บทที่ 225 ช่วยข้าที
เผยยวนใช้ความชำนาญลากจี้จือฮวนเข้ามาในห้อง จากนั้นก็ใช้ขายาว ๆ เกี่ยวประตูปิดลง เมื่อซัดฝ่ามือออกไปหนึ่งทีภายในห้องก็เหลือเพียงแสงจันทร์เย็นเยียบที่ส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่างเท่านั้น
จี้จือฮวนถูกเขาดันติดกับผนัง บรรยากาศก็ชวนอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย
ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงลมหายใจของกันและกันเท่านั้น
มือข้างที่เผยยวนใช้จับแขนของนางผ่านเนื้อผ้า ร้อนผ่าวราวกับสามารถลวกเข้าไปถึงในกระดูกได้
ทั้งสองคนต่างก็กลืนน้ำลาย
“เจ้า…” จี้จือฮวนกำลังจะเอ่ยปาก แต่เขากลับใช้มือโอบรอบเอวบางของนางและกอดนางเอาไว้ จากนั้นจึงได้ประทับจูบลงบนริมฝีปากของนาง
แม้ภายในห้องจะมืดมิด แต่จี้จือฮวนก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัว ดวงตาของเขาสว่างไสวราวกับดวงดาว แขนและร่างกายที่แข็งแรงของเขาล้วนกำลังพิสูจน์ให้นางเห็นว่าคนตรงหน้าผู้นี้เป็นบุรุษอย่างแท้จริง และเป็นบุรุษที่ปรารถนาในตัวนางอีกด้วย
“ฮวนฮวน เจ้ารู้ว่าข้ากำลังจะทำอะไรใช่หรือไม่” ริมฝีปากของเผยยวนกดลงบนแก้มของนาง คลอเคลียอ้อยอิ่งไปมา แต่ไม่ได้เลื่อนลงไปมากกว่านั้น คล้ายกับต้องการจะยั่วยวนเสียมากกว่า
เล็บของจี้จือฮวนจิกลงบนหัวไหล่ของเขาจนเป็นรอย ขณะเดียวกันเขาก็ค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้นาง
น้ำเสียงแหบพร่า แผ่ความเร่าร้อนออกมา “เช่นนั้นเจ้าช่วยข้าหน่อย…ได้หรือไม่?”
จี้จือฮวน “…”
นางรู้สึกว่าน้องชายตัวน้อยในตอนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ
เผยยวนถามออกมาพร้อมใบหน้าแดงเรื่อ แต่ราวกับกลัวว่านางจะปฏิเสธ จึงอดไม่ได้ที่จะกัดลงบนใบหูเล็ก ๆ ของนางไปหนึ่งที “ข้าอยาก…ให้เจ้าช่วยข้าจริง ๆ
…ได้หรือไม่?”
มือของจี้จือฮวนถูกเขากุมเอาไว้ ราตรีที่เงียบสงบมีเพียงเสียงของลูกเสือเมี้ยวเมี้ยวที่ตะกุยประตูโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร มันไม่สามารถเข้าไปได้ จึงทำได้เพียงนอนหมอบอยู่ที่หน้าประตู
เปลวไฟภายในห้องโถงวูบไหว ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด จึงมีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง
ภายในห้อง เผยยวนเช็ดนิ้วแต่ละนิ้วของนางจนสะอาด แล้วจึงช่วยนวดมือของนางด้วยความพอใจ “เมื่อยหรือไม่?”
จี้จือฮวนมองไปที่ดวงจันทร์ด้านนอก อยู่ดี ๆ ก็สลับหน้าที่โดยไม่รู้ตัว นางจะไม่เมื่อยได้อย่างไร?
…
เช้าวันต่อมา เมื่อจี้จือฮวนลืมตาตื่นขึ้น คนในเรือนก็ตื่นกันตั้งนานแล้ว
ที่บอกให้ช่วยเมื่อคืน สุดท้ายเขาก็อุ้มนางจากห้องเขามาที่ห้องของนาง จากนั้นก็ใส่ยาอีกครั้ง รอจนจัดการเสร็จเรียบร้อยฟ้าก็สางพอดี
ไม่รู้ว่าเผยยวนออกไปตั้งแต่เมื่อใด แต่เสื้อผ้าของนางถูกสวมกลับมาเรียบร้อยแล้ว แม้เชือกที่ผูกจะกลับด้านทั้งหมดก็ตาม บนโต๊ะมีผ้ากอซผืนเก่าที่ถูกเปลี่ยนวางทิ้งไว้ เขาคงจะทำให้นางเมื่อคืนนี้
จี้จือฮวนเลิกผ้าห่มออก ก็พบว่าที่ง่ามมือยังคงเป็นสีแดงอยู่ เมื่อนึกถึงคำพูดที่เขากระซิบข้างหูนางเมื่อคืนนี้ จี้จือฮวนก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาแต่เช้าทันที
นางลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ก่อนจะเห็นรอยแดงรอบ ๆ คอของนางในกระจก!
