บทที่ 302 เคียงข้างเจ้าตลอดไป
เรื่องที่เหลือพวกซูอิ่งจะจัดการต่อให้เรียบร้อย อากาศภายในห้องไม่ปลอดโปร่งเผยยวนจึงดึงจี้จือฮวนกำลังจะออกไป แต่จื่อเยว่กลับออกแรงขัดขืนพลางมองไปที่เผยยวนด้วยสายตาอ้อนวอน
แต่เผยยวนเคยกล่าวเอาไว้แล้วว่า ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกกับเซี่ยฉงฟาง ได้แตกหักไปนานแล้ว
ตอนนั้นเซี่ยฉงฟางเองก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้เขาจึงไม่สนใจเช่นกัน
บางทีจื่อเยว่อาจจะขอร้องเขาให้ฆ่าเซี่ยฉงฟางเสีย เพื่อให้นางจากไปอย่างสงบ ไม่ต้องอยู่เป็นคนเสียสติเช่นนี้ การที่มีสภาพเช่นนี้สำหรับคนที่หยิ่งทะนงเช่นเซี่ยฉงฟางแล้ว เทียบได้กับการถูกประหารโดยการแล่เนื้อออกทีละชิ้นเลยก็ว่าได้
แต่เผยยวนหาได้สนใจนางไม่
ประตูของเรือนหลังเล็กถูกปิดลงอีกครั้ง ไม่มีใครคิดจะกลบเกลื่อนร่องรอยของการต่อสู้เมื่อครู่ จื่อเยว่ขยับตัวปกป้องเซี่ยฉงฟางเอาไว้ในอ้อมแขน
เมื่อครู่นางถูกงูกัดทำให้ลืมตาขึ้นมาได้ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สลบไปอีกครั้งเพราะผลของพิษโลหิต
ทั้ง ๆ ที่มีสติครบถ้วน แต่กลับไม่สามารถยับยั้งฤทธิ์ของพิษได้ ดังนั้นหากเซี่ยฉงฟางไม่ตายก็ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ตลอดไป
จื่อเยว่รู้สึกเสียใจมากจริง ๆ เสียใจที่ตอนนั้นเหตุใดนางถึงไม่ห้ามเซี่ยฉงฟางไม่ให้ทำร้ายนายน้อย ไม่อย่างนั้นตอนนี้นางก็จะยังคงมีลูกชายที่คอยดูแลนางอยู่!
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กะทันหันเกินไป แม้ว่าทั้งสองคนจะเตรียมการเอาไว้แล้ว แต่พวกเขาก็คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเป็นองครักษ์ลับ
แม้ว่าคนเหล่านั้นจะติดตามเซี่ยฉงฟาง แต่สำหรับเผยยวนแล้วนั่นถือเป็นการทรยศต่อเผยเกอ
จี้จือฮวนไม่เคยพบเผยเกอและไม่เคยอยู่ที่จวนของตระกูลเผย และยิ่งไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อผู้เป็นพ่อ แต่เผยยวนนั้นต่างจากนาง เขาแบกความหวังของซิ่นอู๋โหวเอาไว้ตั้งแต่ยังเด็ก และพยายามอย่างหนักเพื่อทำตามคำสั่งเสียของพ่อมาโดยตลอด
แม้เขาจะไม่เคยพูดว่าเขาอยากรู้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองเป็นใคร แต่จี้จือฮวนรู้ดีว่าเขาแค่ไม่พูดมันออกมาก็เท่านั้น
เผยเกอปฏิบัติต่อเขาเหมือนลูกแท้ ๆ ต่อให้ความจริงเขาจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แล้วอย่างไรเล่า?
ฝ่ามือขนาดใหญ่ของเผยยวนกุมมือของจี้จือฮวนเอาไว้แน่น ฝ่ามืออันอบอุ่นจับมือของนางเอาไว้ ทุกครั้งที่เขาจับมือนางแบบนี้ จี้จือฮวนมักจะรู้สึกสบายใจอย่างไร้ที่เปรียบ
นี่คือความรู้สึกที่ไม่มีใครบนโลกนี้สามารถมอบให้นางได้
นางรู้ว่าเผยยวนอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นนางจึงคอยอยู่เคียงข้างเขาอย่างเงียบ ๆ มาตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงนอกรั้วบ้าน เขาจึงได้ก้มหน้าลงด้วยความหดหู่ ก่อนจะดึงนางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน
จี้จือฮวนกอดรอบเอวของเขาไว้ และเคียงข้างเขาอยู่แบบนั้น
“หากตอนนี้ยังไม่อยากเข้าบ้าน พวกเราไปหาที่นั่งคุยกันหรือว่านั่งดื่มเหล้าดีหรือไม่?”
