บทที่ 239 ขุดหลุมให้เจ้าโดดลงไป
ดังนั้นเมื่อดูดี ๆ แล้ว ฮ่องเต้อย่างเขายังสู้อาจารย์สอนรำไท่เก๊กผู้นี้ไม่ได้ สู้เป็ดป่าในหมู่บ้านที่อยู่แทบเท้าก็ไม่ได้เช่นกัน
ฮ่องเต้เซี่ยเจินรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
เหล่าขุนนางต่างก็ปรายตามององค์หญิงใหญ่ที่เมื่อครู่ยังมีใบหน้าบึ้งตึงและเข้าหาได้ยาก ทว่าตอนนี้กลับจูงมือเผยยวนและสตรีผู้นั้นไปคนละข้าง พลางยิ้มอย่างสนิทสนม
ต่อให้เป็นคนโง่เพียงใดก็ยังมองออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฮ่องเต้ถูกกีดกันจากครอบครัวนี้แล้วอย่างนั้นหรือ?
“น้องสิบแปด” ในตอนนั้นเอง เสียงเรียกน้องสิบแปดที่ราวกับเสียงปีศาจขององค์หญิงใหญ่ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ทุกครั้งที่นางเรียกเช่นนี้ ทุกคนต่างรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องดี
ฮ่องเต้เซี่ยเจินเองก็ไม่ได้รู้สึกดีไปกว่ากัน ในฐานะคนต้นเรื่องเขารู้นิสัยของเสด็จพี่พระองค์นี้ดี
แต่เมื่อหันหน้าไป เขาก็ยังคงเป็นน้องสิบแปดผู้ใสซื่อและไร้เดียงสาที่ถูกรังแกอยู่ดี
“เสด็จพี่”
เซี่ยวั่งซูมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ “ดูสิ ทำงานนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ทำเจ้าเหนื่อยเสียแล้ว จะว่าไปรางวัลตอบแทนผลงานก็ไม่ควรเป็นข้าที่มาขอจากเจ้า เพียงแต่เสด็จพ่อถามเจ้าแล้วไม่สำเร็จ จึงทำได้เพียงให้ไทเฮาแห่งถู่เจียอย่างข้าออกหน้าแทน”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินอึ้งไปเล็กน้อย นางเป็นถึงไทเฮาแห่งถู่เจีย เป็นองค์หญิงใหญ่ของต้าจิ้น ยังอยากได้รับการแต่งตั้งเช่นไรอีก?
ขึ้นไปอีกก็ไม่มีตำแหน่งให้แต่งตั้งแล้ว
เซี่ยวั่งซูมองดูสายตาคู่นั้นของเขา ก็รู้ว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว “ข้าหมายถึงเรื่องที่หย่งกวานโหวคุ้มกันเสด็จพ่อมาประทับพักผ่อนที่นี่ ฮูหยินของเขาปรุงยาและรำไท่เก๊กเป็นเพื่อนเสด็จพ่อทุกวัน เสด็จพ่อจึงค่อย ๆ ดีขึ้น ความดีความชอบยิ่งใหญ่เพียงนี้ น้องสิบแปดยังปิดปากเงียบไม่ยอมตกรางวัล จะตระหนี่เกินไปหรือไม่?”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินจ้องเผยยวนเขม็ง พลางจับจอบไว้แน่น “จะว่าไปแล้วข้ายังไม่รู้เลยว่าเหตุใดเสด็จพี่ถึงมาอยู่กับเสด็จพ่อได้”
เซี่ยวั่งซูมีท่าทางสบาย ๆ “เรื่องนี้ต้องถามน้องสิบแปด ข้าอยู่ในขบวนทูตถู่เจียเพื่อกลับมายังเมืองหลวง ทว่าอยู่ดี ๆ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้มีมือสังหารมาลอบทำร้าย ทำให้ข้าต้องระเหเร่ร่อนมาอยู่ในป่าในเขา หากไม่ใช่เพราะครอบครัวของหย่งกวานโหว เกรงว่าข้าคงจะกลายเป็นอาหารของหนอนบนภูเขาไปแล้ว”
ไม่มีเรื่องอะไรที่พูดไม่ได้ อย่างไรเสียพูดออกมาแล้วก็ไม่มีใครว่าอะไรนางได้ เพราะคนก็จะย้อนถามฮ่องเต้อย่างฮ่องเต้เซี่ยเจินแทนว่าอยากให้นางตายจริงหรือ?
