บทที่ 277 ราชากู่ไม่ตาย หานฉีเป็นอมตะ
แม้ว่าพวกอาฝูจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยกันตอนกินข้าว พวกเขาก็ได้รู้ว่าหมู่บ้านตระกูลเฉินหลังจากนี้จะถูกเหมารวมเข้ากับกองทัพทหารเกราะเหล็ก
เมื่อคืนท่านปู่กับท่านย่ายังนอนคุยกันบนเตียงว่าเอาชีวิตแขวนไว้บนเส้นด้ายแล้ว
ท่านย่าโมโหเป็นอย่างมาก ด่าฮ่องเต้ว่างี่เง่า หรืออยู่ฝ่ายราชสำนักแล้วจะมีข้าวกินหรืออย่างไร ทุกปีเมื่อถึงคราวจัดเก็บภาษี เด็ก ๆ ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้กินอาหารอุ่น ๆ ด้วยซ้ำ
ติดตามพวกฮวนฮวนยังดีเสียกว่า แถมไท่ซ่างหวงยังจิตใจดีมีเมตตา ไม่เคยเจ้ายศเจ้าอย่าง นอกจากให้กำเนิดลูกชายสารเลวแล้ว ก็ไม่มีข้อบกพร่องอะไรเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้มีเนื้อกินทุกวัน อาฝูยังได้เรียนหนังสือ ท่องกลอนเป็นแล้วอีกด้วย
ชาวบ้านทำงานมาทั้งชีวิตเพื่ออะไรกัน ก็หวังจะมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง
อย่างไรเสียก็เลือกที่จะติดตามแล้ว พวกเขายอมให้ภายภาคหน้าอาฝูติดตามอาฉือไปเป็นขุนนางเล็ก ๆ ใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงและน่านับถือ ยังดีเสียกว่าอยู่ให้คนรังแก
เป็นคนต้องมีศักดิ์ศรี!
องค์ชายสิบเป็นคนของราชสำนัก แต่เขาก็มีจิตใจดี
พวกอาฝูโบกมือลาองค์ชายสิบแล้วจึงได้กลับไปที่หมู่บ้าน นำคำที่เขาพูดไปบอกกับจี้จือฮวน
“องค์ชายสิบพูดเช่นนี้กับพวกเจ้าหรือ?”
“ขอรับ และยังมอบหุ่นเงาและของอื่น ๆ ในหีบให้พวกเราด้วยขอรับ”
“เช่นนั้นก็รับเอาไว้เถอะ เรื่องของพวกผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า ไปเล่นกันเถอะ” จี้จือฮวนตบบ่าของอาฝูเบา ๆ
พวกเด็ก ๆ ไม่นานก็ลืมเรื่องนี้ไปจริง ๆ ก่อนหยิบหุ่นเงาในหีบออกไปเล่นกัน
ตอนที่อาชิงและเยว่พั่วหลัวกลับมา อาฝูก็ถือหุ่นเงารูปแม่ทัพมาอวด “ดูสิอาชิง สวยหรือไม่ นี่เป็นแม่ทัพของข้า”
อาชิงเห็นว่าสวยดี จึงพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นมา “เอามาจากไหนหรือ?”
“เชลยอ้วนให้มา”
อาชิงเองก็ได้ของเล่นใหม่มาเช่นกัน เขาต้องเอาไปอวดกับท่านแม่!
จี้จือฮวนกำลังคิดเกี่ยวกับรายการอาหารของวันพรุ่งนี้ อาชิงก็กอดตะกร้าไม้ไผ่ใบเล็ก ๆ วิ่งมาหา “ท่านแม่! อาชิงก็มีของเล่นใหม่เหมือนกันขอรับ ชื่อว่าหานฉี”
จี้จือฮวนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะดึงเจ้าตัวเล็กมาสำรวจทั่วร่างกาย “เจ้าพบเขาได้อย่างไร? เขาทำอะไรเจ้าหรือไม่?”
ขณะที่กำลังสอบถามก็สังเกตเห็นรอยฟกช้ำรอบลำคอของอาชิง
“เกิดอะไรขึ้น? หานฉีเป็นคนทำอย่างนั้นหรือ?”
เยว่พั่วหลัวเพิ่งจะเดินเข้ามา จี้จือฮวนก็คว้ามีดและกำลังจะเดินออกไป
“เจ้าจะไปทำอะไร?”
“ฆ่าคน” น้ำเสียงของจี้จือฮวนไม่สู้ดีนัก เยว่พั่วหลัวจึงวางยารักษาบาดแผลของสำนักกู่ลงบนโต๊ะขวดหนึ่ง “หากเจ้าจะไปหาคนที่ชื่อหานฉีก็ไม่ต้องไปแล้ว เพราะคนผู้นั้นตายไปแล้ว”
เท้าของจี้จือฮวนชะงักลง ก่อนจะหันไปมองเยว่พั่วหลัว “เจ้าเป็นคนฆ่าหรือ?”
