บทที่ 272 คารวะราชาร้อยกู่
เกิดความเงียบขึ้นทันที
ทุกคนมองไปที่สตรีต่างเผ่าท่าทางแปลก ๆ ผู้นั้น แล้วมองไปที่ไป๋จิ่นที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย
พี่ชาย มีคนจะฆ่าท่าน ท่านช่วยให้เกียรติอีกฝ่ายสักหน่อยจะได้หรือไม่?
สิ่งนี้ทำให้กองทัพทหารเกราะเหล็กลำบากใจไม่น้อย เพราะเมื่อครู่ก็ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว และสตรีผู้นี้ก็ช่วยชีวิตเถ้าแก่เนี้ยฮวาเอาไว้
ฮวาเซียงเซียงเองก็คิดเช่นนั้น แม่นางเยว่ผู้นี้อย่างไรเสียก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้ ไม่ว่าจะฝ่ามือหรือหลังมือก็เป็นเนื้อเหมือนกัน ควรทำเช่นไรดี?
ในสายตาของเยว่พั่วหลัวกลับไม่มีคนอื่น นางเดินตรงไปทางไป๋จิ่น
ขณะที่การต่อสู้ที่ดุเดือดกำลังจะปะทุขึ้น เด็กน้อยสองสามคนก็วิ่งเข้ามาจากทางประตู
“ท่านแม่ ๆ ท่านกลับมาแล้วหรือขอรับ!” อาชิงน้อยวิ่งมาเป็นคนแรก
เกือบจะทันทีที่เขาเข้ามา เสียงกระดิ่งบนตัวของเยว่พั่วหลัวก็ดังขึ้นพร้อมกัน นางจึงหยุดฝีเท้าลงและมองไปที่อาชิงที่วิ่งเข้ามา
“ท่านแม่! อาชิงคิดถึงท่านมากเลย อาชิงไม่ได้เจอท่านมาหนึ่งสองสามสี่ห้า…หลายชั่วยามแล้ว ท่านแอบออกไปเล่นข้างนอกกับท่านพ่อมาใช่หรือไม่ขอรับ?” อาชิงน้อยเข้าไปเกาะแกะจี้จือฮวน และยื่นมือจะให้นางอุ้ม
เผยยวนเองก็เอือมระอา เจ้าเด็กคนนี้วัน ๆ เอาแต่เล่นสนุก แต่กลับทรมานคนเก่งนัก
อาอินเป็นคนละเอียดรอบคอบ แต่เขากลับเหมือนคนโง่อย่างไรอย่างนั้น ตอนอยู่ในท้องแม่คงยกความฉลาดให้พี่สาวไปหมดแล้วกระมัง
จี้จือฮวนเห็นเขาก็ใจอ่อนยวบไปหมด จึงคว้าตัวเขาเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “แม่ก็คิดถึงอาชิงเหมือนกัน มาหาพวกท่านพี่ ท่านป้าเร็วเข้า”
ครอบครัวทหารบางคนรู้จักอาชิง จึงรีบไปต้อนรับเขาโดยพร้อมเพรียงกัน
แม้แต่อาอินและอาฉือที่ตามหลังมาก็ไม่เว้น
“คุณชายน้อย คุณหนู! ไม่พบกันเสียนานเลยนะเจ้าคะ”
อาอินกับอาชิงมีความทรงจำราง ๆ แต่อาฉือกลับจำพวกนางได้แม่น
เมื่อก่อนเวลาเผยยวนกลับมาจากการฝึกทหารช้า แม่ครัวที่บ้านก็คือครอบครัวทหารที่มาช่วยงาน ทุกครอบครัวล้วนเรียกพวกเขาเช่นนั้น พวกเขาออกไปมือเปล่าแต่จะกลับมาพร้อมกับของที่เต็มไม้เต็มมือทุกครั้ง
ไม่ใช่ไข่ไก่หนึ่งตะกร้า ก็ปลาเป็น ๆ หนึ่งพวง โดยเฉพาะอาอินกับอาชิง วิ่งจากหัวถนนไปจนสุดถนน ในกระเป๋าใบเล็ก ๆ มักจะเต็มไปด้วยขนมต่าง ๆ มากมาย กินเท่าไรก็กินไม่หมด
“พี่ปี้อวิ๋นใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ท่านยังจำข้าได้หรือเจ้าคะ?”
“จำได้ขอรับ”
เผยยวนกอดอาฉือเอาไว้ “เขาความจำดี เขาจำพวกเจ้าได้ทุกคน วันนี้พวกเราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เรื่องที่ไม่มีความสุขพวกนั้นลืมมันไปเถอะ พวกเรามามีความสุขกันดีกว่า”
กองทัพทหารเกราะเหล็กไม่ได้เจอคนในครอบครัวมาเกือบสองถึงสามปีแล้ว พวกเขาแทบอยากจะติดปีกบินกลับไปซีเป่ยเสียเดี๋ยวนี้ บางครอบครัวยังอยู่ที่ซีเป่ย ในใจจึงคิดถึงกันมาก
อาชิงไม่รู้ว่าพวกผู้ใหญ่กำลังพูดอะไรกันอยู่ แต่มือยังคงโอบลำคอของจี้จือฮวนเอาไว้อย่างเชื่อฟัง และพิงตัวอยู่ในอ้อมกอดของนาง
ท่ามกลางบรรยากาศอันอบอุ่นใจ กลับมีคนสองคนที่กำลังเชือดเฉือนกันทางสายตาอยู่
เยว่พั่วหลัวไม่ขยับเขยื้อน แต่เสียงกระดิ่งของนางกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้หลายคนมองนางด้วยสีหน้างุนงง
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ไม่ใช่เยว่พั่วหลัวไม่อยากขยับ แต่นางไม่สามารถขยับได้
หนอนกู่ทั้งหมดกลิ้งไปรอบ ๆ ต้องการที่จะพุ่งออกมา ความกดดันที่ทรงพลังเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนมาจากคนคนเดียว เยว่พั่วหลัวไม่เคยสัมผัสถึงไอพลังราชากู่ที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน
นางพยายามควบคุมเหล่าหนอนกู่ให้สงบลงแต่กลับทำไม่ได้ ภายใต้การโต้กลับที่ทรงพลังเช่นนี้ ทำให้เยว่พั่วหลัวกระอักเลือดออกมา
อาชิงตกใจจนเอามือขึ้นปิดตา ก่อนจะรีบไถลลงจากอ้อมกอดของจี้จือฮวน แล้ววิ่งเข้าไปหานาง “พี่สาว ท่านเป็นอะไรไปหรือขอรับ?”
เยว่พั่วหลัวยกมือขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน “อย่าเข้ามา!”
หากเขาเข้ามาใกล้เช่นนี้เรื่อย ๆ ไม่แน่นางอาจจะระเบิดตายก็ได้
แต่เรื่องที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น เมื่ออาชิงอยู่ห่างจากนางเพียงก้าวเดียว หนอนกู่ที่ก่อความวุ่นวายก็สงบลง ราวกับว่ายอมจำนนต่อราชาตรงหน้าก็มิปาน
หลังจากนั้นไม่นาน เยว่พั่วหลัวก็พบว่านางสามารถเคลื่อนไหวได้ปกติแล้ว
นางเลือกที่จะถอยไปด้านหลังทันที เพียงพอนขาวผละออกจากปกเสื้อของนาง เห็นได้ชัดว่าไม่ชินกับอากาศและภูมิประเทศ มันกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะ ก่อนจะล้มพับไป เท้าทั้งสี่ชี้ขึ้นฟ้าไม่ขยับเขยื้อนใด ๆ อีก
“โอ๊ะ หนูน้อยน่ารัก!”
อาชิงอุทานออกมา เด็ก ๆ กลุ่มหนึ่งต่างวิ่งเข้ามาล้อมโต๊ะเพื่อดูมัน
“จริงด้วย เป็นหนูที่สวยที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาเลย”
เพียงพอนขาวยังไม่ฟื้นตัวดี ก็ถูกยกให้เป็นเพียงพอนที่น่าสงสัย มันพยายามดิ้นรนเพื่อหวังให้เยว่พั่วหลัวช่วย แต่ก็ถูกลากกลับไป
อุ้งเท้าเล็ก ๆ ขูดไปกับโต๊ะจนเป็นรอย
แม้ว่าอาชิงเองก็อยากจะสัมผัสหนูขาวตัวน้อยนี้จริง ๆ แต่เหมือนว่าพี่สาวคนนี้จะกลัวเขามาก
อาชิงน้อยก้มหน้าลงอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะยื่นมือไปทางไป๋จิ่น “อาจารย์ อุ้ม~”
ไป๋จิ่นเพิ่งกินขนมเปี๊ยะหมด เขาปัดมือไปมากำลังจะอุ้มเจ้าศิษย์โง่ผู้นี้ขึ้นมา เยว่พั่วหลัวก็ลุกขึ้นยืนทันที “อย่าเอามือสกปรกของเจ้ามาแตะต้องเขา!”
หลังจากที่นางตำหนิเสร็จก็มองไปที่อาชิง “เจ้าเรียกเขาว่าอะไรนะ? อาจารย์อย่างนั้นหรือ? สุนัขของสำนักพิษคู่ควรเป็นอาจารย์ของเจ้าที่ใดกัน!”
เยว่พั่วหลัวจ้องไปที่ไป๋จิ่น ทั้งสองมีท่าทางเหมือนจะสู้กันอีก จี้จือฮวนกลัวว่าพวกเขาจะทำอาชิงบาดเจ็บไปด้วย และกำลังจะบอกให้ไป๋จิ่นวางอาชิงลง คิดไม่ถึงว่าเยว่พั่วหลัวจะคารวะให้กับอาชิงหนึ่งครั้ง “กู่หญิงเยว่พั่วหลัว คารวะราชาร้อยกู่”
คนในสำนักกู่อยู่กับกู่มาตลอดชีวิต นับว่าราชาหนอนกู่เท่านั้นที่สูงที่สุดในสำนักกู่ ร่างที่ราชาหนอนกู่เลือก นั่นก็ย่อมเป็นผู้ที่สำนักกู่จะต้องจงรักภักดี
อาชิงกะพริบดวงตากลมโตปริบ ๆ มองดูเยว่พั่วหลัวที่คารวะให้เขา
ไป๋จิ่นคาดเอาไว้แล้วว่าต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ มีศิษย์ของเขาอยู่ ต่อให้บรรดาผู้อาวุโสของสำนักกู่มาเขาก็ไม่กลัว!
ราชาร้อยกู่เป็นสมบัติไร้พ่ายที่ใช้ต่อกรกับสำนักกู่
เยว่พั่วหลัวลุกขึ้นยืน “แต่ว่าท่านราชากู่ ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอ”
ไป๋จิ่นเลิกคิ้วขึ้น นางคงไม่ได้อยากให้อาชิงฆ่าเขาหรอกกระมัง!
อาชิงเกาหัวเบา ๆ “ท่านเรียกใครราชากู่กัน ข้าหรือ? ข้าชื่ออาชิงนะขอรับ”
“ข้าก็จะเป็นอาจารย์ของเจ้าด้วย เทียบเท่ากับเขา!” ปีศาจพิษที่ต่ำช้าอย่างไป๋จิ่น ทำให้ราชาร้อยกู่คารวะเขาเป็นอาจารย์ได้ วิชาของสำนักพิษมีอะไรน่าเรียนกัน? มีราชาร้อยกู่อยู่ในกาย ยังจะต้องกลัวพิษอะไรอีก!
ควบคุมกู่ทั้งใต้หล้าไว้ในฝ่ามือ จึงเป็นความหมายที่แท้จริงของราชาร้อยกู่!
ไป๋จิ่นหัวเราะเสียงเย็น “เจ้ารู้เรื่องอะไรมาก่อนมาหลังหรือไม่?”
เขากำลังจะบอกให้เยว่พั่วหลัวคารวะเขา ก็ได้ยินอาชิงที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้าหงึก ๆ แล้วเอ่ยขึ้นมา “ได้สิ ได้ขอรับ”
ท่านแม่บอกว่ามีอาจารย์หลายคนก็มีที่พึ่งหลายคน และยังจะได้อั่งเปาด้วย!
ไป๋จิ่นเกือบจะกระอักเลือดออกมา เจ้าศิษย์โง่นี่เป็นศิษย์ที่เลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ!
สำนักกู่เพิ่งมา บอกว่าจะเป็นอาจารย์เขา เขาก็ยอมรับแล้วอย่างนั้นหรือ!?
อาชิงไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของไป๋จิ่น “เช่นนั้นอาจารย์ที่งดงาม ข้าสามารถมีหนูสีขาวของตัวเองได้หรือไม่ขอรับ?”
เยว่พั่วหลัวชำเลืองมองไปที่เพียงพอนขาวที่หมดอาลัยตายอยาก ก่อนจะพยักหน้าอย่างแน่วแน่และเอ่ยขึ้น “หากราชากู่ต้องการ อย่าว่าแต่เพียงพอนขาวเลย ขอเพียงเป็นสิ่งมีชีวิตในใต้หล้านี้ ข้าสามารถจับมาให้ท่านได้ทั้งนั้น สิ่งไม่มีชีวิตก็สามารถทำเป็นหุ่นเชิดให้ได้!”
จี้จือฮวนกับเผยยวนสบตากันเล็กน้อย จี้จือฮวนจับมือของเผยยวนเอาไว้ สำนักกู่กับอาชิงเดิมก็มีวาสนาต่อกัน เขาเรียนแต่วิชาพิษแต่กลับไม่เข้าใจกู่ ดังนั้นจึงไม่สามารถควบคุมกู่ได้ การมาของเยว่พั่วหลัวบางทีอาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เป็นได้
.
.
.