ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 17 โอกาสที่จะออกไปหาประสบการณ์

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 17 โอกาสที่จะออกไปหาประสบการณ์

หลังตั้งสติได้แล้ว ผู้จัดการหวังจึงกล่าวถามว่า “ผู้ช่วยไป๋ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือคะ?”

ไป๋หลิงหลงจ้องมองเธอ กล่าวถามว่า “ที่แผนกสถิติของคุณมีพนักงานที่ชื่อกวนเสี่ยวชิงใช่ไหมคะ?”

กวนเสี่ยวชิง? ผู้จัดการหวังงุนงง ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ คนผู้นี้ถึงได้สนใจพนักงานระดับล่างสุดคนหนึ่งขึ้นมา จึงพยักหน้ากล่าวตอบทันทีว่า “ใช่ค่ะ! ฉันจำได้ว่ารับเข้ามาเมื่อห้าปีก่อน เดิมทีจะให้เธอไปประจำที่สาขาอื่น แต่เห็นว่าทำงานพอใช้ได้ ก็เลยให้อยู่ที่สำนักงานใหญ่…เธอทำไมหรือคะ?”

สมแล้วที่เป็นผู้จัดการของแผนกสถิติ ในมือมีลูกน้องมากมายขนาดนั้น แต่ก็ยังจำได้ว่าใครเข้ามาทำงานเมื่อไร

ไป๋หลิงหลงกล่าวอย่างเนิบช้าแต่หนักแน่นว่า “มีเรื่องหนึ่งจะให้คุณไปจัดการหน่อยค่ะ แต่จำไว้นะคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เป็นความคิดของคุณเอง….”

ผู้จัดการหวังฟังอย่างเงียบๆ….

………

กวนเสี่ยวชิงที่กำลังตื่นเต้นไม่ได้รู้เลยว่ามีอะไรกำลังรอคอยตัวเองอยู่

ทันทีที่ออกมาจากโรงอาหารก็ไปหามุมลับตาคน หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาคนคนหนึ่ง

“มีอะไร?” ในโทรศัพท์มีเสียงที่ฟังดูเกียจคร้านของผู้ชายดังขึ้นมา

กวนเสี่ยวชิงกล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่ วันนี้ฉันเจอเพื่อนเก่าพี่คนนึงที่หอการค้าล่ะ”

ปลายสายก็คือกวนเสี่ยวไป๋ผู้เป็นพี่ชายของเธอ “ใครอะ?”

กวนเสี่ยวชิงกล่าว “พี่ลองเดา! ฉันจะใบ้ให้หน่อยแล้วกัน ฉันไม่เคยเจอมาก่อน เพิ่งจะเคยเจอครั้งแรก”

กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “ฉันทำงานอยู่ ไม่มีเวลามานั่งเล่นกับเธอนะ เจอใครก็พูดมาเลย”

กวนเสี่ยวชิงมุ่ยปาก แต่ครั้งนี้เธอมีเรื่องขอร้องพี่ชายของเธอ จึงไม่ได้แสดงท่าทีเง้างอนอะไร “เขาไม่ได้บอกว่าตัวเองชื่ออะไร บอกแค่ว่าเป็นเพื่อนเก่าของพี่ ฉันจำได้ว่าพ่อแม่เคยบอกว่าตอนเด็กๆ พี่มีเพื่อนซี้แน่นปึ้กอยู่สองคน มีคนนึงแซ่หลิน ชื่อหลินอะไรนะ…”

เสียงของกวนเสี่ยวไป๋ฟังดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที “หลินยวน? เธอเจอหลินยวนเหรอ? มันกลับมาแล้วเหรอ?”

ดูเหมือนจะใช่จริงๆ! กวนเสี่ยวชิงยิ่งรู้สึกตื่นเต้น “ฉันไม่แน่ใจ เขาไม่ได้บอกว่าตัวเองชื่ออะไร บอกแค่ว่าให้พูดกับพี่ แล้วพี่ก็จะรู้เองว่าเขาเป็นใคร”

กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “นังเด็กนี่ เธอจะมาเล่นใบ้คำอะไรกับฉันเนี่ย?”