เผยยวนลืมตาขึ้น กดหน้าผากตัวเองกับหน้าผากของนาง และกดจูบลงไปอย่างอาลัยอาวรณ์ “ฮวนฮวน ข้าเคยมีคนในครอบครัวเยอะมาก แต่ตอนนี้กลับเหลือแค่ไม่กี่คนแล้ว ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะอยู่อย่างปลอดภัย”
“ข้ารู้” นางรีบเอ่ยขึ้น
“เผยยวน การที่พวกเขาทรยศไม่ได้มีความหมายอะไร ผู้คนล้วนเห็นแก่ตัวและมีความปรารถนา ข้าพูดได้เพียงแค่ว่าพวกเราไม่เหมือนกัน แยกทางกันเร็วถือเป็นโชคดีของพวกเรา ไม่มีพวกเขาพวกเราก็ยังมีกองทัพทหารเกราะเหล็กมากมาย ขอเพียงหัวใจของพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนมาหักหลังอีก”
เผยยวนกำมือตัวเองแล้วก็ปล่อย จี้จือฮวนจึงเอ่ยขึ้นเบา ๆ “แม้เจ้าจะหยุดเซี่ยฉงฟางในตอนนั้นได้ แต่ตราบใดที่นางยังไม่ตาย อย่าว่าแต่องครักษ์ลับเลย แม้แต่ตระกูลเผยของพวกเจ้าก็จะถูกนางรังควานจนอยู่ไม่เป็นสุขเช่นกัน สิ่งที่นางต้องการไม่ใช่แค่กองทัพทหารเกราะเหล็ก แต่คือการทำลายทุกสิ่งที่เผยเกอทุ่มเทลงไป มีคนต้องการจะทำร้ายเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะป้องกันดีขนาดไหนก็ต้องพลาดสักวัน”
เขาถอนหายใจออกมาด้วยความระอา “ข้ายังไม่ทันพูดอะไรเลย แต่เจ้ากลับเดาได้หมดแล้ว”
จี้จือฮวนหลุบตาลง “เพราะข้าเองก็เคยโทษตัวเองเช่นนี้มาก่อน ตอนที่ข้าปฏิบัติภารกิจ เคยรับของขวัญจากเหยื่อเพราะความใจอ่อน เขาเป็นแค่เด็กหกขวบ แต่ที่ตัวของเขามีระเบิดมัดติดอยู่ เพราะความประมาทเลินเล่อของข้า สหายสองคนของข้าจึงถูกระเบิดตายต่อหน้าต่อตาข้า
เป็นเวลานานที่ข้าไม่อาจพูดได้ และไม่สามารถถือปืนได้อีก ข้าคิดว่าชีวิตการทำงานของข้าอาจจะจบลงตรงนี้แล้ว ดังนั้นข้าจึงเข้าใจความรู้สึกของเจ้าในตอนนี้ดี”
เผยยวนมองนางด้วยความสงสาร “ตอนนั้นมีคนอยู่ข้างกายเจ้าหรือไม่?”
“มี มีสหายคนอื่น ๆ แต่ยิ่งพวกเขาปลอบใจข้ามากเท่าไร ข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควร ต่อมาเมื่อข้าได้เป็นหัวหน้ากลุ่ม จึงได้ตระหนักว่าในสงคราม ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นผู้รุกรานได้ ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นอาวุธสังหารได้ และหน้าที่ของข้าก็คือก้าวไปข้างหน้าภายใต้สภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อปกป้องบ้านเมือง
ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรตอนอยู่ในสนามรบ และแน่นอนว่าข้าเข้าใจอารมณ์ของเจ้าในตอนนี้ดี
ข้าตอนอายุยี่สิบเป็นเพียงสายลับรหัสเจ ถึงขนาดลืมชื่อตัวเองไปแล้ว จากนั้นข้าก็เรียนรู้ที่จะผ่อนปรนให้ตัวเอง ดังนั้นเจ้าในตอนนี้ก็ควรเรียนรู้ที่จะผ่อนปรนให้ตัวเอง และบอกกับเผยยวนในอดีตว่า เจ้าในตอนนี้จะพยายามปกป้องกองทัพของตัวเองให้ดีที่สุด”
เผยยวนจ้องหน้านางอยู่นาน “อืม”
“รับปากข้าแล้ว? จะไม่แอบตำหนิตัวเองอีกใช่หรือไม่?”บราวนี่ออนไลน์
“ไม่แล้ว ข้าจะเชื่อฟังฮวนฮวน”
จี้จือฮวนยกริมฝีปากขึ้นช้า ๆ “เช่นนั้นก็ดี มีเรื่องหนึ่งข้าก็ต้องการคำแนะนำจากสามีของข้า ไม่รู้ว่าเขาคิดเห็นเช่นไร?”
