เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 329 ปรมาจารย์แห่งการแสดง

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 329 ปรมาจารย์แห่งการแสดง

เมิ่งเยี่ยนถูกปิดปากและโยนเข้าไปในคุกใต้ดิน สภาพแวดล้อมในคุกใต้ดินที่เป่ยป้าเทียนเอาไว้ขังคนจะดีเพียงใดกัน แม้แต่หญ้าแห้งก็ยังไม่มี ห้องข้าง ๆ ก็คือคุกน้ำ มีเสียงน้ำหยดติ๋ง ๆ ไม่รู้ว่ากบโผล่มาจากไหน ส่งเสียงเรียกอยู่ด้านใน เสียงสะท้อนยังก้องกังวานอีกด้วย

“อยู่กันนิ่ง ๆ ล่ะ!” เสี่ยวลิ่วจื่อข่มขู่เสร็จก็เตรียมจะไปดูของ จากนั้นก็ไปพักผ่อนเสียหน่อย เพื่อเตรียมตัวรอเหยื่อชุดต่อไป

เมื่อเขากลับมาที่ห้องโถงของที่มั่นบนภูเขา เอี๋ยนเฉาผู้นั้นเร็วกว่าเขาเสียอีก เขาตรวจสอบของเสร็จหมดแล้ว

“โอ๊ะ มีทองด้วย ทว่าเหตุใดถึงมีสมุนไพรด้วยเล่า? เอาไปใช้ทำอะไรกันล่ะเนี่ย?” เอี๋ยนเฉาโยนสมุนไพรในมือออกไป แต่จี้จือฮวนรับเอาไว้ได้

พวกเฟยซิงจึงหิ้วเอี๋ยนเฉาไปอยู่ข้าง ๆ

จี้จือฮวนตรวจสอบสมุนไพร โชคดีที่ไม่ชื้น ดูเหมือนว่าคนในตระกูลเมิ่งก็รู้แผนการขององค์ชายสามเหมือนกันสินะ สมุนไพรเหล่านี้เป็นของสำคัญที่จะทำให้องค์ชายสามได้เข้าไปอยู่ในตำหนักบูรพา พวกเขาจึงต้องปกป้องอย่างดี

“ของพวกนี้ไม่มีปัญหา นำไปจัดเก็บอย่างระมัดระวัง”

“ขอรับ ฮูหยิน”

เอี๋ยนเฉานวดไหล่เบา ๆ เมื่อพวกเขานำข้าวสารและสมุนไพรออกไปแล้ว ก็เห็นทองคำที่เมิ่งเยี่ยนนำมาถูกโยนอยู่บนพื้น จึงเอ่ยขึ้นมาพร้อมดวงตาเบิกกว้าง “ฮูหยิน แม้ว่าครอบครัวของพวกท่านจะทำการค้าใหญ่โต แต่ก็ไม่สามารถเห็นเงินทองไม่สำคัญเช่นนี้ได้นะขอรับ”

“ป้ายหยกประจำตระกูลของเมิ่งเยี่ยนใช่อันนี้หรือไม่?” จี้จือฮวนโยนของสิ่งหนึ่งออกไป

เอี๋ยนเฉารีบรับเอาไว้ “ใช่ขอรับ หยกมันแพะชั้นดี เป็นตายอย่างไรก็ไม่ให้ข้าแตะขอรับ”

หลังจากที่เอี๋ยนเฉาตรวจสอบแล้วก็ยัดเข้าไปในสาบเสื้อ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็สบเข้ากับสายตาของจี้จือฮวน

เขารีบเอ่ยด้วยรอยยิ้มเขินอายทันที “ฮูหยินวางใจได้ ข้าจะจัดการให้เรียบร้อยอย่างแน่นอน เหมือนทหารรับคำสั่งเลยขอรับ”

จี้จือฮวนยิ้มออกมา ใบหน้าที่เคยเย็นชาทว่าเมื่อจู่ ๆ ยิ้มออกมา ย่อมต้องอบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์ในฤดูหนาว หากคำที่พูดหลังจากนั้นไม่ได้โหดร้ายก็คงจะดี

“เจ้าพูดเช่นนี้ข้ากับท่านโหวก็วางใจ แต่ข้าเดาว่าเจ้าไม่มีความกล้าเช่นนั้นหรอก”

จู่ ๆ เอี๋ยนเฉาก็รู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมา

“ข้า…ข้าจะไปดูว่าเชลยที่เหลือมาถึงหรือยัง พยายามทำผลงานให้ฮูหยินเห็น และตอบแทนกองทัพทหารเกราะเหล็กขอรับ”

จี้จือฮวนส่ายหน้าอย่างระอา เอี๋ยนเฉาผู้นี้ลื่นเป็นปลาไหล ช่างเป็นคนที่น่าโดนอัดจริง ๆ