เผยยวนผู้นี้นี่จริง ๆ เลย!
…
ห้องโถง
ไท่ซ่างหวงกำลังดื่มน้ำเต้าหู้อยู่ ก่อนจะหรี่ตามองแล้วเอ่ยขึ้นมา “ฝีมือของอาอินน้อยดีขึ้นทุกวัน ไม่ด้อยไปกว่าฮวนฮวนเลย”
อาอินทำเสียงชู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “ท่านทวดพูดเบา ๆ หน่อยสิเจ้าคะ ท่านแม่ยังนอนอยู่ ต้องเป็นเพราะเหนื่อยมากแน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ”
ทว่าเผยยวนกลับทำงานด้วยใบหน้าอิ่มเอิบไปด้วยความสุข อืม ยังพอมีแรงเหลืออยู่ ต้องไปกวาดพื้นต่อ
ไท่ซ่างหวงพูดอย่างคนที่ผ่านโลกมาก่อน “ข้านับนิ้วคำนวณดูแล้ว ครอบครัวของพวกเจ้าอีกไม่นานต้องมีน้องชายหรือไม่ก็น้องสาวอย่างแน่นอน”
จี้จือฮวนซึ่งกำลังจะก้าวเท้าออกไป เมื่อได้ยินประโยคนี้ “…”
เผยยวนเห็นนางเข้าพอดีจึงเข้ามาในห้องอย่างเงียบ ๆ ส่วนไท่ซ่างหวงก็ประคองชามน้ำเต้าหู้ขึ้นมาดื่มอีกหนึ่งอึกอย่างมีความสุข
เฮ้อ~ คนหนุ่มสาว~ นี่ช่างดีจริง ๆ
…
ผู้คนในหมู่บ้านตระกูลเฉินกำลังเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาแห่งความสุขในการตื่นแต่เช้าเพื่อนึ่งซาลาเปาเนื้อก้อนโต แต่ทางด้านฮ่องเต้เซี่ยเจินสถานการณ์กลับไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
เมื่อคืนนี้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น ฮ่องเต้เซี่ยเจินก็มาล้มป่วย
ดังนั้นเวลานี้เหล่าสนมและองค์ชายต่างก็มาคุกเข่าอยู่ที่นอกกระโจม เพื่อแสดงความเป็นห่วงต่อพระพลานามัยขององค์ฮ่องเต้
อัครมหาเสนาบดีหานก็ยังไม่กลับมา ทุกคนจึงเริ่มลังเลว่าควรจะเดินหน้าต่อไปดีหรือไม่ แต่หากว่ามีอันตรายรออยู่ข้างหน้า มิเท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?
กองทัพขนาดใหญ่จึงปักหลักอยู่ที่เดิมโดยไร้ผู้นำ
ถังกั๋วกงและฮองเฮาย่อมเรียกร้องให้เดินหน้าต่อ หรือไม่ก็ให้องค์ชายสักองค์หนึ่งคุกเข่าคารวะแทนฮ่องเต้ต่อ
แต่คนที่เลือกมาเป็นใคร นั่นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่สั่งก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก
ด้านนี้กำลังทะเลาะกันว่าจะเลือกองค์ชายพระองค์ไหนดี ทว่าทางด้านนายอำเภอเจียงกลับกำลังป้อนหัวไชเท้าเนื้อนุ่มสองหัวให้กับเจ้าลาน้อยของตัวเอง และนั่งครวญเพลงเบา ๆ อยู่บนก้อนหิน
อย่างไรเสียไปถึงช้า คนที่ไท่ซ่างหวงไม่พอใจก็ไม่ใช่เขา
แม้เขาจะรอได้ ทว่าเสิ่นฉางซานกลับรอไม่ได้ องค์ชายองค์ใดจะมีความจริงใจเท่ากับฮ่องเต้คุกเข่าเองเล่า
ครั้งนี้เสื่อกกเพิ่งจะถูกปู ฮ่องเต้เซี่ยเจินก็ตื่นขึ้นมาและได้เจียงเต๋อช่วยประคอง คุกเข่าคารวะต่อไปด้วยท่าทางงก ๆ เงิ่น ๆ
นายอำเภอเจียงเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็รีบล้วงดอกไม้สีแดงดอกใหญ่ออกมาและเดินตามไป “ฝ่าบาท เร่งเข้าพ่ะย่ะค่ะ อีกไม่ไกลก็จะได้พบไท่ซ่างหวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินตอนนี้ไม่ได้สนใจแล้วว่าจะมีไท่ซ่างหวงจริงหรือไม่ เขาอยากจะไปดูให้เห็นกับตา ว่าหากขุนนางสุนัขตัวนี้หลอกเขาล่ะก็ เขาจะใช้มีดกรีดลงบนร่างของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อระบายความโกรธ
น่าเสียดายที่เซี่ยเจินเพิ่งคิดได้ไม่นาน ขบวนขนาดใหญ่ก็มาถึงทางเข้าหมู่บ้านตระกูลเฉินแล้ว
ซุ้มประตูดี ๆ กับป้ายที่น่าเกลียด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นที่ประตูแค่เห็นก็บอกได้ทันทีว่าไม่ใช่หมู่บ้านธรรมดา
“ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เจียงเต๋อดีใจอย่างมาก “ฝ่าบาท ในที่สุดพวกเราก็มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินเองก็มองดูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องนายอำเภอเจียงแล้วเอ่ยขึ้นมา “ไท่ซ่างหวงเล่า?”
