บทที่ 1111 : จอมโจรตี้คัง (1)
เว่ยเชิงผิงหยิบถุงเก็บของออกมาอย่างสั่นๆ ก่อนจะยื่นให้ไป๋หยานอย่างระมัดระวัง
“สมบัติอยู่นี่แล้ว”
ตี้คังคว้าถุงเก็บของมาจากนั้นก็โยนให้ไป๋หยานโดยไม่แม้แต่จะหันไปมอง
“ดูสิว่าชอบหรือไม่หากไม่…ไว้ข้าจัดการคนพวกนี้เสร็จเสียก่อน พวกเราค่อยไปปล้นที่อื่นต่อ”
เว่ยเชิงผิงตกใจมากเขาหันไปมองไป๋หยานด้วยความหวาดกลัว เขาเกรงว่าหากไป๋หยานไม่พอใจ ศีรษะอาจจะไม่ตั้งอยู่บนร่างของเขาอีกต่อไป
หากรู้ว่าสนามรบโบราณแห่งนี้อันตรายมากถึงเพียงนี้วันนั้นเขาคงจะไม่รับหน้าที่มาคุ้มกันเป็นแน่ !
ไป๋หยานใช้พลังจิตสำรวจพลางลูบคางของตนเบา ๆ “มีพืชสมุนไพรดี ๆ เพียงไม่กี่ชนิด ที่จะสามารถใช้ปรุงยาได้ ส่วนของอื่น ๆ … ข้าไม่ต้องการเลย”
”หือ?” ตี้คังเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ สายตาที่เย็นชาของเขาจับจ้องมองเว่ยเชิงผิงอีกครั้ง ขณะเอ่ยถามอย่างเคร่งเครียด “เจ้ายังซ่อนอะไรอยู่อีกใช่ไหม ?”
ใบหน้าของเว่ยเชิงผิงซีดลง”ไม่…ไม่จริง ข้าจะกล้าซ่อนอะไรอีกได้เล่า นี่เป็นของทั้งหมดที่ข้ามีแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้น… ข้าก็จะทิ้งศพเจ้าไว้ให้เป็นปุ๋ยสมุนไพรเหล่านั้น”
ตี้คังกล่าวเยาะเย้ย
เว่ยเชิงผิงเข่าทรุดลงกับพื้นเขาไม่คาดคิดว่า แม้เขาจะมอบทุกอย่างให้แล้ว ชายผู้นี้ก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาไป
เขากัดริมฝีปากสายตาของเขากวาดไปมองนางบำเรอแสนสวยที่หมอบราบอยู่กับพื้น ดวงตาของเขากลอกไปมา ทั้นใดนั้นเองเขาก็รีบลุกขึ้นจากพื้น พร้อมกันนั้นก็คว้าตัวนางบำเรอแสนสวย รีบเดินเข้าไปหาตี้คัง
”ท่านราชาอสูรได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด หากท่านปล่อยข้าไป นางบำเรอแสนสวยทั้งหมดของข้าก็จะตกเป็นของท่าน”
เว่ยเชิงผิงรีบสะกิดนางบำเรอข้างกายเขา”อย่าเพิ่งรีบไปไหน รับใช้ท่านราชาอสูรก่อน”
นางบำเรอตัวสั่นด้วยความตกใจนางรวบรวมความกล้า เดินเข้าไปหาตี้คัง
อย่างไรก็ตาม…
ก่อนที่นางจะก้าวไปถึงหน้าตี้คังกลิ่นอายจากตี้คังก็แผ่ออกมา เขาตะโกนอย่างเย็นชาว่า “ออกไป !”
ร่างของนางบำเรอลอยละลิ่วก่อนจะตกลงบนพื้นด้านนอกประตู เลือดไหลออกมาไม่หยุด กระทั่งย้อมเสื้อผ้าของนางเป็นสีแดง
นัยน์ตาที่เย็นชาของชายหนุ่มหันมามองสบตาเว่ยเชิงผิงเอ่ยกล่าวเย้ยหยัน “เดิมทีราชาผู้นี้ต้องการปล่อยศพเจ้าไว้แบบสมบูรณ์ หากแต่ดูเหมือนว่า … เจ้าจะไม่อยากรับโอกาสนี้ !”