เดิมเมิ่งเยี่ยนคิดว่าที่กากเดนของเป่ยป้าเทียนปล้นแต่ไม่ฆ่าพวกเขา คงทำเพราะหวังทรัพย์สิน

หากเป็นยามปกติจะปล้นก็ปล้นไป ของแค่นี้สำหรับตระกูลเมิ่งแล้วไม่สำคัญอะไรเลย

แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นของสำคัญ ในวันข้างหน้าล้วนสามารถช่วยชีวิตได้ ข้าวหนึ่งถังจะแพงกว่าทองคำเสียอีก อีกอย่างราชสำนักจัดการเช่นไรกันแน่!? โจรกลุ่มนี้แทบจะกลายเป็นทหารชั้นยอดอยู่แล้ว!

ร่างกายที่กำยำนั่นกลับเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วและสอดประสานกันเป็นอย่างดี นี่ใช่สิ่งที่โจรป่าทั่วไปจะสามารถทำได้อย่างนั้นหรือ?

ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ หากพวกเขาต้องการเพียงแค่ข้าวสารและทอง แล้วไม่ไปเรียกค่าไถ่เพิ่มที่เมืองหลวงขึ้นมาจะทำเช่นไร?

ใครจะรู้ว่าพวกเขาถูกลักพาตัวมาที่นี่กัน!บราวนี่ออนไลน์

เมิ่งเยี่ยนกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ ไม่ว่าเขาจะส่งเสียงดังเพียงใด คนด้านนอกล้วนไม่สนใจ ท้องว่างเปล่า ทั้งยังกระหายน้ำมากอีกด้วย

ในตอนนั้นเอง แสงเทียนก็สว่างขึ้น มีคนถูกลากเข้ามา ทั้งยังเป็นคนที่คุ้นเคยอีกด้วย

“พี่หลี่!? พี่หลี่เหตุใดท่านก็ถูกจับมาเล่าขอรับ!” เมิ่งเยี่ยนเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

พวกเขาล้วนอยู่ฝ่ายเดียวกัน หากเขาถูกจับแต่คนอื่นสามารถนำของส่งไปก่อนได้ก็ไม่เป็นไร แต่ตระกูลหลี่เหตุใดถึงถูกจับมาด้วยได้

หลี่หัวเองก็ประหลาดใจเช่นกัน คิดว่าตัวเองคงจบเห่แล้ว แต่สุดท้ายกลับเจอเมิ่งเยี่ยนเข้า

ครั้งก่อนที่ทั้งสองคนพบกันพวกเขายังอยู่ในภัตตาคารอยู่เลย ตอนนี้กลับถูกขังอยู่ในห้องขังเดียวกันเสียแล้ว หลังจากนั้นไม่นานก็มีจ้าวเหนียนอีกคน ทั้งสามคนมองหน้ากันพร้อมใจเต้นแรง

“ป้ายหยกประจำตระกูลเจ้าเล่า?”

“ทั้งเนื้อทั้งตัวถูกปล้นไปจนหมด นับประสาอะไรกับป้ายหยกกัน”

“ข้าก็เหมือนกัน พวกเราถูกคนจับได้แล้ว”

เอ่ยถึงตรงนี้ แผ่นหลังของทั้งสามคนก็เย็นวาบขึ้นมา ดูท่าคงมีคนรู้สิ่งที่พวกเขาทำนานแล้ว และรอให้พวกเขาออกจากเมืองหลวงอยู่

เช่นนั้นองค์ชายสามมิเท่ากับพึ่งไม่ได้แล้วหรอกหรือ? หากว่า…

ไม่กล้าคิดต่อจริง ๆ เมื่อคิดว่าจะถูกค้นบ้านและฆ่าล้างตระกูล นี่เป็นหายนะของวงศ์ตระกูลเชียวนะ!

เอี๋ยนเฉาชะโงกหน้าดูเงียบ ๆ “อีกเดี๋ยวพวกเจ้าโยนข้าเข้าไปเบา ๆ นะ”

เสี่ยวลิ่วจื่อกลอกตามองบน “เจ้าอย่าพูดมาก” จากนั้นก็ดันเอี๋ยนเฉาที่กำลังพยายามขัดขืนเข้าไป

ทั้งสามคนไม่กล้าพูดอะไร ต่างคนต่างกำลังคิดว่ายังมีตระกูลใดที่สมรู้ร่วมคิดในเรื่องนี้อีก จะได้รู้ถึงกลุ่มอำนาจที่องค์ชายสามปิดบังเอาไว้

แต่ใครจะคิดว่าคนที่กลิ้งเข้ามา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นกลับทำให้คนตกใจจนหน้าซีด

เอี๋ยนเฉา? คนอย่างเจ้าก็สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ด้วยอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าโจรภูเขาเหล่านี้ยากจนข้นแค้นจนไม่มีสมองแล้วหรืออย่างไร?