“ฮูหยินเชิญพูดมาได้เลย”
“ข้าอยากไปเมืองหลวงสักหน่อย มีจุดประสงค์สองอย่างก็คือ หนึ่ง ข้าจะไปจัดการคนที่เหลือของค่ายองครักษ์ลับด้วยตัวเอง ข้าไม่ต้องการให้พวกเขาแอบอ้างกองทัพทหารเกราะเหล็กมาทำลายศักดิ์ศรีตระกูลเผยอีก สอง ฮวาเซียงเซียงจะเปิดร้านสาขาที่เมืองหลวง ข้าจะไปดูเสียหน่อย”
เผยยวนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
จี้จือฮวนเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เจ้าไปเมืองหลวงตอนนี้ เซี่ยเจินจะเล่นงานเจ้าหรือไม่?”
เผยยวนส่ายหน้า “ไม่หรอก เซี่ยเจินเป็นคนหน้าซื่อใจคด หากข้ากลับเมืองหลวง เขาจะทำอย่างเต็มที่เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าเขาปฏิบัติต่อข้าดีเพียงใด และเป็นข้าเองที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ถึงเวลาเขาจึงจะสามารถได้ในสิ่งที่ต้องการจากข้าไปอย่างถูกต้อง บัดนี้ขุนศึกใหญ่ทั้งสี่ถูกข้ากำจัดแล้ว ในใจของเขาคงกำลังเดือดดาลอยู่เป็นแน่
ไท่ซ่างหวงไม่ได้กลับเมืองหลวงไปพร้อมเขา ท่านข่านของถู่เจียก็กำลังเดินทางมา หากเขาทำอะไรข้าก็ต้องคำนึงถึงท่านป้าองค์หญิงใหญ่ คำนึงถึงกองทัพทหารเกราะเหล็กที่อยู่หมู่บ้านตระกูลเฉิน และทหารของสี่ขุนศึกที่ไม่มีคนควบคุมเหล่านั้นว่าจะไว้ใจได้หรือไม่ กระแสคลื่นลมตอนนี้อันตรายเกินไป
อีกทั้งข่าวที่เรามีทะเลสาบน้ำเค็มกับเหมืองทอง คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะถึงหูของเซี่ยเจินแล้ว หลังจากนี้ราชสำนักจะมีการเคลื่อนไหวอะไรยังยากที่จะบอกได้ ดังนั้นเจ้าไปเมืองหลวงคนเดียวข้าไม่วางใจ”
จี้จือฮวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าตกลง “ได้ ไปด้วยกัน รีบแก้ไขเรื่องนี้ แล้วพวกเราก็รีบกลับมา”
“อืม ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มกองเรือมาด้วยตัวเอง หากราชสำนักไม่กดดันพวกเขาไหนเลยจะจัดการอะไรให้รวดเร็วได้ ไป ๆ มา ๆ อาจลากไปถึงครึ่งเดือนก็เป็นได้ เรื่องนี้เริ่มมาจากพวกเรา จะให้หัวหน้าฮวามาตามเช็ดก้นแทนพวกเราได้อย่างไรกัน”
“เช่นนั้นอีกเดี๋ยวข้าไปเก็บของก่อน หากฝีเท้าของจ้านอิ่งเร็วพอ อาจตามพวกเซียงเซียงทันก็เป็นได้”
“อืม”
จี้จือฮวนเพิ่งจะเปิดประตูรั้ว ทว่าเผยยวนก็ดึงนางกลับไป ก่อนจะรั้งต้นคอของนางเอาไว้แล้วจูบไปหนึ่งที
“ขอบคุณเจ้ามากนะ ฮวนฮวน”
.
.
.