บทที่ 310 ฮวาเส้าจง
ฮวาเซียงเซียงตกใจจนพูดไม่ออก “เก่งขนาดนั้นจริงหรือ?”
“แค่นี้จะไปยากอะไรกัน หาคนมาแสดงละครก็ได้แล้ว เป็นหมอปลอม ใช้เงินนิดหน่อยก็สามารถสร้างชื่อเสียงได้แล้ว ส่วนเรื่องขอฝน? น้ำฝนเดิมก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่แล้ว หรือว่าก่อนมีราชครูฝนไม่ตกหรืออย่างไรกัน? ส่วนโชคดีหรือไม่นั้นสวรรค์ยังบอกไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาอ้าปากก็บอกว่าเป็นฝนโชคดีอย่างนั้นหรือ? เขาก็แค่อยากได้หน้าเท่านั้น”
จี้จือฮวนเวลานี้เหลือแค่ไม่ได้กลอกตามองบนเท่านั้น หากนางเอากล่องยาน้อยออกมาคงทำให้คนในที่นี้เห็นว่าอะไรที่เรียกว่าเทพมังกรมาเยือนโลกเป็นแน่ ถึงเวลานั้นนางก็สามารถเป็นเทพธิดาเก๊ได้เหมือนกัน
เห็นได้ชัดว่าสตรีผู้นั้นไม่มีความกล้าเหมือนกับจี้จือฮวน ที่กล้าพูดเรื่องเหล่านี้ต่อหน้าคนมากมาย เมื่อได้ยินคำพูดที่มีความผิดร้ายแรงนี้ก็รีบมุดเข้าไปในกลุ่มคน เพราะกลัวว่าจะติดร่างแหไปด้วย
เผยยวนที่อยู่ทางด้านหลังจี้จือฮวนคอยปกป้องให้นางเดินไปข้างหน้า ตอนนี้บรรดาชาวบ้านต่างเอาแต่จะไปดูราชครู จึงไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใด
แต่บางครั้งก็มีคนเอ่ยขึ้นว่าเหมือนจะเห็นแม่ทัพเผย แต่เมื่อหันกลับไปก็มองไม่เห็นอะไรแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จึงผ่านไป
ส่วนฉินต๋าคิดเอาไว้ว่าจะไปที่เขตของกลุ่มกองเรือก่อน ส่วน…เอี๋ยนเฉานั้นไปด้วยไม่ได้
เผยยวนเองก็ไม่คิดจะพาเจ้าเด็กนี่ไปด้วยเช่นกัน เอี๋ยนเฉาจึงหิ้วห่อผ้าน้อยของตัวเอง และคิดได้ว่าต้องไปทำภารกิจ ก่อนจากไปยังมองจี้จือฮวนด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ “ฮูหยิน มีวาสนาค่อยพบกันใหม่นะขอรับ! ข้าจะช่วยท่านเก็บใบยืมหนี้กลับมาให้ได้มาก ๆ เลยขอรับ!”
…
ที่ฮวาเซียงเซียงบอกว่าคฤหาสน์ของกลุ่มกองเรือใหญ่โตนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะแค่ประตูก็ใหญ่กว่าจวนจี้กั๋วกงเป็นเท่าตัวแล้ว
ตามกฎของราชสำนัก ฐานะเช่นไรก็อยู่เรือนเช่นนั้น ดูเหมือนเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มกองเรือโดยเฉพาะ มิฉะนั้นต่อให้ร่ำรวยเพียงใดก็คงไม่สามารถซื้อที่ผืนใหญ่เช่นนี้ได้
ฮวาเซียงเซียงรอไม่ไหวแล้ว เมื่อถึงหน้าประตูก็รีบวิ่งไปทางประตูใหญ่ทันที บรรดาพี่น้องที่เฝ้าประตูอยู่ก็เผยรอยยิ้มออกมา “คุณหนูใหญ่!”
“เร็วเข้า รีบไปรายงาน คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว!”
“เสี่ยวลิ่วจื่อ อาอู๋!” ฮวาเซียงเซียงเห็นคนคุ้นเคยก็มีความสุขอย่างมาก จึงยิ้มจนตาหยี
“คุณหนูใหญ่ ท่านผอมลงไปนะขอรับ!”
