บทที่ 5 อดไม่ได้ที่จะคลิกเกมนี้!
ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่ได้เริ่มเล่นทันที พวกเขาทั้งหมดดูหน้าจอขนาดใหญ่ รอให้พิธีกรแนะนำเกมเหล่านี้ และจะเล่นก็ต่อเมื่อพวกเขาพบเกมที่น่าสนใจเท่านั้น
เสียงที่ทุ้มลึกของพิธีกรชายดังก้องไปทั่วสถานที่แข่งขัน
“นักออกแบบเกมหมายเลขเจ็ด ผลงานเข้าร่วมการแข่งขัน FlappyBird”
“เกมนี้ ผู้เล่นสามารถควบคุมการบินของนกได้โดยการแตะที่หน้าจอเพื่อผ่านสิ่งกีดขวางทีละอย่าง เมื่อผ่านสิ่งกีดขวางแต่ละอย่างได้ ผู้เล่นจะได้รับหนึ่งคะแนน”
“เกมนี้มีฟังก์ชันเครือข่ายและการจัดอันดับ อืม ฟังก์ชันการจัดอันดับ”
เสียงของพิธีกรติดขัดอย่างเห็นได้ชัดในตอนท้ายเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่านี้เกี่ยวกับเกมนี้ แต่ก็ไม่สำเร็จ
ด้วยความเป็นมืออาชีพของพิธีกรที่มีชื่อเสียง เขาที่ไม่สามารถหาคำชมเกี่ยวกับเกมนี้ได้ ในท้ายที่สุดเขาทำได้เพียงพูดซ้ำๆ ว่า มันมีฟังก์ชันเครือข่ายและการจัดอันดับ
อืม ก็เป็นเกมออนไลน์อยู่ดี
เกิดเสียงหัวเราะจากผู้ชมภายในที่นี้ ที่จริงแล้วสองสามเกมก่อนหน้านี้มีเกมที่ค่อนข้างง่าย แต่ไม่มีเกมไหนที่ง่ายขนาดนั้น!
หากดูจากวิดีโอสาธิตบนหน้าจอขนาดใหญ่ จริงๆ จะฝืนเรียกว่าเกมก็ได้ แต่… มันฝืนเกินไป!
2D Retro Style ที่น่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้
ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่วิธีเล่นวิธีเดียวที่น่าเบื่อมาก
ใครจะไปเล่นกันล่ะ!
เมื่อมองกรรมการตัดสินทั้งสามคน
สีหน้าฉื่อหัวเจ๋อซีดเซียว
หลินไห่ตกตะลึง
ชิวเหิงหยางรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย เขาเปิดในแท็บเล็ตเพื่อดูว่าเกมนี้ง่ายขนาดนั้นจริงๆ เหรอ
เห็นได้ชัดว่ากรรมการตัดสินทั้งสามคนมีความคิดเหมือนกัน “มีการดำเนินงานแบบนี้ด้วยเหรอ”
เกมแบบนี้สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้แล้วนักออกแบบเกมคนนี้ผ่านการคัดเลือกเบื้องต้นมาได้ยังไง
ผู้เข้าแข่งขันระเบิดเสียงหัวเราะ ความกังวลและความตึงเครียดของพวกเขาผ่อนคลายลงอย่างสิ้นเชิง
หลายคนแอบสังเกตว่านักออกแบบเกมหมายเลขเจ็ดเป็นใคร เขาไม่กลัวว่าข่าวจะกระจายออกไปจนถูกหัวเราะเยาะจากคนทั้งแวดวงเกมเหรอ
ตอนนี้เฉินโม่กำลังนั่งตัวตรงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีใครดูออกว่าเขาคือนักออกแบบเกมหมายเลขเจ็ด
ไม่มีป้ายหมายเลขบนตัวผู้เข้าแข่งขัน นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันการโกง และไม่ต้องกังวลว่าตัวตนของผู้เข้าแข่งขันจะส่งผลต่อการตัดสินของกรรมการหรือผู้ชม
พิธีกรยังคงแนะนำเกมอื่นๆ ต่อไป และเรื่องนี้กลายเป็นช่วงที่ถูกใครหลายคนหัวเราะ
เฉินโม่รู้สึกว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว ดังนั้นเขาจึงแอบเปิดหน้าจอเสมือนจริงจากสร้อยข้อมือจากนั้นเปิดใช้งาน Super Focuser เขาเคยทดสอบมาก่อนแล้ว และพบว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่มองเห็นหน้าจอเสมือนจริงนี้ ดังนั้นเขาจึงสามารถเปิดใช้งานตามที่ต้องการในที่สาธารณะได้
จากนั้นเฉินโม่ก็ล็อคเป้าหมายไปที่กรรมการตัดสินทั้งสามคน และผู้ชมกว่าห้าร้อยคน โดยดึงดูดความสนใจของพวกเขาไว้ที่เกมของตนเอง
การนับถอยหลังปรากฏขึ้นบนหน้าจอเสมือนจริงเป็นเวลาสิบนาที และภายในสิบนาที ความสนใจของคนทั้งห้าร้อยคนจะถูกดึงดูดไปที่เกมของเฉินโม่
หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จแล้วเฉินโม่ก็ทำเพียงนั่งรอเงียบๆ ดังคำกล่าวที่ว่า ทำให้ดีที่สุด อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิดแล้วแต่ฟ้าลิขิต และตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องเชื่อฟังโชคชะตาแล้ว
……………………………
ภายในหอประชุม นักเรียนคนหนึ่งเปิดแท็บเล็ตและมองหาเกมที่จะเล่น เดิมทีเขาไม่ต้องการสัมผัสเกม ‘flappybird’ เลย แต่จู่ๆ นิ้วก็ไปจิ้มโดนโดยไม่ตั้งใจ
“เอ๋” เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่สัมผัสได้ถึงเสียงในใจที่เรียกร้องอย่างแรงกล้าว่า เล่นเถอะๆ…
“นี่มันไม่ใช่เกมหลอกเด็กเหรอ…ดูไม่น่าสนุกเลย”
“…”
“ช่างเถอะ เล่นสักหน่อยก็ได้” นักเรียนคนดังกล่าวแตะหน้าจอเพื่อเริ่มเกม
คู่รักคู่หนึ่งกำลังเล่นเกมเครื่องบินรบออนไลน์ แต่จู่ๆ ฝ่ายหญิงก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา
“มันน่าเบื่อมาก เปลี่ยนกันเถอะ” หญิงสาวพูด
ชายหนุ่มพยักหน้า “โอเค ฉันก็รู้สึกน่าเบื่อเหมือนกัน แต่จะเล่นเกมไหนดีล่ะ”
สายตาของทั้งสองค้นหาเกมทั้งยี่สิบเกมอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็จับจ้องไปที่ไอคอนนกอ้วนโง่ของ ‘flappybird’ โดยบังเอิญ
หญิงสาวพูดว่า “เกมนี้ดูเหมือนจะสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายและจัดอันดับได้ ทำไมเราไม่ลองเล่นเกมนี้ล่ะ”
ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ได้นะ แต่เกมนี้จะสนุกเหรอ”
หญิงสาวพูดว่า “สนุกหรือไม่สนุกต้องลองเล่นถึงจะรู้ อีกอย่างมันมีฟังก์ชันเครือข่ายกับการจัดอันดับด้วยนี่ พวกเรามาแข่งกันว่าใครจะได้คะแนนสูงสุด”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ได้!”
ทั้งสองคลิกที่ไอคอนนกของ ‘flappybird’ ด้วยกัน ผลลัพธ์ของ Super Focuser เกิดขึ้นทันที คนทั้งห้าร้อยคนเปิด ‘flappybird’ โดยไม่ได้ตั้งใจและเริ่มเล่นเกม
แม้แต่กรรมการตัดสินทั้งสามก็เหมือนกัน
ตอนนี้ฉื่อหัวเจ๋อกำลังโกรธ ในตอนที่เขาเห็นการเปิดตัว Flappybird บนหน้าจอขนาดใหญ่ เขาเกือบจะยืนขึ้น และเรียกร้องให้นักออกแบบเกมหมายเลขเจ็ดถูกตัดสิทธิ์
อย่างไรฉื่อหัวเจ๋อก็เป็นผู้ที่อาวุโสที่สุดในบรรดาผู้ตัดสินทั้งสามคน คนอายุมากมักเป็นพวกอนุรักษนิยม ในมุมมองของเขานี่ถือว่าเป็นเกมได้งั้นเหรอ มันไร้สาระมาก นี่มันเป็นการสบประมาทนักออกแบบเกมชัดๆ!
คนแบบนี้ผ่านการคัดเลือกมาได้ยังไง สปอนเซอร์ไม่ได้ประเมินความสามารถของเขาให้ดีเหรอ
หรือว่า…ใช้เส้นสาย เกิดการโกงเกิดขึ้นในการแข่งขันครั้งนี้มันน่าเคียดแค้นนัก!
แต่ถึงจะโกรธยังไงฉื่อหัวเจ๋อพบว่าสายตาของตนดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้มีไอคอนเกมทั้งหมดยี่สิบอันบนแท็บเล็ต แต่เขารู้สึกว่าเจ้านกอ้วนโง่นั้นสะดุดตามากราวกับว่ามันครอบครองพื้นที่ทั้งหน้าจอ
“…”
“ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าจะทำได้แย่สักแค่ไหน” ฉื่อหัวเจ๋อคลิกที่ไอคอนนกอ้วนโง่และเข้าสู่เกม
เขารู้สึกอับอายเล็กน้อยราวกับว่าการเล่นเกมนี้เป็นอะไรที่ด้อยราคามันทำให้เขาแอบชำเลืองมองผู้ตัดสินอีกสองคนที่นั่งข้างเขา และหน้าจอเกมของพวกเขาก็กลายเป็น ‘flappybird’ ด้วย!
ฉื่อหัวเจ๋อ “…”
ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เขาคนเดียว ผู้ตัดสินอีกสองคน หลินไห่และชิวเหิงหยางก็เล่น ‘flappybird’ เช่นกัน
เหตุผลที่ชิวเหิงหยางเล่นนั้นไม่ได้เกิดจากอิทธิพลของ Super Focuser ทั้งหมด ในตอนที่พิธีกรแนะนำเกมนี้ เขาก็ค้นพบปัญหาอย่างดีเยี่ยม
เหตุใดเกมเล็กๆ ที่เรียบง่ายและจำเจเช่นนี้ถึงได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้างระบบเครือข่ายและฟังก์ชันการจัดอันดับด้วย
เขารู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเลยมีสมาธิเช่นนี้ทำไมไม่ลองสร้างเลเวลเพิ่มอีกสักหนึ่งหรือสองเลเวล หรือไม่ก็พัฒนาตัวละครเพิ่มอีกหนึ่งสองตัว ด้วยข้อสงสัยนี้ชิวเหิงหยางจึงคลิกที่ไอคอนเจ้านกอ้วน
หน้าจอภาพเริ่มเกมนั้นเรียบง่ายมาก นอกจากแจ้งเตือนให้ผู้เล่นแตะที่หน้าจอเพื่อให้นกบินขึ้น แล้วก็ไม่มีข้อความอื่นแจ้งอีก มีเลขศูนย์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอน่าจะเป็นคะแนน
หน้าจอภาพของเกมนั้นเหมือนกับวิดีโอสาธิตบนหน้าจอขนาดใหญ่ทุกประการ เป็น 2D Retro Style ที่เรียบง่ายถึงสุดขีด นกตัวเล็กๆ นั้นดูเหมือนลูกบอล ดวงตากลมโตสองข้างกับปากบวมฉึ่งเหมือนไส้กรอก อีกทั้งปีกเล็กๆ สองข้าง ดูยังไงก็ช่างโง่เขลา ก็มีความน่ารักซ่อนอยู่เล็กน้อย
ชิวเหิงหยางลองแตะที่หน้าจอ นกน้อยตัวอ้วนดิ้นทุรนทุรายเหมือนปลาเค็มที่กำลังจะจมน้ำ มันบินขึ้นไปได้ครู่หนึ่งจากนั้นก็หัวทิ่มกระแทกท่อน้ำตายทันที
ชิวเหิงหยาง “…”
นี่มันอะไรกันเนี่ย!
………………………………..