บทที่ 327 เรื่องหลูโจวต้องผ่านไปได้
ทว่าจางหยวนเฉียวก็ยังคิดไม่ออก หากว่าหลูโจวเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง เช่นนั้นทุกที่ต้องมีการแย่งชิงเสบียงและสมุนไพรกันแน่นอน ถึงเวลานั้นมีทองมากเพียงใดก็ไม่แน่ว่าจะหาซื้อเสบียงได้ อาจารย์จะไปเอาของเหล่านี้มาจากที่ใดกัน?
ใบหน้าของจางหยวนเฉียวราวกับต้องการจะถามว่า จริงหรือไม่?
จี้จือฮวนตบบ่าของเขาเบา ๆ “ขนแกะงอกมาจากตัวแกะ อย่ากลัว ข้าบอกว่ามี เช่นนั้นก็ต้องมี”
ทางด้านเผยยวนก็คัดเลือกคนเสร็จแล้ว ล้วนเป็นทหารฝีมือดีมีประสบการณ์ในการออกรบเกินกว่าคนทั่วไปจะเทียบได้ ส่งพวกเขาไปเผยยวนก็สบายใจ ก่อนจะเลือกรองแม่ทัพอีกสองคนให้ตามไปด้วย
จี้จือฮวนคิดไปคิดมาก็ตัดสินใจไปรับเผยจี้ฉือที่สำนักศึกษาชิงอวิ๋นด้วยตัวเอง และถือโอกาสขอลาหยุดและขออภัยหลินเซวียเหวินด้วย
หลินเซวียเหวินเมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับครอบครัว ก็ปัดมือไปมาแล้วเอ่ยขึ้น “แม่นางจี้เกรงใจเกินไปแล้ว ความรู้ของอาฉือตอนนี้เรียกได้ว่าโดดเด่นที่สุดในสำนักศึกษาของเราแล้ว ไม่เรียนวันสองวันก็ไม่เป็นอะไร เพียงแต่ที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ? ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”
จี้จือฮวนจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ท่านอาจารย์ใหญ่วางใจได้ ต่อให้อาฉือลาหยุดอยู่บ้านก็จะต้องอ่านหนังสือทุกวัน ไม่ปล่อยปละละเลยอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
“ข้าวางใจอยู่แล้วขอรับ ยังหวังให้เด็กคนนี้ลงสอบได้อันดับดี ๆ ในปีนี้ด้วยขอรับ”
เรื่องการสอบขุนนาง จี้จือฮวนไม่บังคับเผยจี้ฉืออยู่แล้ว หลังจากกล่าวขอบคุณอาจารย์หลินเสร็จ เมื่อขึ้นมาบนรถม้าจี้จือฮวนก็บอกเรื่องที่เขาจะต้องไปทำต่อจากนี้ให้เขารู้
“กังวลหรือไม่? กลัวหรือไม่? การไปครั้งนี้อันตราย เขื่อนอาจแตกได้ทุกเมื่อ”
สมัยโบราณถนนหนทางไม่ได้ราบเรียบเหมือนในปัจจุบัน ต่อให้จะเป็นทางหลวงก็เต็มไปด้วยหลุมบ่อ หากการควบคุมน้ำท่วมและช่วยชีวิตผู้คนผิดพลาดไปแม้เพียงก้าวเดียว มีโอกาสที่จะตกลงไปในน้ำได้ทุกเมื่อ เมื่อตกลงไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ถึงเวลาจะมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายกันนับไม่ถ้วน จี้จือฮวนจึงเป็นกังวลอย่างมาก
เผยจี้ฉือเงยหน้าขึ้น ในแววตาของเด็กหนุ่มไม่มีความกลัวใด ๆ
“เพื่อราษฎรอาฉือไม่กลัว หากแม้แต่ความกล้าเพียงเท่านี้ก็ยังไม่มี ภายหน้าจะดูแลต้าจิ้นได้อย่างไรกัน?”
จี้จือฮวนกอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขน “แม่จะเขียนจดหมายหาเจ้า เจ้าก็อย่าลืมเขียนจดหมายหาแม่ด้วย จะไปที่ใดหรือมีอะไรไม่เข้าใจต้องถามท่านป้า อย่าอยู่คนเดียว อย่าให้พวกคนชั่วฉวยโอกาสได้ เพียงพอนขาวกับแมงมุมน้อยที่อาชิงให้เจ้าก็ต้องเอาไปให้หมด…เสื้อผ้าแม่เก็บให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว ยังมีของกินด้วย อีกเดี๋ยวกลับไปแม่จะรีบทำให้”
ใบหน้าเรียบนิ่งของเผยจี้ฉือยกยิ้มออกมาน้อย ๆ “ท่านแม่ เหตุใดท่านถึงพูดเหมือนท่านป้าหยางเลยเล่าขอรับ”
ทั้ง ๆ ที่นางยังสาวอยู่ แต่ทำตัวเหมือนเป็นแม่คนขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้ว
“ข้ากับท่านพ่อสัญญากันไว้แล้ว วันหน้าจะทำให้ท่านวางใจ ไม่ทำให้ท่านเป็นกังวลหรอกขอรับ” เผยจี้ฉือตบบ่าของจี้จือฮวนเบา ๆ
“คำพูดของท่านข้าจำได้หมดแล้ว มีเรื่องอะไรข้าจะถามท่านป้าก่อนอย่างแน่นอน จากนั้นค่อยทำขอรับ”
“อืม เด็กดี”
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอกขอรับ ลูกย่อมเติบโต ข้าอยากเติบโตและค่อย ๆ แก่ไปกับท่านกับท่านพ่อ กับพวกอาอินอาชิงด้วยขอรับ”
การแก่ไปพร้อมกันถือเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง เช่นนี้ก็จะไม่มีใครทิ้งเขาระหว่างทางแล้ว
จี้จือฮวนรู้สึกว่าตั้งแต่มาที่นี่ ความกังวลของนางเกิดขึ้นบ่อยกว่าเมื่อก่อนแสนเท่า เมื่อก่อนหากออกคำสั่ง ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกลงโทษ แต่ตอนนี้นางทั้งกังวลเรื่องเสื้อผ้า อาหาร กังวลว่าสัตว์ที่ขี่เลือกดีแล้วหรือไม่ กระโจมที่นอนระหว่างทางจะมีลมเข้าหรือไม่
เมื่อท่านป้าและอาฉือเก็บสัมภาระและขึ้นรถม้าเรียบร้อยแล้ว จี้จือฮวนก็ยังคงรู้สึกเป็นกังวลอยู่
เผยยวนกุมมือของนางเอาไว้แน่น องค์หญิงใหญ่ก็ปัดมือไปมา “เอาล่ะ กลับไปเถอะ ทำอย่างกับว่าจะจากกันชั่วนิรันดร์อย่างนั้นแหละ ข้าไปแล้วข้าจะกลับมาไม่ได้หรืออย่างไร! กลับไป ๆ”
“เดินทางปลอดภัย อย่าลืมเขียนจดหมายกลับมานะ”
หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อบินวนอยู่เหนือหัว เห็นได้ชัดว่ากำลังดีใจที่จะได้เดินทางไกล
เมื่อคนทั้งกลุ่มไกลออกไป เผยจี้ฉือจึงปล่อยม่านลง รถม้าเต็มไปด้วยของเล่น แต่เขาไม่เล่นจึงเริ่มจัดการเก็บให้เรียบร้อย แต่เมื่อพบว่าอาอินเอาตุ๊กตาที่เซียวเซวียนจิ่นทำให้นางให้เขามาด้วย เขาก็โยนเข้าไปในหีบด้วยความรังเกียจ
คนนิสัยไม่ดี คิดอยากจะได้น้องสาวเขา เขาไม่เอาหรอก
องค์หญิงใหญ่เริ่มร้องเพลงขึ้นมาเบา ๆ เผยจี้ฉือจึงหันไปมอง “ท่านป้าร้องเพลงพื้นบ้านของถู่เจียหรือขอรับ?”
“อืม รอมีโอกาส เจ้าต้องไปที่ถู่เจียดู ที่นั่นมีทิวทัศน์งดงามมาก”
“อาฉือจะต้องไปให้ได้ขอรับ” เขาเอ่ยจบ ก็หันกลับไปมองทางหมู่บ้านตระกูลเฉินอีกครั้ง
“ทุก ๆ การจากลาคือการพบกันใหม่ครั้งต่อไป ดังนั้นเจ้าต้องมองข้ามการจากลาเสีย”
“ข้าไม่สามารถมีคนที่ห่วงหาและทิ้งไม่ลงหรือขอรับ?”
“มีได้แน่นอน แต่พวกเขาจะไม่มีวันเป็นตัวเลือกแรกของเจ้า แต่ป้าเชื่อว่าพวกเขารักเจ้าและจะยืนหยัดเคียงข้างเจ้าเสมอ ไม่ใช่ทำให้เจ้าต้องลำบากใจหากต้องเลือกระหว่างพวกเขากับสิ่งอื่น อาฉือของเราโชคดีมากรู้หรือไม่?”
คนที่ทำร้ายคนในครอบครัวมาตลอดอย่างฮ่องเต้เซี่ยเจิน หัวเดียวกระเทียมลีบมานานแล้ว ส่วนเส้นทางของอาฉือนั้นแตกต่างจากเขา
…
หลังจากที่จี้จือฮวนสงบสติอารมณ์ลงแล้ว ก็ให้เด็ก ๆ กลับไปเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาล และบอกพวกเขาว่าอีกสองวันจะมีสหายกลุ่มใหม่มา
“สหายกลุ่มใหม่ ท่านแม่ ท่านไปเก็บคนจากข้างนอกมาอีกแล้วหรือขอรับ!?”
“ใช่ แต่พวกเขาพิเศษนิดหน่อย สวรรค์เอาบางอย่างของพวกเขาไป ถึงเวลาเมื่อพวกเจ้าพบพวกเขา ห้ามพูดว่าพวกเขาแตกต่างจากพวกเจ้า เพราะภายภาคหน้าพวกเจ้าต้องเป็นสหายที่ดีต่อกัน เข้าใจหรือไม่?”
บรรดาเจ้าตัวเล็กเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง และกำลังสงสัยเป็นอย่างมากว่าเอาอะไรไป
แต่ว่าท่านแม่กับท่านพ่อบอกว่าต้องเชื่อฟังท่านน้าฮวนฮวน “พวกเราเข้าใจแล้วขอรับ”
“ใช่ ต้องแบบนี้ ไปเข้าเรียนได้แล้ว” จี้จือฮวนผลักก้นเล็ก ๆ ของพวกเขา จากนั้นก็เข้าไปในค่ายของกองทัพทหารเกราะเหล็กกับเผยยวน
พวกหลิวเฟิงกางแผนที่ออก เผยยวนทำเครื่องหมายหลายด่าน “นี่คือสถานที่ที่ราชสำนักยกให้พวกเรา ทำทุกอย่างเพื่อสกัดสมุนไพรและเสบียงจำนวนทั้งหมดให้ได้”
“จั๋วฉวิน”
จั๋วฉวินที่ฝึกกับทหารชั้นผู้น้อยตั้งแต่กลับมาที่หมู่บ้านตระกูลเฉินตอนนี้คล้ำขึ้นไม่น้อย และกำลังยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง วันนี้จู่ ๆ ก็ถูกเรียกตัวทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อได้ยินเผยยวนเรียกชื่อเขาก็รีบออกจากแถวทันที “ท่านแม่ทัพ จั๋วฉวินอยู่นี่ขอรับ”
“เจ้าค่อนข้างรู้จักด่านที่อยู่ใกล้เมืองหลวงดี ดังนั้นให้ทำเครื่องหมายสถานที่สำคัญที่ผ่านเส้นทางน้ำบนแผนที่ ถึงเวลาให้พวกเจ้าแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ เข้าสกัดกั้นตามที่ทำเครื่องหมายให้หมด”
มีคนแสดงความคิดเห็นขึ้นมาได้ “ท่านแม่ทัพ พวกเราจะสกัดกั้นอย่างไรเล่าขอรับ จะใช้วิธีของทหารหรือวิธีของโจรขอรับ?”
เผยยวนพ่นเสียงหัวเราะออกมา “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”
ตอนนี้คนที่นำอาหารและสมุนไพรจำนวนมากเข้าและออกจากเมืองหลวง นอกจากพ่อค้าข้าวและพ่อค้าสมุนไพรจริง ๆ แล้ว ที่เหลือล้วนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ยังจะเสียเวลากับพวกเขาทำไมอีก แค่แย่งแล้วก็ชิงไปได้เลย
“หลิวเฟิง พวกเจ้ากลับไปเมืองหลวง ไปหาหัวหน้าฮวาของกลุ่มกองเรือกับเซียวซื่อจื่อของจวนอู่อันโหว ฝ่ายหลังพวกเจ้าคงจะคุ้นเคยดีอยู่แล้ว ไหว้วานให้พวกเขาใช้อำนาจที่ตนเองมีกว้านซื้ออาหารและสมุนไพรในที่ต่าง ๆ มา”
กลุ่มกองเรืออยู่เจียงหนาน หากพวกเขาไม่พอใจขึ้นมาไม่มีใครที่จะไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนการค้าของตระกูลเซียวนั้นมีหลายแวดวง ขยับตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างแล้ว หากสองตระกูลร่วมมือกัน แทบจะมีอำนาจเท่ากับคนทั้งแคว้นรวมกันเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเรื่องหลูโจวจะต้องผ่านไปได้!
.
.
.