ฮวาเซียงเซียงถลึงตาใส่เขา “คำพูดนี้ข้าไม่อยากฟังแล้ว เจ้าต้องบอกว่าข้าสวยขึ้นสิ”
เสี่ยวลิ่วจื่อเกาหัว ก่อนจะมองไปทางเผยยวนและจี้จือฮวน
“นี่เป็นสหายของข้า พวกเจ้าต้องปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนที่ปฏิบัติกับข้า”
“แน่นอนขอรับ สหายของคุณหนูใหญ่ก็คือสหายของกองเรือเราด้วย”
คุยกับคนในยุทธภพไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม
อาอู๋กล่าว “คุณหนูใหญ่ ท่านหัวหน้าใหญ่คิดถึงท่านมากขอรับ รีบเข้ามาเถอะขอรับ พวกเราพาพ่อครัวที่ท่านชอบที่สุดมาด้วยนะขอรับ”
“อย่างนั้นหรือ ข้าอยากกินอาหารทะเลยิ่งนัก อยู่ตำบลฉาซู่หาของสด ๆ กินไม่ได้เลย”
ฮวาเซียงเซียงเมื่ออยู่ต่อหน้าคนในครอบครัวก็ไม่ได้มีท่าทางแข็งกร้าวเหมือนตอนเป็นเถ้าแก่เนี้ยอีก มิหนำซ้ำยังออดอ้อนขึ้นมาอีกด้วย
“เซียงเอ๋อร์!”
เสียงเรียกที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ทำให้จี้จือฮวนเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นชายวัยกลางคนอายุราว ๆ สี่สิบกว่าเดินออกมาจากหลังฉากกั้น แม้จะมีอายุมากไปสักหน่อย แต่ใบหน้าของเขานับว่าดูสง่างาม ไม่หยาบกระด้าง หากเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า นางคงคิดว่าฮวาเส้าจงเป็นบัณฑิตอย่างแน่นอน แตกต่างจากหัวหน้ากลุ่มกองเรือที่จี้จือฮวนจินตนาการเอาไว้
ฮวาเซียงเซียงขอบตาร้อนผ่าว ก่อนพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของฮวาเส้าจง “ท่านพ่อ!”
ฮวาเส้าจงเองก็เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย อุ้มฮวาเซียงเซียงหมุนไปมารอบหนึ่ง ก่อนจะพิจารณานางอย่างละเอียด “ลำบากเจ้าแล้ว”
ฮวาเซียงเซียงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดหน้าตา “ลำบากท่านเหมือนกัน จริงสิเจ้าคะ ท่านพ่อ นี่ก็คือเผยยวนกับจี้จือฮวนที่ข้าบอกท่านในจดหมาย ฮวนฮวนเป็นพี่น้องที่ดีของข้าเจ้าค่ะ”
ฮวาเส้าจงมองไปทางเผยยวน พิจารณาเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะประสานมือและเอ่ยขึ้นมา “ได้ยินชื่อเสียงมานาน ข้าฮวาเส้าจงจากกลุ่มกองเรือ”
เผยยวนคารวะกลับ ฉินต๋าหลังจากอยู่ร่วมกับเขามาสองวันก็มีความประทับใจต่อชายหนุ่มอย่างเผยยวนเป็นอย่างมาก และที่เผยยวนตามมาในครั้งนี้ก็เพราะจะจัดการเรื่องของเป่ยป้าเทียนด้วย ดังนั้นฉินต๋าจึงพาพวกเขาไปนั่งที่ห้องโถงใหญ่
“เผยฮูหยิน ช่วงที่ผ่านมาท่านช่วยดูแลเซียงเซียงอย่างดี ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจมาก”
จี้จือฮวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เซียงเซียงล้อท่านเล่นแล้วเจ้าค่ะ ข้าดูแลนางที่ใดกันเจ้าคะ ตอนนั้นบ้านข้าแม้แต่ข้าวยังไม่มีจะกินเลยเจ้าค่ะ หากไม่ใช่เพราะเซียงเซียงมีคุณธรรม ไม่สนใจว่าข้าเป็นใครและเข้ามาช่วยเหลือเรื่องการค้าของข้า หากไม่ได้นาง ตอนนี้จะเป็นเช่นไรบ้างข้าก็ยังไม่รู้เลยเจ้าค่ะ”
ฮวาเส้าจงได้ยินจี้จือฮวนเอ่ยเช่นนี้ ก็มองฮวาเซียงเซียงด้วยความระอาแล้วเอ่ยขึ้นมา “เจ้าเด็กคนนี้นิสัยเหมือนข้า บุกใต้ตะลุยเหนือกองเรือของเรายึดถือเพียงคุณธรรม แม่ของนางจากไปเร็ว ข้าเองก็เป็นคนไม่มีการศึกษา กลัวว่าจะดูแลลูกสาวคนนี้ได้ไม่ดี ลูกสาวเมื่อโตแล้วไม่อาจบังคับได้ นางจึงไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ข้าอีก มีท่านกับแม่ทัพเผยคอยดูแลนางที่ตำบลฉาซู่ ข้าเองก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก”
