บทที่ 292 ภรรยาของอาชิง
เมื่อนายอำเภอเจียงมาถึงหมู่บ้านตระกูลเฉินก็ต้องอาเจียนก่อนไปคารวะจริง ๆ
โชคดีที่ตอนพูดคุยกับไท่ซ่างหวงยังคงพูดรู้เรื่องอยู่ แจกแจงคำสารภาพทั้งหมดที่เค้นออกมาจากปากจางจวิ้นเซิงได้อย่างชัดเจน
หลังจากไท่ซ่างหวงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ให้จางตงไหลส่งคนไปตรวจสอบที่หลูโจวอย่างลับ ๆ และให้เผยยวนอยู่หารือก่อน
นายอำเภอเจียงย่อมไม่สะดวกที่จะอยู่ต่อ เขาจึงขอตัวออกมาก่อน
ส่วนจี้จือฮวนก็ไปหาอีและเอ้อร์
“ฮะ? ลูกพี่ฮวนฮวนจะให้พวกเราไปหลูโจวหรือขอรับ?” อีและเอ้อร์เกาหัวแกรก ๆ
พวกเขาเป็นเชลยนะ ไม่กลัวว่าปล่อยไปแล้วจะหนีหรืออย่างไร?
จี้จือฮวนย่อมมีวิธีให้พวกเขาไปแล้วต้องกลับมา อีกอย่างที่ส่งพวกเขาไปก็ไม่ใช่ให้ไปท่องเที่ยวกินลมชมวิว ที่สำคัญที่สุดก็คืออีและเอ้อร์เป็นคนของอัครมหาเสนาบดีหาน พวกอัครมหาเสนาบดีหานทำงานอย่างไร มีรหัสลับอะไรพวกเขาย่อมรู้ดี
ให้พวกเขาไปหลูโจวจะทำให้เมิ่งซื่อคิดว่าเป็นองค์ชายรองสอดมือเข้ามายุ่งกับกิจการภายใน ทั้งยังสามารถทำให้ทั้งสองคนสู้กันอย่างเปิดเผย เป็นการยุให้สุนัขกัดกันเอง
ฮ่องเต้เซี่ยเจินคิดจะกลบข่าวที่อาฉือยังมีชีวิตอยู่ โดยยกเรื่องการแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และทำให้ทุกคนหันไปพูดคุยกันว่าใครจะได้เป็นองค์รัชทายาทในอนาคตแทน
แต่หารู้ไม่ว่าการแย่งชิงตำหนักบูรพาต่างหากเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากกว่าเรื่องนี้เสียอีก
แน่นอน ฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่ได้ต้องการที่จะแต่งตั้งองค์รัชทายาทจริง ๆ แค่เลือกผู้ที่เหมาะสมที่สุด ตอนนั้นเขาก็ขึ้นมาด้วยวิธีนี้เช่นเดียวกัน และดูจากที่ฮ่องเต้เซี่ยเจินเลือกลูกสาวจากตระกูลใดให้เป็นพระชายาขององค์ชายเหล่านี้ ก็สามารถตัดสินความคิดของเขาในตอนนี้ได้
ยิ่งเงียบฮ่องเต้เซี่ยเจินก็จะยิ่งอยู่นิ่ง ๆ
“ข้าจะมอบภารกิจให้พวกเจ้าหนึ่งภารกิจ จะทำสำเร็จหรือไม่?” จี้จือฮวนเอ่ยถาม
อีและเอ้อร์สบตากัน ไม่ได้ทำงานเช่นนี้มานานจึงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“ลูกพี่ฮวนฮวน หากท่านเชื่อใจพวกเรา เพียงแค่สั่งมาพวกเราจะทำให้สำเร็จให้จงได้ขอรับ”
จี้จือฮวนกระดิกนิ้ว ให้พวกเขาเอาหูมาใกล้ ๆ
“ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีไหน ข้าสนใจแค่ผลลัพธ์เท่านั้น จะใส่ร้ายหรือโกหกอย่างไรก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ทำให้เมิ่งซื่อรู้ว่าคนที่ตรวจสอบพวกเขาคืออัครมหาเสนาบดีหาน อัครมหาเสนาบดีหานกำลังช่วยองค์ชายรองอยู่ เข้าใจหรือไม่?”