เว่ยเชิงผิงนิ่งไปครู่หนึ่ง”หรือท่านเห็นว่านางบำเรอคนนี้ยังไม่งดงามพอ เช่นนั้นไม่เป็นไรข้ายังสามารถหาสาวงามที่น่าทึ่งมากำนัลท่านได้ เพียงขอให้ท่านปล่อยข้าไป
ไป๋หยานเหลือบมองเว่ยเชิงผิงเบาๆ พลางส่ายศีรษะ กระทั่งถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาทำสิ่งใดผิด …
“ไม่น่าแปลกใจที่บุตรสาวของเจ้าจะโง่มากที่แท้ก็เป็นเพราะเจ้านี่เอง” ผู้อาวุโสใหญ่ประชดประชัน “องค์ราชาทรงพิโรธ นั่นก็เป็นเพราะเจ้าต้องการถวายสตรีให้พระองค์ เจ้ายังไม่รู้ตัวว่าเจ้าทำผิดตรงไหน ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาส่งเจ้ามาปกป้องสนามรบโบราณแห่งนี้”
เว่ยเชิงผิงตกตะลึงเขาส่งสตรีไปให้ก็ผิดงั้นหรือ ? บุรุษในโลกนี้จะปฏิเสธความงดงามอันเย้ายวนเช่นนี้ได้อย่างไร ?
ตี้คังถอนสายตาพลางหันไปรั้งไป๋หยานเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เพื่อสงบสติอารมณ์ เขาเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หยานเอ๋อ…อย่าโกรธเลยนะมามะข้าจะช่วยบรรเทาความโกรธให้จะดีหรือไม่ ?”
ไป๋หยานหัวเราะ”ท่านคิดว่าข้าจะโกรธงั้นหรือ ? มันเรื่องของเขาที่เขาต้องการส่งผู้หญิงมาบรรณาการท่าน ส่วนท่านไม่ยอมรับก็ถูกต้องแล้วนี่ เว้นแต่ว่า…หากท่านกล้ารับนาง ข้าก็จะฆ่าซะ รับคนหนึ่งข้าก็ฆ่าคนหนึ่ง รับสองคนก็ฆ่าทั้งสองคน จะรับกี่คนก็ฆ่าให้หมดแหละ !”
“เหตุใดต้องให้หยานเอ๋อเหนื่อยถึงเพียงนั้นเพื่อไม่ให้มือที่สวยงามของหยานเอ๋อต้องเปรอะเปื้อน สามีของเจ้าจะแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้เอง”
บทที่ 1112 : จอมโจรตี้คัง (2)
ตี้คังลูบมือเรียวงามราวหยกของนางเบาๆ ขณะกระพริบตาอย่างเย็นชา
กล้าหาสตรีให้เขาเว่ยเชิงผิงผู้นี้คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริง ๆ สินะ !
โชคดีที่หยานเอ๋อไม่ได้เข้าใจเขาผิดหาไม่ชะตากรรมของเขาจะต้องคล้ายกับบุตรสาวของชายคนนั้นเป็นแน่ !
ร่างของเว่ยเชิงผิงแข็งค้างเขามองนางบำเรอของตน พลางกล่าวพึมพำกับตนเอง “เหตุใด … เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ?”
เป็นเรื่องปกติที่บุรุษจะมีภรรยาสามอนุสี่อีกบุตรสาวของเขาก็มีจิตใจที่กว้างขวางนางรับเรื่องเช่นนี้ได้
หากแต่สตรีผู้นี้ก็ขี้หึงเสียเหลือเกินไยราชาอสูรถึงได้ตามใจนางนัก ?
”เว่ยเชิงผิงข้าจะอธิบายให้เจ้าเข้าใจ” ผู้อาวุโสใหญ่เหลือบตามองเว่ยเชิงผิงที่ยังยืนโง่งมอยู่ เขาเม้มริมฝีปากอย่างเย้ยหยัน “เผ่าจิ้งจอกของเราเต็มไปด้วยสาว ๆ ทรงเสน่ห์มากมาย ทว่าองค์ราชาเราก็ไม่เคยต้องพระทัย พระองค์มีพระทัยให้เพียงราชินีผู้เดียวเท่านั้น ”
“ตอนนี้เจ้ายังอยากถวายสตรีให้พระองค์อีกหรือไม่? หากทรงปรารถนาสตรีสักคน จะต้องให้เจ้าหาให้อีกกระนั้นหรือ ? ราชาทรงโปรดปรานเพียงราชินีผู้เดียวเท่านั้น ข้าไม่คิดเลยว่าสมองของเจ้าจะโง่เง่าถึงเพียงนี้ ! เจ้ากล้าที่จะถวายสตรีให้องค์ราชาต่อเบื้องพระพักตร์ราชินี !”
ใบหน้าของผู้อาวุโสใหญ่เย็นชาขึ้นพูดง่าย ๆ ก็คือเว้นแต่ราชินีแล้ว สตรีที่ตกหลุมรักราชาทุกคนไม่มีผู้ใดได้พบจุดจบที่ดีเลย
”ลากตัวเขาไป…”ตี้คังกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมแววตาทรงอำนาจ “ให้สัตว์อสูรห้าตัวแยกร่างเขา !”
“พ่ะย่ะค่ะองค์ราชา!”
ผู้อาวุโสใหญ่ป้องหมัดพลางหันไปขยิบตาให้สัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ในห้องโถงทันที
สัตว์อสูรสองตัวรับสัญญาณนั้นพลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางเว่ยเชิงผิง
”ไม่!”
พร้อมเสียงปังเว่ยเชิงผิงก็สะบัดหลุดพ้นจากพันธนาการ เขารีบวิ่งออกไปนอกประตู
เพียงผ่านพ้นออกนอกประตูมาได้ก็ปรากฏร่างชายชราขวางทางเขาไว้
”จะหนีไปที่ใด?”
ชายชราเยาะเย้ยจากนั้นก็ชกหมัดดังปัง ด้วยฝ่ามือนี้ เว่ยเชิงผิงที่เพิ่งวิ่งออกมาจากห้องโถงก็ถูกกระแทกกลับเข้าห้องไป
ครั้นเห็นเช่นนี้สัตว์อสูรทั้งสองก็รีบก้าวไปข้างหน้าพวกเขาจับตัวเว่ยเชิงผิงไว้แน่น จากนั้นก็ลากตัวเว่ยเชิงผิงขึ้นจากพื้น
ฝ่ามือของผู้อาวุโสใหญ่ทรงอานุภาพอย่างมากเว่ยเชิงผิงจึงไม่ต่างจากสุนัขที่ตายแล้ว เขาถูกสัตว์อสูรทั้งสองลากตัวออกไป ไม่เหลืออาการดิ้นรนใด ๆ ทั้งสิ้น
”ราชา…จะทรงให้จัดการกับผู้คนในคฤหาสน์เว่ยเยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ?”
ผู้อาวุโสใหญ่ป้องกำปั้นของเขาพลางเอ่ยถาม
”ผู้ที่อยู่เหนือระดับเทพขึ้นไปหากยินยอมจำนนกับเจ้าก็รอด หากไม่ยินยอมจำนนก็ … ฆ่าซะ !”
ทันทีที่คำว่าฆ่าหลุดออกจากปากกลิ่นอายสังหารก็ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
ตี้คังลุกขึ้นยืนเขารั้งเอวของไป๋หยานเข้ามากอดด้วยอาการทะนุถนอม “หยานเอ๋อ นี่ก็ดึกมากแล้ว เรากลับกันเถอะเจ้าต้องพักผ่อนให้มาก ๆ ”
”อืม”
ไป๋หยานพยักหน้านางเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ
ก่อนที่ตี้คังจะจากไปเขาชะงักอีกครั้ง จากนั้นก็กล่าวทั้งที่ยังหันหลังให้กับผู้อาวุโสใหญ่ที่อยู่ด้านหลังด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ค้นหาทุกตารางนิ้วในสนามรบโบราณแห่งนี้ ที่นี่อุดมไปด้วยสมุนไพรชั้นยอด นำสมุนไพรเหล่านั้นกลับไปกำนัลราชินี”
”พ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นเสียงของผู้อาวุโสใหญ่จบลงตี้คังก็หายไปพร้อมกับวงแขนที่โอบรอบตัวของไป๋หยาน
ผู้อาวุโสใหญ่หันหน้าไปมองเหล่านางบำเรอและนางรำที่ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้น พลางขมวดคิ้ว “แล้วจะจัดการกับคนพวกนี้เช่นไร ?”
นางบำเรอเหล่านั้นตัวสั่นงันงกพละกำลังของพวกนางไม่แข็งแกร่งนัก เช่นนั้นพวกนางจึงไม่มีคุณสมบัติพอจะรับใช้สัตว์อสูรเหล่านี้ เหลือเพียงทางเดียวที่พวกนางจะรอด
“นายท่าน…พวกเราทุกคนต่างก็ถูกเว่ยเชิงผิงจับตัวมาเป็นเชลยพวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องติดตามเขา ข้าขอร้องได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ ข้าให้สัญญาว่าพวกเราจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกท่านอีก”
นางบำเรอเหล่านี้น้ำตาเอ่อคลอน่าเวทนาหากแต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็ยังคงนิ่งราวกับภูเขาที่ไม่สะทกสะท้านกับสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย
บทที่ 1113 : จอมโจรตี้คัง (3)
”ให้ข้าปล่อยเจ้าไปแล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าในใจของเจ้ามีสิ่งหมกเม็ดใดอยู่หรือไม่ ?” ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มเยาะขณะเอ่ยถาม
อนุคนหนึ่งกัดริมฝีปากนางก้มศีรษะพลางเอ่ยถามว่า “จะให้ทำเช่นไรนายท่านจึงจะยอมปล่อยเราไป ?”
”ให้ข้าสลักพลังจิตลงในจิตของเจ้าเพื่อจะได้ควบคุมการกระทำของเจ้าได้ตลอดเวลา มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ข้าจะยอมปล่อยเจ้า หาไม่ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ !”
สาวๆ สะดุ้งต่างก็ลดศีรษะลง พวกนางครุ่นคิดเพียงครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโส
”พวกเราเต็มใจ”
มีชีวิตอยู่ย่อมดีกว่าตาย
ถูกควบคุมไปชั่วชีวิตยังดีกว่าจบชีวิตที่นี่
ครั้นเห็นเช่นนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่ได้กล่าวคำใดอีก เขาปล่อยพลังจิตเข้าไปบังคับพิมพ์ร่องรอยในจิตของหญิงสาวเหล่านี้จากนั้นก็เอ่ยกล่าวอย่างเย็นชา
”พวกเจ้าไปได้แล้วจำไว้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในสนามรบโบราณห้ามพูดออกไป”
”พวกเราเข้าใจดี”
สาวๆ ต่างดีใจ
แท้จริงแล้วพวกนางถูกเว่ยเชิงผิงจับตัวมาที่นี่หาใช่เต็มใจไม่ ตอนนี้พวกนางได้อิสระแล้ว จะไม่ให้พวกนางมีความสุขได้เยี่ยงไร
เช่นนั้น…พวกนางจึงรีบวิ่งออกจากประตูเพียงพริบตาก็หายไปพร้อมความมืดในยามราตรี …
ณเทวาคาร
ผู้อาวุโสหลายคนกำลังนั่งปรึกษากันในห้องประชุมทว่าจู่ ๆ ประตูก็ถูกผลักเปิดออก พร้อมกับทหารยามคนหนึ่งรีบร้อนก้าวเข้ามา
”เรียนท่านผู้อาวุโสอาณาจักรอสูรได้สังหารเว่ยเชิงผิงผู้พิทักษ์สนามรบโบราณแล้ว !”
”ว่าไงนะ?” อาวุโสหลิงตกใจลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมกับตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยว “คนพวกนี้กล้าสังหารคนอาณาจักรสวรรค์ได้ยังไง !”
”ท่านผู้อาวุโสเราจะทำเช่นไรกันต่อไป ?” ทหารยามคุกเข่าลงบนพื้น เอ่ยถามด้วยความเคารพ
อาวุโสซวนและคนอื่นๆ ต่างเงียบ
”เราไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ราชาอสูรมีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด หากเขากำเริบเสิบสานมากไปกว่านี้ ข้าเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่ออาณาจักรสวรรค์ของเรา”
”อย่างไรก็ตาม…หากเราออกจากเทวาคารนี่แล้วราชาเทพสวรรค์ทรงทราบเข้า พระองค์ก็อาจจะยับยั้งพวกเรา แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลานั้น แม้ว่าเราจะออกไปจัดการอะไรมันก็จะไม่มีประโยชน์”
อีกคนขมวดคิ้วพลางถอนหายใจความแข็งแกร่งของอาณาจักรอสูรนั้นไม่ธรรมดา แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะถูกอาณาจักรสวรรค์ปราบปราม ทว่าก็ยังมีคนสามารถบรรลุสู่ระดับเทพจนได้
เช่นนั้น…
พวกเขาจะต้องไม่ปล่อยคนเหล่านั้นไว้อีก!
”ผู้อาวุโส…ปล่อยเรื่องนี้ให้ข้าจะจัดการเถิด”
ทันใดนั้นเองเสียงเบาๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
ผู้อาวุโสหลายคนหันขวับกลับไปมองสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาก็คือใบหน้าที่อ่อนโยนงดงามน่าทึ่งยืนอยู่บริเวณประตู
สตรีในอาภรณ์สีขาวราวเทพธิดาสะอาดบริสุทธิ์ ไร้ราคีนางเปรียบประดุจเทพธิดาที่ไม่เคยสัมผัสกับเรื่องราวโลกีย์
”รั่วซี…เจ้าเป็นสตรีที่แดนสวรรค์ภาคภูมิใจหากมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นกับเจ้า พวกเราจะทำเช่นไร ?”
อาวุโสซวนขมวดคิ้วแน่นเอ่ยกล่าวเบา ๆ
”ท่านผู้อาวุโสข้าน้อยขอบคุณสำหรับการดูแลเอาใจใส่ของท่านในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่ออาณาจักรสวรรค์บ้าง ตราบใดที่อาณาจักรสวรรค์ยังมั่นคง และปลอดภัย แม้ว่าข้าจะต้องสละชีวิต ข้าก็เต็มใจ”
มุมปากของหยุนรั่วซียกยิ้มเศร้าหมองหากแต่แววตาของนางกลับมั่นคง ซึ่งนั่นทำให้ผู้คนไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ได้
ทำให้บรรดาผู้อาวุโสเกิดอาการหวั่นไหวไปกับท่าทีของนาง
ราชาเทพสวรรค์ปฏิบัติกับนางเช่นนี้ได้อย่างไรเขาไม่กลับมานานนับพันปี นางก็รอมานานนับพันปีโดยไม่มีแม้คำบ่นน้อยอกน้อยใจ ตอนนี้นางยังเต็มใจที่จะเสี่ยงเพื่ออาณาจักรสวรรค์อีก …
”รั่วซีเครื่องรางนี่ของเจ้า” การแสดงออกของอาวุโสหลิงอ่อนลง “มีคนเคยพูดกับเราว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของเครื่องรางรูปพระจันทร์นี้จะเป็นผู้ที่นั่งบัลลังค์สูงสุดในอนาคต เช่นนั้น เจ้าจะต้องปลอดภัยไม่มีเหตุร้ายใดเกิดขึ้นกับเจ้าเป็นแน่ !”
บทที่ 1114 : จอมโจรตี้คัง (4)
หยุนรั่วซีจับเครื่องรางที่ห้อยอยู่รอบคอของตนแน่นมุมปากของนางยกยิ้ม “อาวุโสหลิงโปรดมั่นใจ เมื่อข้าถูกกำหนดให้อยู่ในตำแหน่งนั้น ข้าย่อมจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ ”
”เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถิด”
อาวุโสหลิงยอมแพ้
หยุนรั่วซีทักทายผู้อาวุโสทั้งหลายจากนั้นก็ออกจากประตู
ครั้นมองไปยังทิศทางที่นางกำลังจะบ่ายหน้าไปอาวุโสหลิงก็คลี่ยิ้มน้อย ๆ “สิ่งที่ถูกต้องที่สุดที่แม่นางไป๋ทำในครานั้นก็คือพารั่วซีมาที่เทวาคารนี่ อย่างไรก็ตามเกิดอะไรขึ้นกับตาเฒ่าบ้าคนนั้น ?”
”เอ่อ…”
เหล่าผู้อาวุโสหันมองหน้ากันโดยไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของอาวุโสหลิงเช่นไร
ในที่สุดอาวุโสซวนก็ถอนหายใจเล็กๆ
”นับแต่แม่นางไป๋ถูกพวกเราทำลายชายชราคนนั้นก็กลายเป็นคนวิปลาส”
”ฮึ่ม!” อาวุโสหลิงตะคอกอย่างเย็นชา “ตาแก่บ้านั่น ทุกอย่างเป็นเพราะเขา เขานั่นแหละที่พาแม่นางไป๋มาที่นี่ หาไม่ แดนสวรรค์ของพวกเราจะกลายเป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?”
อาวุโสหลิงรู้สึกเคียดแค้นชายชราผู้วิปลาสอยู่ในใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายชราคนนั้นกล้าที่จะปกป้องนางให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกเขา !
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเขาไม่สงบสุขนัก
”อืม…อย่าไปพูดถึงตาเฒ่าบ้าคนนั้นเลยเราออกไปฝึกด้วยกันเถอะ”
ผู้อาวุโสชุดเขียวค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นไพล่หลัง จากนั้นก็เดินออกจากประตู
คนอื่นๆ ต่างก็ลุกขึ้นยืน และแยกย้ายกันออกไปจากห้องประชุม
ทว่า…
ทันทีที่พวกเขาเดินไปถึงประตูพวกเขาก็เห็นชายชราผมขาวเดินมาขวางหน้าด้วยท่าทางบ้าคลั่ง
ชายชราคนนั้นสวมใส่เสื้อคลุมสีขาวมอๆ ขาดวิ่น เรือนผมสีเทาของเขาปกคลุมไปด้วยเส้นฟาง ดูยังไงก็ไม่ปกติ เขาคือคนบ้าอย่างชัดเจน
”ไป๋ไป๋เจ้าอยู่ที่ใด ? อย่าหลบปู่สิ ยังไงปู่ก็หาเจ้าเจอ !”
ชายชราวิ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างบ้าคลั่งแววตาของชายชราสว่างไสวขึ้นทันทีที่เห็นอาวุโสหลิง เขารีบเอื้อมมือไปคว้าอาวุโสหลิงไว้
”ไป๋ไป๋ในที่สุดข้าก็จับเจ้าได้แล้ว คราวนี้ดูสิว่าเจ้าจะหลบข้าอย่างไร ? เสี่ยวไป๋ไป๋ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดปู่ถึงเรียกเจ้าว่าไป๋ไป๋ ก็ไป๋ไป๋ของปู่บริสุทธิ์และสวยงาม ชื่อ ไป๋ไป๋จึงเหมาะกับเจ้าที่สุด ”
ใบหน้าของอาวุโสหลิงเปลี่ยนจากดำเป็นขาวแล้วก็เปลี่ยนจากขาวเป็นดำ เขาปัดมือของชายชราที่วิปลาสออก พลางตะโกนด้วยความโกรธ “เห็นชัด ๆ ว่าข้าไม่ใช่ไป๋ไป๋ของเจ้า !”
ชายชราผู้วิปลาสถูกเหวี่ยงกระทั่งเซไปสองสามก้าว สายตาของเขาหม่นหมอง “แล้วไป๋ไป๋ไปไหนแล้วล่ะ ? ไป๋ไป๋น้อยของข้า โอ้…หลานสาวที่แสนดีของข้าอยู่ที่ใด ?”
ใบหน้าของอาวุโสหลิงน่าเกลียดมาก”เป็นแค่ขอทานน้อยที่เจ้าเก็บมา กลับปฏิบัติกับนางราวนางเป็นหลานสาวจริง ๆ ทั้งที่ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่หลานของเจ้าสักหน่อย เจ้าถึงกับเป็นบ้าเพราะหญิงผู้นั้นเลยหรือ ? หากมิใช่เพราะเจ้าเป็นบ้า ข้าจะลงโทษเจ้าที่พาหญิงผู้นั้นกลับมาที่วัง !”
ชายชราวิปลาสไม่ได้ยินถ้อยคำของอาวุโสหลิงเขาเดินโซซัดโซเซออกนอกพระราชวัง
”ข้าจะไปหาหลานสาวคนดีของข้าหลานสาวที่รักของข้าอยู่ที่ใด ?”
ครั้นเห็นชายชราวิปลาสวิ่งออกไปอาวุโสหลิงก็ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ
“ตาแก่นั่นเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ ปล่อยเขาไปเถอะ”
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็รู้จักกันมานานหลายปี อาวุโสซวนยังคงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เมื่อได้เห็นสหายเก่ากลายสภาพเป็นเช่นนี้
”ในเมื่อเขาชอบที่จะตามหานางก็ปล่อยให้เขาตามหานางไปเถิด อย่างไรเสียหญิงผู้นั้นก็ไม่มีตัวตนอยู่แล้ว แม้ว่าเขาจะพลิกอาณาจักรสวรรค์ เขาก็ไม่อาจหานางพบ !”
อาวุโสหลิงสะบัดแขนเสื้อของตนอย่างแรงเขาไม่ต้องการแม้จะปรายตามองชายชราผู้นั้น เขาหันหลังและมุ่งหน้าไปยังภูเขาด้านหลัง
บรรดาผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็ส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ ไม่มีผู้ใดคิดว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสแดนสวรรค์ในตอนนั้น วันนี้ไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งจะถดถอยกระทั่งถึงระดับที่ไม่อาจรับได้ ทว่ากลับ … เป็นบ้าไปแล้วด้วย
บทที่ 1115 : จอมโจรตี้คัง (5)
อีกทั้งยิ่งนานวันอาการของเขาก็ดูเหมือนจะเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ไป เขาจะยังมีโอกาสหายได้อีกหรือไม่ …
ในขณะที่ผู้คนเหล่านี้ในแดนสวรรค์กำลังปรึกษาหารือกันว่าจะจัดการกับอาณาจักรอสูรอย่างไร? ตี้คังพร้อมด้วยสัตว์อสูรจำนวนมากมายก็ตระเวนปล้นสถานที่ต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ นับไม่ถ้วน
สมบัติที่ถูกปล้นเหล่านั้นจะถูกส่งมอบให้ไป๋หยาน
เช่นนั้น…
นับจากวันนั้นพฤติกรรมของสัตว์อสูรกลุ่มนี้ก็ร่ำลือแพร่กระจายออกไป ดังนั้นทันทีที่เห็นกองทัพสัตว์อสูรบุกเข้ามาในเมืองภายใต้การนำของชายผมสีเงินยวง …
ตี้คังไม่จำเป็นต้องกล่าวคำใดออกมาทุกคนในสถานที่นั้น ๆ ต่างก็พากันหลบหนีหัวซุกหัวซุนพร้อมด้วยสมบัติของตน กระทั่งเหลือเพียงเมืองที่ว่างเปล่าท่ามกลางสายลม
”องค์รราชา…ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรต่อไปดี?”
องครักษ์ตัวสั่นเขาหันไปมองตี้คัง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
ใบหน้าของตี้คังเปลี่ยนเป็นสีเข้มเขายกมือขึ้นพลางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เดินหน้าต่อไป!”
เขาไม่เชื่อว่าวันนี้จะไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปเลย !
มุมปากองครักษ์กระตุกนี่ราชาของเขากลายเป็นโจรตั้งแต่เมื่อใด ? ทุกครั้งที่ราชาโจมตีสถานที่ใด พระองค์เป็นต้องค้นหาสมบัติในสถานที่นั้น ๆ ก่อน
จากนั้นก็ส่งมอบสมบัติทั้งได้มาทั้งหมดให้แก่ราชินี
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองที่บริเวณประตูของพระราชวังอสูรศีรษะเล็ก ๆ ค่อย ๆ โผล่ออกมาอย่างระมัดระวัง ครั้นเห็นว่าไม่มีใครคอยคุ้มกัน เขาก็โบกมือให้เสี่ยวหลงเอ๋อ
ทันทีที่เสี่ยวหลงเอ๋อเห็นท่าทางเช่นนั้นนางก็รีบวิ่งเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
”จุ๊ๆ ๆ ”
ไป๋เสี่ยวเฉินใช้มือน้อยๆ ของตนปิดปากของนาง พร้อมทั้งแสดงท่าทางให้นางเงียบ จากนั้นเขาก็จับมือเล็ก ๆ ของเสี่ยวหลงเอ๋อ พาเดินออกไปข้างนอก
อย่างไรก็ตาม…
เพียงเขาวิ่งออกจากพระราชวังอาณาจักรอสูรก่อนที่เขาจะทันได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกด้วยซ้ำ ร่างหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา อีกทั้งร่างนั้นยังขวางทางเขาไว้
ไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าขึ้นคอแข็งค้างเขามองหญิงสาวแสนสวยเบื้องหน้าพลางยิ้มกว้าง
”ท่านอาหญิงช่างบังเอิญจริง ๆ”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นเลิกคิ้ว”เฉินเอ๋อกับเสี่ยวหลงเอ๋อ นี่พวกเจ้ากำลังจะไปที่ใดกัน ?”
”ข้า… ” ไป๋เสี่ยวเฉินกลอกตา รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาพลันปรากฏบนใบหน้าของเขา “ข้าจะออกไปเล่นกับหลงเอ๋อ เพียงไม่นานก็กลับ”
”จริงหรือ?” นัยน์ตาที่สวยงามของตี้เสี่ยวอวิ๋นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจะไปหาบิดามารดาของเจ้าเสียล่ะมากกว่า”
รอยยิ้มของไป๋เสี่ยวเฉินแข็งค้างท่านอาหญิงผู้ซึ่งถูกหลอกง่ายคนนี้ของเขา ฉลาดขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
“ท่านอาหญิง”
ไป๋เสี่ยวเฉินจับมือเล็กๆ ของตี้เสี่ยวอวิ๋น เอ่ยกล่าวอย่างน่าสงสารว่า “ข้าคิดถึงหม่ามี้ ท่านช่วยปล่อยข้าไปหาหม่ามี้หน่อยจะได้หรือไม่นะ…นะ… ?”
“มารดาของเจ้าสั่งไว้ว่าห้ามออกไปข้างนอกหากมารดาของเจ้ารู้ว่าข้าปล่อยเจ้าไป นางจะต้องโกรธข้าอย่างแน่นอน”
ตี้เสี่ยวอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อยนางมีทีท่าลังเล
”ท่านอาหญิงเฉินเอ๋อ…รู้ว่าท่านรักเฉินเอ๋อมาก เฉินเอ๋อคิดถึงหม่ามี้จริง ๆ … ” นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา “ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้เฉินเอ๋อก็แข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว เฉินเอ๋อสามารถปกป้องหม่ามี้ได้”
“ท่านอาองค์หญิงปล่อยพวกเราไปจะได้หรือไม่ ?”
เสี่ยวหลงเอ๋อดึงแขนเสื้อของตี้เสี่ยวอวิ๋นนัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยหยดน้ำตาแวววาว
”ให้ปล่อยพวกเจ้าไป…คงไม่ได้”ตี้เสี่ยวอวิ๋นกระพริบตาที่สวยงามของนางสองสามครั้ง “ทว่าข้าจะไปกับเจ้า”
ไป๋เสี่ยวเฉินสะดุ้ง”ท่านอาหญิง ความแข็งแกร่งของท่าน … ”
”ทำไมรึ?” ตี้เสี่ยวอวิ๋นเขกหัวของไป๋เสี่ยวเฉิน เอ่ยกล่าวด้วยเสียงกร้าว “เจ้าติว่าความแข็งแกร่งของข้าต่ำไปงั้นหรือ ? ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะความแข็งแกร่งของข้าถูกไอ้บ้าคนไหนผนึกไว้ไม่รู้ รอให้ข้าปลดผนึกออกก่อนเถิด… ”
“เช่นนั้นก็รอให้ท่านปลดผนึกก่อน”
ไป๋เสี่ยวเฉินทำหน้ามุ่ยพร้อมกับตอบโต้อย่างไม่สบอารมณ์