เยว่พั่วหลัวยักไหล่ “ข้ามีความสามารถเช่นนั้นที่ใดกัน เป็นราชาร้อยกู่ต่างหาก”
อาชิงพยักหน้า “หนอนน้อยฆ่าเสร็จก็กลับมาขอรับ หานฉีผู้นั้นกลายเป็นเหมือนหุ่นไม้อย่างไรอย่างนั้น สั่งให้เขาทำอะไรเขาก็ทำ”
“วิชาหุ่นเชิดของสำนักกู่ จัดลำดับตามระดับของหนอนกู่ หุ่นเชิดที่ราชาร้อยกู่เป็นผู้สร้างขึ้นมาเอง ไม่แตกต่างจากคนที่มีชีวิตทั่วไป สามารถทำทุกอย่างได้ปกติตามวิถีชีวิตก่อนหน้านี้ คนทั่วไปจะไม่สังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติใด ๆ
มีเพียงเมื่อราชากู่ออกคำสั่งเท่านั้น พวกเขาก็จะเชื่อฟังคำสั่งทันที ดูจากความแตกฉานในวรยุทธ์ของหานฉี บวกกับร่างกายที่ถูกควบคุม หุ่นเชิดตัวนี้นับว่าไร้พ่ายเลยทีเดียว”
“เอาคนตายมาทำเป็นหุ่นเชิด? เช่นนั้นร่างกายไม่เน่าเปื่อยหรือ? เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าหานฉีไม่ได้กำลังหลอกพวกเจ้า?” จี้จือฮวนไม่เคยเห็นสิ่งที่ชั่วร้ายเช่นนี้มาก่อน จึงต้องถามให้ชัดเจน
เยว่พั่วหลัวส่ายหน้า “ไม่ ในทางตรงกันข้ามหุ่นเชิดเป็นวิชากู่ระดับสูง แม้จะอยู่ห่างออกไปพันลี้ก็ยังสามารถควบคุมโดยที่มองไม่เห็นได้ กู่ตัวลูกของราชาร้อยกู่จะอยู่ในกายของหุ่นเชิด ต่อให้มีคนฆ่าหานฉี ตัดมือและเท้าของเขาออก กู่ก็จะสร้างมือและเท้าขึ้นมาอีกครั้ง หากใช้คำของคนหมู่บ้านตระกูลเฉินเช่นพวกเจ้า ก็ต้องบอกว่าอาชิงมีเชลยระดับสูงตัวหนึ่งแล้ว”
เยว่พั่วหลัวลุกขึ้นยืน กระดิ่งบนกายดังขึ้น “ขอเพียงราชากู่ไม่ตาย หานฉีก็จะเป็นอมตะ เชื่อฟังคำสั่งของอาชิงตลอดไป ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเขา รวมถึงสามารถฆ่าอัครมหาเสนาบดีหานได้ด้วย ทิ้งคนเช่นนี้เอาไว้ในมือของพวกเขาไม่ขาดทุนหรอก”
จี้จือฮวน “…”
เจ้าลูกคนนี้ไม่ใช่ว่ามีร่างปลาหลี*หรอกกระมัง
* ร่างปลาหลี (锦鲤体质) หมายถึง มีปลาหลีคอยคุ้มครอง ทุกอย่างในชีวิตราบรื่น โชคดีจนคนอิจฉา
“ขอบคุณที่เจ้าปกป้องอาชิง”
เยว่พั่วหลัวรู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องขอบคุณ ช่วยราชากู่ก็เท่ากับช่วยตัวนางเอง
“เย็นนี้ข้าจะทำซาลาเปาเนื้อที่มีขนาดเท่ากันให้เจ้าสองลูก”
เยว่พั่วหลัวมีความสุขมากจริง ๆ ดูสิ ชาวจงหยวนรู้ความกว่าคนที่มาจากสำนักพิษจริง ๆ!