อีและเอ้อร์พยักหน้ารับคำสั่ง “เข้าใจขอรับ”
“เช่นนั้นก็ไปเก็บของเถอะ และรีบออกเดินทาง”
หากช้ากว่านี้นางก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับเขื่อนคุณภาพต่ำของหลูโจวเสียก่อน
อีและเอ้อร์รู้ดีว่าเรื่องที่จี้จือฮวนมอบหมายให้พวกเขาไปทำต้องไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างแน่นอน หากไม่ทำให้ดีก็อย่ามีหน้ากลับมาอีก
หลังจากมองอีและเอ้อร์กลับไปเก็บสัมภาระ จี้จือฮวนก็ตั้งใจเปลี่ยนอารมณ์ โดยไปดูว่าพวกเด็ก ๆ กำลังทำอะไรกันอยู่ ซนหรือไม่
ตอนนี้อาอินและอาชิงเองก็เริ่มฝึกคัดลายมือแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีความอดทนเท่าอาฉือ เอาแต่ถูก้นไปมาบนม้านั่งราวกับว่ามีหนามงอกออกมาอย่างไรอย่างนั้น
จี้จือฮวนเองก็ไม่ได้คาดหวังให้พวกเขาต้องสอบจอหงวน แค่จดจำตัวอักษรทั้งหมดได้ก็พอแล้ว
นี่อย่างไรเล่า เพิ่งจะถึงเวลาพักบรรดาเด็ก ๆ ก็เฮโลวิ่งออกมาเล่นกันแล้ว
“วันนี้ข้าจะเตะลูกขนไก่หกสิบที!”
“เช่นนั้นข้าจะเตะหกสิบเอ็ดครั้ง”
อาอินไม่ค่อยสนใจเรื่องเตะลูกขนไก่อะไรพวกนี้มากนัก เหตุผลหลักก็คือหากนางเตะอาจจะสูญเสียการควบคุมพละกำลัง และทำให้ลูกขนไก่พังได้
มีความสามารถเช่นนี้ไม่สู้เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า
บ้านของไป๋จิ่นได้รับการซ่อมแซมใหม่แล้ว หลังคาเดิมพังจนไม่เหลือชิ้นดี และทนให้เจ้าสองคนนี้กระโดดขึ้นลงอีกไม่ไหวแล้ว
แน่นอนว่าจี้จือฮวนไม่มีทางออกเงินให้ ต้องให้พวกเขาได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปบ้าง
ดังนั้นภายใต้แสงแดดที่แผดเผา ไป๋จิ่นมีหน้าที่ซ่อมกำแพง ส่วนเยว่พั่วหลัวมีหน้าที่ขนวัสดุ เนื่องจากทั้งสองคนถูกลดอาหารลงจึงทำให้มีอาการเซื่องซึมลงเล็กน้อย แต่เมื่อสบตากันก็ราวกับจะสามารถทำลายหมู่บ้านตระกูลเฉินได้ภายในพริบตา
“ให้เจ้าขนอิฐเจ้าก็ขนถึงครึ่งค่อนวัน? เจ้าไปเอาพระไตรปิฎกจากชมภูทวีปหรืออย่างไรกัน!” ไป๋จิ่นฟังอาชิงเล่าเรื่องซุนหงอคงทุกวัน จนสามารถท่องได้ตั้งนานแล้ว
แต่เยว่พั่วหลัวกลับรู้สึกว่าตัวเองทำงานเร็วมากแล้ว!
เพราะอิฐเหล่านี้เป็นของเหลือจากการสร้างโรงงานผลิตเวชสำอาง จึงยากมากที่จะหาอิฐก้อนที่สมบูรณ์ ไม่เสียหาย และมีสัดส่วนใกล้เคียงกันในบรรดาอิฐจำนวนมาก!
นางเลือกมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แต่เขากลับบอกว่าทำงานช้าอย่างนั้นหรือ? นางหิวจนไส้กิ่วแล้วรู้บ้างหรือไม่?
เยว่พั่วหลัวโมโหขึ้นมาก็ตะโกนเสียงดัง “ข้าช้า? แล้วเจ้าทำเร็วอย่างนั้นสิ? เจ้าทำเร็วมาก!”
ไป๋จิ่นกลอกตามองบน “ภาษาจงหยวนไม่แข็งก็อย่าพูดส่งเดช!”
ใครเร็วกัน! เจ้าว่าใครเร็วกันฮะ!
“เจ้าดูผนังสิ ไม่เรียบร้อยยิ่งกว่าเสาฟางที่ถูกสุนัขแทะที่ทางเข้าหมู่บ้านเสียอีก ด้านนี้สูง ด้านนี้ต่ำ ทำเสร็จคงรั่วทั้งลมทั้งฝน ข้าไปสร้างบ้านไม้ไผ่ในป่ายังดูแข็งแรงกว่าบ้านของเจ้าเสียอีก เจ้าจะใช้อิฐอะไรกัน อย่าสิ้นเปลืองวัสดุจะดีกว่า”
ไป๋จิ่นที่เป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองเสมอ กลับมีคนบอกมาว่ากำแพงที่เขาก่ออย่างยากลำบากนั้นไม่ดี ไม่ได้เรื่อง ความแค้นนี้เขาจะทนได้อย่างไร
“หากเจ้าไม่ได้ใช้ลูกตาแล้วล่ะก็ควักออกมาให้งูกินซะเถอะ! เป็นระเบียบเพียงนี้เจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือ อย่ามาคอยแต่จับผิดคนอื่น ไม่มีใครขอให้เจ้าอยู่เสียหน่อย”
“เรื่องอะไรข้าจะอยู่ไม่ได้ บ้านหลังนี้ข้าก็มีสิทธิ์เหมือนกัน” เยว่พั่วหลัวหยิบใบรับรองการเช่าที่หัวหน้าหมู่บ้านประทับตราด้วยตัวเองออกมาด้วยท่าทางหยิ่งยโส
ไป๋จิ่นคิดไม่ถึงว่าสตรีต่างถิ่นผู้นี้จะรู้กฎของหมู่บ้านตระกูลเฉินแล้ว นับว่าเรียนรู้เร็วทีเดียว!
“เช่นนั้นเอาอย่างนี้ เจ้าก็สร้างของเจ้า ข้าก็สร้างของข้า ไม่ต้องสนใจกัน!”
“ตกลง!” เยว่พั่วหลัวไม่ต้องการจะสร้างบ้านร่วมกับเขาตั้งนานแล้ว อยากจะทำของตัวเองจะตายไป
“อาชิง รีบมาช่วยที!” ไป๋จิ่นเห็นอาชิงมาทางนี้ก็ตะโกนเรียก
พวกเด็ก ๆ ได้ยินก็มากันหมด “โอ้ สร้างบ้านช้าจริง ๆ”
“แม่ข้าบอกว่า ท่านอาเสี่ยวไป๋ทำนาไม่เป็น บ้านก็สร้างไม่ได้เรื่อง มีคนยอมแต่งกับเขาก็นับว่าไม่เลวแล้ว แต่ยังชอบตีผู้หญิงอีก หมดทางช่วยแล้วจริง ๆ”
“ใช่แล้ว บ้านนี้ข้าว่าอยู่ไม่ได้แล้วกระมัง”
เส้นเลือดบนขมับของไป๋จิ่นถึงกับเต้นตุบ ๆ
ก่อนจะเห็นเยว่พั่วหลัวชูนิ้วขึ้นส่ายไปมา พลางเอ่ยแก้เสียใหม่ “ไม่ถูกต้อง ข้าไม่ใช่ภรรยาของเขาเสียหน่อย ข้าเป็นสตรีที่จะต้องแต่งงานกับราชากู่เท่านั้น”
นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นจริง ๆ นะ
กู่หญิงในสำนักกู่ล้วนเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง พวกนางจะติดตามเพียงชายที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น และคนที่ราชาร้อยกู่เลือกต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน
แต่ว่า…
ไป๋จิ่นมองอาชิงน้อยที่เล่นดินโคลนอยู่ข้าง ๆ
“เจ้ามียางอายบ้างหรือไม่ อาจารย์คิดจะแต่งกับศิษย์ เจ้าอยากโดนฟ้าผ่าตายหรืออย่างไร! ยิ่งไปกว่านั้นอาชิงเพิ่งจะกี่ขวบเอง”
อาฝูก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตกตะลึง “อะไรนะ ภรรยาของท่านอาเสี่ยวไป๋จะแต่งเป็นภรรยาของอาชิงอย่างนั้นหรือ?”
“อายุห่างกันเกินไปหน่อยกระมัง” อาฮุยเกาหัว
หลี่ต้าจ้วงส่งเสียงชิชะขึ้นมา “เฮ้อ นี่ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ เจ้าสาวอายุมากกว่าก็มีตั้งเยอะไม่ใช่หรือ?”
มุมปากของจี้จือฮวนถึงกับกระตุก นางมาเพื่อดูความคืบหน้าของพวกเขา ไม่อย่างนั้นเจ้าสองคนนี้ก็ต้องมาอาศัยบ้านพวกนางไปเรื่อย ๆ
“ท่านน้าฮวนฮวน! ภรรยาของท่านอาเสี่ยวไป๋ต่อไปจะแต่งกับอาชิงหรือขอรับ?” อาฝูเอ่ยถาม
หลี่ต้าจ้วงก้มตัวลงไปหาอาชิง “เจ้าจะแต่งหรือไม่?”
“นั่นสิ ๆ อาชิง เจ้าจะแย่งภรรยาของท่านอาเสี่ยวไป๋หรือ!?”
“เช่นนั้นพวกเราจะได้กินเลี้ยงกันแล้วใช่หรือไม่!?”
“เช่นนั้นพี่อาหลัวก็ไม่ต้องสร้างบ้านแล้ว ไปอยู่บ้านอาชิงได้เลย”
ทุกคนต่างก็มองไปทางอาชิงที่เพิ่งจะลุกขึ้นยืน ก่อนจะพบว่าอาชิงน้อยกำลังกลั้นจนหน้าแดงก่ำ พลางบิดก้นไปมาเล็กน้อย พยายามเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง “ข้าอยากอึ”
.
.
.