เมื่อเห็นเซี่ยวั่งซูพูดอย่างตรงไปตรงมาไม่มีปิดบังเช่นนี้ ฮ่องเต้เซี่ยเจินก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา เพราะเรื่องราวตอนนี้ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไปแล้ว
จากนั้นเซี่ยวั่งซูก็ได้เอ่ยต่ออีกประโยค “ส่วนคนที่ทำร้ายข้าก็คุกเข่าอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน หานเหล่ยที่เป็นผู้ช่วยอยู่ข้างกายของน้องสิบแปดอย่างไรเล่า ข้าเชื่อว่าน้องสิบแปดไม่มีทางคิดร้ายกับพี่สาวแก่ ๆ อย่างข้าเป็นแน่ คงเป็นเขาที่ทำเองโดยพลการอีกแล้วกระมัง”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ กลับเอาแต่จ้องมองและครุ่นคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเผยยวนมากน้อยเพียงใด
เจ้าเด็กคนนั้นคงไม่ได้แสร้งทำว่าถูกวางยาพิษตั้งแต่ต้น จากนั้นก็แอบทำตามที่เขาคิดเอาไว้ ปล่อยให้เขาชิงกองทัพทหารเกราะเหล็กและจัดการแบ่งให้คนสนิทของตัวเอง จงใจขัดขวางการลอบสังหารองค์หญิงใหญ่แล้วค่อยไปรับไท่ซ่างหวงมา ราวกับละครงิ้วที่เล่นเองกำกับเองเช่นนี้หรอกกระมัง
ฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่เคยคิดในแง่ดีกับเผยยวนเลย
เมื่อเห็นฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่ยอมเอ่ยปาก ทันใดนั้นเผยยวนก็ไอขึ้นมาสองครั้ง ร่างกายที่ดูแข็งแรงโงนเงนไปมา สายตากวาดมองไปยังคนของเขาก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “นี่เป็นหน้าที่ของขุนนางอยู่แล้ว ฝ่าบาทไม่ทรงโปรด องค์หญิงใหญ่เหตุใดต้องทรงทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยเพื่อกระหม่อมด้วยเล่าพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรซะก็ล้วนเป็นความผิดของกระหม่อม”
จี้จือฮวนลอบมอง เจ้าตีหน้าซื่อได้เก่งจริง ๆ
ฮ่องเต้เซี่ยเจินอดไม่ได้ที่จะกัดฟันกรอด เจ้าเด็กนี่พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?!
ทว่าเพิ่งจะคิดได้เพียงเท่านั้น ศีรษะที่เย็นวาบครึ่งหนึ่งก็ถูกคนเคาะไปหนึ่งที ไท่ซ่างหวงถลึงตาใส่พลางเอ่ยออกมา “มีอะไรต้องพูดอีก ให้รางวัลตอบแทนตามผลงานเจ้าไม่รู้หรืออย่างไร? ขี้เหนียวเพียงนี้เชียวหรือ? ร่างคำสั่งมอบการควบคุมด่านทางน้ำและทางบกของบริเวณใกล้เคียงนี้ให้กับจี้จือฮวนโดยไม่ถูกควบคุมจากราชสำนัก และไม่มีการเพิ่มภาษีของหมู่บ้านตระกูลเฉินซะ กองทัพทหารเกราะเหล็กควรเป็นของใครก็ต้องเป็นของคนนั้น เดิมเป็นทหารของตระกูลเผยไม่ใช่ของราชสำนัก!”
เดิมฮ่องเต้เซี่ยเจินยังคิดว่าไท่ซ่างหวงอยากแต่งตั้งเผยยวนเป็นอ๋อง แต่ใครจะไปคิดว่าจะต้องการเพียงเท่านี้กัน?
ที่โกโรโกโสอย่างหมู่บ้านตระกูลเฉิน การขนส่งทางน้ำและทางบกในบริเวณใกล้เคียง โดยพื้นฐานแล้วก็เก็บภาษีได้เล็กน้อยเท่านั้น จะได้สักเท่าใดกัน เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หากบอกตั้งแต่แรก เขายกหมู่บ้านตระกูลเฉินให้เผยยวนเลยก็ยังได้
ไท่ซ่างหวงเห็นตาที่กลอกไปมาของฮ่องเต้เซี่ยเจิน ก็รู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้ต้องกำลังคิดอะไรอยู่เป็นแน่
หากให้เขารู้ว่าที่นี่มีเหมืองทอง เหมืองเหล็ก และทะเลสาบน้ำเค็มอยู่ เกรงว่าคงช้ำใจตายเป็นแน่
บัญชาแต่งตั้งเป็นอ๋องล้วนไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังต้องไปขอบคุณฮ่องเต้เซี่ยเจินและคอยรับหน้าขุนนางเหล่านี้อีก
แน่นอนว่าฮ่องเต้เซี่ยเจินย่อมตอบตกลงทันที และอนุญาตเดี๋ยวนั้นเลย ต่อไปของอะไรก็ตามที่ออกไปจากหมู่บ้านตระกูลเฉินจะไม่มีการเก็บภาษีใด ๆ
แต่เหมือนฮ่องเต้เซี่ยเจินจะลืมไปแล้วว่า ทางน้ำและทางบกบริเวณใกล้เคียงของหมู่บ้านตระกูลเฉินล้วนตรงไปยังเมืองหลวง ขอเพียงจี้จือฮวนต้องการเพิ่มราคาของที่ส่งออก เช่นนั้นราคาสินค้าของเมืองหลวงก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือก้าวกระโดดขึ้นแน่นอน
ชาวบ้านทั่วไปนางสามารถปล่อยผ่านไปง่าย ๆ แต่สำหรับตระกูลใหญ่เหล่านั้น แค่นางเอ่ยปากก็สามารถกัดเนื้อพวกเขาออกมาได้แล้ว
ในเมื่อฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร เช่นนั้นนางย่อมไม่ปฏิเสธ และต้องเพิ่มเชลยน้อยของนาง เพื่อขยายให้ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จึงจะดี
ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ เผยยวนก็เป่าลมใส่หูของนาง จี้จือฮวนจึงหันไปถลึงตาใส่เขาด้วยความตกใจ
ทันใดนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นมา “ยินดีกับฮูหยินด้วย อีกไม่นานก็จะได้กินเงินของฝ่าบาททุกวัน โดยไม่ต้องออกแรงแล้ว”
จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น “???”
