บทที่ 1061 : ปีศาจน้อยไป๋เสี่ยวเฉิน (4)
ตงฟางเฉียนหลบสายตา”ราชาไม่ได้ประทับอยู่ที่นี่ เช่นนั้นราชินีควรเสด็จไปตามหาในที่อื่น ๆ ดู”
แม้ว่านางจะพยายามปกปิดความตื่นตระหนกในแววตาอย่างรวดเร็วทว่าไป๋หยานก็จับสังเกตได้โดยบังเอิญ
นางพยักหน้าอย่างใจเย็น”เอาล่ะ เช่นนั้นฝากเจ้าหน่อยก็แล้วกัน หากมีข่าวจากตี้คัง อย่าลืมแจ้งให้ข้าทราบด้วย”
ครั้นกล่าวจบนางก็หันหลังกลับก้าวจากไปในทิศทางที่นางมา
หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่ายามนี้ฝีเท้าของไป๋หยานนั้นช้ามาก ดูราวกับว่านางกำลังรออะไรบางอย่าง
แน่นอนว่าตงฟางเฉียนไม่ได้สนใจไป๋หยานนางหันหน้ากลับไปยังโรงน้ำชา
หลังจากที่นางเดินเข้าไปในโรงน้ำชาฝีเท้าของไป๋หยานก็หยุดลง แววตาที่ล้ำลึกของนางมองไปยังทิศทางที่ตงฟางเฉียนจากไป นางกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เผ่าหมาป่าอสูรนี้จะต้องมีปัญหาใดเป็นแน่ …
ทันใดนั้นมือเล็กๆ ก็ยื่นออกมาจากด้านข้าง พลางดึงแขนเสื้อของไป๋หยาน
ไป๋หยานขมวดคิ้วพร้อมกับลดสายตาลงมอง ทว่าสิ่งที่นางเห็นก็คือเด็กน้อยที่รูปร่างบอบบางมาก สวยงามไม่ต่างจากเด็กผู้หญิง
”สิ่งที่ท่านพูดเมื่อครู่นี้เป็นความจริงหรือไม่? ท่านเป็นราชินีแห่งแดนอสูรจริง ๆ กระนั้นหรือ ?”
เด็กน้อยตวัดนัยน์ตากลมโตพลางมองไป๋หยานอย่างระแวดระวัง
ไป๋หยานพยักหน้า”เจ้ามีอะไรจะบอกข้างั้นหรือ ?”
จากแววตาของเด็กน้อยเห็นได้ชัดว่าหนูน้อยจะต้องมีบางอย่างต้องการบอกนาง…
เด็กน้อยพยักหน้าอย่างหดหู่”ท่านเป็นราชินีแห่งแดนอสูร เป็นแม่ที่เฉินเฉินพูดถึงใช่หรือไม่ ?”
หัวใจของไป๋หยานบีบรัดแน่นนางรีบจับไหล่เด็กน้อยไว้ แววตาของนางเต็มไปด้วยความสุขใจ
”เจ้าเคยพบเฉินเอ๋องั้นหรือ? เขาอยู่ที่ใด ?”
เด็กน้อยเหลือบมองไปยังทิศทางที่ตงฟางเฉียนเดินจากไปอย่างขลาดๆ “ คนพวกนั้นหลอกเฉินเฉินมา และให้ยาแก่เฉินเฉินเพื่อให้เฉินเฉินสูญเสียความทรงจำโชคดีที่เฉินเฉินไม่ได้ตกหลุมพรางพวกเขา แต่พวกเขาก็อ้างว่าเฉินเฉินเป็นลูกชายของพวกเขาอย่างไร้ยางอาย”
ไป๋หยานกำหมัดแน่นนางกระพริบตา “คนที่เจ้าพูดถึงนั้นเป็นคนของเผ่า หมาป่าอสูรใช่หรือไม่ ?”
”ใช่…พวกเขาเหล่านั้นไม่เพียงแต่แสร้งทำตัวเป็นพ่อแม่ของเฉินเฉินเท่านั้นแต่พวกเขายังบอกอีกว่าราชาแห่งแดนอสูรเป็นศัตรูของเฉินเฉิน และราชาแห่งแดนอสูรนี่แหละที่เป็นคนทำร้ายเฉินเฉินจนความจำเสื่อม”
เด็กน้อยกัดริมฝีปากของตนพลางดึงแขนเสื้อของไป๋หยานอย่างน่าสงสาร
”เฉินเฉินอยากพบองค์ราชาจึงยอมรออยู่ที่คฤหาสน์บ้านสกุลซางท่านป้าช่วยเฉินเฉินด้วยนะได้หรือไม่ ?”
อกของไป๋หยานอัดแน่นด้วยเพลิงโทสะทว่าชั่วขณะนั้นเองตงฟางเฉียนก็เดินออกมาจากโรงน้ำชาอย่างรวดเร็ว ข้างกายนางยังมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาติดตามออกมาด้วย
ครั้นนางเห็นเสือดาวน้อยยืนอยู่ข้างกายไป๋หยานตงฟางเฉียนก็ตกใจมาก ร่างของนางสั่นสะท้าน
แรกเห็นซางหยูถึงกับผงะจากนั้นเขาก็ตั้งสติได้ เขารีบก้าวเข้าไปหาไป๋หยาน พลางลากตัวเสือดาวน้อยออกมา เขาโค้งคำนับไป๋หยานพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
”ราชินีเดินทางมาไกลกระหม่อมผิดเองที่ไม่ได้ถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ ขอราชินีได้โปรดอภัยโทษให้กระหม่อมด้วย เด็กคนนี้เป็นเพื่อนเล่นของบุตรชายกระหม่อม เขาอาจทำเรื่องโง่เง่ากระทั่งทำให้ราชินีทรงขุ่นพระทัย ขอราชินีโปรดเห็นแก่ความเป็นเด็กของเขา กระหม่อมจะนำเขากลับไปอบรมเองดีหรือไม่ ?”
ไป๋หยานระงับความโกรธในใจพลางแสยะยิ้มที่มุมปาก “ข้าคิดว่าเด็กคนนี้ดูคุ้นมาก ทว่าข้าก็ชอบเขามาก”
ซางหยูตกตะลึงเขาก้มลงมองเสือดาวน้อยที่ยามนี้มีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
เด็กคนนี้ความจำเสื่อมคงไม่สามารถบอกอะไรกับราชินีได้ พวกเขาควรยอมนางตามมารยาทจะดีกว่า
นอกจากนี้ราชินีก็ยังไม่เคยเห็นเด็กคนนี้มาก่อน
บทที่ 1062 : ความโกรธของไป๋หยาน (1)
“ในเมื่อราชินีต้องพระทัยเขาเช่นนั้นพรุ่งนี้กระหม่อมจะพาเขาไปเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยตนเอง”
ตอนนี้เขายังไม่สามารถควบคุมองค์ชายน้อยได้อย่างสมบูรณ์เช่นนั้นในเวลานี้เขายังไม่อาจให้ราชินีพบองค์ชายน้อยได้
ไป๋หยานมองเสือดาวน้อยที่ถูกซางหยูดึงตัวออกไปนัยน์ตาของนางกระพริบน้อย ๆ “ไม่…ตอนนี้ข้าเองก็เหนื่อยเช่นกัน เหตุใดเจ้าไม่นำทางข้าไปพักผ่อนที่คฤหาสน์ บ้านสกุลซางของเจ้าล่ะ ?
สีหน้าของซางหยูเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเขาสูดลมหายใจเข้าลึก “กราบทูลราชินี บิดาของกระหม่อมไม่อยู่บ้าน คงไม่เป็นการดีหากพระองค์จะเสด็จไปที่บ้านของกระหม่อม … รอให้บิดาของกระหม่อมกลับมาก่อนเถิด เมื่อนั้นกระหม่อมจะมาทูลเชิญเสด็จราชินีไปที่บ้านกระหม่อมเอง”
ตราบเท่าที่เขายื้อเวลาไว้ได้อีกสองสามวันเขาก็จะสามารถควบคุมองค์ชายน้อยได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลานั้นแม้ว่าราชินีจะพบองค์ชายน้อย นางก็ไม่อาจทำอะไรได้
”หาก… ” ไป๋หยานหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางยิ้มเยาะที่มุมปาก “ข้าจะไปให้ได้ล่ะ ?”
ใบหน้าของซางหยูซีดเซียวเขากัดฟันแน่น “ราชินี…กระหม่อมให้ความเคารพพระองค์ หากแต่ทรงคิดว่าแดนอสูรนี้เป็นของพระองค์จริง ๆ งั้นหรือ ? พระองค์เป็นเพียงมนุษย์ หากพระองค์มิได้ให้กำเนิดองค์ชาย พระองค์คิดหรือว่าตำแหน่งราชินีจะตกเป็นของพระองค์ได้ ?”
เผ่าหมาป่าอสูรไม่เคยออกจากดินแดนลับแห่งนี้เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของแดนอสูร นับประสาอะไรจะรู้คำสั่งที่ตี้คังประกาศ
เขาเชื่อเสมอว่าที่มนุษย์นางนี้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งราชินีได้ก็เนื่องเพราะนางให้กำเนิดองค์ชายน้อยหาไม่ราชาอสูรจะอภิเษกสมรสกับมนุษย์ ยกขึ้นดำรงตำแหน่งราชินีได้อย่างไร ?
“เจ้าไม่ให้ข้าไปที่คฤหาสน์ของเผ่าหมาป่าอสูรงั้นหรือ? “ไป๋หยานยิ้มเยาะอีกครั้ง และอีกครั้ง นางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เข้าใกล้ซางหยูมากขึ้นเรื่อย ๆ นัยน์ตาของนางส่องประกายแสงข่มขู่ ขณะจ้องใบหน้าของซางหยูเขม็ง สายตาของนางแหลมคมราวกับใบมีด
ซางหยูก้าวถอยหลังไปสองก้าวความประหลาดใจฉายผ่านแววตาของเขาหากแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่า เหตุใดภายใต้สายตาที่ดึงดูดใจของสตรีผู้นี้ กลับทำให้ในใจของเขารู้สึกหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ ?
”ราชินีได้โปรดเสด็จกลับไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ซางหยูกัดฟันกล่าวอีกครั้ง
ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ไม่อาจให้ราชินีเสด็จไปที่บ้านสกุลซางได้
ชั่วขณะนั้นเสือดาวน้อยก็ยื่นมือออกมาผลักซางหยูออก จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปหาไป๋หยาน ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างดุร้าย
”พวกเจ้าหลอกเฉินเฉินดูหมิ่นท่านป้า ท่านป้า เฉินเฉินอยู่ในคฤหาสน์ซาง คนพวกนี้คุมตัวเฉินเฉินไว้ ทั้งไม่ยอมให้ท่านไปช่วยเฉินเฉิน !”
ถ้อยคำของเสือดาวตัวน้อยทำให้สีหน้าของซางหยูและภรรยาของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโมโห “เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร ?”
”ข้าไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ”ใบหน้าบอบบางของเสือดาวน้อยแสดงออกถึงความโกรธ “ท่านป้าไปช่วยเฉินเฉินกันเถอะ”
เขาจับมือของไป๋หยานจูงไปยังทิศทางมุงสู่บ้านสกุลซาง
ซางหยูโกรธมากเขารวบรวมชั้นพลังห่อหุ้มหมัดของตนเอง ก่อนจะกระแทกเข้าใส่ใบหน้าที่บอบบางของเสือดาวตัวน้อย
ขณะที่กำปั้นของเขากำลังจะเข้าใกล้เสือดาวน้อยมือเรียวงามราวหยกก็บีบกำปั้นของเขาแน่น ชั่วขณะนั้นพลังที่ห่อหุ้มไว้ในหมัดพลันสลายหายไปทันที …
”นี่มัน… ” ซางหยูเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ
ราชินีเป็นมนุษย์มิใช่หรือ? มนุษย์นั้นอ่อนแอมาก จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร …?
เขาพยายามใช้พลังลมปราณจากร่างของตนครั้งแล้วครั้งเล่าทว่าความแข็งแกร่งของเขาก็ถูกไป๋หยานสะกัดกั้นไว้ เขาไม่สามารถแม้แต่จะดึงกำปั้นออกจากฝ่ามือของนางได้ด้วยซ้ำ
จากนั้น…
กระแสลมแรงก็พัดมาอาภรณ์สีแดงพลันปลิวสะบัด งดงามหาผู้ใดเทียบได้
เปรี้ยง!
พร้อมเสียงอันดังร่างของซางหยูก็ถูกกระแทกลอยไกลออกไป ก่อนจะตกลงท่ามกลางฝูงชนอย่างน่าอับอาย
ตงฟางเฉียนรีบยกมือขึ้นปิดปากตนนางมองซางหยู ผู้ซึ่งยามนี้โดนหมัดของไป๋หยาน ด้วยประกายตื่นตระหนกในดวงตา …
บทที่ 1063 : ความโกรธของไป๋หยาน (2)
”ซีซี…เจ้ากลับไปก่อน”
ซางหยูไอแห้งๆ เขาตะกายขึ้นจากพื้น ใบหน้าของเขาเย็นชา และเคร่งเครียด
ตงฟางเฉียนมองซางหยูอย่างเป็นกังวลที่สุดนางก็หันศีรษะบ่ายหน้าไปยังคฤหาสน์สกุลซางอย่างรวดเร็ว …
ไป๋หยานมองตามทิศทางที่ตงฟางเฉียนจากไปโดยไม่แสดงทีท่าใดๆ นางดึงเสือดาวน้อยขึ้นจากพื้น และเมื่อเสือดาวน้อยทรงตัวได้ นางก็ไล่ติดตามตงฟางเฉียนไป
ซางหยูกัดฟันเขารีบวิ่งตามหลังไป๋หยานไปห่างกันเพียงสองสามก้าว เขาก็ซัดกำปั้นใส่นาง
อย่างไรก็ตามไป๋หยานก็รับมืออย่างมีสติ นางเตะเข้าที่หน้าอกของซางหยู และการเตะครั้งนี้ก็ทำให้เขาปลิวไปกว่า 10 ก้าว เลือดพุ่งออกมาจากปากของเขาไม่หยุด
”ไปให้พ้น!”
ไป๋หยานตวาดออกมาอย่างเย็นชาชั่วขณะนั้น นางไม่ได้หันกลับไปมองเขาอีก นางรีบพุ่งตัวไปตามทิศทางที่ตงฟางเฉียนจากไป กระทั่งบนถนนสายนี้เหลือเพียงภาพเงา …
ณคฤหาสน์บ้านสกุลซาง
ภายในลานบ้านนิ้วมือของไป๋เสี่ยวเฉินไฟลุกเป็นชั้น ๆ เขามองลานบ้านพร้อมรอยยิ้ม แววเจ้าเล่ห์ส่องประกายวาวในดวงตากลมโตของเขา
“คราวนี้ควรจุดไฟเผาตรงไหนดีน้า?”
ขณะที่มืออีกข้างของเขากดคางดูราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่
บรรดาสาวใช้และยามที่อยู่ข้างๆ พวกเขาทั้งหมดพากันคุกเข่าลงกับพื้นตัวสั่นงันงก พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กแสนน่ารักคนนี้จะเป็นปีศาจน้อย
”คุณชายเฉินอย่าจุดไฟอีกเลย หากยังขืนทำต่อคงได้เผาคฤหาสน์นี้วอดวายทั้งหลังเป็นแน่”
ไป๋เสี่ยวเฉินทำปากงุ้มเอ่ยกล่าวอย่างไม่พอใจ “พวกเจ้าไม่ยอมให้ข้าออกไปเที่ยวเล่น ทั้งยังไม่ยอมให้ข้าจุดไฟเล่นอีก จะให้ข้าอยู่ที่นี่อย่างเบื่อ ๆ แบบนี้ตลอดเวลางั้นหรือ ?”
”คุณชายเฉินเป็นคำสั่งของนายน้อยไม่ให้ท่านออกจากคฤหาสน์ เพราะข้างนอกอันตรายเกินไป ผู้ที่ทำร้ายท่านครั้งก่อนก็ยังจับตัวไม่ได้ หากเขาพบท่านเข้าตอนที่ท่านออกไปข้างนอก ท่านจะมิตกอยู่ในอันตรายงั้นหรือ ?”
สาวใช้ตัวสั่นพลางเกลี้ยกล่อม
ไป๋เสี่ยวเฉินตะคอก”ในเมื่อไม่ให้ข้าออกไป ก็อย่าขัดขวางการวางเพลิงของข้า พวกเจ้าหลีกไปนะ ไม่งั้นข้าจะเผาพวกเจ้าเสียด้วย”
เหล่าสาวใช้พากันตัวสั่นงันงกต่างมองหน้ากัน ก่อนจะหลบหลีกไปยืนข้าง ๆ
“เฉินเอ๋อ!”
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงตื่นตระหนกก็ดังมาจากด้านนอกประตูก่อนที่ไป๋เสี่ยวเฉินจะได้จุดไฟ เขาก็ถูกเสียงนี้ขัดจังหวะเสียก่อน
ใบหน้าเล็กๆ ของเขาเคร่งขรึมลงทันที
”ท่านตามหาข้ามีอะไรหรือ?”
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ไป๋เสี่ยวเฉินไม่แสดงสีหน้าดี ๆ เลย เมื่อเห็นตงฟางเฉียน ทว่ายามนี้ตงฟางเฉียนก็ไม่ใส่ใจมากนักแล้ว ใบหน้าของนางแลดูตื่นตระหนก
”เฉินเอ๋อไปกับข้า”
นางเอื้อมมือออกมาด้วยหวังคว้าตัวไป๋เสี่ยวเฉิน
อย่างไรก็ตามไป๋เสี่ยวเฉินกลับหลบเลี่ยงมือของตงฟางเฉียน
ตงฟางเฉียนไม่มีเวลาคิดว่าเหตุใดไป๋เสี่ยวเฉินถึงหลบเลี่ยงได้ว่องไวปานนี้ นางรู้เพียงว่า หากนางไม่รีบพาเขาไปอาจจะสายเกินการก็เป็นได้
”เฉินเอ๋อ…ฟังแม่นะศัตรูที่ทำร้ายเจ้าครั้งก่อนกำลังมาที่นี่ ตอนนี้เจ้าต้องรีบไปซ่อนตัวกับแม่ แม่เป็นแม่ของเจ้า แม่ไม่ทำร้ายเจ้าแน่”
แววตาของตงฟางเฉียนตื่นตระหนกนางกัดริมฝีปากตนเองแน่น
ทว่า…
ถ้อยคำของนางกลับทำให้แววตาของไป๋เสี่ยวเฉินสว่างไสวขึ้น
ป๊ะป๋าวายร้ายจะมาที่นี่งั้นรึ?
แน่นอนไป๋เสี่ยวเฉินไม่ยอมเดินตามนางไป นัยน์ตากลมโตของเขากลอกไปมาสองสามครั้ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงงงวย “เจ้าพูดเสมอว่า มีศัตรูต้องการทำร้ายข้า หากแต่เราไม่มีความแค้นใจต่อกัน เหตุใดพวกเขาถึงต้องทำร้ายข้าด้วยล่ะ ?”
ตงฟางเฉียนสะดุ้ง”เพราะว่า … เพราะพวกเขาเห็นว่า เจ้าน่ารักพวกเขาจึงต้องการพรากเจ้าไปจากอกพ่อแม่ แต่พ่อกับแม่จะทิ้งเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อพวกเราก็รักเจ้ามาก ? คนเหล่านั้นจึงต้องการทำร้ายเจ้าทันทีที่พวกเขาได้พบเห็นเจ้าแทน”
บทที่ 1064 : ความโกรธของไป๋หยาน (3)
”งั้นรึ?”
ในระยะที่ห่างไปไม่ไกลนักไป๋เสี่ยวเฉินเห็นสตรีในอาภรณ์สีแดงที่กำลังร่อนลงมาจากอากาศว่างเปล่า นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข เขามองภาพนั้นพร้อมกับรอยยิ้มไร้เดียงสาบนใบหน้าสีชมพู และน่ารักของเขา
”หม่ามี้”
ตงฟางเฉียนไม่ทันสังเกตเห็นการมาของไป๋หยานเลยคิดว่าคำเรียกขานแม่ของไป๋เสี่ยวเฉินนั้นคือเขาเรียกหานาง พลันหัวใจของนางก็พองโตด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก
นับแต่ปีศาจน้อยตัวนี้มาถึงบ้านสกุลซางเขาก็ไม่เคยคิดจะเรียกขานนางว่าแม่เลย
ดูเหมือนว่าความพยายามของนางจะไม่สูญเปล่าในที่สุดเด็กน้อยคนนี้ก็ยอมรับตัวตนของนางจากก้นบึ้งของหัวใจเขาแล้ว …
ขณะที่ตงฟางเฉียนกำลังลิงโลดด้วยความดีใจอยู่นั้นไป๋เสี่ยวเฉินก็ปัดมือของนางออกอย่างแรง ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปที่ประตูลานบ้าน
มือของตงฟางเฉียนยังคงค้างอยู่กลางอากาศใบหน้าของนางแข็งทื่อ นางค่อย ๆ หันกลับไปมอง ทันใดนั้นใบหน้าที่งดงามของไป๋หยานก็สะท้อนเข้าสู่คลองสายตาของนาง …
หลังจากที่ได้เห็นเด็กน้อยนุ่มนิ่มขี้อ้อนอีกครั้งใบหน้าที่เคยไร้ความรู้สึกของไป๋หยานก็เผยรอยยิ้มงดงาม
ทันทีที่นางอ้าแขนออกรับเจ้าตัวเล็กก็พุ่งเข้าหาอ้อมกอดของนาง
“หม่ามี้เฉินเอ๋อคิดถึงหม่ามี้มากเลย ทำไมหม่ามี้เพิ่งมาหาเฉินเอ๋อได้ล่ะ หรือว่าป๊ะป๋าวายร้ายไม่ให้มา ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าขึ้นมองไป๋หยานนัยน์ตาของเขาเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตา มุมปากของเขางองุ้มเล็กน้อย ขณะเอ่ยถามอย่างน่าสงสาร
ในหัวใจดวงเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินคิดว่า ป๊ะป๋าวายร้ายคงไม่ยอมให้แม่มาหาเขา ! เพราะกลัวว่าเขาจะพรากแม่ไป !
ไป๋หยานรู้สึกแคลงใจนี่ตี้คังทำอะไรให้เด็กน้อยคิดว่าเขาเป็นคนใจแคบถึงเพียงนั้นได้นะ …
”เฉินเอ๋อแม่ก็มาที่นี่แล้วไง” ไป๋หยานกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนแน่น ริมฝีปากของนางเผยอขึ้น
ช่างดีจริงๆ ที่มีลูกชายอยู่เคียงข้างข้า …
ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจของตงฟางเฉียนเย็นยะเยียบนางตัวสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ พลันดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
จะเป็นไปได้อย่างไร?
เด็กนี่ไม่ได้สูญเสียความทรงจำไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดเด็กคนนี้ถึงยังจำมารดาของตัวเองได้ล่ะ ?
ตงฟางเฉียนกัดริมฝีปากตนเองแน่นใบหน้าซีดเซียวของนางโปร่งใสราวกับกระดาษบาง ๆ ยามถูกแสงแดดส่อง แผ่นหลังของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น เพียงสายลมพัดผ่านบางเบา ร่างของนางก็สั่นสะท้านราวกับหนาวยะเยือก
ที่สุดไป๋เสี่ยวเฉินก็ยอมผละออกจากอ้อมกอดของไป๋หยาน เขาหันหน้าไปมองตงฟางเฉียน พร้อมรอยยิ้มขันในแววตา
”เอ่อ…ข้าลืมบอกไปว่าหม่ามี้ให้ข้ากินยาอาวุวัฒนะตั้งแต่ข้ายังเล็ก ข้าเลยอยู่ยงคงกระพัน ทั้งข้าก็ไม่ได้รับผลกระทบจากยาที่เจ้าให้ข้าเลยแม้แต่น้อย”
ตงฟางเฉียนถอยหลังไปสองสามก้าวนางส่ายศีรษะพลางมองใบหน้าสีชมพูงดงามราวหยกนั้นด้วยความตกใจ
สิ่งที่เขาหมายถึงก็คือที่เขาทำเป็นสูญเสียความทรงจำก่อนหน้านี้นั้น เป็นเพียงการเสแสร้งกระนั้นรึ ?
”เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้…เหตุใด?” ตงฟางเฉียนตะโกนด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดที่ผ่านมาการแสดงออกของเด็กคนนี้ถึงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง นั่นเป็นเพราะเขารู้ทุกอย่าง เขาไม่สูญเสียความทรงจำใด ๆ เลย
ไป๋เสี่ยวเฉินยกยิ้ม”แล้วเจ้าไม่ได้ต้องการใช้ข้าจัดการกับท่านพ่อของข้าหรอกหรือ ? เมื่อเป็นเช่นนั้นไม่ช้าก็เร็วท่านพ่อของข้าก็จะมารับข้าเอง แทนที่จะไปตามหาเขาแบบสะเปะสะปะ ข้าควรรอให้เจ้าพาเขามาพบข้าเองมากกว่าไม่ใช่หรือ”
ตงฟางเฉียนชี้นิ้วไปที่ไป๋เสี่ยวเฉินนิ้วของนางสั่นระริกตลอดเวลา นางไม่สามารถกล่าวคำใดออกเลย
น้ำตาของนางเอ่อท้นแววตาของนางมีแต่ความสิ้นหวัง
นับแต่ต้นจนจบพวกนางโดนเด็กคนนี้หลอก !
”เฉินเอ๋อ…เจ้ารอแม่ที่นี่ก่อนนะ”
ไป๋หยานลดสายตาลงพลางกดจูบเบา ๆ บนหน้าผากของไป๋เสี่ยวเฉิน นางยิ้มมุมปากเอ่ยกล่าวเบา ๆ
บทที่ 1065 : ความโกรธของไป๋หยาน (4)
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าอย่างเชื่อฟังเขายืนอยู่ด้านหลังไป๋หยานโดยไม่ขยับเขยื้อน นัยน์ตาของเขาสว่างไสวราวกับดวงดาว ขณะจ้องมองแผ่นหลังของนาง
ตงฟางเฉียนสั่นสะท้านไปทั้งร่างภายใต้สายตาทรงอำนาจนั้น นางถึงกับก้าวถอยหลังอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
ทว่าด้านหลังก็มีกำแพงสีขาวตั้งอยู่ทำให้นางไม่อาจถอยต่อไปได้อีกแล้ว
อย่างไรก็ตามชั่วขณะนั้นเอง…
ตงฟางเฉียนก็เห็นซางหยูวิ่งผ่านประตูเข้ามานัยน์ตาของนางพลันสว่างไสวขึ้นมาทันที นางรีบกล่าวว่า “พี่หยูช่วยข้าด้วย เด็กคนนี้แสร้งทำเป็นความจำเสื่อม เขาไม่ได้หลงกลแผนการของเราเลย ?”
“กระไรนะ?”
ซางหยูตัวสั่นเขาเกือบจะล้มลงกับพื้น เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตระหนก พลันสายตาของเขาก็สบเข้ากับใบหน้าสีชมพูของไป๋เสี่ยวเฉิน
ไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าขึ้นเขาแลดูทรงอำนาจตั้งแต่อายุยังน้อย น้ำเสียงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเขาก็ดังก้องไปทั่วลานบ้าน
”คนโง่เอ๊ย! เจ้าดูถูกข้าเกินไปหรือเปล่า ? ข้าเพียงเล่นกลเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ทว่าโชคดี กลลวงของข้าได้ผลมาก ที่สุดหม่ามี้ก็มาหาข้าแล้ว”
รอยยิ้มของไป๋เสี่ยวเฉินช่างสดใสเมื่ออยู่ต่อหน้าไป๋หยาน เขาไม่เหมือนปีศาจน้อยที่จุดไฟเผาคฤหาสน์บ้านสกุลซาง ทว่าเขาเป็นเทพบุตรตัวน้อยน่ารักเสียมากกว่า
ซางหยูเซถอยหลังด้วยความสิ้นหวัง“เป็นไปได้ยังไง…จบสิ้นแล้ว มันจบสิ้นแล้ว !”
เขารู้แล้วว่าเขาควรเชื่อฟังถ้อยคำของบิดา ยอมใช้ชีวิตอย่างสงบในดินแดนลับแห่งนี้ แทนที่จะคิดไขว่คว้าในสิ่งที่ไม่ได้เป็นของตน
หาไม่ครั้งนี้เขาคงจะไม่นำหายนะมาสู่ตระกูลซางเช่นนี้ …
ปัง!
ไป๋หยานถีบไหล่ของตงฟางเฉียนอย่างหนักหน่วงและด้วยลูกถีบนี้ส่งผลให้ร่างของตงฟางเฉียนถึงกับโน้มไปข้างหน้า ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น
ตงฟางเฉียนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของนางซีดลงกว่าเดิม นางกัดริมฝีปากแน่นน้ำตาไหลพรากออกมาจากสองตาของนาง
แม้จะเห็นท่าทางที่น่าสังเวชของตงฟางเฉียนซางหยูก็ไม่คิดจะยื่นมือช่วยเหลือนาง ทว่ากลับหันหลังต้องการที่จะหลบหนี
แต่ทว่า…
ในขณะที่เขาหันหลังกลับไป๋หยานก็หันหน้ามา พร้อมกับสะบัดนิ้วปล่อยพลังซัดเข้าใส่ข้อเท้าของซางหยู
ซางหยูล้มลงกับพื้นทว่าก็ยังพยายามที่จะลุกขึ้นยืน ในขณะที่เขายืนขึ้นได้นั้น ลมปราณที่ทรงพลังก็พุ่งมาจากด้านหน้ากดทับลงบนร่างของเขาราวกับร่างของเขาถูกภูเขาขนาดใหญ่กดทับ
ไป๋เสี่ยวเฉินหันหน้ากลับไปมองตามทิศทางที่ลมปราณนั้นพุ่งมาทันใดนั้นเองบุรุษเรือนผมสีเงินในอาภรณ์สีม่วงก็ปรากฏขึ้นในคลองสายตาของเขา
บุรุษผู้นี้เปี่ยมเสน่ห์รูปงามราวกับเทพบุตรอสูรที่คอยครอบงำทุกสรรพสิ่งที่มีชีวิตบนโลกกระทั่งทุกสิ่งขาดสีสันไปในบัดดล
เรือนผมสีเงินปลิวไสวไปในสายลมทรงอำนาจ เปี่ยมด้วยเสน่ห์ เขาแต่งกายด้วยอาภรณ์สีม่วงสง่างามและภาคภูมิ กลิ่นอายที่ทรงพลังของเขาราวกับข่มทั้งสวรรค์และโลก พร้อมที่จะทำให้ทุกผู้คนลุ่มหลง
ไป๋หยานกวาดตามองตามชั่วขณะนั้นสายตาของพวกเขาพลันสบกัน ความประหลาดใจพลันปรากฏขึ้นในดวงตาเรียวคมของชายหนุ่ม และทันใดนั้นความโกรธก็พลุ่งพล่านออกมาจากนัยน์ตาของเขา
แล้ว…
ทุกคนต่างก็เห็นชัดว่าบุรุษที่อยู่บนท้องฟ้ากำลังร่อนลงมาอย่างกระวนกระวาย เขารีบเข้าไปหาสตรีในอาภรณ์สีแดงที่อยู่ด้านล่าง
สายลมกระโชกแรงโอบล้อมรอบตัวเขาทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของเขา
ซางหยูและตงฟางเฉียนดูจะมีความสุขขึ้นดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างราชา และราชินีจะไม่ค่อยดีนัก หาไม่ทั้งสองคงจะไม่โกรธกันเช่นนี้
บางที… พวกเขาอาจจะยังมีโอกาสรอดชีวิตสินะ ?
”เป็นตี้เสี่ยวอวิ๋นใช่หรือไม่?” ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาไป๋หยาน พลันเมฆดำแห่งความโกรธก็ผุดออกจากร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง นัยน์ตาของเขาราวกับพ่นเปลวไฟได้ เขาเอ่ยถาม พร้อมกับกัดฟันกรามกรอด ๆ
ไป๋หยานนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ”อะไรงั้นรึ ?”