กวนเสี่ยวชิงกล่าว “พี่ ฉันเปล่านะ ฉันเปล่าจริงๆ ฉันเองก็บังเอิญเจอเขาเหมือนกัน ตอนที่กินข้าวอยู่ข้างๆ เขาได้ยินเพื่อนฉันเรียกฉันว่ากวนเสี่ยวชิง แล้วก็ยังได้ยินว่าฉันอยู่ที่เขตเนินตะวันตก เขาก็เลยมาถามฉันว่ารู้จักพี่หรือเปล่า…” กวนเสี่ยวชิงเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ออกไป

กวนเสี่ยวไป๋หัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ไม่ผิดแน่ ไอ้ลูกหมานั่นกลับมาแล้วแน่ๆ เอ่อ…หอการค้าของพวกเธออย่างนั้นเหรอ? ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนระดับสูงในหอการค้าของพวกเธอได้ล่ะ?”

กวนเสี่ยวชิงกล่าว “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ? เออใช่ พี่ พวกพี่สนิทกันหรือเปล่า?”

กวนเสี่ยวไป๋หัวเราะเสียงดัง “เมื่อกี้เธอเพิ่งจะพูดไม่ใช่เหรอว่าพ่อแม่เคยเล่าให้เธอฟัง นั่นมันเพื่อนซี้ฉัน แล้วเธอว่าพวกเราสนิทกันไหมล่ะ? นังเด็กบ้า คิดอะไรอยู่น่ะ คิดว่าครั้งนี้พี่ชายของตัวเองมีประโยชน์แล้วใช่ไหมล่ะ?”

กวนเสี่ยวชิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่ปากกลับทำเป็นพูดจริงจัง “ฉันกำลังจริงจังอยู่นะพี่”

กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “คอยดูเถอะ! เจ้าบ้านี่ ตอนนั้นจู่ๆ ก็หายตัวไป ไปไม่บอกไม่กล่าวสักคำ ไม่มีใครรู้เลยว่ามันไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้กลับมาก็ไม่บอกกันสักคำอีก ฉันจะไปคิดบัญชากับมัน เดี๋ยวฉันรีบไปที่หอการค้าของเธอ ไม่ถึงชั่วโมง เดี๋ยวเธอออกมารอฉันข้างนอก ถ้ามันกล้าไม่ดูแลน้องสาวฉันล่ะก็ คอยดูเถอะว่าฉันจะจัดการมันยังไง!”

ดูเหมือนจะสนิทกับพี่ชายของตัวเองอย่างมากจริงๆ ด้วย! กวนเสี่ยวชิงดีใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบบอกว่า “ไม่ต้องๆๆ เวลาทำงานห้ามออกไปข้างนอกถ้าไม่จำเป็น เขาบอกแล้วว่าตอนเลิกงานจะไปหาพี่ที่บ้านด้วยกันกับฉัน พี่รออยู่บ้านนั่นแหละ”

“อย่างนั้นเหรอ….” กวนเสี่ยวไป๋ลังเลเล็กน้อย คล้ายตัวเองก็ร้อนใจอยากเจอเพื่อนเช่นเดียวกัน แต่เมื่อคิดถึงที่น้องสาวบอกมา สุดท้ายจึงกล่าวไปว่า “ตกลง ฉันรอพวกเธอที่บ้านแล้วกัน”

หลังทั้งสองคนวางสาย กวนเสี่ยวชิงก็โทรหาอีกคนหนึ่งอย่างมีความสุข หลังโทรติดแล้ว เธอก็พูดทันทีว่า “แม่ วันนี้จะมีแขกสำคัญไปที่บ้านนะ แม่รีบเก็บกวาดบ้านให้สะอาด…ไอหยา ไม่สกปรกอะไร สกปรกจะตาย…ใครเหรอ? หลินยวนที่เป็นเพื่อนของพี่ไง แม่ยังจำได้เปล่า? เขานั่นแหละ…จะไม่ใช่แขกสำคัญได้ยังไง? ตอนนี้เขาเป็นพนักงานระดับสูงของหอการค้าหนู หนูอยากให้เขาช่วยดูแล วันนี้หนูเห็นเขาคุยกับท่านประธานด้วยนะ คนธรรมดาอย่างพวกเรา อีกทั้งยังไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรอีก จะก้าวไปข้างหน้าแต่ละก้าวยากเย็นขนาดไหน คำพูดของเขาประโยคเดียว อาจจะช่วยหนูประหยัดเวลาเป็นร้อยปีเลยก็ได้นะ…”

หลังสองแม่ลูกพูดคุยกันเสร็จ กวนเสี่ยวชิงที่เก็บมือถือเสร็จเรียบร้อยก็เอามือลูบหน้าอก พอสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงเดินออกไป

ขณะที่เพิ่งจะกลับมาถึงหน้าประตูแผนกของตัวเอง เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาหาเธอพลางเขย่ามือถือในมือ “ไปไหนมา กำลังจะโทรหาเธอเลย”

เพื่อนร่วมงานกล่าวว่า “ผู้จัดการกำลังหาเธออยู่ รอเธออยู่แหนะ รีบไปที่ห้องทำงานของผู้จัดการเถอะ”

หัวหน้าที่ปกติไม่มีโอกาสได้พูดคุยอะไรกลับมาตามหาเธอ กวนเสี่ยวชิงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แอบลอบดีใจอยู่ลึกๆ หรือว่าหลินยวนผู้นั้นจะช่วยตัวเองพูดแล้ว?

เธอจัดเสื้อผ้าหน้าผมทันที ก่อนจะรีบเดินไป

หลังมาถึงห้องทำงานของผู้จัดการ เธอเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป เห็นคนที่นั่งอยู่ภายในห้อง จึงโค้งตัวอย่างเคารพนอบน้อม “ผู้จัดการคะ”

ผู้จัดการหวังมองเธอด้วยสีหน้าสับสน บนใบหน้าที่ปกติเรียบเฉยไร้อารมณ์ฝืนฉีกยิ้มขึ้นมา ผายมือไปทางอีกฝ่าย “นั่งก่อนสิ”

กวนเสี่ยวชิงนั่งลงไปตามที่เธอบอก ลำตัวยืดตรง ท่าทางดูจริงจังตั้งใจ

ผู้จัดการหวังเรียบเรียงคำพูดเอาไว้แล้ว จึงกล่าวว่า “ที่เรียกเธอมาก็ไม่มีอะไร ฉันจำได้ว่าฉันเป็นคนสัมภาษณ์และรับเธอเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง คอยจับตาดูเธออยู่หลายปี เห็นว่าเธอทำงานได้ไม่เลว ดังนั้นฉันก็เลยอยากจะให้โอกาสเธอได้ฝึกฝนหาประสบการณ์ เธอคิดว่ายังไง?”

โอกาส? กวนเสี่ยวชิงตื่นเต้นขึ้นมาทันที รีบพยักหน้าหงึกๆ พลางกล่าวว่า “ยินดีทำทุกอย่างค่ะ”

ตอบรับทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ถามเลย เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอ ผู้จัดการหวังก็ลอบถอนใจ แต่ก็ยังยิ้มพลางกล่าวต่อไปว่า “เขตเหมืองหินวิญญาณของหอการค้าต้องการคน เธอไปที่เขตเหมืองแล้วกัน!”

กวนเสี่ยวชิงงุนงงไปทันที เขตเหมืองอยู่ห่างเมืองเป็นอย่างมาก ถ้าไปที่นั่นก็หมายความว่าจะไม่ได้กลับมาที่เมืองอีกนาน ยิ่งไปกว่านั้นสภาพแวดล้อมเลวร้าย เต็มไปด้วยสัตว์ดุร้าย คนที่ไปส่วนใหญ่จะไม่กล้าออกมาข้างนอก จึงกล่าวเสียงแผ่วเบาทันทีว่า “ปกติเขตเหมืองจะมีแต่ผู้ชายที่ไปไม่ใช่หรือคะ ทำไมถึงให้ฉันไปล่ะคะ?”

ผู้จัดการหวังกล่าวว่า “ดังนั้นถึงได้เรียกว่าหาประสบการณ์ยังไงล่ะ ไปเถอะ อยู่สักห้าปี ขอเพียงทำได้ดี อีกห้าปีฉันจะเรียกเธอกลับมาแล้วเลื่อนตำแหน่งให้ แต่ถ้าเธอไม่ยอมไป อย่างนั้นฉันก็จะผิดหวังอย่างมาก หากกระทั่งแค่นี้ก็ยังไม่กล้าแบกรับ ฉันว่าตระกูลฉินก็คงไม่เหมาะกับเธอแล้วล่ะ”

ตอนแรกกวนเสี่ยวชิงยังคงมีความหวังอยู่ คิดว่านี่เป็นการเลื่อนขั้นให้เธอไปยังเขตเหมือง หากเป็นแบบนั้น ยอมอยู่ที่นั่นแค่ไม่กี่ปีก็ถือว่าคุ้ม แต่พอฟังๆ ไปแล้วพบว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น อะไรคืออีกห้าปี? เรื่องในอีกห้าปีใครจะไปรู้ได้ว่าจะเป็นอย่างไร?

โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายนั่น มองไม่ออกถึงการดูแลเป็นห่วงอะไรเลย

แต่ความหมายในคำพูดของอีกฝ่ายนั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก จะไปเขตเหมือง หรือไม่ก็ออกไปจากตระกูลฉิน

เธอไม่มีทางเลือก เพื่อเงินเดือนก้อนนี้แล้ว สุดท้ายจึงได้แต่ต้องตอบรับไปอย่างเศร้าสร้อย

ผู้จัดการหวังกล่าวว่า “เดี๋ยวเธอเลิกงานก่อนได้เลย ให้เวลาเธอเตรียมตัวสามวัน อีกสามวันทางหอการค้าจะส่งเธอไปที่นั่น”

กวนเสี่ยวชิงก้มหน้าเดินจากไป

ผู้จัดการที่อยู่ในห้องเพียงคนเดียวยิ้มเจื่อนขึ้นมา เธอเองก็ไม่อยากทำแบบนี้ แต่นี่เป็นคำสั่งของไป๋หลิงหลง หากเธอไม่ทำตาม เกรงว่าคนที่ต้องออกไปจากตระกูลฉินคงจะเป็นเธอแทน

ช่วยไม่ได้ เธอได้แต่ต้องเป็นคนร้ายคนนั้นเอง

เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอย่างไป๋หลิงหลงถึงต้องมาจัดการเด็กสาวที่อยู่ในระดับล่างแบบนี้ด้วย?

แต่ความเป็นจริงมันก็มักจะแปลกประหลาดเช่นนี้ มักจะโหดร้ายเช่นนี้ ในเรื่องบางเรื่อง คนบางคนไม่จำเป็นต้องรู้ความจริงของมัน หรือพูดอีกอย่างก็คือไม่มีสิทธิ์รู้ความจริง

เธอไม่ได้รู้เลยว่านี่เป็นผลที่ได้มาจากการครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนของไป๋หลิงหลง เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องให้ฉินอี๋เอ่ยออกมา เธอที่เป็นผู้ช่วยย่อมต้องรู้ว่าควรจัดการอย่างไร

ความจริงเธอสามารถไล่กวนเสี่ยวชิงออกไปจากตระกูลฉินได้เลย แต่อีกฝ่ายก็จะยังอยู่ในเมือง แล้วก็ยังสามารถติดต่อพัวพันกับหลินยวนได้อยู่

หากปล่อยให้เรื่องราวมันไปถึงขั้นนั้นแล้วค่อยมาจัดการล่ะก็ แบบนั้นมันก็เปล่าประโยชน์แล้ว ถ้าถึงกับต้องฆ่ากันเพื่อเรื่องแบบนี้ เกิดเรื่องราวเล็ดรอดออกไป มันจะไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น กฎหมายของดินแดนเซียนไม่ได้วางเอาไว้ให้ดูเฉยๆ เรื่องที่สามารถใช้วิธีการเล็กๆ น้อยๆ จัดการได้ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้มันวุ่นวายใหญ่โต

ย้ายเธอออกไป ทำให้ทั้งสองคนเจอหน้ากันยากขึ้น จากนั้นพวกเขาก็จะขาดการติดต่อกันไปเอง

นี่คือวิธีที่ดีที่สุด….

……

บนถนนเส้นหนึ่งที่อยู่ด้านนอกหอการค้าตระกูลฉินมีรถคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง

คนขับที่สวมหมวกมองไปยังต้นไม้ใหญ่ของตระกูลฉินที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างต้นนั้นพลางพยักเพยิดหน้า “นั่นคือสำนักใหญ่ตระกูลฉินที่คุณอยากดู”

ด้านหลังที่นั่งคนขับมีผู้ชายอยู่คนหนึ่ง ใบหน้าคมสัน ผมที่สั้นเสมอหูหวีเรียบไปด้านหลัง ไม่ยุ่งเหยิงแม้แต่นิดเดียว เห็นได้ชัดว่าใช้ของจำพวกสเปร์จัดแต่งทรงผม สวมเสื้อกันลมสีเทาขาว หมุนแหวนหยกเขียวที่อยู่บนหัวแม่มือข้างซ้ายเล่น เมื่อได้ยินเสียงคนขับจึงเงยหน้าขึ้นมา มองไปด้านนอกหน้าต่าง

ใบหน้าแนบชิดไปกับกระจกรถ มองดูต้นไม้ใหญ่ของตระกูลฉินต้นนั้น “ใหญ่โตโอ่อ่าทีเดียว ฉินอี๋อยู่ข้างในเหรอ?”

คนขับกล่าว “น่าจะอยู่ ปกติเธอก็ทำงานอยู่ที่นี่ คุณเพิ่งมาถึงก็ตรงมาที่นี่เลย ทำไมเหรอ?” คนขับเหลียวหน้ากลับมาถาม “คุณอยากจะเข้าไปหาเธอตอนนี้เหรอ?”

ชายสวมเสื้อกันลมหมุนแหวนหยกที่อยู่บนหัวแม่มือ “ไม่ได้บอกกล่าวเอาไว้ก่อน จู่ๆ จะเข้าไปหา ถ้าเธอไม่รู้ว่าฉันมาทำไมก็คงจะไม่ยอมเจอฉันหรอก เลือกสถานที่ที่เธอไม่มีทางปฏิเสธได้ดีกว่า เรื่องที่ให้นายไปสืบน่ะเป็นยังไงบ้าง?”

คนขับรถกล่าว “ไปสืบมาแล้ว ที่เมืองปู๋เชวี่ยไม่มีใครรู้เรื่องเลย”

ชายสวมเสื้อกันลมกล่าวว่า “ไม่มีทางที่จะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ถ้าไม่มีเทพมหาวิญญาณให้ทดสอบ แล้วจะเอาผลทดสอบมาจากไหน? เทพมหาวิญญาณที่ใหญ่โตขนาดนั้น ถ้าเคลื่อนไหวขึ้นมาก็ไม่มีทางปิดเอาไว้ได้”

คนขับรถนิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนกล่าวถามว่า “อาศัยความแข็งแกร่งของตระกูลโจว ยังกลัวจะประมูลแพ้ตระกูลฉินอีกเหรอ?”

ชายสวมเสื้อกันลมยื่นมือไปด้านหน้า ถอดหมวกของคนขับออกมา เผยให้เห็นศีรษะที่ล้านเกลี้ยงของคนขับ “เช็ดหน้าผากให้มันเกลี้ยงๆ แล้วคิดดูดีๆ ถ้าตระกูลฉินรู้ว่าแข่งไม่ชนะแต่ก็ยังจะเข้ามา แบบนั้นมันหมายความว่าอย่างไร? เพราะพวกเขามีเงินเยอะจนไม่มีที่ให้ใช้เหรอ หรือว่าชอบหาเรื่องให้ตัวเองขายหน้า? พวกเขากล้ามาหยิบเกาลัดจากในกองไฟ แสดงว่าพวกเขาจะต้องมีอะไรอยู่ในมือแน่ กล้าทำเป็นเล่นเหรอ?”

คนขับรถคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “ในเมื่อกังวลใจ ทำไมถึงไม่จัดการไปเลยล่ะ”

ชายเสื้อกันลมกล่าวว่า “จัดการยังไง? ลั่วเทียนเหอเป็นใคร? เขาเป็นผู้อาวุโสจากวังสวรรค์ เบื้องหลังลึกตื้นหนาบางอย่างไรไม่มีใครรู้ กระทั่งเจ้าแคว้นก็ยังเป็นนักเรียนของเขา ต้องเคารพเขาอยู่สามส่วน ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ เกิดผิดพลาดขึ้นมา ใครจะแบกรับผลที่ตามมาไหว?”

คนขับรถหันหน้ากลับมาอีกครั้ง “เข้าใจแล้ว เพียงแต่คุณบอกผมปุบปับแบบนี้ ผมมีเวลาน้อยเกินไป อีกทั้งที่นี่ยังเป็นพื้นที่ของตระกูลฉินอีก หูตาของตระกูลฉินมีอยู่ทุกที่ ผมไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม กลัวจะแหวกหญ้าให้งูตื่น ให้เวลาผมหน่อย ภายในสามวัน ผมจะต้องมีคำตอบให้คุณแน่นอน”

“ไม่ใช่ฉันปุบปับ แต่เป็นตระกูลฉินที่ปุบปับ ปุบปับก็ยื่นมือเข้ามาในวันที่ครบกำหนดเส้นตาย เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้คนอื่นมีเวลาเตรียมตัวมากนัก นายจะมาโทษฉันก็ไม่ได้” ชายเสื้อกันลมเอาหมวกใส่กลับไปบนหัวของเขา “เฉาซยง[1] เรื่องนี้ฉันเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอน้ามาจัดการเอง ถ้าจัดการได้ไม่ดี เกิดหอการค้าถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา ฉันหนีไม่ได้ นายเองก็หนีไม่รอดเหมือนกัน อีกไม่นานก็จะถึงวันประมูลแล้ว เบื้องบนอยากจะเตรียมรับมือเอาไว้แต่เนิ่นๆ ตอนนี้กำลังรอฟังข่าวจากฉันอยู่ ฉันต้องรีบให้คำตอบเบื้องบน สามวัน ฉันให้นายสามวัน ถ้าอีกสามวันนายไม่มีคำตอบให้ฉัน อย่างนั้นก็ไม่ต้องตอบแล้ว หาทางรอดเอาเองก็แล้วกัน!”

คนขับรถยกมือขึ้นขยับหมวกของตัวเอง สีหน้าคร่ำเคร่ง….

………………………………………………………….

ซยง[1] เป็นคำที่ใช้เรียกเพื่อนชายด้วยความนับถือ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน