บทที่ 305 ภรรยาคุมเข้ม
ในเมื่อเอี๋ยนเฉาเป็นฝ่ายขออาสาเอง เผยยวนจึงไม่กลัวว่าเขาจะคิดไม่ซื่อ เพราะอย่างไรเสียเขาก็รู้จักเอี๋ยนเฉามาตั้งแต่เด็กแล้ว โดยคนผู้นี้จะยึดหลักว่า หากข้าโชคร้ายทุกคนก็ต้องโชคร้ายไปกับข้าด้วย ดังนั้นเขาต้องคอยจับตาดูตระกูลเหล่านั้นได้ดีอย่างแน่นอน
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะร้องว่าไม่มีเงิน แต่เมื่อกลับเมืองหลวงหากเพื่อนหมาป่าหรือสหายสุนัขร้องเรียก ขอเพียงตระกูลเอี๋ยนยังไม่ล้ม เขาก็ยังสามารถมีชีวิตที่ดีได้
เผยยวนปรายตามองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะกินอาหารตรงหน้าต่อ
เอี๋ยนเฉารู้ได้ทันทีว่าเขาอนุญาตแล้ว!
เขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แม้จะไม่ได้ข้ามเส้นที่เผยยวนขีดไว้บนพื้น แต่ก็ยังพูดกับจี้จือฮวนขึ้นมา “ฮูหยินขอรับ ขนมอบที่ท่านให้ข้าครั้งก่อนอร่อยมากเลยขอรับ ไม่ทราบว่าแบ่งให้ข้าอีกสักหน่อยได้หรือไม่ขอรับ ตอนนี้ข้าหิวมากเลยขอรับ”
ฮวาเซียงเซียงส่งเสียงชิชะออกมา คนผู้นี้อย่างกับสุนัขขี้เรื้อนอย่างไรอย่างนั้น ยังอยากจะกินขนมอบอีกอย่างนั้นหรือ?
คิดได้ดังนั้นนางก็โยนแป้งอบชิ้นใหญ่ให้เขาส่ง ๆ หนึ่งชิ้น “มีแต่อาหารแห้ง ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน”
เอี๋ยนเฉาน้อยใจ แต่เอี๋ยนเฉาก็ไม่กล้าพูดอะไร
ทว่าเจ้าคนผู้นี้แม้จะหน้าหนาแต่ปากกลับหวานมาก ฮูหยินอย่างนั้น ฮูหยินอย่างนี้ ฟังแล้วจี้จือฮวนก็ด่าเขาไม่ลง
เมื่อพวกเขาออกเดินทาง เอี๋ยนเฉาก็ตามพวกเขาไปเมืองหลวงด้วย
เผยยวนมองดูฮวาเซียงเซียงจูงจี้จือฮวนขึ้นรถม้าด้วยความคับแค้นใจ รู้สึกว่าการเดินทางที่เหลือลำบากยากเข็ญขึ้นมาแล้ว
เอี๋ยนเฉากลับเอ่ยอย่างมีความสุข “นี่ ท่านอยากจะขี่ม้าตัวเดียวกับฮูหยินใช่หรือไม่?”
เผยยวนหันกลับมามอง “อยากตายหรือ?”
เอี๋ยนเฉาหุบปากทันที
อาควนถอนหายใจออกมา “นายน้อย ท่านถูกแม่ทัพเผยตีตั้งแต่เด็กจนโต เหตุใดต้องหาเรื่องให้โดนตีเช่นนั้นอีกเล่าขอรับ”
“เจ้าเองก็ถูกข้าตีตั้งแต่เด็กจนโต ตอนนี้เจ้าก็ยังหาเรื่องยั่วโมโหข้าอยู่ไม่ใช่หรือ!?”