“เขาตั้งใจที่จะสร้างหอเฟิงเซียนให้หานกุ้ยเฟย โดยการก่อสร้างจะเริ่มขึ้นในปีนี้ กรมโยธาและกรมพระคลังต่างเร่งทำงานกันอย่างหนักเพื่อเรื่องนี้ โดยพวกเขาได้เข้าไปซื้อไม้ในภูเขาลึกที่หลิงหนานตั้งนานแล้ว ถึงเวลาจะถูกขนส่งผ่านทางน้ำมายังเมืองหลวง ซึ่งต้องผ่านที่ของเจ้าด้วย”
จี้จือฮวนเข้าใจได้ทันที เพียงพริบตาก็รู้สึกหน่อไม้บนภูเขา แทบจะถูกไท่ซ่างหวงแย่งไปหมดแล้ว
“ราชสำนักมีเงินมากเพียงนั้นเชียวหรือ?”
สีหน้าของเผยยวนเคร่งขรึมขึ้น “ฉากสงบสุขที่ดูรุ่งเรือง เกิดจากใต้หล้า ทว่าผู้นำกลับละโมบโลภมาก พวกหนูตัวใหญ่ด้านล่างก็แทบจะรอไม่ไหวเช่นกัน”
จี้จือฮวนเข้าใจแล้ว สิ่งที่น่ากลัวก็คือคนที่โลภมากที่สุดในใต้หล้าเกรงว่าจะกลายเป็นฮ่องเต้เสียเอง ดูท่าอายุยิ่งมากก็ยิ่งโง่เขลา สิ่งที่ต้องการเพลิดเพลินก็มากขึ้น ไม่เพียงต้องการสิ่งที่หรูหราที่สุด ยังต้องการเป็นเซียนอีกด้วย
ภาษีของราชสำนักไหนเลยจะเพียงพอให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินถลุง ทว่าเขายิ่งมักใหญ่ใฝ่สูงเท่าไรก็ยิ่งมีประโยชน์ต่ออาฉือ ในช่วงที่ผ่านมาชื่อเสียงของเขาก็ตกต่ำลงไปมากแล้ว
หลังจากไท่ซ่างหวงทวงรางวัลให้เผยยวนจากฮ่องเต้เซี่ยเจินแล้ว ก็ไม่เอ่ยอะไรอีก ฮ่องเต้เซี่ยเจินจึงรู้สึกโล่งอกและรู้สึกว่าเขาผ่านด่านนี้ไปได้แล้ว เพียงแต่เรื่องที่หานเหล่ยลอบสังหารองค์หญิงใหญ่ได้ย้ำเตือนเขาบางอย่าง ว่าแม้จะกำจัดองค์รัชทายาทได้แล้ว แต่กลับเลี้ยงหมาป่าที่ตัวใหญ่กว่าเอาไว้เสียเอง
คนที่กำลังฟังจนหูผึ่งอยู่นั้นเมื่อได้ยินคำสั่งเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ คิดว่าไท่ซ่างหวงเป็นแค่คนแก่ที่ว่างงาน จึงคิดจะก่อกวนก็เท่านั้น
เผยยวนมีสภาพเช่นนี้ยังจะสามารถทำอะไรได้อีก มิหนำซ้ำยังต้องการเพียงเท่านี้ และไม่ได้ขอให้ตัวเองแต่กลับขอให้ภรรยาอีกด้วย
ในหุบเขาที่แร้นแค้นเช่นนี้ ต่อให้จะเพิ่มภาษีผ่านทางก็ไม่สามารถเลี้ยงทหารจำนวนมากเช่นนี้ได้ ถึงเวลาหากมาขอร้องให้ราชสำนักช่วยเลี้ยงทหาร ขอเสบียงทหารทีหลัง เช่นนั้นย่อมไม่มีทางอย่างแน่นอน
ให้กองทัพทหารเกราะเหล็กมาทำนาทำไร่อยู่ที่นี่ไปก็แล้วกัน
แต่ก็มีคนที่คิดได้เช่นกัน ทว่าใครจะกล้าเอ่ยเตือนฮ่องเต้กัน ไท่ซ่างหวงเอ่ยปากแล้ว ฝ่าบาทเองก็รับปากแล้ว จะให้ถอนคำพูดคืนและมองดูสองคนพ่อลูกทะเลาะกันก็คงไม่ได้
ขุนนางตัวเล็กตัวน้อยอย่างพวกเขาสามารถปกป้องตำแหน่งเอาไว้ได้ก็นับว่าดีมากแล้ว
.
.
.