ผ่านไปสักพักก็มีคนเข้ามารายงาน บอกว่าเจ้าหน้าที่ของราชสำนักที่ดูแลคดีของเป่ยป้าเทียนมาแล้ว
ฮวาเส้าจงแค่นเสียงเย็นออกมา “ให้พวกเขารอก่อน”
คนของกลุ่มกองเรือกลับเผยสีหน้าดูแคลนออกมา การคุยกับบัณฑิตพวกนี้เปลืองแรงจริง ๆ พูดมาตั้งมากมายแต่กลับไม่เข้าประเด็นสำคัญเสียที
จี้จือฮวนสบตากับฮวาเซียงเซียง จากนั้นก็หันไปเอ่ยกับเผยยวน “ข้าอยู่ที่นี่ด้วยคงไม่เหมาะ ดังนั้นเจ้าช่วยจับตามองให้หน่อย อย่าให้คนของราชสำนักปล่อยผ่านไปง่าย ๆ เด็ดขาด”
“อืม วางใจเถอะ” เผยยวนบีบมือของนางเบา ๆ
เรื่องเหล่านี้มีเผยยวนช่วยออกหน้า เจ้าหน้าที่เหล่านั้นจึงไม่กล้าชักช้า
ฮวาเซียงเซียงกับจี้จือฮวนออกมาทางประตูข้าง ๆ เสี่ยวลิ่วจื่อกับอาอู๋ยืนอยู่ใต้ชายคาของทางเดิน เมื่อเห็นพวกนางออกมาจึงเดินเข้ามาหา
“คุณหนูใหญ่ เผยฮูหยิน”
ฮวาเซียงเซียงไม่ได้สนใจคฤหาสน์หลังนี้มากนัก หลังจากเดินดูรอบ ๆ ก็อยากจะออกไปข้างนอก เสี่ยวลิ่วจื่อจึงเอ่ยขึ้นมา “หรือไม่ท่านกับเผยฮูหยินปลอมตัวเป็นบุรุษดีหรือไม่ขอรับ ออกไปข้างนอกจะสะดวกกว่า เมื่อไปหาร้านอะไรพวกนั้น หากเป็นบุรุษก็จะพูดได้ง่ายกว่าด้วย ข้ากับอาอู๋จะคอยคุ้มครองพวกท่านเองขอรับ”
ฮวาเซียงเซียงรู้สึกว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ จึงให้พวกเขารีบไปเตรียมตัว
“อย่างไรซะแม่ทัพเผยกับพ่อข้าก็คงจะคุยกันไม่จบเร็ว ๆ นี้แน่ พวกเราไปเดินดูร้านกันก่อนดีกว่า”
จี้จือฮวนไม่มีความคิดเห็นอะไร เดิมปกตินางก็รวบผมทั้งหมดขึ้นอยู่แล้ว และไม่ได้ทำเป็นมวยสวยงามอะไร ประเด็นสำคัญก็คือ นางทำไม่เป็น
นางหมุนตัวในกระจกหนึ่งรอบ ฮวาเซียงเซียงก็ออกมาจากหลังฉากกั้นเพื่อเก็บเสื้อผ้า เมื่อเห็นจี้จือฮวนสวมชุดสีแดง ผมที่ยาวถูกรวบขึ้นจนหมด ท่าทางองอาจทั้งยังดูสูงส่งขึ้นอีกด้วย
“ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่หล่อเหลายิ่งนัก!” ฮวาเซียงเซียงเดินวนรอบตัวนางหนึ่งรอบ จะไม่ทำให้แม่นางน้อยในเมืองหลวงตาพร่าหรือนี่?
จี้จือฮวนรู้สึกว่าเสี่ยวลิ่วจื่อเป็นคนที่มีความสามารถ ช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ ก็สามารถหาเสื้อผ้าที่เหมาะกับพวกนางมาได้
“ไปเถอะ ไปช้าจะไม่ทันกินข้าวเย็น”
ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้อง อาอู๋ดวงตาเป็นประกาย ก่อนออกไปที่ตลาดโดยใช้ประตูข้างทางด้านหลัง
“คุณหนูใหญ่”
“ผิด ข้าคือนายน้อย นางคือคุณชายจี้ จำได้หรือไม่?”
“ข้าลืมไปขอรับ ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าอยากเปิดร้าน พวกเราจึงมอง ๆ ร้านเอาไว้สามสี่ร้าน ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับท่านหัวหน้าใหญ่ ทำเลก็ดีมาก พวกเราไปดูกันเลยดีหรือไม่ขอรับ?”
ฮวาเซียงเซียงไม่ได้ว่าอะไร “นำทางเถอะ เงินไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้ข้าเป็นเถ้าแก่เนี้ยอันดับหนึ่งของตำบลฉาซู่”
นางต้องเลือกที่ที่สามารถเปิดติด ๆ กันได้ ทั้งร้านประทินโฉม ชานม ของหวาน หม้อไฟ ปิ้งย่าง ภัตตาคาร บริการครบวงจร ผูกขาดตลาดการค้าทั้งหมด
.
.
.