ภายในรถม้า ฮวาเซียงเซียงบ่นถึงความลำบากที่ไม่ได้กินของอร่อยในช่วงสองวันที่ผ่านมาให้จี้จือฮวนฟัง พร้อมทั้งกินของว่างที่จี้จือฮวนเตรียมมาไปด้วย
ตอนเย็น อากาศเปลี่ยนแปลงอาจมีฝนตกลงมาได้ ฉินต๋าจึงคิดว่ารีบหาโรงเตี๊ยมพักก่อนจะดีกว่า
จี้จือฮวนกับฮวาเซียงเซียงนอนหลับอยู่ในรถม้า ตอนที่เผยยวนมาปลุกนาง ผมของนางก็ยุ่งเหยิงเล็กน้อย
เป็นครั้งแรกที่เห็นจี้จือฮวนมีท่าทางมึนงง เผยยวนรู้สึกว่านางน่ารักไปอีกแบบ จึงเอื้อมมือไปลูบหัวของนางแล้วเอ่ยขึ้นมา “ถึงโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเราจะค้างที่นี่กันคืนหนึ่ง”
จี้จือฮวนพยักหน้ารับรู้ ทันทีที่ลงมาจากรถม้าก็รู้สึกว่ามีเงาดำเงาหนึ่งพุ่งลงมา เผยยวนกลัวนางล้มจึงเอามือประคองหลังนางอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
แต่เห็นได้ชัดว่าหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อตัวอ้วนกว่าตอนไปเล็กน้อย แต่หมูน้อยกลับไม่ได้รู้สึกอะไร ยังกระโดดอีกสองทีแสดงความดีใจออกมา ก่อนจะเอาหัวมาถูไถขาของจี้จือฮวนด้วยความดีใจ
เผยยวนถอนหายใจออกมา “ข้าก็คิดว่าใครปาหินก้อนใหญ่ใส่เราเสียอีก ไม่รู้ว่าไปบ้านเซียวเย่เจ๋อกินไปเท่าใด ถึงได้อ้วนขึ้นสองเท่าเช่นนี้”
ฮวาเซียงเซียงขยี้ตาก่อนจะมุดออกมา “เซียวเย่เจ๋อ เจ้าคนชั่วนั่นอยู่ที่ใดกัน”
จี้จือฮวนเปล่งเสียงหัวเราะออกมา “คนไม่มา แต่จดหมายมาถึงแล้ว”
ฮวาเซียงเซียงเอ่ยด้วยท่าทางบึ้งตึงขึ้นมา “ผู้ใดคิดถึงเขากัน ข้าคิดถึงเรื่องการค้าในเมืองหลวงของข้าในอนาคตต่างหาก”
แม้จะเอ่ยเช่นนั้น แต่หลังลงมาจากรถม้าก็ยังเกาะติดนาง เพราะอยากจะอ่านจดหมายของเขา หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อเลือกท่าที่สบายที่สุดเกาะอยู่บนแขนของเผยยวน
ฉินต๋าจองห้องพักกับเสี่ยวเอ้อ เมื่อพูดถึงจี้จือฮวนสองสามีภรรยาเขาก็ได้จองห้องเพียงห้องเดียว ดวงตาของเผยยวนเป็นประกายขึ้นมาทันที ทว่าเมื่อเห็นจี้จือฮวนกำลังอ่านจดหมายอยู่ เขาจึงได้แต่เกาหัวอย่างเงียบงัน
คาดว่าเซียวเย่เจ๋อคงจะรีบร้อนน่าดู เพราะตัวอักษรที่เขียนมาดูราวกับไก่เขี่ย ฮวาเซียงเซียงดูแล้วก็เผยสีหน้ายุ่งเหยิงออกมา ทั้งสองคนใช้เวลาอ่านอยู่นานจึงได้เข้าใจในสิ่งที่เขาเขียน
“จี้หมิงซูออกไปจากศาลต้าหลี่แล้ว เป็นฝีมือของหานกุ้ยเฟย ทั้งยังเคลื่อนไหวในเมืองหลวง ไม่รู้ว่ามีแผนร้ายอะไร ให้เจ้าระวังตัวให้มาก จี้หมิงซู? ช่างคุ้นหูจริง ๆ” ฮวาเซียงเซียงปรบมือหนึ่งที “นี่มันน้องสาวที่ชั่วช้าผู้นั้นของเจ้านี่นา”
จี้จือฮวนเก็บจดหมาย “ข้ากับนางไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน”
ฮวาเซียงเซียงคิดว่านางคงพูดด้วยความโกรธ
เอี๋ยนเฉาหิวจนเกือบจะตายมาตั้งนานแล้ว ฉินต๋ายังไม่ทันจะนั่งลง เขาก็จัดการสั่งอาหารกับเสี่ยวเอ้อแล้ว “เอาเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน จำไว้ เอาเนื้อมาก่อน เหล้าขออย่างดี”
เผยยวนเลิกคิ้ว “เจ้าจ่ายเองหรือ?”
เอี๋ยนเฉาอึ้งไปเล็กน้อย “ได้ แค่เงินเล็กน้อย แต่ว่าตอนนี้เจ้าจ่ายไปก่อนก็แล้วกันนะ”
เผยยวนล้วงห่อเงินของอาชิงออกมา โดยบนห่อเงินมีการปักรูปคางคกน้อยน่าเกลียดตัวหนึ่งเอาไว้ด้วย “ทั้งเนื้อทั้งตัวข้ามีเพียงเท่านี้ ไม่สามารถเอามาใช้จ่ายกับเจ้าได้ หากเจ้าไม่ออกไปขอทานก็ไปล้างจานให้เจ้าของร้านก็แล้วกัน”
เอี๋ยนเฉาไม่อยากจะเชื่อ จึงส่งเสียงดังขึ้นมา “อย่างไรซะเจ้าก็เป็นถึงหย่งกวานโหว มีเงินเพียงเท่านี้เองหรือ? ปกติเจ้าอยู่บ้านคงไม่ได้คุกเข่าบนกระดานซักผ้า* หรอกกระมัง?”
* คุกเข่าบนกระดานซักผ้า (跪搓衣板) หมายถึง วิธีการที่ภรรยาลงโทษสามีให้มาคุกเข่าบนกระดานซักผ้า ซึ่งกระดานซักผ้าจะมีพื้นผิวเป็นรอยหยักที่ค่อนข้างแหลม
เผยยวนส่ายหน้าหวือ
เอี๋ยนเฉาถอนหายใจออกมา ยังดี ๆ เขายังสามารถทำให้ภรรยาเชื่อฟังได้บ้าง
คิดไม่ถึงว่าเผยยวนกลับเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นมา “ข้าให้ความสำคัญกับฮวนฮวนเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว ข้าจะคุกเข่าบนกระดานซักผ้าได้อย่างไรกัน”
เอี๋ยนเฉาตะลึงไปเล็กน้อย ใบหน้าภาคภูมิใจของเจ้านี่มันอะไรกัน!?
เผยยวน เจ้าเป็นคนเช่นนี้อย่างนั้นหรือ!