นายอำเภอเจียงลูบลาน้อยเบา ๆ “ฝ่าบาททรงใจเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ ไท่ซ่างหวงอยู่ด้านในนี้! ตามกฎแล้วพวกเราต้องลงชื่อก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
เจียงเต๋อเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “ลงชื่อหรือ?”
นายอำเภอเจียงเอ่ยอย่างคนมีประสบการณ์มาก่อน “ใช่แล้วขอรับ เพราะนี่เป็นกฎ”
เฉินฉือมาถึงทางเข้าหมู่บ้านตรงเวลาพอดิบพอดี ชาหนึ่งกา ซาลาเปาเนื้อลูกใหญ่หนึ่งจาน พร้อมกับยกขาขึ้น เขาไม่สนใจคนที่สัญจรผ่านไปมา แต่เมื่อมีคนเข้ามาใกล้เขาก็จะใช้ไม้พลองจิ้มป้ายไม้ที่ประตู
เดิมนายอำเภอเจียงต้องการมาลงชื่อ แต่ใครจะคิดว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นจะเห็นคนคุกเข่าบนถนนตั้งแต่ทางเข้าหมู่บ้านไปจนถึงศาลบรรพชน ทุกคนล้วนมีข้อหาอาชญากรรมห้อยอยู่ที่คอ ช่างน่าตื่นเต้นยิ่งนัก!
คนที่เป็นผู้นำก็คืออัครมหาเสนาบดีหานที่เมื่อวานยังหยิ่งผยองพองขนอยู่เลยมิใช่หรือ!
เขาบอกว่าอย่างไรนะ? พึ่งฮ่องเต้ไม่สู้พึ่งพ่อของฮ่องเต้อย่างไรเล่า!
นายอำเภอเจียงมาถึงเร็ว ขุนนางที่ตามมาด้านหลังก็ย่อมมองเห็นอัครมหาเสนาบดีหานเช่นกัน รวมทั้ง…กลุ่มคนที่ดูคุ้นเคยอย่างมาก
อัครมหาเสนาบดีหานในชุดข้าราชการดูเหมือนจะถูกลิงข่วน ส่วนท่านหญิงซ่างหยางก็ดูราวกับคนบ้า ใบหน้าดูดุดันแต่ไม่สามารถขยับตัวได้ พวกจวนจี้กั๋วกงต่างก็นั่งอยู่ตรงสองฝั่งของถนนที่เต็มไปด้วยโคลน
เจียงเต๋อเกือบจะคิดว่าตัวเองตาฝาด ทว่ามีคนมากมายอยู่ที่นี่ ไม่มีทางที่ทุกคนจะตาฝาดกันหมดนี่นา!
“บังอาจ! กบฏเผยยวนอยู่ที่ใด! เหตุใดถึงได้กล้าเหยียดหยามราชสำนักถึงเพียงนี้!”
มีคนตะคอกขึ้นมา ราชองครักษ์ที่ติดตามมาทางด้านหลังต่างก็ชักอาวุธในมือออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน และล้อมฮ่องเต้เซี่ยเจินเอาไว้
ทว่าเพิ่งจะวางท่าได้ไม่นาน จางตงไหลก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “กระหม่อมคารวะฝ่าบาท ฝ่าบาทเสวยพระกระยาหารเช้ามาหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินกำลังเตรียมจะกำราบความฮึกเหิมของคนเหล่านี้ ให้คนเห็นว่าเผยยวนเหยียดหยามคนของราชสำนักเช่นไร เหยียดหยามฮ่องเต้ของต้าจิ้นเพียงใด แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ จางตงไหลจะปรากฏตัวขึ้นเช่นนี้
“วางอาวุธลงให้หมด!”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินมองหน้าจางตงไหล “เสด็จพ่อยังทรงปลอดภัยดีหรือไม่? ข้ามาช้า ขอเสด็จพ่อพระราชทานอภัยให้ด้วย!”
.
.
.