จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – บทที่ 991 -995

บทที่ 991 -995

บทที่ 991 : พิชิตเมืองชายแดน (5)
หวู่เสียงร้องไห้คร่ำครวญอย่างหนักคนที่ไม่รู้ก็อาจคิดว่าภรรยาและบุตรสาวของเขาถูกข่มขืน
”นายหญิงข้ามีประโยชน์ ข้ามีประโยชน์จริง ๆ ข้ามีประโยชน์มากกว่าตระกูลหูมากนัก ท่านไม่ได้ต้องการที่จะโจมตีอาณาจักรสวรรค์หรอกหรือ ? ข้าสามารถนำพวกท่านไปที่นั่นได้ หากท่านต้องการไปแดนสวรรค์ ท่านจำเป็นที่จะต้องผ่านป่าสวรรค์ ข้าคุ้นเคยกับป่านั่นดี ถึงวันนั้นข้าจะช่วยพาท่านไปทางลัด”
ตี้คังมองหวู่เสียงก่อนจะเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำข้างหูของไป๋หยาน “ทั้งท่านราชครูทั้งผู้อาวุโสสูงสุดต่างก็เคยไปเยือนแดนสวรรค์มาแล้ว”
ความหมายก็คือทั้งคู่คุ้นเคยกับป่าสวรรค์เป็นอย่างดีไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นนำทาง
ใบหน้าของหวู่เสียงซีดลงร่างของเขาสั่นสะท้านด้วยความสยดสยอง
แม้ว่าคนอื่นๆ จะเห็นอกเห็นใจเขา ทว่าก็ไม่มีผู้ใดออกปากแทนเขาได้ ท้ายที่สุดเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เขาสร้างขึ้นด้วยตนเองทั้งหมด
”นายหญิงข้ายังมีประโยชน์อย่างอื่นอีก ข้า … ข้ารู้จักคนใหญ่คนโตในแดนสวรรค์ ทั้งข้าก็สามารถลอบเข้าแดนสวรรค์ได้ ในวันหน้าย่อมจะช่วยท่านสืบเรื่องราวภายในนั้นได้”
มือของไป๋หยานเท้าแก้มพลางยิ้ม “หากเจ้ารู้จักคนใหญ่คนโตจริง เหตุใดเจ้าถึงถูกขับมายังเมืองชายแดนนี้ได้ ? ยิ่งไปกว่านั้นหากเจ้าสามารถกลับไปแดนสวรรค์ได้จริง เหตุใดเจ้าถึงยังอยู่ในเมืองชายแดนนี้อีก ?”
ปากของหวู่เสียงกระตุกดูเหมือนเขาจะหมดกำลังใจ เขาไม่สามารถหาคำแก้ตัวได้อีกแล้ว ในที่สุดเขาก็กล่าวออกมาว่า “ที่ข้าถูกขับมาที่นี่ ก็เพราะข้าไปมีสัมพันธ์กับหญิงผู้หนึ่งในตระกูลใหญ่ หากแต่ข้ายังมีลูกพี่ลูกน้องที่ทำงานในตระกูลนั้น และเขาสัญญากับข้าว่าเขาจะหาทางช่วยให้ข้าได้กลับไป … ”
มุมปากของไป๋หยานยกขึ้น”ดูเหมือนว่าตัวตนของเจ้าจะไม่เป็นประโยชน์กับเราเลย”
”ไม่..ไม่นะตระกูลลูกพี่ลูกน้องของข้าเป็นตระกูลใหญ่ ข้าสามารถสืบเรื่องราวที่ท่านอยากรู้ได้ และหญิงผู้นั้นก็รักข้ามาก นางต้องรอข้ากลับไปแน่ … ”
ไป๋หยานมองหวู่เสียงที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญแววตาของนางเปลี่ยนไปสองสามครั้ง “เช่นนั้นข้าจะมอบหมายงานให้เจ้าทำ หากเจ้าทำได้สำเร็จ ข้าก็จะให้เจ้าเป็นทาสอย่างสบายใจ”
”งานอะไรรึ?” แววตาของหวู่เสียงสว่างไสวขึ้น
การแสดงออกของไป๋หยานแลดูเคร่งขรึมลง”ช่วยข้าตามหาใครบางคน”
”ผู้ใดกัน?”
“ไป๋หนิง!”
นางอยากรู้ว่าไป๋หนิงคนนี้เป็นมารดาของนางจริงหรือไม่? และไป๋หนิงอยู่ที่ใดในแดนสวรรค์ ?
ครั้นได้ยินเช่นนี้แล้วหวู่เสียงก็สูดลมหายใจเข้าลึก แค่การตามหาคนผู้หนึ่งเท่านั้น งานนี้ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
”นายหญิงไม่ต้องเป็นกังวล ข้าต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับไป๋หนิงมาให้ท่านได้อย่างแน่นอน ท่านรอฟังข่าวดีจากข้าได้เลย”
รอยยิ้มประจบปรากฏบนใบหน้าของหวู่เสียงไม่มีสิ่งใดที่จะสำคัญไปกว่าการรักษาความบริสุทธิ์ของชายชาตรีไว้
โชคดีที่ครานี้ยังรักษาพรหมจรรย์ไว้ได้…
สายตาของไป๋หยานกวาดมองผู้คนที่ยังอยู่ในบริเวณนั้นช้าๆ ก่อนจะสั่งการต่อ “เช่นนั้นพวกเจ้าก็กลับไปบ้านของพวกเจ้าได้แล้ว หากแต่เรื่องที่พวกเจ้าเป็นทาสของสัตว์อสูรห้ามบอกให้ผู้ใดรับรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเจ้าคุ้นเคยกับคนของแดนสวรรค์ ยกเว้นคนใกล้ชิดของเจ้า”
”หากผู้ใดกล้าเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปข้าเกรงว่า … จุดจบของคนผู้นั้นจะไม่ใช่แค่จิตวิญญาณเท่านั้น”
เสียงของหญิงสาวทรงอำนาจทำให้ทุกผู้คนกลัวจนตัวสั่น ต่างก็ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ากล่าวคำใด
”นอกจากนี้… ” ไป๋หยานหยุดชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวต่ออย่างเคร่งเครียด “หากในคฤหาสน์ของพวกเจ้ามีสัตว์อสูรถูกกักขัง ให้ปล่อยพวกมันเป็นอิสระทันที แต่หากพวกมันต้องการติดตามเจ้าเองก็ไม่เป็นไร ทว่าอย่าให้ข้ารู้นะว่ามีผู้ใดคิดกลั่นแกล้งสัตว์อสูร หาไม่จุดจบก็คงจะไม่ดีนักเช่นกัน !”
หากสัตว์อสูรยอมติดตามเจ้านายด้วยตนเองโดยที่ทั้งคู่ต่างก็สมัครใจนางก็จะไม่บังคับ แต่หากสัตว์อสูรเหล่านั้นถูกบังคับ ก็อย่าโทษนาง หากนางเข้าข้างพวกสัตว์อสูร !
”เข้าใจหรือไม่?” ไป๋หยานเอ่ยถามคนเหล่านี้อย่างเบา ๆ อีกครั้ง

บทที่ 992 : พิชิตเมืองชายแดน (6)
”ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
เสียงรับคำดังลั่นไปทั่วห้องโถง
การแสดงออกของไป๋หยานผ่อนคลายลงอีกครั้ง”เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะมอบหมายงานอื่นให้พวกเจ้าทำ พวกเจ้าช่วยข้าตามหาใครบางคนหน่อย เขาชื่อไป๋เซียว”
นางยกมือขึ้นพลันภาพเหมือนก็ปรากฏขึ้นในมือของนางจากนั้นนางก็ยื่นส่งให้ตี้เสี่ยวอวิ๋นทันที
”ตี้เสี่ยวอวิ๋นส่งภาพนี้ให้พวกเขา ให้พวกเขาดูและจดจำไว้”
“ได้เลยพี่สะใภ้”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นรับภาพเหมือนไปจากมือไป๋หยานจากนั้นก็ส่งให้คนในเมืองชายแดนอย่างว่าง่าย พวกเขาส่งต่อให้แก่กัน
คนด้านหน้าจดจำภาพคนผู้นี้ก่อนที่จะส่งต่อให้คนด้านหลัง
นับแต่ต้นจนจบไป๋หยานพยายามสังเกตทีท่าของคนเหล่านี้
ครั้นนางเห็นคนผู้หนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นมองภาพแล้วแสดงความรู้สึกประหลาดใจออกมาทางสีหน้านางพลันเคร่งขรึมลง ประกายแสงวิบวับวาบผ่านดวงตาของนาง
”เว้นแต่เด็กหนุ่มชุดเหลืองคนนั้นแล้วคนอื่น ๆ กลับออกไปได้”
ทุกคนตกตะลึงพวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดไป๋หยานถึงไม่ปล่อยเด็กหนุ่มคนนั้นเพียงคนเดียว ทว่าพวกเขาก็ไม่กล้าซักถามแม้สักคำ พวกเขาพร้อมใจกันป้องหมัด และรีบก้าวออกจากห้องไปพร้อมกัน
ชายหนุ่มในชุดสีเหลืองมองไป๋หยานพร้อมกับเหงื่อเย็น ๆ ผุดบนหน้าผาก เขาเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงราวจะกระซิบ “ราชินี…ท่านไม่ปล่อยข้า … ท่านมีอะไรจะสั่งการข้าอีกกระนั้นหรือ ?”
ไป๋หยานหรี่ตา”เจ้าเคยเห็นบุคคลในภาพนี้หรือไม่ ?”
สีหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปเขามองไป๋หยานด้วยความหวาดกลัว พลางกล่าวติดอ่าง “ข้า … ข้า … ”
ชั่วขณะนั้นประกายแสงเย็นยะเยือกพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไป๋หยาน”พูดมาสิว่า เขาอยู่ที่ใด ? หากเจ้ากล้าโกหก วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเจ้า !”
ชายหนุ่มในชุดสีเหลืองกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก”ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็นเขาต่อสู้กับคนในป่านอกเขตเมืองชายแดน เขาได้รับบาดเจ็บจากคนผู้นั้น ทว่าเขาก็ได้หนีไปแล้ว และข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรต่อไป”
หลังจากกล่าวจบชายหนุ่มในชุดสีเหลืองก็คุกเข่าลงทันที เสียงของเขาสั่น “ราชินี…ที่ข้าไม่คิดจะช่วย เป็นเพราะข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นน้องชายของท่าน หากข้ารู้เรื่องนี้มาก่อน ข้าต้องช่วยเขาแน่”
ใบหน้าของไป๋หยานเย็นชานางกำหมัดแน่น
ทันทีที่ได้ยินว่าไป๋เซียวได้รับบาดเจ็บหัวใจของนางก็เหมือนจะถูกแทงด้วยดาบอย่างรุนแรง นางรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน
เด็กหนุ่มที่สูญเสียความรักของบิดามารดาตั้งแต่ยังเด็กเขาพยายามใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนปกป้องนาง
เด็กหนุ่มที่แสนอ่อนไหวและหัวใจร้าวราน ผู้ซึ่งต้องการพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองเพื่อนาง
เกิดอะไรขึ้นกับเขาในช่วงเวลาที่เขาจากนางไป ?
นางนึกไม่ออกทั้งไม่กล้านึกถึงภาพเหล่านั้นด้วย !
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาไปที่ใด?”
ชายหนุ่มในชุดสีเหลืองส่ายศีรษะ”ข้าเองก็ไม่รู้ หากแต่ข้ารู้ว่าเป็นคนจากแดนสวรรค์ที่ทำร้ายเขาจนบาดเจ็บ … ”
”แดนสวรรค์!” ไป๋หยานกัดฟันแน่น รังสีแห่งความโกรธแค้นแผ่กระจายออกมาทันที ยิ่งทำให้นางแลดูน่ากลัวมากกว่าเดิม “หากแดนสวรรค์กล้าทำร้ายน้องชายของข้า ข้าจะล้มล้างแดนสวรรค์ให้วิบัติไปชั่วกัปชั่วกัลป์ !”
บัญชีระหว่างนางกับแดนสวรรค์เพิ่มขึ้นอีกแล้ว! แม้ว่าเวลานี้นางจะยังห่างจากอาณาจักรสวรรค์นัก ทว่าวันหนึ่งนางจะทำลายแดนสวรรค์ลงให้จงได้ !
ไม่พินาศไม่เลิกรา!
ชายหนุ่มในชุดสีเหลืองตัวสั่นเขาลดศีรษะลง ความกลัวปรากฏชัดในแววตาของเขา
เขาเข้าใจแล้วว่าเวลานี้แดนสวรรค์ได้ทำการยั่วยุไป๋หยานอย่างสมบูรณ์แล้ว
”หยานเอ๋อ”
ตี้คังยกมือขึ้นกอดร่างที่สั่นเทาของไป๋หยานไว้แน่นพลางเอ่ยปลอบโยน “ไม่ต้องกังวลข้าจะช่วยตามหาเซียวเอ๋อให้พบ และเขาต้องไม่เป็นไร”
”ตี้คังท่านรู้หรือไม่ แม้ว่าข้าจะไม่ใช่ไป๋หยานคนเดิม ทว่าความทรงจำในช่วงเวลานั้นก็แผดเผาในใจข้า ข้าจำได้ว่าตอนนั้นเซียวเอ๋อตัวเล็กและผอมบางมากเพียงใด หากแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ข้าถูกรังแก เขาก็จะพยายามใช้ร่างผอมบางของเขาปกป้องข้า…”

บทที่ 993 : ความกังวลของเขา (1)
”เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่ต้องการการปกป้องมากกว่า ทว่าเขาก็ปกป้องข้าทุกครั้ง ! ในครั้งนั้นที่ข้าจากเขามาโดยไม่บอกลา ทำให้เขาได้รับความเจ็บปวด เขาน่าที่จะตำหนิข้า หากแต่เขาก็ไม่เคยตำหนิข้าเลย …”
”ตี้คังด้วยพลังในเวลานี้ของข้า ข้าสามารถปกป้องเขาได้ ทว่าเขาก็ยังพยายามพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองเพื่อมาดูแลข้า”
”ไป๋เซียวเป็นน้องชายของข้าน้องชายเพียงคนเดียวในโลกของข้า ในเมื่อเขาได้รับบาดเจ็บ เหตุใดข้าจะไม่รู้สึกปวดร้าว และเป็นห่วงเป็นใยเขาเล่า ?”
หัวใจของไป๋หยานปวดร้าวไปกับอาการบาดเจ็บของไป๋เซียวนางกัดริมฝีปากแน่น แต่กระนั้นน้ำเสียงของนางก็ยังสั่น
ตี้คังกอดร่างของไป๋หยานที่เต็มไปด้วยความทุกข์โศกพลางยกมือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตาจากใบหน้าของนาง “หยานเอ๋อ เชื่อข้าเถอะ เชื่อมั่นในตัวไป๋เซียว เขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ ไม่อย่างแน่นอน !”
ทั้งเขาจะไม่มีวันปล่อยให้น้องเขยของเขาตกอยู่ในอันตรายด้วย
ไป๋หยานลดสายตาลงนางสัมผัสได้ถึงความแน่วแน่ที่ฉายประกายในดวงตาของชายหนุ่ม หลังจากนั้นไม่นานนางก็เงยหน้าขึ้น แววตาของนางส่องประกายโหดร้าย
”ตี้คัง…ข้าต้องการไปเยือนแดนสวรรค์”
ตี้คังขมวดคิ้ว”ตอนนี้นะ ?”
”ใช่…ข้าต้องการไปยังแดนสวรรค์เพื่อตามหามารดาของข้าและเซียวเอ๋อ บางทีพวกเขาทั้งคู่อาจอยู่ในแดนสวรรค์ ข้าต้องไปพาพวกเขากลับมา”
ครั้นเห็นใบหน้าที่มุ่งมั่นของหญิงสาวตี้คังก็เงียบ นิ้วของเขาลูบไล้เรือนผมดำขลับราวผ้าไหมอยู่นาน ก่อนจะค่อย ๆ กล่าวออกมาว่า “ให้เวลาข้าอีกสักหน่อยนะ ?”
”ตี้คัง?” ไป๋หยานตกใจ ขณะเงยหน้าขึ้นมองตี้คัง
“เจ้าให้เวลาข้าอีกสักระยะแม้ว่าในยามนี้ข้าจะยังไม่อาจเอาชนะอาณาจักรสวรรค์ได้ทั้งหมด ทว่าข้าต้องพัฒนาตนเองเพื่อให้ปกป้องเจ้าได้ เมื่อไปถึงที่นั่น”
นัยน์ตาของตี้คังเปี่ยมไปด้วยความรักและความอ่อนโยน เขาจูบหน้าผากของนาง “สัญญากับข้า ให้เวลาข้าอีกสักหน่อย จากนั้นข้าจะพาเจ้าไปเหยียบดินแดนแห่งเทพสวรรค์ เพื่อตามหาแม่ยายและน้องเขยของข้า”
”ได้สิ”
ไป๋หยานรู้ดีว่าตี้คังไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการที่นางจะไปเยือนแดนสวรรค์ เขาเพียงต้องการให้นางอดทนรอจนกว่าจะถึงเวลานั้น นางสงบใจลง ยามนี้นัยน์ตาที่สดใสของนางเปล่งประกายแสงราวกับดวงดาวระยิบระยับ
“ข้าจะรอท่านในช่วงเวลานี้ ข้าเองก็จะพัฒนาพลังของตนให้ก้าวไกลไปกว่านี้”
หลังจากที่เขาก้าวผ่านระดับเฉินเจี่ยหรือระดับเทพไปได้ เขาก็ไม่ต้องกังวลใด ๆ อีกต่อไป เมื่อไปสู่แดนสวรรค์ เขาย่อมสามารถปกป้องนางได้ดีขึ้นกว่าเดิม
อย่างน้อยในสถานที่แห่งนั้นเขาก็ต้องมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะปกป้องญาติของนาง เพราะหากความแข็งแกร่งของเขาไม่เพียงพอ บางที … ก็อาจจะเป็นการลากคนของนางลงสู่อันตรายไปด้วย
ตี้คังยิ้มอ่อนหากแต่ไป๋หยานไม่ทันสังเกตเห็นแสงมืดมนที่กระพริบในดวงตาเรียวคมของเขา
ดูเหมือนว่าแผนการที่เตรียมไว้จะต้องเลื่อนให้เร็วขึ้นเนื่องจากคนของแดนสวรรค์กล้าลงมือกับน้องเขยของเขา เขาจึงต้องปล่อยให้คนเหล่านั้นได้ลิ้มรสความขมขื่นเสียบ้าง !
ตี้เสี่ยวอวิ๋นมองเห็นความกังวลใจของไป๋หยานที่มีต่อไป๋เซียวความรู้สึกอิจฉาพลันปรากฏขึ้นในดวงตากลมโตที่งดงามของนาง
การมีพี่สาวดีอย่างนี้นี่เองนางเริ่มอิจฉาไป๋เซียวแล้วสิ
หากเป็นไปได้นางอยากแลกตี้คังให้ไปเป็นพี่ชายของไป๋เซียว แล้วให้ไป๋หยาน มาเป็นพี่สาวของนางจริง ๆ …
เช่นนี้นางก็จะได้ไม่ต้องถูกตี้คังข่มขู่ และรังแกบ่อย ๆ มีพี่สาวที่รักนางจะดีแค่ไหนกันนะ ?
”หยานเอ๋อเจ้าเหนื่อยแล้วใช่หรือไม่ ?” ตี้คังไม่ทันสังเกตเห็นท่าทีของตี้เสี่ยวอวิ๋นเลยแม้แต่น้อย เขาเห็นแต่อาการเหนื่อยล้าของไป๋หยาน จึงขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
ไป๋หยานพยักหน้า”ข้าก็ไม่รู้ว่า เหตุใดช่วงนี้ข้าจึงรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา อาจเป็นเพราะข้าเหนื่อยเกินไป แค่พักผ่อนก็น่าจะพอ”
ครั้นได้ยินเช่นนี้ตี้คังก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ไม่เป็นไร…ข้าจะช่วยพาเจ้าไปพักผ่อนก่อน แม้ว่าคฤหาสน์หลังนี้จะไม่สามารถเทียบได้กับวังในแดนอสูรของเรา ทว่าตอนนี้เจ้าก็ต้องการการพักผ่อน … ”
หลังจากกล่าวจบตี้คังก็อุ้มไป๋หยานอย่างระมัดระวัง ก้าวออกจากห้องโถงไป
เพียงไม่นานทั้งคู่ก็หายลับตาไปภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง

บทที่ 994 : ความกังวลของเขา (2)
”เหตุใดเจ้ายังมัวมายืนงงอยู่อีกเล่า?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นจ้องชายชุดเหลืองพลางตะคอก “เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ ?”
ชายชุดเหลืองตัวสั่นเขารีบป้องกำปั้น ก่อนจะวิ่งออกจากประตู เพราะกลัวว่าหากช้าเพียงนิด ตี้เสี่ยวอวิ๋นจะฆ่าเขาแทน
”องค์หญิง”เสี่ยวหลงเอ๋อดึงแขนเสื้อของตี้เสี่ยวอวิ๋น “เมื่อไหร่องค์ชายจะออกมาสักที ?”
ครั้นตี้เสี่ยวอวิ๋นเห็นเด็กหญิงน้อยที่สวยงามและน่ารักคนนี้ อารมณ์ของนางก็เบิกบานขึ้นทันที นางอดไม่ได้ที่จะบีบใบหน้าเล็ก ๆ ของเด็กหญิงพลางยิ้ม “เจ้าเรียกพี่สะใภ้ของข้าว่าท่านแม่ เหตุใดถึงยังเรียกข้าว่าองค์หญิงล่ะ ?
เสี่ยวหลงเอ๋อยิ้มหวานก่อนจะเรียกเสียงดังว่า “อาหญิง”
”เก่งมาก”ตี้เสี่ยวอวิ๋นยิ้ม “โชคดีที่ยังมีเจ้าคอยอยู่เคียงข้างข้า คนไร้ยางอายทั้งสองนั่นมักจะทิ้งข้าไว้ข้างหลังเสมอ ไป…อาหญิงจะพาเจ้าไปกินอาหารอร่อย ๆ ”
ในตอนนี้ตี้เสี่ยวอวิ๋นรู้สึกว่าการมีหลานสาวก็ดีเหมือนกัน … นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเสด็จพี่ และพี่สะใภ้ของนางจะให้กำเนิดบุตรสาวที่น่ารักอีกสักคน
”ท่านอาหญิงท่านเป็นภรรยาของท่านราชครูใช่หรือไม่ ?” เสี่ยวหลงเอ๋อกระพริบตาอย่างสงสัย นางหันไปมองตี้เสี่ยวอวิ๋น พลางเอ่ยถามด้วยเสียงไร้เดียงสา
มุมปากของตี้เสี่ยวอวิ๋นกระตุกใบหน้าของนางแข็งขึ้นเล็กน้อย นางสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อสงบอารมณ์ที่พุ่งพล่านในใจ
”เจ้าไปฟังข่าวลือนี้มาจากผู้ใดไม่ดีเลยนะ องค์หญิงผู้นี้ยังเป็นเด็กสาวที่ไม่เคยต้องมือชาย”
“แต่… ทุกคนในแดนอสูรพูดกันอย่างนั้นนี่”
แววตาของเสี่ยวหลงเอ๋อสว่างไสวราวกับดวงดาราปรากฏรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาอยู่ในแววตาของนาง
ใบหน้าที่สวยงามของตี้เสี่ยวอวิ๋นเปลี่ยนสีอีกครั้งนางเม้มปากแน่น “ต่อไปอย่าได้ฟังคำพูดของคนพวกนั้นนะ อาหญิงไม่ใช่ภรรยาของท่านราชครู อย่างที่พวกเขาเล่าลือ”
อย่าให้นางรู้นะว่าผู้ใดเป็นต้นตอเริ่มแพร่ข่าวลือบ้าๆ นั่น นางจะไม่มีวันปล่อยคนผู้นั้นเป็นแน่ !
น่าเสียดายที่ตี้เสี่ยวอวิ๋นไม่ทราบว่าที่แดนอสูรปรากฏข่าวลือเช่นนี้ในยามนี้นั้นต้นเหตุมาจากตี้คัง พี่ชายของนางเอง แม้ว่านางจะรู้ ทว่านางก็ไม่กล้าที่จะกล่าวคำใดออกมา นางทำได้เพียงแบกรับความคับแค้นไว้ในใจ
ภายในห้องม่านบังเตียงส่ายพริ้วตามแรงลม ชายหนุ่มยกมือขึ้นโอบสตรีข้างกาย กดศีรษะของนางให้พิงซบอกของเขา
”หยานเอ๋อไม่ต้องกังวล ไม่ว่าจะต้องสูญเสียสักเท่าใด ข้าจะไม่มีวันทำร้ายเจ้า” แขนของเขาโอบกระชับแน่น ราวกับต้องการที่จะรัดร่างของนางให้ห้อเลือด
ไป๋หยานอึ้งนางขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจ นางจับมือตี้คังแน่นขึ้น
”เกิดอะไรขึ้นกระนั้นรึ?”
”ไม่มีอะไร”ตี้คังค่อย ๆ กดริมฝีปากจูบหน้าผากของนาง มุมปากของเขายกโค้งอย่างงดงาม “ข้าไม่มีวันยอมเสียเจ้าไป”
ความฝันนั้นเป็นเรื่องจริงราวกับว่าภาพเหตุการณ์เช่นนั้นเคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน เขาไม่ต้องการสูญเสียนางไป ทั้งไม่ต้องการสัมผัสกับความเจ็บปวดรวดร้าวเช่นนั้นอีก
ก็แค่นั้น…
หลังจากกล่าวเช่นนั้นแล้วตี้คังก็โน้มตัวลงจูบริมฝีปากของไป๋หยาน จุมพิตของเขาเต็มไปด้วยความรัก นัยน์ตาเรียวคมของเขาเต็มไปด้วยความเสน่หา
สายลมยามเย็นพัดเข้ามาจากด้านนอกประตูพัดม่านบังเตียงพริ้วไสว ชายหญิงบนเตียงหลังใหญ่ผสมผสานกลมกลืนไปกับแสงจันทร์ คนทั้งสองรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างอ่อนโยน
นอนหลับฝันดีกระทั่งรุ่งเช้า
รุ่งเช้าไป๋หยานรู้สึกได้ถึงมือที่กำลังไล้พวงแก้มของนาง นางลืมตาขึ้น ทันใดนั้นเองใบหน้าที่สวยงามพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้านาง

บทที่ 995 : ความกังวลของเขา (3)
เรือนผมสีเงินของชายหนุ่มปลิวสยายลงมาราวม่านน้ำตกและตกระลงบนเตียงนอน ภายใต้แสงแดดยามเช้าที่สาดส่อง ยิ่งดูพร่างพราวน่าทึ่ง
”หยานเอ๋อคนจากแดนวิญญาณมาที่แผ่นดินใหญ่ ก็เพื่อชิงกุญแจปาฏิหาริย์ที่ฝังอยู่ในสำนักใหญ่ทั้งสาม ตอนนี้เจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้วเจ้าควรกลับไปที่นั่น”
ไป๋หยานหรี่ตาลงชั่วขณะก่อนจะตอบกลับ “ตกลง”
“ข้ามีบางเรื่องที่ต้องทำครานี้ข้าคงไม่อาจกลับไปพร้อมเจ้า ทว่าอีกไม่นานข้าจะตามเจ้าไป”
เสียงทุ้มต่ำอีกทั้งแหบแห้งของตี้คัง ค่อย ๆ ดังขึ้นในหูของไป๋หยาน
”ภารกิจของท่านยังไม่เสร็จสิ้นงั้นหรือ?” ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่งดงามของชายหนุ่มพลางเอ่ยถาม
ตี้คังกอดกระชับร่างของนางแน่นพลางยกยิ้ม “จะเสร็จสิ้นในเร็ววันนี้แหละ แล้วข้าจะไปพบเจ้าในไม่ช้า… ”
”เช่นนั้นครานี้ท่าน… ” เสียงของไป๋หยานหยุดค้างชั่วขณะ สิ่งที่นางต้องการจะไถ่ถามกลับไม่สามารถกล่าวออกมาได้
ชายหนุ่มก้มลงจุมพิตเปลือกตาของนางเบาๆ “ข้าได้ยินมาว่า เจ้าถูกรังแก ข้าจึงรีบมาช่วยเจ้า ทว่าตอนนี้เจ้าสามารถพิชิตเมืองนี้ได้แล้ว ข้าก็ต้องกลับไปพยายามอย่างหนัก เพื่ออนาคตของเรา”
หัวใจของไป๋หยานสั่นสะท้านยามนี้กระแสความอบอุ่นแล่นผ่านหัวใจของนาง มุมปากของนางอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม
”หยานเอ๋อข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้า เฉินเอ๋อ และบุตรสาวในครรภ์ของเจ้าต้องตกอยู่ในอันตราย ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้เจ้ามีความสงบสุขตลอดไป”
”ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมีบุตรสาว?”
แววตาของไป๋หยานเปล่งประกายแสงนางมองชายหนุ่มที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์อย่างยากจะหาผู้ใดเทียบพร้อมรอยยิ้ม
”เพราะ…”นิ้วของตี้คังลูบไล้หน้าท้องของไป๋หยาน “มีคนที่ต้องการแย่งเจ้าไปจากข้า ข้าจึงจำเป็นต้องมีบุตรสาวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเขา เพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่มารบกวนเจ้าทุกวัน”
มุมปากของไป๋หยานกระตุกชายผู้นี้ไม่ชอบบุตรชายของตนมากถึงเพียงนี้เลยหรือ ?
“เมื่อเรามีบุตรสาวเราก็สามารถส่งนางไปให้เฉินเอ๋อเลี้ยง จากนั้นเราสองคนก็สามารถออกท่องโลกกว้าง เห็นโลกที่งดงามด้วยกัน”
เมื่อฝันถึงวันที่งดงามภายหน้ามุมปากของตี้คังก็ยกโค้งก่อเกิดรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์งดงาม ประทับใจ ตราตรึงทุกสรรพชีวิต
“แล้วท่านไม่ห่วงบุตรสาวหรือ?”
ไป๋หยานขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
“เฉินเอ๋อจะเป็นคนดูแลนางเองยิ่งไปกว่านั้นมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถอยู่เคียงข้างข้าได้ ไม่มีผู้ใดนอกจากเจ้าที่ทำเช่นนี้ได้”
แม้แต่บุตรสาวแท้ๆ ของเขาก็เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายผมของไป๋หยาน
”นอกจากนี้ข้ายังรู้สึกโล่งใจที่เฉินเอ๋อจะช่วยดูแลนาง หากมีเด็กคนไหนกล้าเข้าใกล้บุตรสาวของเขา เฉินเอ๋อจะหักขาของเด็กคนนั้นโดยที่เขาไม่ต้องลงมือเอง !”
แววตาของตี้คังปรากฏร่องรอยแห่งความดุร้าย
ที่เขาไม่ต้องการพาบุตรสาวไปด้วยไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รักนาง หากแต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้ผู้ใดรบกวนโลกของเขา และไป๋หยาน
แต่หากมีผู้ใดกล้ามาจีบบุตรสาวของเขาเขาก็ไม่มีวันปล่อยคนผู้นั้นไปอย่างแน่นอน !
สีหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นดำคล้ำนางรู้สึกเสมอว่า…หากนางมีบุตรสาว บุตรสาวของนางอาจไม่สามารถแต่งงานกับชายใดตลอดชีวิต
มีบิดามีพี่ชายเช่นนี้ผู้ใดจะกล้าเข้าหาบุตรสาวของนางเล่า ?
นางเกรงว่าสองพ่อลูกคู่นี้จะบดขยี้ชายผู้นั้นจนไม่เหลือซาก!
”นี่ก็สายมากแล้วข้าต้องไปแล้ว” ไป๋หยานเม้มริมฝีปากสีแดงของนางเล็กน้อย พลางยื่นแขนสองข้างของนางเกี่ยวกระหวัดรอบลำคอของตี้คังโน้มลงมาประกบริมฝีปากสีแดงของนาง
ทันทีที่การจูบจบลงนางก็ปล่อยริมฝีปากของนางออก
”ข้าจะพัฒนาตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นแดนสวรรค์ … ไม่เพียงแต่เจ้าที่ต้องการพิชิต ข้าเองก็ต้องการให้ผู้ที่ทำร้ายข้า ชดใช้หนี้เลือดนี้ด้วย !”
ตี้คังหรี่ตาเขากดศีรษะของไป๋หยานอีกครั้ง พลางกดริมฝีปากของนางกับริมฝีปากของเขา จูบของเขารุนแรงมาก ราวกับจะพยายามระบายอารมณ์ที่ขุ่นเคืองออกมาด้วย

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท