บทที่ 242 การเดินทางสร้างสุสานของอาเสวี่ย
เมื่อตื่นขึ้นมาฟ้าก็สว่างแล้ว
หลินเสวี่ยขุดอุโมงค์จากอีกด้านเพื่อออกไป โชคดีที่ด้านบนเป็นพื้นที่ราบ ไม่ใช่ทะเลสาบหรืออะไรทำนองนั้น ไม่เช่นนั้นน้ำจะไหลเข้ามา
เที่ยวเตร่ไปเรื่อย ถอนต้นไม้ ถอนขนแกะ ขุดโน่นขุดนี่
ผู้ชมต่างสนุกสนานกับเกมมาก มีคอมเมนต์มากมายโผล่ออกมาไม่รู้จบ
“อาเสวี่ยกำลังวางแผนที่จะฝังตัวเองทั้งเป็นอีกครั้งเหรอ”
“ปล้นหลุมศพที่ห้า : สุสานใต้ดินของอาเสวี่ย”
“ฮ่าๆๆ เมื่อคืนอาเสวี่ยถูกโครงกระดูกไล่ล่าเป็นเวลานาน และเธอเกือบจะร้องไห้”
“ฉันอยากจะถาม นี่ไม่ใช่เกมตัวต่อเหรอ ทำไมถึงกลายเป็นเกมสยองขวัญได้”
“อาเสวี่ยไม่ได้ดูคู่มือการสอนเหรอ ทำไมถึงไม่รู้อะไรเลย ฉันรู้สึกเหมือนเธอดูคู่มือปลอมฮ่าๆๆ”
แต่ดูไปดูมาก็มีผู้ชมหลายคนสงสัยเช่นกัน
“รู้สึกยังไงกับเกมที่อาเสวี่ยเล่น ต่างจากวิดีโอโปรโมตของเฉินโม่อย่างสิ้นเชิง”
“ถูกต้อง เฉินโม่สร้างพระราชวังต้องห้ามออกมา แต่อาเสวี่ยเข้ามาเล่นนานขนาดนี้เอาแต่ขุดหลุมตลอด”
“อาเสวี่ย รีบสร้างบ้าน เราอยากดูวิธีการสร้างบ้าน!”
“ใช่ เริ่มง่ายๆ ด้วยการสร้างปราสาท!”
หลินเสวี่ยทำอะไรไม่ถูก “พวกคุณพอหอมปากหอมคอกันหน่อย! สิ่งแรกที่ฉันต้องคิดตอนนี้คือจะอยู่รอดได้ยังไง!”
หลินเสวี่ยเองก็งงเล็กน้อย อะไรกันเนี่ย เธอไม่คิดว่าเกมนี้จะยากขนาดนี้มาก่อน ทำไมมีมอนสเตอร์ด้วย มอนสเตอร์ตัวนี้ไม่เพียงโจมตีผู้คนเท่านั้น แต่ยังส่งเสียงดังอย่างน่าสยดสยองอีกด้วย ตอนกลางคืนก็มืดสนิทมาก ประสบการณ์ในโหมด VR นั้นแย่มากจริงๆ!
“เอาละ เรามาสัมผัสโหมดเอาชีวิตรอดกันก่อนดีกว่า ผู้ชมหลายคนอยากเห็นฉันสร้างบ้านใช่ไหม เอาละ ฉันจะออกจากโหมดนี้แล้วไปสร้างบ้านในโหมดสร้างสรรค์!”
เมื่อกลับไปที่อินเทอร์เฟซการเข้าสู่ระบบ หลินเสวี่ยเดินเข้าไปในกระท่อมโหมดผู้เล่นเดี่ยวอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอเลือกโหมดสร้างสรรค์และตั้งค่าให้เป็นเวลากลางวันตลอด
ครั้งนี้หลินเสวี่ยปรากฏตัวในอีกโลกหนึ่งซึ่งคล้ายกับครั้งก่อน แต่ความแตกต่างคือเธอพบว่าเธอสามารถเลือกวัสดุทั้งหมดได้อย่างอิสระและเธอยังบินได้อีกด้วย
“หือ บินได้ด้วย!”
หลินเสวี่ยสนุกกับการบินมาก เธอมีปีกสีเงินชุดหนึ่งอยู่ข้างหลังตัวละคนตัวเล็กของเธอและบินไปรอบๆ ท้องฟ้าตามจิตสำนึกของตนเอง
หลังจากชมภูมิประเทศทั้งหมดจากมุมสูง หลินเสวี่ยก็ได้ตัดสินใจเริ่มสร้าง
“เอาที่นี่แหละ มีภูเขาอยู่ข้างหลังแม่น้ำอยู่ข้างหน้า ฉันจะสร้างบ้านเดี่ยวที่นี่!”
หลินเสวี่ยจิตใจฮึกเหิมมาก พร้อมที่จะลงมือทำงาน
อย่างแรกคือปรับพื้นดินให้เรียบ ขุดพื้นที่ราบขนาดใหญ่โดยให้ด้านหลังติดกับไหล่เขา จากนั้นเริ่มวางฐานราก วางโครงร่างของบ้านของเธอ
ใช้ก้อนหินวางรอบพื้นที่เป็นสี่เหลี่ยม
จากนั้นเธอก็วางคานรองรับลงมาจากภูเขา
นอกจากนี้หลินเสวี่ยยังออกไปดูไกลๆ เพื่อให้แน่ใจว่าคานอยู่ตรงกลางบ้านเพื่อตอบสนองโรคย้ำคิดย้ำทำของเธอ
“อืม คานนี้อยู่ในตำแหน่งที่สมบูรณ์แบบ มันวิเศษมาก ใช้ได้! คอมเมนต์จากผู้ชมหยุดใช้ ‘Neo Armstrong Cyclone Jet Armstrong Cannon’ ได้แล้ว นี่มันเป็นแค่คาน!”
“เอาละ สิ่งต่อไปที่เราต้องทำคือสร้างโครงสร้างหลักของบ้าน ฉันตัดสินใจใช้โครงสร้างแบบผสมผสานระหว่างไม้และหิน มันยอดเยี่ยมมากใช่ไหม”
แม้ว่ามันจะฟังดูแปลก แต่จริงๆ แล้วหลินเสวี่ยก็แค่เอาดินกับหินมากองรวมกันบนหลังคาอย่างเมามัน
“อย่าคิดว่าบ้านหลังนี้น่าเกลียดนะ บอกเลยว่านี่แค่รากฐาน รากฐานจะสวยได้แค่ไหนกัน”
“ส่วนหลังคา กำลังคิดว่าจะทำเป็นทรงจีนสวยๆ คือแบบที่มีชายคาสูงกลางต่ำทั้งสองด้าน ทุกคนเห็นคานนี้ไหม นี่คือจุดสูงสุดของบ้านฉัน”
“ต่อไป…ฉันจะสร้างกำแพงทั้งสองด้านก่อน อย่างที่เขาว่า ‘บ้านมีแต่ผนังสี่ด้าน’ ฉันยังไม่มีผนังทั้งสี่ด้านด้วยซ้ำ”
หลินเสวี่ยมีกำแพงสูงสามเมตรทั้งสองด้าน และเจาะรูสองสามรูสำหรับหน้าต่าง
จากนั้นหลินเสวี่ยก็เริ่มสร้างหลังคา โดยมีคานอยู่ตรงกลางเป็นจุดสูงสุด และทั้งสองด้านเริ่มต่ำลงเรื่อยๆ และสร้างหลังคาขนาดใหญ่มาก
“อืม ทุกคนเห็นว่าหลังคาทรงจีนมีอยู่แล้ว แต่ออกจะน่าเกลียดไปหน่อย ไอหยา ทุกคนอย่าคิดว่ามันน่าเกลียด ฉันจะทำให้มันสวยงามในภายหลัง”
เมื่อถมดินก้อนสุดท้ายเสร็จ ในที่สุดหลังคาของบ้านทั้งหลังก็เสร็จสมบูรณ์
แต่มองจากระยะไกล ‘หลังคาสไตล์จีนที่สวยงาม’ ที่หลินเสวี่ยต้องการไม่ปรากฏขึ้น กลับดูเหมือนหลุมฝังศพขนาดใหญ่แทน
ผู้ชมกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ดูเหมือนหลุมฝังศพมากขึ้นเรื่อยๆ!”
“อาเสวี่ย เธอไม่กลัวว่าหญ้าจะขึ้นบนหลุมฝังศพหลังฝนตกเหรอ”
“อาเสวี่ย เธอบอกว่าจะสร้างมันขึ้นมาจากไม้และหินไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงใช้ดินมากขนาดนี้ ดูเหมือนสุสานเลย!”
“ยังมีอีกสองสามหลุมด้วย นี่เป็นหลุมโจรหรือเปล่า”
“อาเสวี่ย ยอมแพ้ บ้านเธอน่าเกลียดจริงๆ! เธอไม่มีพรสวรรค์!”
“อาเสวี่ยได้ยินว่าอยู่ปักกิ่งเหรอ คุณพักที่หลุมฝังศพเหรอ”
หลินเสวี่ยกระแอม “นี่คือศิลปะ ถ้าพวกคุณไม่เข้าใจศิลปะ อย่าพูดไร้สาระโอเคไหม ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าใจความหมายเบื้องหลังศิลปะได้ สิ่งเหล่านี้ต้องค่อยๆ ซึมซับ”
“เอ๋ กลายเป็นว่าฉันสร้างบ้านด้วยโคลนมาตลอด ไม่ได้สังเกตเลย แค่สุ่มเลือกตัวต่อแล้วก็ใช้! แต่ทุกคนไม่ต้องห่วง ยังไงโครงสร้างบ้านก็เข้าที่แล้ว เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนดินเป็นไม้”
“ทุกคนสบายใจได้ หลังจากเปลี่ยนเป็นไม้แล้ว จะไม่มีความรู้สึกของหลุมฝังศพอย่างแน่นอน!”
แต่ผู้ชมไม่สนใจเลย พวกเขายังคงคอมเมนต์กันต่อไป
“นี่คือสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์สุสานจอมโจรใช่ไหม”
“ไม่ว่าจะมองยังไง มันก็ดูเหมือนสุสาน มีจิตธรรมญาณด้วย”
“อาเสวี่ย รอเธอสร้างเสร็จฉันจะไปที่สุสาน อย่าลืมใส่เครื่องประดับให้มากขึ้นด้วย”
หลินเสวี่ยยังคงไม่สะเทือน เธอเอาก้อนดินก่อนหน้านี้ออกทั้งหมดแล้วแทนที่ด้วยไม้
หลังจากเปลี่ยนทุกอย่างด้วยไม้ บ้านทั้งหลังก็ดูดีขึ้นมากและดูเหมือนบ้านเล็กน้อย
เพียงแต่ว่ามันใหญ่เกินไปหน่อย สูงเกือบสิบเมตร และความยาวและความกว้างก็ไม่แตกต่างกันมากนัก ภายในที่ว่างเปล่าไม่มีโครงสร้างที่ซับซ้อนแล้วก็มืดสนิท
หลินเสวี่ยพูด “ทุกคนไม่ต้องกังวล ฉันจะจุดคบไฟในบ้าน”
หลังจากควานหาคบไฟ หลินเสวี่ยก็เริ่มติดมันไว้บนผนัง หนึ่งอันที่ด้านหน้าและอีกอันที่ด้านหลังครบทุกมุม ทำให้บ้านทั้งหลังสว่างมาก
“NICE เยี่ยมมาก!” หลินเสวี่ยมองไปที่คบไฟสองแถวที่เรียบร้อยบนผนัง และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ซึ่งนั่นทำให้ผู้ชมคอมเมนต์อีกครั้ง
“อาเสวี่ย ก่อนหน้านี้ก็ไม่อะไรนะ แต่ตอนนี้มันเหมือนห้องโถงไว้ทุกข์จริงๆ!”
“พระเจ้า ถ้าไม่มีแสง ปฏิกิริยาแรกของเธอควรเปิดหน้าต่างไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอถึงใช้คบไฟ”
“ฮ่าๆๆ ฉันรู้สึกว่าความคิดของอาเสวี่ยยังคงติดอยู่ตอนที่ขุดหลุม จิตใต้สำนึกคิดว่านี่คือสุสาน!”
“มันเป็นสุสานที่อยู่เหนือพื้นดินจริงๆ!”
……………………