บทที่ 204 เกม ‘Don’t Starve’ และ Sandbox
ในโลกนี้ เกมแซนด์บ็อกซ์ส่วนใหญ่ผลิตโดยผู้ผลิตต่างประเทศ เช่น ‘Earth OL’ ซึ่งให้ผู้เล่นทำงาน ซื้อรถ ซื้อบ้าน และสัมผัสกับอาชีพต่างๆ ในเกม เกมนี้เป็นเกมที่มีอิสระในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เกมแซนด์บ็อกซ์อย่างแท้จริง
ในความเป็นจริงเกมแซนด์บ็อกซ์มีสององค์ประกอบ หนึ่งคือองค์ประกอบที่สมบูรณ์เพียงพอ และอีกประการหนึ่งคือผู้เล่นสามารถสร้างได้อย่างอิสระในเกม เกมอย่าง ‘Earth OL’ นั้นเต็มไปด้วยองค์ประกอบมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วเกมยังคงดำเนินการภายใต้ข้อจำกัดของนักออกแบบ ไม่สามารถสร้างสิ่งต่างๆ ได้อย่างอิสระมากเกินไป
ต้องเน้นย้ำว่าความคิดสร้างสรรค์คือรูปแบบการเล่นหลักของเกมแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งหมายความว่าผู้เล่นสามารถสร้างอะไรก็ได้ที่ต้องการผ่านทรัพยากรที่เกมให้มา
เกมที่ไม่ตอบสนองด้านนี้ไม่ถือว่าเป็นเกมแซนด์บ็อกซ์ที่แท้จริง
แน่นอนว่ายังมีผลงานต่างประเทศในโลกนี้ที่พยายามทำในเรื่องนี้ เช่น ให้ผู้เล่นปรับแต่งตัวละคร ปรับแต่งบ้าน รถและอื่นๆ แต่ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของเกมต้นฉบับและถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อให้ผู้เล่นมีทางเลือกและไม่ใช่ส่วนหลักของเกม
ดังนั้นเฉินโม่จึงต้องการใช้เกม ‘Don’t Starve’ เพื่อทดสอบรสนิยมของผู้เล่นในโลกนี้สักเล็กน้อย หากเกมนี้ทำได้สำเร็จ เส้นทางสู่เกม VR เกมแรกของเขาก็จะถูกตัดสิน
แน่นอน เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ เมื่อเทียบกับเกมแซนด์บ็อกซ์อื่นๆ แล้ว ‘Don’t Starve’ นั้นทำได้ง่ายกว่า
ในชีวิตที่แล้วของเฉินโม่ ‘Don’t Starve’ ได้รับการพัฒนาต่อกันเป็นเวลากว่าหนึ่งปี แต่เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทดสอบและค้นหาสิ่งต่างๆ รวมถึงค้นหาเอกลักษณ์ของเกม
ตัวอย่างเช่น มีการพูดคุยกันอย่างเผ็ดร้อนภายในทีม ‘Don’t Starve’ บางคนเชื่อว่าในฐานะเกมเอาชีวิตรอดผู้เล่นควรจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ถึงจะให้ความรู้สึกของการเติบโต ในขณะที่คนอื่นๆ คิดว่าเพราะมันเป็นเกมเอาชีวิตรอด ผู้เล่นควรสูญเสียทุกอย่างเมื่อตาย
หลังจากการอภิปรายอย่างเข้มข้น พวกเขาตัดสินใจทางเลือกอย่างหลัง
เกมนี้ยังมีรูปแบบศิลปะที่เรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ ความยากไม่สูง ตัวละครและมอนสเตอร์มีเพียงสี่ทิศทางเท่านั้น และการเคลื่อนไหวก็ง่ายมากเช่นกัน
สำหรับเฉินโม่แล้วส่วนที่ลำบากเพียงอย่างเดียวในการสร้างเกมนี้คือการตั้งค่าที่ค่อนข้างซับซ้อนในนั้น แต่ด้วยความช่วยเหลือของยาฟื้นความจำและความคิดที่แตกต่างของทุกคน ด้วยแนวทางที่ชัดเจนนี้ การสร้าง ‘Don’t Starve’ ที่ไม่แพ้ชีวิตก่อนไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย
ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว การร่วมมือก็เป็นโหมดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเช่นกัน
ความสนุกหลักของเกมนั้นชัดเจนมาก ซึ่งก็คือให้ผู้เล่นสำรวจและรวบรวมทรัพยากร ประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชีวิตรอดให้นานที่สุด
กฎพื้นฐานของโลกประกอบไปด้วย : การสร้างแผนที่ คุณลักษณะและการใช้ไอเท็มต่างๆ การเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะของตัวละคร อัตราการเกิดของมอนสเตอร์ ตลอดจนฤดูกาลและสภาพแวดล้อม
องค์ประกอบของแผนที่ฉากนั้นสมบูรณ์มาก รวมถึงที่ราบ หนองน้ำ ทุ่งหญ้า พื้นที่ทำเหมือง ป่า และถ้ำ ภูมิประเทศที่แตกต่างกันสร้างองค์ประกอบการผลิตที่แตกต่างกัน มอนสเตอร์ที่เกินในพื้นที่นั้นๆ ก็แตกต่างกันเช่นกัน
ในตอนเริ่มเกม ระบบจะสุ่มสร้างแผนที่ตามกฎ แผนที่อาจแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละรอบเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เล่นจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปทุกครั้ง
นอกจากนี้ กฎพื้นฐานของเกมยังรวมถึงการตั้งค่าฤดูกาลด้วย
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ฝนจะตกบ่อยขึ้นและพืชจะเติบโตเร็วขึ้น
ในฤดูร้อน พืชอาจติดไฟได้เอง อุณหภูมิร่างกายของตัวละครจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเข้าสู่ภาวะฮีทสโตรก
และในฤดูหนาว ต้นไม้จะเติบโตช้าลงและผู้เล่นอาจกลายเป็นน้ำแข็งได้
ฤดูกาลรวมถึงปัจจัยอื่นๆ รวมกันเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อผู้เล่นเนื่องจากพวกเขาถูกบังคับให้เตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลหน้าเพื่อป้องกันการสูญเสียครั้งใหญ่
หลังจากวางรากฐานของโลกแล้ว จำเป็นต้องเติมเต็มองค์ประกอบใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้โลกนี้กลายเป็นโลกที่อุดมสมบูรณ์ กลายเป็นโลกที่ใหญ่ขึ้นและซับซ้อนมากขึ้น
ในเวอร์ชันเริ่มต้นที่เฉินโม่วางแผนไว้ ตัวละครหลักจะมีวิลสัน วิลโลว เวนดี้ โวล์ฟฟ์ WX-78 เวส วิคเคอร์บอททอม วู้ดดี้และแมกซ์เวลล์ ทั้งหมดเก้าตัวละคร
ตัวละครเหล่านี้ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดบางประการก่อนจึงจะสามารถปลดล็อกได้ ความสามารถของพวกเขาจะแตกต่างกันไป เช่น นักวางเพลิงวิลโลวาสามารถปลดล็อกได้หลังจากผู้เล่นรอดชีวิตมาได้แปดวัน ความสามารถพิเศษของเธอคือสามารถจุดไฟได้อย่างบ้าคลั่ง และเธอก็มีภูมิคุ้มกันต่อความเสียหายจากไฟ
มอนสเตอร์ในเกมนี้แบ่งออกได้เป็นสี่ประเภทหลักคือ สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ สิ่งมีชีวิตในป่า สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์และปัญญาประดิษฐ์ โดยแต่ละตัวมีนิสัยใจคอต่างกันไป
สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์จำนวนมากมีความเฉลียวฉลาด สิ่งมีชีวิตในป่าไม่มีโอกาสติดสินบน มอนสเตอร์ที่แตกต่างกันจะทิ้งอุปกรณ์ที่แตกต่างกันหลังจากถูกฆ่า บางตัวสามารถทำเครื่องมือได้ และบางตัวก็ทำอาหารได้
‘Don’t Starve’ ยังมีระบบอุปกรณ์มากมายรวมถึงสิ่งของที่ใช้ในแต่ละวัน (ของสะสม แสงสว่าง ฯลฯ) ของใช้ (อาหารและวัตถุดิบ) อาวุธและอุปกรณ์ (อาวุธ ชุดเกราะ กับดัก ฯลฯ)
นอกจากนี้ยังสามารถนำอุปกรณ์ต่างๆ มาแปรรูปใหม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น ในอาหาร ส่วนผสมที่ใกล้จะหมดอายุสามารถแปรรูปได้สองครั้งโดยการทำให้เนื้อแห้ง ย่าง หรือปรุงอาหาร และวัตถุดิบที่ผ่านกระบวนการแล้วสามารถเก็บไว้ได้นาน
แน่นอนว่าในฐานะเกมแซนด์บ็อกซ์ ความสนุกที่สุดของเกมประเภทนี้คือการอนุญาตให้ผู้เล่นพัฒนา MOD ได้อย่างอิสระและทำให้ MOD เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเกม
MOD เหล่านี้จะถูกสร้างขึ้นในเกมเพื่อให้ผู้เล่นเลือกได้อย่างอิสระและฟังก์ชันของ MOD จะแตกต่างออกไป MOD บางอย่างสามารถแจ้งค่าตัวเลข ลดความยากของเกม ในขณะที่ม็อดอื่นๆ สามารถเสริมเนื้อหาของเกมได้
ด้วย MOD เหล่านี้ ผู้เล่นสามารถปรับความยากได้อย่างอิสระตามความต้องการของตนเอง และสัมผัสกับเนื้อหาเกมที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับผู้เล่นมือใหม่ที่สามารถเพิ่ม MOD จำนวนมากที่ลดความยากของเกมเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดได้นานขึ้น
…………………
ทั้ง ‘Diablo: Reaper of Souls’ และ ‘Don’t Starve’ กำลังพัฒนาไปอย่างราบรื่น
ในขณะเดียวกัน ‘Diablo’ ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
หลังจากขายได้ 1.87 ล้านชุดในเดือนแรก ก็ยังสามารถรักษาโมเมนตัมได้ในเดือนที่สอง โดยขายได้ 1.68 ล้านชุด หมายความว่า ‘Diablo’ ทำรายได้ทั้งหมดเกือบสี่ร้อยห้าสิบล้านหยวน
สำหรับผู้เล่นใหม่ส่วนใหญ่ เกมนี้ยังคงเต็มไปด้วยความสนุก พวกเขาต่อสู้เพื่อท้าทาย Diablo และบรรลุภารกิจ Nephalem จนไม่สามารถหลุดพ้นจากความสนุกสนานของการฆ่าฟันได้เลย
อย่างไรก็ตาม เสียงอื่นๆ ก็เริ่มปรากฏขึ้นเช่นกัน
……………………….