…
ขณะที่ทุกคนในหมู่บ้านตระกูลเฉินเตรียมจะกินข้าวนั้น ทางด้านฮ่องเต้เซี่ยเจินเองก็เก็บของเรียบร้อยแล้ว และมาคารวะไท่ซ่างหวง พร้อมกับบอกว่าพวกเขาจะกลับแล้ว อีกเจ็ดวันจะมาใหม่
ไท่ซ่างหวงรู้ว่าเซี่ยเจินคิดอะไรอยู่ หวังจะเปลี่ยนความคิดเห็นของสาธารณชนอย่างนั้นหรือ แต่เขาได้เตรียมการเอาไว้หมดแล้ว ถึงเวลานั้นหวังว่าเซี่ยเจินจะยังมีเวลาสนใจหมู่บ้านตระกูลเฉินเช่นนี้อยู่นะ
ฮ่องเต้เซี่ยเจินสามารถกลับเมืองหลวงได้ตามที่ปรารถนา พลางถอนหายใจยาวขณะนั่งอยู่บนรถม้า
การเดินทางครั้งนี้ทุกคนมีความคิดที่แตกต่างกันไป แต่คำว่าหมู่บ้านตระกูลเฉินกลับสลักลึกลงในใจของพวกเขาเสียแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนออกเดินทาง กลิ่นหอมของอาหารที่ลอยฟุ้ง และท่าทีที่เอะอะก็จะประหารเก้าชั่วโคตรของพวกเขา…ทำให้ผู้คนทั้งเกลียดและกลัวจริง ๆ
แต่ก็จำต้องก้มหัวให้ เจ้าว่าไท่ซ่างหวงคลุกคลีกับพวกเขาได้อย่างไรกัน ยังมีองค์หญิงใหญ่อีกคน
มองดูพวกฮ่องเต้เซี่ยเจินไสหัวไปแล้ว คนของหมู่บ้านตระกูลเฉินต่างก็ดีใจกันเป็นอย่างมาก แม้แต่นายอำเภอเจียงก็ยังล้วงเอาดอกไม้สีแดงดอกใหญ่ออกมาโบกไปมา “ฝ่าบาท คราวหน้ามาอีกนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินร่างกายสั่นเทา ช่างเถอะ ส่งเจ้านายอำเภอเจียงสารเลวผู้นี้ออกไปก่อน ส่งไปที่แห้งแล้งกันดารเลยยิ่งดี!
“มา ๆ ๆ กินข้าวได้แล้ว”
เสียงฆ้องในหมู่บ้านดังขึ้น เด็ก ๆ ต่างหยิบตะเกียบและแยกกันนั่งเป็นโต๊ะ ๆ เพื่อฉลองที่ครอบครัวเหล่าทหารปลอดภัย และอาชิงน้อยมีอาจารย์คนใหม่ ทุกคนล้วนยกอาหารรายการพิเศษออกมา
ทว่าอาอินที่นั่งอยู่ข้างกายอาฉือกลับมีท่าทางหงอยเหงา เอาแต่เล่นตุ๊กตาตัวน้อยในมือไปมา
อาฉืออุ้มอาชิงขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ หันกลับมาเห็นท่าทางของน้องสาวก็เอ่ยถามเสียงเบาขึ้น “เซียวเซวียนจิ่นให้เจ้ามาหรือ?”
อาอินเงยหน้าขึ้น “อืม เขาบอกว่าไปแล้วไม่รู้ว่าจะกลับมาเยี่ยมข้าคราวหน้าเมื่อใด ตุ๊กตานี่เขาเป็นคนทำให้ข้า”
อาฉือหยิบมันมาดูเล็กน้อย ผมเปียขนาดใหญ่สองข้าง สวมกระโปรงสีชมพูตัวเล็ก นุ่นที่อยู่ด้านในแทบจะปลิ้นออกมาอยู่แล้ว ฝีเข็มบิด ๆ เบี้ยว ๆ มองดูดี ๆ ยังมีนุ่นโผล่ออกมาเล็กน้อยอีกด้วย…
ฝีมือก็อย่างนั้น ๆ
“พี่จะทำตัวที่ดีกว่านี้ให้”
อาอินนึกสงสัยเล็กน้อย “พี่ใหญ่ เมื่อก่อนท่านปะกระเป๋าให้ข้ายังรั่วอยู่เลยนะเจ้าคะ”
อาฉือกระแอมอย่างเก้อเขิน “มีอะไรยากกัน ข้าสามารถเรียนรู้ได้”
ไม่มีทางแพ้ให้กับเซียวเซวียนจิ่นอย่างแน่นอน
คิดไม่ถึงว่าเขาจะร้ายกาจเพียงนี้ ถึงกับจับทางได้ว่าอาอินชอบอะไร!
พี่ใหญ่อย่างเขาจะแพ้ได้อย่างไรกัน จะปล่อยให้น้องสาวของเขาถูกตุ๊กตาตัวสองตัวหลอกเอาเช่นนี้ไม่ได้
ทางด้านนี้ หลังจากเยว่พั่วหลัววางชามทั้งสองใบลงเรียบร้อยแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกอย่างเงียบ ๆ
พวกท่านป้าต่างก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถอะ พวกเราตั้งใจเลือกชามที่มีลายแบบเดียวกันมาให้เจ้าโดยเฉพาะ รับรองว่าเจ้าต้องพอใจ”
“ใช่ ผ้าห่ม ผ้าเช็ดหน้า อ่างล้างหน้า ที่พวกเราเตรียมให้เจ้าก็เอาไปให้เสี่ยวไป๋หมดแล้ว บ้านของเขา เขาไม่ให้พวกเราเข้าไป หากว่าเจ้าปูเตียงไม่เป็นค่อยมาเรียกพวกเราแล้วกันนะ”
เยว่พั่วหลัวกัดลูกอมด้วยรอยยิ้ม ส่วนไป๋จิ่นได้แต่กลอกตามองบน!
ทันใดนั้นทั้งสองก็สบตากัน และสามารถมองเห็นไอสังหารอันรุนแรงในดวงตาของกันและกันได้
เจ้ารอความตายได้เลย!
.
.
.