บทที่ 264 ทลายรังโจร
โจรภูเขาที่เหลือเมื่อเห็นว่าเป็นสตรีหน้าตาสะสวย “เยี่ยม นี่คงกลัวว่าพวกเราพี่น้องจะเหงากระมัง เลยส่งสตรีที่สวยกว่ามาให้!”
เซียวเย่เจ๋อมองโจรภูเขาเหล่านี้ด้วยสีหน้าสมเพชสิ้นดี คนที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อนช่างดีจริง ๆ สามารถพูดจาส่งเดชเช่นไรก็ได้
“ฮวนฮวน!” ทันทีที่ฮวาเซียงเซียงเห็นจี้จือฮวนก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังลั่น แทบอยากจะกระโจนเข้าไปในอ้อมกอดของนาง
จี้จือฮวนมองดูพวกเขา ก่อนจะกระดิกนิ้วให้ทางด้านหลังหนึ่งครั้ง ทหารเกราะเหล็กที่เคลื่อนไหวเป็นระเบียบเรียบร้อย และได้รับการฝึกมาอย่างดีก็กระโดดออกมาจากด้านหลังของนาง โจรภูเขาที่เมื่อครู่ยังเตรียมลากจี้จือฮวนไปย่ำยีก็หัวหลุดจากบ่าในพริบตา บางคนคิดที่จะวิ่งกลับไปทางเดิม บ้างก็ตะโกนออกมา “ทหารมา…!”
เสียงนั้นยังตะโกนไม่ทันจบ หัวก็กลิ้งลงเนินเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าของจี้จือฮวน และถูกนางเตะออกไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เสียก่อนแล้ว
พวกหลิวเฟิงลากโจรภูเขาที่เหลือมาตรงหน้าจี้จือฮวน จี้จือฮวนปรายตามองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา “ให้พวกเขานำทาง วันนี้ทำลายฐานที่มั่นบนภูเขาลูกนี้ซะ พวกที่ไม่ยอมจำนนฆ่าให้หมดอย่าให้เหลือ พวกที่ยอมจำนนให้จับมัดเอาไว้ก่อน ค่อยลงโทษในภายหลัง”
“ขอรับ!”
ฮวาเซียงเซียงมองจี้จือฮวนอย่างนิ่งงัน อดไม่ได้ที่จะหยิกเซียวเย่เจ๋อไปหนึ่งที “นี่…นี่ใครกันล่ะเนี่ย? อำเภอของเรามีทหารร้ายกาจเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
เซียวเย่เจ๋อตอนนี้ไม่เครียดอีกแล้ว เขาพิงก้อนหินและใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางเอาไว้ พลางพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเขามาจากกองทัพทหารเกราะเหล็กน่ะสิ เถ้าแก่เนี้ยฮวา”
ฮวาเซียงเซียงน้ำตาไหลริน และสูดน้ำมูกหนึ่งที “ฮะ?”
เซียวเย่เจ๋อส่งเสียงหัวเราะออกมา “พวกเรารอดตายแล้ว! ไม่ต้องตายด้วยกันแล้ว เจ้าสามารถไปเจียงหนานเพื่อดูเสี่ยวไป๋หลงของเจ้าได้แล้ว”
จี้จือฮวนตบหน้าผากของเขาไปหนึ่งที “ยื่นมือออกมา ฉีดยาได้แล้ว”
ถูกพิษแต่ยังวิ่งเร็วเพียงนั้น ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรืออย่างไร?
เซียวเย่เจ๋อทำสีหน้าต้องการปฏิเสธ “มีอาชิงไม่ใช่หรือ! ให้เขามาสิ ข้าได้ยินเหล่าไป๋บอกว่าเขาถอนพิษได้และไม่เจ็บ!”
“ข้ารีบออกมา ไม่ได้พาอาชิงมาด้วย เร็วเข้า ข้ายังต้องรีบไปฆ่าพวกสัตว์เดรัจฉานอีก อย่าทำให้ข้าเสียเวลา” จี้จือฮวนดันหลอดฉีดยาหนึ่งที อาศัยตอนที่เซียวเย่เจ๋อเตรียมจะหนี ดึงกางเกงของเขาลงและฉีดยาให้เขาไปหนึ่งเข็ม
“โอ๊ย!!!”
ฮวาเซียงเซียงปิดตาเอาไว้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค “ก้นของเซียวซื่อจื่อช่างขาวจริง ๆ”
เซียวเย่เจ๋อ “???”
ชาวกองเรือของพวกเจ้าล้วนพูดจาตรงไปตรงมากันเช่นนี้หรือ!!
…
ฐานที่มั่นบนภูเขา
เป่ยป้าเทียนเตะคนคนหนึ่งจนกระเด็น “อะไรคือการบอกว่าสินค้าใหม่ยังไม่มา? นางแก่ชุนเหนียงนั่นตายไปแล้วหรืออย่างไรกัน?”
ชายที่ถูกเตะคนนั้นกลิ้งไปกับพื้นสองตลบ จากนั้นก็กุมหน้าอกแล้วคลานกลับมา “ท่านหัวหน้า ไม่มีจริง ๆ นะขอรับ ผู้น้อยไม่กล้าโกหกหรอกขอรับ”
เป่ยป้าเทียนหัวเราะเสียงเย็น และวางมือลงบนเข่า “เจ้าย่อมไม่กล้าอยู่แล้ว ไปเรียกรองหัวหน้ามา ให้เขาไปดูสิ อย่าให้ชุนเหนียงทำเสียเรื่อง เบื้องบนสั่งมาว่าสินค้าชุดนี้ต้องส่งไปให้ครบถ้วน”
“ขอรับ ๆ ๆ!” คนคนนั้นเพิ่งโค้งตัวลงเตรียมจะวิ่งออกไป แต่ประตูที่เดิมปิดอยู่ก็ถูกคนเปิดออก และมีหญิงชราที่ทั้งกายโชกไปด้วยเลือด ดวงตาหลุดห้อยลงมา ใบหน้าที่ดูราวกับลิงกลิ้งเข้ามา นั่นไม่ใช่ชุนเหนียงแล้วจะเป็นใครไปได้
คนที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้องโถงเห็นดังนั้นต่างก็ลุกขึ้น เป่ยป้าเทียนหรี่ตาลง ในมือถือมีดเอาไว้แล้ว
ก่อนจะเห็นชายหนุ่มสวมชุดสีดำคนหนึ่งเอามือไพล่หลังยืนอยู่ที่ประตู ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมองเป่ยป้าเทียน จึงได้เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาและอ่อนเยาว์ออกมา
“เจ้าเป็นใคร?!”
“ใกล้จะตายอยู่แล้วจะถามทำไมอีก” เผยยวนใช้กำลังภายในพุ่งตัวเข้าไปสังหารคนด้านในทันที
ในเวลาเดียวกันทุกทิศทุกทางของฐานที่มั่นบนภูเขาก็เต็มไปด้วยเสียงของการต่อสู้ เลือดสาดกระเซ็น กลุ่มโจรภูเขาวิ่งไปรอบ ๆ ราวกับแมลงวันหัวขาด
มีเสียงร้องไห้ของสตรีดังระงมขึ้น โจรภูเขานับไม่ถ้วนถูกตัดหัวด้วยดาบ
“กองทัพทหารเกราะเหล็กปราบโจร! ผู้ที่ยอมจำนนจะไม่ถูกฆ่า!”
“เป็นกองทัพทหารเกราะเหล็ก!”
“กองทัพทหารเกราะเหล็กมาแล้ว!”
ครึ่งชั่วยามต่อมา เป่ยป้าเทียนซึ่งแขนขาถูกฟันจนขาดนอนหมอบอยู่บนพื้นพร้อมจมูกที่ช้ำและใบหน้าบวมเป่ง จี้จือฮวนเดินผ่านพื้นที่ระเกะระกะเพราะร่างของโจรภูเขาเข้ามา จากนั้นก็เตะเป่ยป้าเทียนไปหนึ่งที ทำให้เขาพลิกกลับมานอนหงาย นางใช้ปลายเท้าเหยียบลงบนหน้าอกของเขา และโน้มตัวลงไปมอง
ชายวัยสี่สิบกว่าที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้ากำลังสำลักออกมาเป็นเลือด
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? กองทัพทหารเกราะเหล็กมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
จี้จือฮวนเหยียบไปบนร่างของเขาอย่างแรง
“ตรวจสอบทุกอย่างแล้วใช่หรือไม่?”
“ตรวจสอบแล้วขอรับ พวกนี้เป็นบัญชีที่ได้มาจากการค้นห้องบัญชีของพวกเขา ยังมีจดหมายบางส่วน รวมถึงป้ายคำสั่งอีกหลายชิ้นขอรับ” หลิวเฟิงรายงาน
“ที่นี่มีคนถูกลักพาตัวมาหรือไม่?”
