกลือเพื่อเพิ่มความอร่อยอีกเล็กน้อย จากนั้นก็ราดน้ำแกงลงไปบนเกี๊ยวหน่อไม้ที่เพิ่งเอาออกมาจากซึ้งนึ่ง
** ซ่านเป้ย (扇贝) หมายถึง หอยเชลล์
จี้จือฮวนถอดผ้ากันเปื้อนออก และตีฆ้องเสียงดัง “กินข้าว”
ไท่ซ่างหวงที่เมื่อครู่ยังเดินเล่นอยู่ก็รีบมาทันที พลางนั่งลงบนม้านั่งอย่างเชื่อฟัง ต่อหน้าของสายลับทั้งหมดที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เพื่อรอเกี๊ยวหน่อไม้ขึ้นโต๊ะ
เขายื่นตะเกียบออกมาเกือบจะทันทีที่จี้จือฮวนยกออกมา เซียวเย่เจ๋อ และไป๋จิ่นต่างก็จ้องมองเขาเคี้ยวเกี๊ยวหน่อไม้สองครั้งแล้วกลืนลงไป
“อืม~~~~ สดชื่นจริง ๆ เลย ทั้งยังเรียกน้ำย่อยได้ดีอีกด้วย ฮวนฮวน อาหารจานใหม่นี้ถูกใจข้ามากเลย”
ไป๋จิ่นกับเซียวเย่เจ๋อมองไปทางจี้จือฮวนตาปริบ ๆ น่าเสียดายที่ต่อให้พวกเขาจะกระดิกจนหางหลุดก็ไม่ได้กินอาหารจานนี้
องค์หญิงใหญ่เดินผ่านไปอย่างสง่างาม ก่อนจะนั่งลงช้า ๆ และแย่งเกี๊ยวหน่อไม้ชิ้นหนึ่งไปกินต่อหน้าต่อตาไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงจึงถลึงตาใส่และหนวดกระดิกด้วยความโมโห
ตอนนั้นเอง จางตงไหลก็เดินมาแล้วกระซิบกระซาบที่ข้างหูของไท่ซ่างหวง “ทางด้านนายอำเภอเจียงมีข่าวมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทกำลังเดินสามก้าวคุกเข่าคารวะหนึ่งครั้งเข้ามา ท่านวางใจได้”
ไท่ซ่างหวงแค่นเสียงเย็นออกมา “คิดว่าทำเท่านี้ก็จะจบแล้วอย่างนั้นหรือ? นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น!”
.
.
.