บทที่ 138 Concept Design ของเกมจอมยุทธ์
หลังจากสร้างไฟล์ออกแบบใหม่แล้ว เฉินโม่ก็เขียนหัวเรื่องใหม่ลงไป
แบบร่าง ‘Wulin Legend’
ในชีวิตก่อนของเฉินโม่มีเกมจอมยุทธ์แบบคลาสสิกจำนวนมาก ถึง ‘Wulin Legend’ จะไม่ใช่เกมที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นเกมที่สร้างสรรค์ที่สุด ซึ่งแตกต่างจากเกมจอมยุทธ์ที่มีพื้นฐานมาจากเกม RPG ของตะวันตกอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่า ‘Wulin Legend’ ไม่ได้โด่งดังมากนัก แต่เมื่อพูดถึง ‘Heroes of Jin Yong’ รุ่นก่อน มันมีชื่อเสียงมาก
ใน ‘Heroes of Jin Yong’ ตัวเอกข้ามไปยังโลกที่สร้างขึ้นจากนวนิยายสิบสี่เล่มของจินยง ในโลกนี้ตัวเอกได้มีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครในนิยายของจินยงตลอดเวลา สะสมไอเท็ม เรียนรู้วรยุทธ์ รับสมัครจอมยุทธ์ และสุดท้ายทำภารกิจหลักสิบสี่ภารกิจให้สำเร็จ รวบรวมหนังสือสวรรค์สิบสี่เล่ม และสุดท้ายกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
เกมนี้เป็นเกมที่ได้รับความนิยมในเวลานั้น เนื่องจากผู้เล่นสามารถฝึกวรยุทธ์จากนวนิยายของจินยงได้อย่างอิสระ พวกเขาสามารถเกณฑ์จอมยุทธ์อย่างต้วนอวี้และหยางกั้วเพื่อต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเขาได้ และทำภารกิจที่เกี่ยวข้องกับนวนิยายต้นฉบับให้สำเร็จด้วย
นอกจากนี้ ‘Heroes of Jin Yong’ ยังมีระบบความดีความชั่ว เมื่อผู้เล่นทำการเลือกที่แตกต่างกัน ค่าความดีและความชั่วก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย
ในตอนท้ายเมื่อตัวเอกรวบรวมหนังสือทั้งสิบสี่เล่มจากสวรรค์และกำลังจะจากไป หากค่าความดีและความชั่วของตัวเอกสูง สิบปรมาจารย์แห่งความชั่วร้ายจะมารุมล้อมตัวเอก หากค่าความดีและความชั่วของตัวเอกต่ำ สิบปรมาจารย์ผู้มีคุณธรรมสูงสุดจะมารุมล้อมตัวเอก
ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ตัวเอกต้องเอาชนะปรมาจารย์ทั้งสิบคนนี้เพียงลำพังเพื่อผ่านด่าน ทำให้ผู้เล่นได้รับความพึงพอใจอย่างมาก
ไม่มีนวนิยายของจินยงในโลกคู่ขนาน และรูปแบบการเล่นของ ‘Heroes of Jin Yong’ นั้นไม่เข้มข้นเท่า ‘Wulin Legend’ ระดับศิลปะยังไม่ดีพอที่จะตอบสนองความต้องการของผู้เล่นในปัจจุบัน
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว การสร้าง ‘Wulin Legend’ น่าจะเหมาะกับสิ่งที่เฉินโม่กำลังมองหา
ใน ‘Wulin Legend’ เนื้อหาในนิยายของจินยงนั้นน้อยมาก แม้จะเป็นเรื่องราวต่อจาก ‘Heroes of Jin Yong’ แต่สำนัก ตัวละครและวรยุทธ์ในนั้นต่างออกไป ทำให้ผู้คนในโลกนี้เข้าใจได้ง่าย
ในแง่ของระดับศิลปะ แม้ว่า ‘Wulin Legend’ จะเป็นเกมเก่า แต่มันถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งในปี 2015 (หลังจากสร้างใหม่ ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Tale of Wuxia’) ภาพตัวละครต้นฉบับ โมเดลตัวละครได้รับทำใหม่ทั้งหมด ระดับศิลปะในปัจจุบันของเฉินโม่ก็สูงมากเช่นกัน หลังจากปรับแต่งใหม่ทำให้ระดับศิลปะนี้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้เล่นในยุคนี้ได้อย่างเต็มที่
เฉินโม่รู้สึกว่าชื่อ ‘Wulin Legend’ นั้นเข้ากับเนื้อหาของเกมมากกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่ใช้ชื่อ ‘Tale of Wuxia’
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือรูปแบบการเล่นและโครงเรื่องใน ‘Wulin Legend’ นั้นเหมาะสมกับความต้องการของเฉินโม่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบการเล่นซึ่งเป็นระบบที่มีครบในตัวเองซึ่งอาจกล่าวได้ว่าไม่เหมือนเกมจอมยุทธ์อื่นๆ ที่เคยเห็นมา
ในส่วนของการสร้างเกมขึ้นมาใหม่อีกรอบนี้ก็มีในส่วนของเนื้อเรื่องเช่นกัน
‘Wulin Legend’ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2001 แม้ว่าจะเป็นเกมที่ได้รับการตอบรับอย่างดี แต่ก็ไม่ได้กลายเป็นเกมคลาสสิกในระดับเดียวกับ ‘Chinese Paladin Online’ และ ‘Xuan-Yuan Sword’
นอกเหนือจากธีมจอมยุทธ์มีผู้ชมน้อยแล้ว ความยากที่มากเกินไปและระบบการต่อสู้ที่ไม่สมดุลก็มีส่วนทำให้เกมนี้ตกต่ำลง
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ถูกจำกัดด้วยปัญหาทางการเงินเป็นหลัก
ในท้ายที่สุด ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการละเมิดลิขสิทธิ์ Heluo Studio เคยประกาศยุบสตูดิโอ Dongfang Studio ซึ่งเป็นสตูดิโอที่ประกอบด้วยสมาชิกดั้งเดิมก็ไม่สามารถเผยแพร่ผลงานคลาสสิกได้เช่นกันและในไม่ช้าก็หายไปราวกับดอกไม้ไฟในยามค่ำคืน
ในปี 2006 มีคนโพสต์คำถามในฟอรัม Wulin Legend ว่า ‘Dongfang Studio ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่’
ผู้เล่นตอบกลับทีละคน ‘นานแล้วที่ไม่ได้เห็นพวกเขาออกเกมใหม่ คงเลิกไปแล้วมั้ง แต่ถ้าเลิกจริงก็น่าเสียดาย’
ในปี 2009 โพสต์ดังกล่าวได้รับคำตอบจากผู้ก่อตั้ง Heluo Studio และสวีชางหลง ผู้ผลิต ‘Wulin Legend’
‘Dongfang Studio ได้หยุดดำเนินการไปเมื่อสามปีก่อน แต่ทุกคนในทีมนั้นยังคงอยู่ในอุตสาหกรรมเกม และสมาชิกหลักทั้งหมดอยู่ในบริษัทเกมแห่งหนึ่ง ตราบใดที่เรายังอยู่ก็มีโอกาสที่เราจะสร้างผลงานที่ดีขึ้น’
สำหรับสวีชางหลงแล้ว เขาก็ประหลาดใจเช่นกัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาก็เหมือนกับเกมเมอร์หลายๆ คน เขาเลิกเล่นเกมแบบผู้เล่นเดี่ยว หันมาเล่นเกมออนไลน์ ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบและตั้งคำถามกับอนาคตของตัวเอง
จนกระทั่งไปเจอกระทู้นั้นในฟอรัม Wulin Legend เห็นมีคนพูดถึงเกมนี้เยอะมาก
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเกมในปี 2001 จนถึงปี 2009 ก็ยังมีคนเล่นและคิดถึงมันมากมายขนาดนี้
และด้วยเหตุนี้ ด้วยการสนับสนุนจากแฟนๆ สวีชางหลงจึงเกิดแนวคิดในการสร้าง ‘Wulin Legend’ ขึ้นมาใหม่ และในที่สุดก็เปิดตัว ‘Tale of Wuxia’ ในปี 2015 และมียอดจำหน่ายถึงสี่แสนชุดในเดือนมกราคมในปี 2016
……………
เช่นเดียวกับในการผลิต ‘Warcraft’ เฉินโม่ร่างคอนเซ็ปต์ใหม่โดยสรุปเนื้อหาทั่วไปของเกมทั้งหมดพอสังเขป จากนั้นจึงแบ่งงานพวกซูจิ่นอวี๋ทั้งสามคน
ครั้งนี้เฉินโม่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทักษะของเขา เพราะจริงๆ แล้วเกมนี้สร้างได้ไม่ยาก เฉินโม่ทำผลงานระดับ ‘Warcraft’ ได้แล้ว การสร้าง ‘Wulin Legend’ ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
สิ่งสำคัญคือการปรับการตั้งค่าที่ซับซ้อนและพล็อตย่อยทั้งหมดให้ราบรื่นและชัดเจน จากนั้นจึงสร้างเนื้อหาขึ้นมาใหม่ให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด
ในไม่ช้า แบบร่าง ‘Wulin Legend’ ก็ถูกเขียนขึ้น
ในความเป็นจริงเนื้อหาเกมโดยรวมของเกมนี้แบ่งออกเป็นสองประเภทเท่านั้น ได้แก่ การสำรวจแผนที่ขนาดใหญ่และการฝึกฝนวรยุทธ์
ชีวิตของตัวเอกแบ่งออกเป็นสามส่วน ช่วงต้นท่องยุทธจักร (การสำรวจ) ฝากตัวเป็นศิษย์ (ฝึกฝนอยู่ในสำนัก) และการเข้าสู่ยุทธจักรเพื่อกอบกู้วรยุทธ์ (การสำรวจ)
เหตุผลที่ ‘Wulin Legend’ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีก็คือการแทรกโหมดการพัฒนาเข้าไปในโหมดสำรวจและผู้เล่นพบว่าโหมดการพัฒนานั้นเข้ากับเนื้อหาของวรยุทธ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แน่นอนว่าการสร้างรายละเอียดเฉพาะจำเป็นต้องการความช่วยเหลือจากยาฟื้นความจำ แต่ก็เหมือนก่อนหน้านี้ เฉินโม่จะเขียนคุณลักษณะที่สำคัญบางอย่างของฐานรากลงไป โครงเรื่องเฉพาะ ค่าตัวเลข ภาพต้นฉบับนี้จะส่งมอบให้ผู้ช่วยทั้งสามคนจัดการ
หลังจากร่างแบบเสร็จแล้วเฉินโม่ก็เรียกซูจิ่นอวี๋ เจิ้งหงซีและเฉียนคุนมาประชุม
“เดิมทีผมอยากจะหยุดพักผ่อน แต่ต้องมีการเปลี่ยนแผน นี่คือไฟล์ออกแบบสำหรับเกมต่อไป ลองดูสิ”
เฉินโม่พูดแล้วแจกจ่ายเอกสารแบบร่าง ‘Wulin Legend’ ให้ทั้งสามคน
เฉียนคุนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “เฮ้อ ไม่ใช่เกมทำเงิน…”
เจิ้งหงซีสนใจมาก “หืม จากมุมมองของการตั้งค่า เนื้อหาของโครงเรื่องนั้นเข้มข้นมากและคราวนี้เป็นธีมจอมยุทธ์สไตล์จีน”
ซูจิ่นอวี๋สงสัยเล็กน้อย “ผู้จัดการ ไม่ใช่ว่าธีมจอมยุทธ์ทำยากเหรอคะ เกมนี้รู้สึกว่ามีความแปลกใหม่มากเกินไปจะไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอ”
เฉินโม่พูด “พวกคุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ไปหรอก ทำความคุ้นเคยกับเนื้อหาของเกมก่อน อีกสองวันผมจะจัดเตรียมคอนเซ็ปต์อาร์ตสำหรับตัวละครและฉากต่างๆ ปลาทอง ครั้งนี้คุณจะต้องรับผิดชอบทรัพยากรศิลปะทั้งหมด”
“หงซี คุณจัดการโครงเรื่อง ครั้งนี้โครงเรื่องเกี่ยวกับวรยุทธ์เป็นหลัก ต้องมีความรู้ด้านวัฒนธรรมมากมายในนี้ รวมถึงศิลปะสี่แขนงด้วย คุณจะต้องทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนั้น แน่นอน ทำให้มันเหมาะสม อย่าผิวเผินหรือลึกเกินไป”
“เฉียนคุน คุณยังคงรับผิดชอบระบบการต่อสู้และการวางแผนตัวเลขเป็นหลัก ความสมดุลในครั้งนี้ไม่เข้มงวดเท่า ‘Warcraft’ แต่มีวรยุทธ์บางอย่างที่ต้องแข็งแกร่งเป็นพิเศษและยากที่จะบรรลุ แล้วผมจะบอกรายละเอียดในภายหลัง”
“เอาละ ก็ประมาณนี้ ลองเอาเอกสารนี้กลับไปดู พยายามหารูปแบบสุดท้ายของเกม อาจต้องมีการเตรียมเพิ่มนิดหน่อย”
หลังจากที่เฉินโม่อธิบายเสร็จ ทั้งสามคนก็เตรียมตัวแยกย้าย
ส่วนเฉินโม่เริ่มใช้ยาฟื้นความจำเพื่อเรียกคืนความจำเกี่ยวกับฉากสำคัญและการตั้งค่าแบบคลาสสิกของเกม
………………