บทที่ 257 ‘Minecraft’ Pocket Edition
หลังจากการต่อสู้ครั้งแรก โจวจัวก็ยอมแพ้
“ไม่สิ ผู้จัดการ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอยากดูการฉายภาพโฮโลแกรม มัวแต่ยุ่งกับการเล่นเกมเลยไม่ได้ดูว่าการฉายภาพโฮโลแกรมเป็นยังไง”
เฉินโม่ยิ้ม “ก็จริง มีใครอยากเล่น Warcraft อีกไหม เข้ามาเล่นในนี้ได้แล้วให้โจวจัวไปดูการฉายภาพโฮโลแกรม”
อาสาสมัครสองคนที่ตื่นเต้นเสนอตัวและเข้าไปในห้องเก็บเสียง
เกมเริ่มขึ้นอีกครั้ง โจวจัวมองไปที่การฉายภาพโฮโลแกรมและอุทาน
“เอฟเฟ็กต์นี้น่าทึ่งมาก!”
“แสดงแผนที่ทั้งหมดและเห็นรายละเอียดทั้งหมดอย่างชัดเจน! แม้แต่การดำเนินการหลายสายก็ยังแสดงได้อย่างชัดเจน”
“ตัวละครและภูมิประเทศทั้งหมดเป็นแบบสามมิติ ดีกว่าการแสดงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์มาก”
“ถ้านี่เป็นเกมสองต่อสองมันก็ควรจะดูดีเหมือนกันใช่ไหม”
“แต่มีปัญหานิดหน่อยคือถ้าเป็นแผนที่แปดคน ผู้เล่นจะดูยากไหม ฮีโร่ยังพอไหวแต่ทหารตัวเล็กเกินไป”
เฉินโม่พยักหน้า “อืม เครื่องฉายภาพโฮโลแกรมนี้เหมาะที่สุดที่จะฉายภาพเล็กสำหรับสองคน นอกจากนี้ อุปกรณ์นี้ไม่ได้จัดทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ Warcraft แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น”
โจวจัวตกตะลึง “อา แล้วเพื่ออะไรเหรอ”
เฉินโม่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “แน่นอนว่าสำหรับเกมใหม่”
………………
ในความเป็นจริงหลักการของการฉายภาพโฮโลแกรมนั้นไม่ซับซ้อน ในโลกนี้ แม้ว่าอุปกรณ์ฉายภาพโฮโลแกรมจะมีราคาแพง แต่เอฟเฟ็กต์ก็ดีมาก
อุปกรณ์ฉายภาพโฮโลแกรมนี้สามารถปรับให้เข้ากับเกมต่างๆ ได้ดี ตราบใดที่เกมยังเป็นสามมิติ (โมเดลและฉากสามมิติ) อุปกรณ์ฉายภาพโฮโลแกรมจะสามารถแสดงพื้นที่เฉพาะในมุมสูงของเกม
มีวิธีการแสดงผลสองวิธี วิธีหนึ่งคือโหมดติดตาม ซึ่งหมายถึงการติดตามมุมมองของผู้เล่นหรือยูนิตบางอย่าง เช่นเดียวกับ ‘Diablo’ เหมาะกับโหมดการติดตามมากกว่า
อย่างไรก็ตาม เกมเช่น ‘Warcraft’ ไม่เหมาะสำหรับโหมดติดตามเพราะมีการจัดการย่อยๆ อยู่มาก หากคุณติดตามฮีโร่ รายละเอียดมากมายของสนามรบจะไม่แสดงอย่างสมบูรณ์ และถ้าติดตามมุมมองของผู้เล่น คุณต้องตัดหน้าจอบ่อยๆ สำหรับการฉายภาพแบบโฮโลแกรมนั้นประสบการณ์การรับชมแย่มากและค่อนข้างน่าเวียนหัว
ส่วนอีกโหมดหนึ่งคือโหมดคงที่ ซึ่งจะกำหนดมุมมองของพื้นที่หนึ่งๆ ‘Warcraft’ จะเหมาะกับโหมดคงที่มากกว่า
แน่นอนว่าปัญหาจะเกิดขึ้นหากแผนที่ใหญ่เกินไป เช่น แผนที่แปดคนใน ‘Warcraft’ หากแสดงในโหมดคงที่ในการฉายภาพ สำหรับยูนิตเล็กๆ เช่นชาวนาที่เล็กเกินไปที่จะมองเห็นได้อย่างสบาย
อย่างไรก็ตาม ‘Warcraft’ ส่วนใหญ่เล่นแบบหนึ่งต่อหนึ่งบนแผนที่ขนาดเล็ก ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ นอกจากนี้ เฉินโม่ไม่ได้ซื้ออุปกรณ์ฉายภาพโฮโลแกรมนี้สำหรับ ‘Warcraft’ แต่ยังซื้อสำหรับเกมใหม่ด้วย
นอกจากนี้ยังมีจอ LED ขนาดใหญ่ในพื้นที่รับชมการฉายภาพโฮโลแกรมซึ่งเหมือนกับจอขนาดใหญ่ในคอนเสิร์ต เมื่อถึงตอนนั้นการฉายภาพโฮโลแกรมและจอ LED จะถ่ายทอดสดพร้อมกัน และผลลัพธ์ที่ได้จะระเบิดระเบ้อมาก
……………….
ประสบการณ์การใช้เครื่องฉายภาพโฮโลแกรมเป็นไปในเชิงบวกอย่างท่วมท้น เฉินโม่ยังเปิดเผยถึงความตั้งใจในการพัฒนาเกมใหม่อีกด้วย แต่ไม่ว่าโจวจัวจะถามเรื่องเกมใหม่มากแค่ไหน เฉินโม่ก็ยังคงปิดปากเงียบ
เมื่อกลับไปที่ชั้นสี่ เฉินโม่ได้รวบรวมทีมงานสร้างสรรค์หลักคนอื่นๆ และสรุปแผนการพัฒนาของพวกเขา
หลังจากเปลี่ยน Experience Store มีหลายเรื่องที่ซับซ้อนวุ่นวายจำเป็นต้องค่อยๆ คลี่คลาย ทุกคนยังไม่หายจากความรู้สึกแปลกใหม่นี้ ดังนั้นเฉินโม่จึงไม่ได้วางแผนที่จะเริ่มการพัฒนาเกมใหญ่ถัดไปทันที
สาเหตุหลักมาจากโจมตีคูณสองของ ‘Diablo’ และ ‘Minecraft’ เมื่อปีที่แล้ว เวลาในการพัฒนาในช่วงกลางนั้นเร็วมาก ทุกคนค่อนข้างเหนื่อยเพราะเวลาใกล้กันและต้องการพักผ่อน จึงควรสร้างเกมเล็กๆ สองเกมผ่อนคลายสมองมากกว่า
แผนการพัฒนาขั้นสุดท้ายมีดังนี้
ก่อนสิ้นเดือนกันยายนจะเคลียร์งานทั้งหมดของ Experience Store อย่างเต็มที่ และเปิดตัว ‘Minecraft’ เวอร์ชันคอมพิวเตอร์ เวอร์ชันมือถือและเวอร์ชันต่างประเทศ งานเหล่านี้ค่อนข้างง่ายเพื่อให้ทุกคนเปลี่ยนความคิด
ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนพวกเขาจะเปิดตัวเกมขนาดเล็กคุณภาพสูงสองเกม แง่หนึ่งเป็นการให้พลังกับทุกๆ คน อีกแง่หนึ่งเป็นการเติมเต็มประเภทของเกมบนแพลตฟอร์มเกม Thunder
ตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไปถึงจะเริ่มพัฒนาเกมใหญ่
………………
ในสตูดิโอ
เฉียนคุนยื่นแท็บเล็ตให้เฉินโม่
“ผู้จัดการ ‘Minecraft’ เวอร์ชันเกมมือถือได้รับการปรับแต่งแล้ว คุณสามารถดูได้ แต่โหมดการทำงานนี้ยังไม่คุ้นมือเท่าไรนัก”
เฉินโม่หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเล่นสองสามนาที
“อืม แค่นั้นแหละ ก็ถือว่าสามารถปล่อยได้แล้ว” เฉินโม่พูด “โหมดการทำงานนี้ปรับโอเคแล้ว ยังไงถูกจำกัดด้วยโหมดการทำงาน มันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอนที่จะไปถึงระดับของคอมพิวเตอร์และ VR ได้”
เฉียนคุนพยักหน้า “โอเคครับ ผมจะจัดการให้”
หลังจากการวิจัยและพัฒนาไม่ถึงหนึ่งเดือน ในที่สุด ‘Minecraft’ เวอร์ชันมือถือก็เสร็จสมบูรณ์
กรอบเวลานี้เป็นไปตามที่เฉินโม่คาดไว้
อันที่จริงแล้ว การพัฒนา ‘Minecraft’ เวอร์ชันคอมพิวเตอร์และมือถือนั้นไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเวอร์ชันคอมพิวเตอร์ได้รับการพัฒนาก่อนเวอร์ชัน VR ดังนั้นเมื่อเทียบกับเวอร์ชันคอมพิวเตอร์แล้ว เวอร์ชันมือถือจึงค่อนข้างง่าย
สาเหตุที่ใช้เวลานานนั้นเป็นเพราะรายละเอียดการเล่นเกมบางอย่าง
เฉินโม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเวอร์ชัน VR และมีเนื้อหามากกว่า ‘Minecraft’ รุ่นก่อนหน้ามาก โหมดเครือข่าย โหมดท่องเที่ยว (โลกของเฉินโม่) Technology tree และวิธีการเล่นใหม่ๆ ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนความนิยมของเกมนี้
และ ‘การขายอาคาร’ กลายเป็นจุดทำกำไรที่สำคัญของเกมนี้
ผู้เล่นหลายคนทำงานอย่างหนักเพื่อฝึกฝนทักษะการสร้างใน ‘Minecraft’ โดยสร้างสิ่งก่อสร้างและยานพาหนะเคลื่อนที่ทุกประเภทเพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนเงินในเกมได้
ฝั่งคอมพิวเตอร์ไม่เท่าไร แต่ฝั่งมือถือ ‘Minecraft’ ถูกจำกัดด้วยปัจจัยต่างๆ จึงไม่สามารถบรรลุการทำงานร่วมกันของข้อมูลกับฝั่ง VR ได้อย่างสมบูรณ์
ในโหมดเครือข่าย ผู้ใช้หลายคนมักจะต้องออนไลน์บนหน้าจอเดียวกัน นอกจากทรัพยากรจำนวนมากและความต้องการเครือข่ายที่ดีแล้ว การแก้ปัญหาหน้าจอเพียงอย่างเดียวยังเป็นเรื่องยากอีกด้วย หากมีคนอยู่รวมกันยี่สิบถึงสามสิบคน หน้าจอขนาดเล็กบนโทรศัพท์มือถือโดยทั่วไปก็ GG แล้ว เห็นอะไรไม่ชัดเจนเลย
ในโหมดท่องเที่ยว อาคารขนาดใหญ่ที่เฉินโม่สร้างขึ้นนั้นต้องการการกำหนดค่าเครื่องจักรที่สูง ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับโทรศัพท์มือถือที่จะโหลด และมันก็ยากต่อการเคลื่อนย้ายด้วย
นอกจากนี้ยังมีปัญหาในการใช้งาน การทำงานของ ‘Minecraft’ บนโทรศัพท์มือถือนั้นค่อนข้างแย่ อาจสร้างประสบการณ์การต่อสู้ที่แย่มาก อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้มีอยู่ในชีวิตก่อนและมันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความนิยมของเกมนี้
ดังนั้นเฉินโม่จึงตัดสินใจว่า : ข้อมูลคอมพิวเตอร์และ VR ทำงานร่วมกันได้ทั้งหมด ในขณะที่ฟังก์ชันบางอย่างของโทรศัพท์มือถือถูกตัดออกไปเพื่อสร้าง ‘Minecraft’ Pocket Edition
……………….