“มีคาราวานพ่อค้าและผู้หญิงจากหมู่บ้านใกล้เคียงจำนวนหนึ่ง ท่านแม่ทัพสั่งให้เราแบ่งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อพาพวกเขาลงจากภูเขาและไปแจ้งความเพื่อตามหาญาติที่ที่ว่าการแล้วขอรับ”
จี้จือฮวนพยักหน้ารับรู้
เผยยวนอ่านจดหมายเหล่านั้นแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เขียนในจดหมายเหล่านั้น มันไม่ใช่บันทึกแต่เป็นรหัสลับจำนวนมาก
เซียวเย่เจ๋อกับฮวาเซียงเซียงตามเข้ามาติด ๆ เซียวเย่เจ๋อยังไม่ทันเอ่ยปาก ฮวาเซียงเซียงก็พุ่งเข้าไป เหวี่ยงเก้าอี้ขึ้นจะทุ่มใส่ร่างของเป่ยป้าเทียน “เจ้าคนชาติชั่ว กล้าจับตัวข้าอย่างนั้นหรือ วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้! หากข้าไม่เลาะฟันในปากของเจ้าออกมา ข้าก็ไม่ใช่คนแซ่ฮวาแล้ว!”
เซียวเย่เจ๋อรีบขวางนางเอาไว้ “นี่ ๆ ๆ เจ้ายังมีเรื่องสำคัญที่จะพูดอยู่นี่นา อย่าเพิ่งรีบตีคนสิ”
ฮวาเซียงเซียงชะงักไป ก่อนจะลูบผมเล็กน้อย “ก็จริง”
นางหันไปกวักมือ “จดหมายนั่นเอามาให้ข้าดูหน่อย พวกท่านไม่น่าจะอ่านรู้เรื่อง”
เผยยวนสงสัย “เถ้าแก่เนี้ยฮวารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?”
ฮวาเซียงเซียงเขินอายเล็กน้อย “พอดีข้าเรียนรู้มา”
นางรับจดหมายทั้งสองฉบับมาอ่านอย่างละเอียด ก่อนจะบดขยี้นิ้วมือที่ขาดของเป่ยป้าเทียนขณะอ่านจดหมายไปด้วย
“เนื้อหาในจดหมายเหล่านี้ส่วนใหญ่พูดถึงเรื่องการขนยาต้องห้าม ดินปืน และแร่ผ่านเป่ยป้าเทียน เพื่อขนส่งไปที่อื่น
ยังมีส่วนหนึ่งที่เป่ยป้าเทียนช่วยติดต่อ และสกัดกั้นเจ้าหน้าที่จากราชสำนัก หากมีผู้ที่เพิกเฉยไม่เชื่อฟัง ในจดหมายระบุว่าให้ฆ่าทิ้งได้เลย”
ฮวาเซียงเซียงพลิกกระดาษปึกสุดท้าย “ด้านบนนี้เขียนว่าจะมีการขนส่งแร่เหล็กไปทิเบตทุกครึ่งปี”
เซียวเย่เจ๋อจึงด่ากราดออกมาทันที “แร่เหล็กมาจากไหน ใครสั่งให้พวกเขาขนไปส่ง มีคนในราชสำนักติดต่อกับศัตรูต่างแคว้นอย่างนั้นหรือ?”
ฮวาเซียงเซียงขมวดคิ้วและรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว นางอ่านรหัสลับในจดหมายก่อนเอ่ยออกมา “วิธีการของเราคือใส่แซ่ของคนเอาไว้หลังสุดแล้วใส่คำว่าว่าน ดังนั้นชื่อสุดท้ายของหัวหน้าผู้นี้คือเซวี่ยฮวาว่าน หมายความว่าคนผู้นี้แซ่ไป๋
ส่วนฉบับนี้เป็นจดหมายไหว้วาน สั่งให้พวกเขานำครอบครัวทหารที่เป็นผู้หญิงส่งไปที่เจียงหนาน กลุ่มหนึ่งผ่านชุนเหนียง ส่วนอีกกลุ่มให้เก็บไว้ที่เมืองหลวง และคนผู้นี้เขียนว่าเขาแซ่เยี่ยน”
ฮวาเซียงเซียงเก็บจดหมาย “ฮวนฮวน แม่…แม่ทัพเผย หากต้องการตามหาผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวไปกลุ่มแรก ข้าสามารถช่วยได้ พวกนางจะกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่บุบสลาย เส้นทางทางน้ำนี้หากพ่อข้าเอ่ยปากก็จะไม่มีใครกล้าคัดค้าน เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็เพราะพ่อข้าขัดขวางการส่งสินค้านั่นแหละ
ตอนนี้ข้ารู้สึกโชคดีมากที่พ่อข้าไม่ทำการค้าที่ต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เจ้าคนแซ่ไป๋ แซ่เยี่ยน ล้วนเป็นคนในราชสำนัก เรือที่ขนส่งล้วนมีตราประทับของทางราชสำนัก จากเหนือจรดใต้มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเพียงใดนั้น ต่อจากนี้คงต้องเป็นหน้าที่ของพวกเจ้าแล้ว”
.
.
.