อาควนที่เช็ดตะเกียบอยู่ข้าง ๆ เอ่ยกับเอี๋ยนเฉาขึ้นมา “นายน้อย ท่านไม่เข้าใจหรอกขอรับ แม่ทัพเผยไม่ใช่คนประเภทเดียวกับท่าน ที่คนนี้ก็เป็นอี๋เหนียง คนนั้นก็เป็นที่รัก ข้างนอกยังเลี้ยงผู้หญิงไว้อีกสามคน ฮูหยินน้อยจึงไม่สนใจท่านนานแล้วนะขอรับ”
เอี๋ยนเฉาสูดลมหายใจเข้าหนึ่งที “ข้าเป็นเช่นนี้แปลกมากอย่างนั้นหรือ? ลูกผู้ดีคนไหนไม่เป็นแบบนี้บ้าง”
“ดังนั้นแม่ทัพเผยจึงเป็นคนที่น่ายกย่องไม่ใช่หรือขอรับ เขาไม่ได้เห็นฮูหยินเป็นสิ่งของ คนเราต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา”
เป็นครั้งแรกที่เอี๋ยนเฉาไม่ได้ด่าอาควน ทั้งยังรู้สึกว่าที่เจ้าเด็กนี่พูดมามีเหตุผลจริง ๆ
“เผยยวนไม่เหมือนพวกเราตั้งแต่เด็กแล้ว เมื่อก่อนข้าคิดว่าเขาเป็นพวกเสแสร้งแกล้งทำ นานวันเข้าเจ้าเห็นหรือไม่ คนเราไม่สามารถเสแสร้งได้ตลอดชีวิต คงเพราะข้าเกิดมาพร้อมชะตากรรมแบบนั้น เจ้าดูสิ แม้ว่าข้าจะทำอะไรไม่เป็น แต่ข้าก็ไม่เคราะห์ร้ายเหมือนเขานี่นา”
หากเขาเป็นเผยยวน คงตายไปหลายสิบรอบแล้ว
ทั้ง ๆ ที่กินนอนอยู่ในจวนไปวัน ๆ ก็ไม่มีทางอดตายแล้ว แต่กลับออกไปรบจนชนะ แล้วอย่างไรเล่า ก็ขวางหูขวางตาคนอื่นอยู่ดีไม่ใช่หรือ?
ทางด้านฮวาเซียงเซียงยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องของจี้หมิงซูอยู่ อาศัยตอนที่อาหารยังไม่มา เอ่ยขึ้นด้วยความกังวล “จี้หมิงซูผู้นั้นคงไม่ได้คิดจะแก้แค้นกระมัง”
จี้จือฮวนเอ่ยเสียงเรียบ “ต้องอยากจะแก้แค้นอยู่แล้ว”
จี้หมิงซูถูกกำหนดมาให้แก้แค้น มีจิตใจคับแคบ ขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ นางไม่มีทางหยุดแน่นอน แต่นางในชาตินี้ต้องลุกขึ้นมาให้ได้ก่อนจึงจะสามารถล้างแค้นได้ เวลานี้นางไม่มีคนหนุนหลังแล้ว หากปะทะกันซึ่ง ๆ หน้าก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาไม้ซีกมางัดไม้ซุง
เพียงแต่ไม่รู้ว่าแผนการต่อไปของจี้หมิงซูคืออะไร
“เช่นนั้นจะทำเช่นไร? หรือไม่ครั้งนี้พวกเราก็ไปฆ่านางซะ!” ฮวาเซียงเซียงทำท่าทางยกมีดขึ้นและฟันลง
“หากได้พบกันข้าย่อมไม่มีทางปล่อยนางไปแน่”
“จะฆ่าผู้ใด?” ฉินต๋าที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้นมา
พวกกองเรือชอบดื่มเหล้า วันใดฉินต๋าไม่ได้กินก็จะรู้สึกไม่สบายตัว ส่วนเอี๋ยนเฉาก็แบ่งมาได้นิดหน่อย แต่จี้จือฮวนกลับกำชับเผยยวนว่าอย่าดื่มมากจนเกินไป
ดื่มแล้วมาจูบนางก็ไม่เป็นไร แต่หากไปจูบเอี๋ยนเฉาหรือฉินต๋าเข้า เกรงว่าพรุ่งนี้เผยยวนคงอยากจะลาโลกนี้ไปเป็นแน่
เผยยวนได้ยินฮวนฮวนเอ่ยกำชับเช่นนั้น หางที่มองไม่เห็นของเขาก็กระดิกอย่างร่าเริง “รู้แล้ว ไม่ดื่มมาก”
ฉินต๋าหัวเราะเบา ๆ “ภรรยาของเรานี่ต่างกันจริง ๆ ภรรยาของข้าไม่ใช่คนที่พูดง่ายเหมือนฮูหยินของท่านหรอกนะ”
.
.
.