บทที่ 11 คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของนักออกแบบเกม
พิธีกรสัมผัสได้ถึงความทิ่มแทงในคำพูดของฉื่อหัวเจ๋อและกลัวที่จะมีปัญหาเกิดขึ้นจึงรีบพูดออกไปว่า “เอาล่ะครับ ขอบคุณอาจารย์ฉื่อสำหรับคำแนะนำ เชื่อว่าคุณเฉินโม่จะจำคำสอนของอาจารย์ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นต่อไป…”
แต่ยังไม่ทันที่พิธีกรพูดจบ ไมโครโฟนของเฉินโม่ก็จ่ออยู่ที่ริมฝีปากของเขา
“ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณครับ”
พิธีกรตกตะลึง ฉื่อหัวเจ๋อเองก็ตกตะลึง!
ชิวเหิงหยางและหลินไห่เองก็ดูประหลาดใจเช่นกัน หมายความว่าอย่างไร ผู้เข้าแข่งขันจะเผชิญหน้า กับกรรมการเหรอ
พิธีกรรู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่เขาไม่สามารถห้ามไม่ให้เฉินโม่พูดได้ และตอนนี้เขาทำได้เพียงกัดฟัน ฟังว่าเฉินโม่จะพูดอะไร
“ระวังถ้อยคำให้ดี นี่เป็นการถ่ายทอดสด” พิธีกรไม่ได้ถือไมโครโฟน แต่กระซิบเตือนข้างหูเฉินโม่
เฉินโม่เพิกเฉยต่อพิธีกรเขายกไมโครโฟนพูดขึ้นว่า “ผู้เล่นทุกท่านครับ ในขณะที่พวกคุณเล่นเกม ‘flappybird’ อยู่ ในตอนที่ได้คะแนนสูงสุด ทุกท่านมีความสุขกันไหมครับ ใครมีความสุขให้ยกมือขึ้น”
เหล่าผู้เล่นในที่นี้ชะงักไปครู่หนึ่งจากนั้นมากกว่าครึ่งก็ยกมือขึ้น
“ในตอนที่อันดับของตนเองสูงขึ้นในรายการจัดอันดับมีความสุขไหมครับ ใครมีความสุขให้ยกมือขึ้น”
มากกว่าครึ่งยกมือขึ้นอีกครั้งถึงจะน้อยกว่าครั้งที่แล้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ต่างกันมากนัก
“ในตอนที่เล่นกับเพื่อนแล้วได้คะแนนสูงกว่าเพื่อน มีความสุขไหมครับใครมีความสุขให้ยกมือขึ้น”
ครั้งนี้มีคนยกมือมากขึ้น และผู้เล่นส่วนใหญ่ก็ยกมือขึ้น
“หลังจากพ่ายแพ้ คุณเลือกที่จะยอมแพ้หรือลองอีกครั้ง ถ้าคุณเลือกที่จะยอมแพ้ให้ยกมือขึ้น”
แทบไม่มีใครยกมือขึ้นเลย
“ทุกท่านลองมาหลายครั้งแล้ว คนที่รู้สึกว่าความพยายามนี้ไร้ความหมายยกมือขึ้น”
ผู้เล่นหลายคนยกมือขึ้น แต่พอมองไปรอบๆ แล้วก็วางลงอีกครั้ง
เฉินโม่พูดต่อว่า “เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นคิดว่าเกมของผมทำให้พวกเขามีความสุข”
“หน้าที่ของเกมคือการระดมอารมณ์ของผู้เล่น บางครั้งอารมณ์ด้านลบอาจทำให้ดวงตาของทุกคนมืดบอด แต่ทุกท่านโปรดลองคิดดูว่าถ้าเกมทำให้คุณมีแต่อารมณ์ด้านลบ คุณจะเล่นต่อหรือไม่” ผู้เล่นหลายคนส่ายหัว
เฉินโม่พูดต่อว่า “เกมใดก็ตามที่ทำให้คุณเล่นต่อได้คือเกมที่ทำให้คุณมีความสุข เว้นแต่คุณจะเป็นพวก บ้าทรมานตัวเอง” มีเสียงหัวเราะดังขึ้นทันที
เฉินโม่มองฉื่อหัวเจ๋อ “ไม่ใช่ว่าคุณไม่สามารถสัมผัสกับความสนุกของเกมได้ ความสนุกของมันเลยหายไป ในทางกลับกันผู้เล่นของผมคิดว่ามันเป็นเกมที่สนุก เกมนี้ไม่ได้ดึงดูดผู้เล่นจำนวนมากขนาดนี้ด้วยการกระตุ้นอารมณ์ เชิงลบเพียงอย่างเดียว”
มุมปากของฉื่อหัวเจ๋อกระตุกเล็กน้อย เฉินโม่พูดต่อว่า “ผมคิดว่าคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในฐานะ นักออกแบบเกมคือภววิสัย[1] เพื่อให้สามารถมองเกมใดๆ อย่างเป็นกลางได้ แม้ว่าคุณจะไม่ชอบก็ตาม นี่คือคุณสมบัติที่เหมาะสมของนักออกแบบเกมครับ”
“นักวิจารณ์อาหารคนหนึ่งไม่ชอบอาหารรสจัด ดังนั้นทุกครั้งที่ไปกินอาหารเสฉวน เขาให้คะแนนอาหารเสฉวนต่ำที่สุด เช่นนั้นเขาเป็นนักวิจารณ์อาหารที่มีคุณสมบัติหรือไม่”
“ในทำนองเดียวกัน หากเพราะคุณไม่ชอบเกมประเภทนี้จึงคิดว่ามันห่วยแตก เช่นนั้นคุณมีอะไรที่ต่างจากนักวิจารณ์อาหารที่ไม่ชอบอาหารเสฉวนงั้นหรือครับ”
“ผมพูดจบแล้วครับ ขอบคุณครับ”
เฉินโม่วางไมโครโฟนลงบนมือของพิธีกร จากนั้นหันหลังกลับเดินลงจากเวที เขาไม่มีเวลาที่จะมาทะเลาะกับฉื่อหัวเจ๋อ
“แก…” ฉื่อหัวเจ๋อโกรธมากจนดวงตาของเขาเบิกกว้าง เขาเกือบจะตบโต๊ะลุกขึ้นยืนแล้ว
หลินไห่ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ รีบรั้งเขาไว้ “แค่เด็กคนหนึ่งจะไปเข้าใจอะไรอย่าไปมีเรื่องกับเขาเลยครับ”
ใบหน้าของฉื่อหัวเจ๋อแดงก่ำ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากโจมตี แต่เขาไม่สามารถคิดคำพูดที่จะหักล้างเฉินโม่ได้ชั่วขณะหนึ่ง!
เฉินโม่ขอให้ผู้ชมยกมือขึ้นและยกเรื่องนักวิจารณ์อาหารมาเปรียบเทียบ วาทศิลป์ของเขานั้นไร้ที่ติ ทำให้นอกจากก่อกวนไม่รู้จบแล้ว ฉื่อหัวเจ๋อก็ไม่มีหนทางอื่นอีก
ชิวเหิงหยางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เขาไม่คาดคิดว่าเฉินโม่จะกล้าเผชิญหน้ากับฉื่อหัวเจ๋อโดยไม่ลังเล อีกทั้งยังจัดการได้อย่างหมดจดเช่นนี้!
เฉินโม่พูดบนเวทีอย่างฉะฉาน คำพูดของเขาคล่องแคล่วมีความคิดที่ชัดเจน ดูเหมือนนักออกแบบเกม ที่เพิ่งเริ่มต้นตรงไหนกัน ดูคล่องแคล่วกว่าคนเจนโลกบางคนที่จัดงานแถลงข่าวมากมายเสียอีก!
อีกอย่างสายตาที่เฉินโม่มองฉื่อหัวเจ๋อนั้นมันก็เกินไปหน่อยที่จะบอกว่ามันเป็น ‘แววตาที่รักและเอาใจใส่คนโง่’ แต่โดยพื้นฐานแล้วมันเหมือนกับผู้ใหญ่ที่กำลังมองดูเด็กน้อยที่กำลังอาละวาด
สิ่งนี้ทำให้ชิวเหิงหยางตกใจมาก เขารู้สึกประหลาดใจที่พบว่าผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะมีความคิดมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้เสียอีก ชิวเหิงหยางลุกขึ้นยืนและเดินไปหาเฉินโม่ที่ลงจากเวที
………………………
เฉินโม่ไม่สนใจว่าพิธีกรจะจัดการเก็บกวาดปัญหานี้ยังไง อย่างไรตอนนี้เขาก็ได้อันดับที่หนึ่งแล้ว เขาได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว เป็นผลให้ทันทีที่เขาก้าวลงจากเวที ชิวเหิงหยางจึงเดินเข้ามาหา
“คุณเฉินโม่” ชิวเหิงหยางเดินมาหยุดตรงหน้าเฉินโม่
เฉินโม่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “สวัสดีครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”
ชิวเหิงหยางพูดว่า “คืออย่างนี้ ผมชื่นชมผลงานของคุณมาก ผมอยากถามว่าคุณต้องการเข้าร่วม Hengyou.com และเป็นผู้ช่วยของผมไหม แน่นอนว่ามีค่าตอบแทนที่น่าพอใจให้”
เฉินโม่ส่ายหน้า “ผมซาบซึ้งในความเมตตาของคุณ แต่ผมมีแผนการของตัวเองแล้วครับ”
ชิวเหิงหยางพยักหน้าเขาฟังนัยยะจากคำพูดของเฉินโม่ออก เห็นได้ชัดว่าคนประเภทนี้ไม่น่าจะชอบพึ่งพาคนอื่น แน่นอนว่าคงเริ่มก่อตั้งบริษัทและพัฒนาเกมของตนเอง
“ได้ ผมขอให้คุณโชคดีและหวังว่าในอนาคตจะมีโอกาสร่วมงานกัน” ชิวเหิงหยางพูด
เฉินโม่พยักหน้า “ครับ หวังว่าในอนาคตจะมีโอกาสร่วมงานกัน”
ทั้งสองจับมือกัน ชิวเหิงหยางไม่พูดอะไรมากทั้งสองแลกข้อมูลการติดต่อกันแล้วจากไป
สำหรับคนอื่นๆ นี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดึงดูดใจมาก แต่สำหรับเฉินโม่มันไม่น่าสนใจเลย
ต่อให้ผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Dichao Entertainment มาเชิญเขาให้เป็นหัวหน้านักออกแบบเกม เขาก็ไม่ไป การพึ่งพาอาศัยผู้อื่นสุดท้ายก็ถูกผู้อื่นควบคุมอยู่ดี เฉินโม่ไม่ชอบถูกควบคุมในตอนออกแบบเกม และในไม่ช้า เฉินโม่ก็ได้พบเจ้าหน้าที่ของการแข่งขันครั้งนี้
เจ้าหน้าที่พูดว่า “เราได้บันทึกบัญชีของคุณแล้ว เงินสำหรับวิจัยและพัฒนาจำนวนสามแสนหยวน จะถูกโอนเข้าบัญชีของคุณภายในสองถึงสามวันทำการ คุณอย่าลืมตรวจสอบล่ะ”
“นอกจากนี้คุณต้องเก็บกุญแจของ Experience Store ไว้ให้ดีแล้วก็จดที่อยู่ไว้ด้วย เมื่อถึงเวลานั้น จะมีเจ้าหน้าที่เฉพาะทางมาช่วยคุณตกแต่งสถานที่ หากมีปัญหาอะไรติดต่อผมมาได้เลย คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระว่าจะจัดอย่างไร แต่งบประมาณมีจำกัด ดังนั้นเราจะแจ้งรายละเอียดในภายหลัง”
เฉินโม่พยักหน้า “ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากครับ”
เรื่องหลังจากนั้นล้วนเป็นไปอย่างขอไปที หลังจากส่งมอบเสร็จสิ้น เฉินโม่ก็นั่งแท็กซี่เดินทางออกจาก สถานที่แข่งขัน
อากาศร้อนเกินไป เฉินโม่ที่สวมชุดอย่างเป็นทางการไปยืนเบียดเสียดบนรถบัสหรือรถไฟฟ้า แค่นึกภาพก็ทรมานแล้ว เขาเพิ่งได้รับเงินรางวัลสามแสนหยวนทำไมจะไม่ใช้มันอย่างฟุ่มเฟือยล่ะ!
รถบนท้องถนนไม่ได้ติดนานจนเกินไปประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาเฉินโม่ก็กลับไปถึงโรงแรมที่เขาพักก่อนหน้านี้
เมื่อกลับมาที่ห้องเฉินโม่ถอดชุดเป็นทางการนี้ออกแล้วเปลี่ยนกลับมาใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น จากนั้นจึงเริ่มเก็บสัมภาระ
ที่พักของเฉินโม่ในปักกิ่งอยู่นอกรอบวงแหวนทั้งห้าซึ่งห่างไกลจากที่นี่มาก รถไฟใต้ดินอยู่ห่าง ออกไปเกือบหนึ่งชั่วโมง แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะค่าเช่าในปักกิ่งนั้นสูงเกินไป เขาไม่สามารถที่จะเช่าห้อง ใกล้วงแหวนรอบที่สามได้เลยด้วยซ้ำ แต่ยังมี Experience Store อยู่ เฉินโม่สามารถคืนห้องที่เช่าก่อนหน้านี้ได้
เพราะสัมภาระมีไม่มากนัก กระเป๋าเดินทางใบเดียวก็เพียงพอแล้ว แม้แต่แล็ปท็อปก็ยังยัดเข้าไปได้ เฉินโม่ถือกระเป๋าเดินทางออกไปเช็คเอาท์ จากนั้นก็นั่งแท็กซี่ตรงไปยัง Experience Store เขาวางแผนที่จะตรวจสอบ สถานการณ์ของ Experience Store ก่อน
………………………………
[1] ภววิสัย : สิ่งที่มีพื้นฐานอยู่บนข้อเท็จจริง เงื่อนไขที่เป็นความจริง โดยไม่ขึ้นอยู่กับจิตใจ