“โอ๊ย โอ๊ยจะตายแล้ว วีรบุรุษทุกท่าน พวกเจ้าอยากได้เงินแต่เอาชีวิตข้าไม่ได้นะขอรับ ชีวิตข้ามีค่ายิ่งกว่าเงินที่พวกท่านชิงไปวันนี้อีกนะขอรับ!”

“หุบปาก! ข้าอยากจะฆ่าเจ้าข้าก็จะฆ่า ยังจะต้องรอคนลับดาบอีกหรืออย่างไร! เจ้ารออยู่เงียบ ๆ ไปเลย”

เอี๋ยนเฉารีบหุบปากลง เพราะตอนที่เขามากินอิ่มหนำสำราญมากไปหน่อย เมื่อครู่เกือบส่งเสียงเรอออกมาเสียแล้ว

รอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าของพวกเสี่ยวลิ่วจื่อไกลออกไป และได้ยินพวกเขาปิดประตูลง เอี๋ยนเฉาจึงได้ส่งเสียงด่าออกมา “ถุย แค่โจรภูเขากล้ามาวางอำนาจต่อหน้าข้า! โอ๊ย! โอ๊ย โอ๊ย!”

เมื่อครู่เขายังด่าอย่างออกรสออกชาติ ทว่าจู่ ๆ กลับกลิ้งไปกับพื้นราวกับถูกอะไรลอบทำร้ายก็มิปาน

“ท่านวีรบุรุษไว้ชีวิตข้าเถอะขอรับ ข้าไม่กล้าทำแล้ว ไม่กล้าทำอีกแล้ว” เอี๋ยนเฉาทั้งร้องไห้และโวยวายอยู่บนพื้น

ทำให้พวกเมิ่งเยี่ยนตกใจจนขยับเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว สีหน้าพลันซีดขาวขึ้น ราวกับว่าในคุกนี้จะมีอาวุธลับที่น่ากลัวพุ่งออกมา

จี้จือฮวนสังเกตการณ์จากรูเล็ก ๆ ด้านบน ก็พบว่าทักษะการแสดงของเอี๋ยนเฉานั้นช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ

อาควนเกาท้ายทอยเบา ๆ “นายน้อยฝึกฝนการแสดงเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วขอรับ อย่างอื่นอาจสู้ท่านโหวไม่ได้ แต่ว่าลูกไม้นี้ทั้งเมืองหลวงไม่มีผู้ใดสู้ได้อย่างแน่นอนขอรับ”

จี้จือฮวนพยักหน้ายอมรับ “ปรมาจารย์แห่งการแสดง”

ดูสิ ไม่จำเป็นต้องไต่สวนแล้ว พวกเมิ่งเยี่ยนก็เชื่อสถานการณ์ที่เกิดตรงหน้าจนสนิท

เอี๋ยนเฉาชักจูงเก่งมากจริง ๆ ทว่าเมื่อกลิ้งไปมาก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยและจุกท้องไปหมด ดิ้นอยู่สักพักเขาก็ลุกขึ้นมานั่ง หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ

มีเสียงทรมานและร้องขอความเมตตาดังมาจากด้านนอกอีกครั้ง เอี๋ยนเฉาเอ่ยพร้อมกับร้องไห้ขึ้นมา “เหตุใดถึงได้ซวยเพียงนี้ ข้าอยากกลับบ้าน…”

เมิ่งเยี่ยนเห็นเขาร้องไห้ ก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นมา “ร้องไห้มีประโยชน์อันใดกัน เหตุใดเจ้าถึงถูกจับมาได้?”

เอี๋ยนเฉาเช็ดน้ำตา “ข้าก็แค่ผ่านทางมา พวกเจ้าก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ตอนนี้เงินข้าตึงมือ ขอยืมพวกเจ้าก็ไม่มีใครให้ ข้าจะทำอะไรได้ก็ต้องพกเงินค่าเดินทางเล็กน้อยแล้วหนีออกมาน่ะสิ น่าสงสารอนุข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย ลูกข้าก็ไม่แน่ว่าจะได้เจอพ่อหรือไม่ แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงออกจากเมืองหลวงมาเล่า?

อ้อ! ข้ารู้แล้ว!”

ทั้งสามคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป “เจ้ารู้อะไรมา?”

เอี๋ยนเฉาเอ่ยด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “ที่พวกเจ้าไม่ให้ข้ายืมเงิน เพราะแอบเอามาซื้อสาวงามเก็บไว้ เพราะไม่อยากให้แม่เสือที่บ้านรู้ใช่หรือไม่?”

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท