ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 26 จะเข้าไปให้ได้

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 26 จะเข้าไปให้ได้

หลังทั้งสองฝ่ายนั่งลง ฉินอี๋ก็เซ็นสัญญาอย่างไม่รีบร้อน ทั้งยังจงใจหาเรื่องพูดคุยเพื่อถ่วงเวลา “ได้ยินหลิงหลงบอกว่าคุณรู้จักหลัวคังอันกับหลินยวนเหรอคะ?”

ก่อนหน้านี้ไป๋หลิงหลงเล่าเหตุการณ์ที่ทั้งสามคนเจอหน้ากันให้เธอฟัง

ตอนนี้จูลี่เองก็รู้จักชื่อของหลินยวนแล้ว จึงเข้าใจในสิ่งที่เธอถาม ยิ้มตอบว่า “พวกเราสามคนนั่งเรือคุนลำเดียวกันมายังเมืองปู๋เชวี่ยค่ะ ก็ไม่ได้สนิทสนมกัน แค่ถือว่าพอรู้จักกันล่ะมั้งคะ เออใช่ ทำไมพวกเขาสองคนถึงมาอยู่ที่หอการค้าตระกูลฉินได้ล่ะคะ?”

ฉินอี๋กล่าว “พวกเขาเป็นพนักงานที่ทางหอการค้าเพิ่งจ้างมาน่ะค่ะ”

จูลี่พลันกระจ่างทันที มิน่าล่ะ จึงถามต่อว่า “พวกเขาทำอะไรในหอการค้าหรือคะ?”

ฉินอี๋คิดไม่ถึงว่าเธอจะสนใจเรื่องนี้ “บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับทางด้านธุรกิจนะค่ะ ตอนนี้ยังไม่สะดวกที่จะเปิดเผย คุณจูลี่ดูจะสนใจพวกเขานะคะ มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ?”

ที่ไป๋หลิงหลงจงใจเล่าเหตุการณ์ที่ทั้งสามคนพบหน้ากันให้เธอฟังนั้น เป็นเพราะว่าสถานการณ์ในเวลานั้นมันทำให้เธอรู้สึกแปลกประหลาดนิดหน่อย ฉินอี๋เองก็อยากรู้เช่นเดียวกัน

จูลี่ส่ายศีรษะ “เปล่าค่ะ ตอนอยู่บนเรือคุน พวกเขาสองคนนั่งอยู่ทางซ้ายกับทางขวาของฉันพอดี ระหว่างนั้นพวกเขาไม่ได้พูดคุยกันเลยแม้แต่ประโยคเดียว คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วยกัน ก็เลยรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยน่ะค่ะ หากเป็นความลับทางธุรกิจก็ขอโทษด้วยที่ฉันถามมากเกินไป ท่านประธานไม่ต้องใส่ใจนะคะ”

ความจริงก่อนหน้านี้เธอไม่มีความสนใจใดๆ ต่อหลัวคังอันจริงๆ ไม่เพียงแต่จะไม่รู้สึกสนใจ แต่กลับรู้สึกค่อนข้างรังเกียจเสียด้วยซ้ำ ผู้ชายที่ปากหวานและขี้ขลาดแบบนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลย คนที่ทำให้เธอรู้สึกสนใจจริงๆ ก็คือหลินยวน

เวลานี้ทั้งสองคนต่างเข้ามาทำงานอยู่ในหอการค้าตระกูลฉิน ทั้งฉินอี๋ยังบอกว่าเกี่ยวข้องกับความลับทางธุรกิจ ไม่รู้ว่าหอการค้าอันดับหนึ่งในเมืองปู๋เชวี่ยจ้างคนอย่างหลัวคังอันมาทำไม เธอจึงเกิดความรู้สึกสนใจต่อหลัวคังอันขึ้นมาทันทีเช่นกัน อาชีพของเธอทำให้เธอรู้สึกสนใจต่อความลับทุกๆ อย่าง

ส่วนเรื่องที่หลัวคังอันคิดอยากจะจีบตัวเองบนเรือคุน แล้วก็ยังมีเรื่องที่เขาตกใจกลัวจนมากอดขาของตัวเองเอาไว้ เหล่านั้นล้วนแต่เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว จูลี่เองก็ไม่มีอะไรเสียหาย ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่รู้ความจริงทั้งหมด เธอไม่มีความจำเป็นต้องพูดอะไรให้คนอื่นเสียหาย

เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องที่ตัวหลัวคังอันทำผิดแล้วนึกหวาดกลัวไปเอง อันที่จริงคนอื่นไม่แน่ว่าจะต้องใส่ใจ

จูลี่กล่าวจบก็ยื่นมือไปด้านข้างเพื่อขอสัญญาที่เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะกล่าวกับฉินอี๋ว่า “ท่านประธานฉิน เชิญดูสัญญาก่อนค่ะ ถ้าสัญญาไม่มีปัญหาอะไรล่ะก็ พวกเราสามารถเซ็นสัญญาได้เลยหรือเปล่าคะ?” ในสายตาแฝงไว้ด้วยความหวังอยู่เล็กน้อย

ตอนที่นั่งรออยู่ก่อนหน้านี้ เนื่องจากไม่ได้เจอฉินอี๋สักที ทำให้เธอรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย กังวลว่าฉินอี๋จะเปลี่ยนใจหรือเปล่า เพราะว่านี่เป็นข้อตกลงทางธุรกิจรายการแรกของสถานีออกอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข้อตกลงทางธุรกิจที่มีจำนวนเงินมหาศาลด้วย ฉินอี๋ใจป้ำจ่ายเงินก้อนใหญ่ ขอเพียงได้เงินก้อนนี้มา มันก็พอจะเป็นค่าใช้จ่ายของทางสถานีออกอากาศไปได้มากกว่าครึ่งปี

สิ่งสำคัญก็คือสัญญานี้มีระยะเวลาห้าปี สำหรับจูลี่แล้วถือว่าสำคัญอย่างมาก

ตอนนี้สัญญายังไม่ได้มีการเซ็นลงนามใดๆ แล้วจะไม่ให้จูลี่เป็นกังวลได้อย่างไร

ฉินอี๋ตอบรับ ‘ค่ะ’อย่างไม่ลังเล ก่อนจะเหลียวหน้าไปถามไป๋หลิงหลงว่า “เธอตรวจสอบสัญญาดูหรือยัง?”

ไป๋หลิงหลงตอบว่า “ตรวจดูแล้วค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ เดิมทีจะให้ท่านประธานลองตรวจดู แต่ก่อนหน้านี้ท่านประธานกำลังจัดการเรื่องด่วนอยู่ ฉันเลยเกรงว่าจะรบกวนเวลาท่านประธาน ถ้ายังไงท่านประธานจะลองตรวจดูอีกครั้งไหมคะ?”

ฉินอี๋ส่งยิ้มไปทางจูลี่ทันที “คุณจูลี่ ถ้าอย่างนั้นฉันขอดูสัญญาหน่อยนะคะ?”

“ได้ค่ะ” จูลี่พยักหน้าหงึกๆ รีบยื่นสัญญาส่งให้ เธอไหนเลยจะบอกว่าไม่ได้ สถานีออกอากาศจะเซ็นสัญญากับหอการค้าตระกูลฉิน แล้วจะบีบให้ประธานของหอการค้าตระกูลฉินเซ็นสัญญาโดยไม่ตรวจดูสัญญาได้อย่างไร?

ฉินอี๋รับเอาสัญญามาเปิดอ่านดูอย่างละเอียดในทันที ทำเหมือนว่ากำลังตรวจดูสัญญาทีละข้อๆ

ความจริงเธอได้อ่านสัญญาฉบับนี้มาก่อนแล้ว และเธอก็ได้ตกลงแล้ว เวลานี้เธอเพียงแค่ต้องการถ่วงเวลาเท่านั้น

จูลี่รอคอยอยู่ข้างๆ อย่างอดทน คอยสังเกตดูสีหน้าและปฏิกิริยาของฉินอี๋ จู่ๆ เห็นฉินอี๋ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เธอเองก็รู้สึกหวั่นใจตามขึ้นมาด้วยเช่นกัน กลัวว่าจะมีปัญหาอะไรจนทำให้ไม่สามารถเซ็นสัญญาได้

ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอคือเหมยเหยี่ยน เขาคือคนที่คอยจัดการงานต่างๆ ภายในสถานีออกอากาศ แล้วก็เป็นคนที่เหิงเทาซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไปส่งมาทำงานที่สถานีออกอากาศเพื่อคอยช่วยเหลือจูลี่ เพื่อให้มั่นใจว่างานภายในสถานีออกอากาศจะดำเนินไปอย่างราบรื่น ในเวลานี้เมื่อเห็นท่าทีแปลกๆ ของฉินอี๋ เขาเองก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน

เขาได้เคยรายงานเรื่องเซ็นสัญญากับทางเหิงเทาไปแล้ว จากที่เหิงเทาว่ามา การเซ็นสัญญาน่าจะไม่มีปัญหาอะไร หอการค้าตระกูลฉินน่าจะสนับสนุนทางสถานีออกอากาศ ส่วนสาเหตุเป็นเพราะอะไรก็รู้ๆ กันอยู่

แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ คล้ายมันจะไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้นแล้ว

ฉินอี๋เหลียวหน้ากลับไปถามไป๋หลิงหลง ช่วงเวลาออกอากาศไม่อาจกำหนดได้ แต่จะให้ความสำคัญกับทางหอการค้าตระกูลฉินเป็นอันดับแรกหมายความว่าอย่างไร?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ จูลี่ก็รีบอธิบายว่า “ท่านประธานฉิน คืออย่างนี้ค่ะ คือไม่มีใครจะรับรองได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรขึ้น ดังนั้นจึงระบุเช่นนี้เพื่อไม่ให้ทุกฝ่ายถูกผูกมัดจนเกินไป จะได้ไม่เกิดความขัดแย้งกันในภายหลังน่ะค่ะ”

ภายในใจฉินอี๋ทราบดี แต่ภายนอกกลับแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ กล่าวว่า “เหตุการณ์ไม่คาดคิด?”

เหมยเหยี่ยนที่อยู่ด้านหลังจูลี่กล่าวขึ้นมาทันที “ท่านประธานฉิน คือแบบนี้ครับ สถานีออกอากาศนั้นอยู่ภายใต้การบริหารของเมืองปู๋เชวี่ย บางทีอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่จู่ๆ ทางสำนักงานเจ้าเมืองต้องการจะออกอากาศ พวกเราต่างก็ไม่มีอำนาจอะไรไปปฏิเสธได้ ในส่วนนี้มีคำอธิบายอยู่ในด้านหลังของสัญญาครับ”

เขาจงใจเอ่ยถึงสำนักงานเจ้าเมืองขึ้นมาเพื่อเตือนฉินอี๋

ฉินอี๋ร้องอ้อออกมา พยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจ ท่าทางดูพูดง่ายทีเดียว

แต่หลังจากนั้นเธอยังมีคำถามอีกมากมาย พวกไป๋หลิงหลงแล้วก็ยังมีพวกจูลี่ต่างล้อมอยู่ข้างกายเธอ ค่อยอธิบายให้เธอฟังจนเข้าใจทีละข้อๆ

เวลาค่อยๆ ผ่านไป คนที่มีเรื่องให้พูดคุยกันทางด้านนี้ไม่รู้สึกอะไร แต่คนที่รออยู่ทางด้านนั้นเริ่มหมดความอดทนแล้ว

โกวซิงที่เป็นผู้ติดตามใกล้ชิดของพานหลิงอวิ๋นเดินไปเดินมาอยู่ตรงทางเดินด้านนอกห้องรับแขก จู่ๆ ฝีเท้าพลันหยุดชะงักอยู่ตรงด้านข้างประตูห้องห้องหนึ่ง เงี่ยหูฟังอะไรบางอย่าง

“คนของตระกูลพานยังรอท่านประธานอยู่เลย”

“รอก็รอไปสิ”

“คงไม่ใช่ว่าท่านประธานจงใจปล่อยให้พวกเขารอหรอกนะ?”

“อย่าพูดเหลวไหล ท่านประธานมีธุระจริงๆ ต้อนรับแขกอยู่ในห้องรับแขกตรงหัวมุมนั่นไงล่ะ”

“ใครเหรอ ถึงกับทำให้คนจากตระกูลพานต้องนั่งรอนานขนาดนี้เลยเหรอ?”

“ไม่รู้จัก คนที่มาคุยธุรกิจกับหอการค้าตระกูลฉินไม่ได้มีแต่ตระกูลพานตระกูลเดียว ได้ยินว่าตระกูลโจวก็มาที่เมืองปู๋เชวี่ยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคนที่มาจะใช่คนจากตระกูลโจวหรือเปล่า แต่ถ้าถึงขนาดทำให้ท่านประธานต้องปล่อยให้คนจากตระกูลพานนั่งรออยู่แบบนี้ ดูแล้วคนที่คุยกับท่านประธานอยู่น่าจะไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลพานหรอกมั้ง?”

โกวซิงที่อยู่ด้านนอกประตูฟังบทสนทนาของคนที่อยู่ด้านในอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะชะโงกหน้าแอบมองผ่านช่องประตูที่ปิดไม่สนิทเข้าไป มองเห็นหญิงสาวสองคนกำลังเตรียมถาดผลไม้

โกวซิงก้าวเบาๆ เดินผ่านไป เดินมาถึงตรงมุมทางเดินแล้วมองเข้าไป เขาพบว่าตรงประตูห้องห้องหนึ่งที่อยู่ปลายสุดของทางเดินมีผู้คุ้มกันของฉินอี๋คอยยืนคุมอยู่ แสดงให้เห็นว่าฉินอี๋อยู่ด้านในห้องนั้นจริงๆ

การปรากฏตัวของเขาทำให้ผู้คุ้มกันมองมา โกวซิงแสร้งทำเป็นเดินเล่นมาถึงตรงนี้โดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไป

เมื่อพ้นสายตาของผู้คุ้มกันมาแล้ว โกวซิงก็รีบเดินเข้ามายังห้องรับแขกทันที

พานหลิงอวิ๋นกำลังยืนกอดอกอยู่ตรงด้านหน้าหน้าต่าง ตอนนี้เธอรอมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้พบฉินอี๋เสียที ภายในใจรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าฉินอี๋กำลังวางมาดอวดดีกับเธออยู่

“คุณหนู….” โกวซิงเดินมาข้างกายเธอ นำเอาบทสนทนาที่แอบฟังมาเมื่อครู่นี้กระซิบกระซาบบอกเธอเบาๆ

พานหลิงอวิ๋นเหลียวหน้ากลับมาทันที “กำลังคุยกับคนของตระกูลโจวอยู่? หรือว่าเจ้าหยวนเฉินมาถึงก่อนเรา?”

โกวซิงกล่าว “น่าจะไม่ใช่ตระกูลโจวครับ คนของเราคอยจับตาดูเจ้าหยวนเฉินอยู่ เจ้าหยวนเฉินยังอยู่ในที่พัก ถ้าเขาออกมา ทางเราก็คงจะได้รับแจ้งแล้ว ส่วนคนที่อยู่ภายในห้องนั้นเป็นใครก็ไม่ทราบ ด้านนอกห้องมีผู้คุ้มกันของฉินอี๋อยู่ ผมไม่สะดวกเข้าไปใกล้ แต่นี่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าฉินอี๋อยู่ในนั้นจริงอย่างที่ผู้หญิงสองคนนั้นพูดครับ”

“ผู้หญิงสองคนนั้นพูดถูก ต่อให้ไม่ใช่ตระกูลโจว แต่ดูแล้วคนที่มาจะต้องเป็นคนสำคัญอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางปล่อยให้พวกเรารอแบบนี้”

พานหลิงอวิ๋นบิดคอไปมา “หรือว่าจะเป็นพวกที่อยู่ด้านนอกแคว้นเซียนคุนกว่างสอดมือเข้ามายุ่ง?”

โกวซิงกล่าว “ตอบยากครับ ถ้าในมือตระกูลฉินมีเนื้อชิ้นใหญ่อยู่จริงๆ มันก็เป็นไปได้ยากที่จะไม่ให้คนอื่นจับจ้องมาครับ”

“เหอะ!” พานหลิงอวิ๋นหมุนตัวเดินออกไป “ไป ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเป็นผู้สูงส่งมาจากไหน”

โกวซิงรีบเดินตามเข้าไป ยื่นมือขวางเอาไว้ “คุณหนูครับ ที่นี่คือเมืองปู๋เชวี่ย ถ้าบุกเข้าไปเกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะครับ”

พานหลิงอวิ๋นกล่าวอย่างโมโห “หรือจะรอให้ฝ่ายนั้นคุยกันจนเสร็จเรียบร้อยก่อน? ต่อให้เป็นแบบนั้นจริง อย่างน้อยฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครใช่หรือเปล่า ถ้าสุดท้ายไม่รู้แม้กระทั่งว่าใครสอดมือเข้ามายุ่ง แล้วฉันจะไปอธิบายกับทางตระกูลได้อย่างไร? แค่ตระกูลฉิน ฉันบุกเข้าไปแล้วจะทำไม ฉันมั่นใจว่าฉินอี๋ไม่กล้าฉีกหน้าฉันง่ายๆ แน่ ถอยไป!” เธอกล่าวพลางปัดมือที่ขวางอยู่ออก จากนั้นก้าวอาดๆ เดินออกไป

คนกลุ่มหนึ่งได้แต่ต้องเดินตามไป

ทันทีที่เดินมาถึงทางเดินก็เจอกับหญิงสาวสองคนที่ยกถาดผลไม้ออกมาพอดี

“คุณพานคะ” หญิงสาวสองคนที่ถือถาดผลไม้โค้งตัวเคารพ

พานหลิงอวิ๋นเหวี่ยงมือออกไป ปัดถาดผลไม้ที่อยู่บนมือของหญิงสาวคนหนึ่งร่วงตกลงบนพื้น

หญิงสาวทั้งสองคนคล้ายตกใจเป็นอย่างมาก รีบยืนชิดกำแพงทันที

พานหลิงอวิ๋นระบายอารมณ์แล้วเดินไป

หญิงสาวสองคนสบตากัน รีบหมุนตัวเดินออกไปเช่นกัน….

……

พวกฉินอี๋กำลังพูดคุยเรื่องสัญญากันอยู่ จู่ๆ ด้านนอกพลันมีเสียงตะโกนดังขึ้นมา “หยุด! คุณเป็นใคร?”

จากนั้นก็มีเสียงของพานหลิงอวิ๋นดังแว่วเข้ามา “ให้ฉินอี๋ออกมาเจอฉัน!”

คนที่อยู่ภายในห้องสบตากัน ต่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้มีคนมาตะโกนโหวกเหวกอยู่ตรงนี้ได้?”

ฉินอี๋เอียงศีรษะบอกไป๋หลิงหลงเล็กน้อย “ออกไปดูหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”

ไป๋หลิงหลงรับคำ รีบเดินออกไป

“ยังมีแขกรอฉันอยู่ พวกเรารีบคุยกันต่อเถอะค่ะ” ฉินอี๋ส่งเสียงเรียก ก่อนจะสอบถามรายละเอียดภายในสัญญาต่อ

ไป๋หลิงหลงเดินออกมาแล้วปิดประตู จากนั้นเดินผ่านผู้คุ้มกันออกมา เมื่อได้พบคนก็คล้ายรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย รีบกล่าวถามว่า “คุณพาน เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?”

พานหลิงอวิ๋นแค่นหัวเราะ “ฉินอี๋อยู่ด้านในใช่ไหม?”

ไป๋หลิงหลงพยักหน้า “อยู่ค่ะ”

พานหลิงอวิ๋นกล่าว “ปล่อยให้พวกฉันรอนานขนาดนี้มันหมายความว่าอย่างไร?”

ไป๋หลิงหลงกล่าว “คุณพานคะ ท่านประธานกำลังคุยธุระกับแขกอยู่ ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะที่ปล่อยให้คุณรอนาน คุณช่วยรออีกสักครู่ได้ไหมคะ ท่านประธานคุยใกล้เสร็จแล้วค่ะ”

พานหลิงอวิ๋นกล่าว “ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามีแขกสำคัญจริงๆ หรือว่าจงใจปล่อยให้พวกฉันรอ ยังไงก็ขอดูด้วยตาตัวเองดีกว่า” กล่าวจบก็ทำท่าคล้ายจะเดินบุกเข้าไปด้านใน

ไป๋หลิงหลงถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างรวดเร็ว มีคนสองคนเข้ามาขวางพานหลิงอวิ๋นเอาไว้ทันที ไป๋หลิงหลงกล่าวเสียงขึงขังอยู่ด้านหลังสองคนนั้นว่า “คุณพาน พวกเราเห็นคุณเป็นแขก ช่วยไว้หน้ากันด้วยค่ะ ท่านประธานกำลังคุยธุระกับแขกสำคัญอยู่ด้านในจริงๆ ห้ามเข้าไปรบกวนค่ะ!”

พานหลิงอวิ๋นมองดูคนที่เข้ามายืนขวาง “ทำไม? คิดจะลงมือกับฉันเหรอ?” ทันทีที่กล่าวประโยคนี้ออกไป ด้านหลังเธอก็มีคนก้าวออกมาทันที

ไป๋หลิงหลงกล่าว “ไม่กล้าค่ะ แต่ตอนนี้คุณเข้าไปด้านในไม่ได้ค่ะ”

ยิ่งห้ามเช่นนี้ พานหลิงอวิ๋นก็ยิ่งคิดว่าด้านในต้องมีอะไรบางอย่างที่ต้องปิดบังตัวเองอยู่เป็นแน่ “ถ้าฉันจะเข้าไปให้ได้ล่ะ?”

ไป๋หลิงหลงขมวดคิ้ว “เอาแบบนี้แล้วกันค่ะคุณพาน เดี๋ยวฉันจะเข้าไปแจ้งท่านประธานให้ค่ะว่าคุณต้องการจะเข้าไป” กล่าวจบก็พยักหน้าเล็กน้อย รีบเดินกลับเข้าไปด้านใน

พานหลิงอวิ๋นเองก็ไม่กล้าอวดดีถึงขนาดลงไม้ลงมือที่นี่ เพราะอันที่จริงที่นี่คือถิ่นของคนอื่น

โกวซิงที่อยู่ข้างๆ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารับสาย จากนั้นกระซิบกระซาบข้างหูพานหลิงอวิ๋นว่า “เจ้าหยวนเฉินกำลังมาที่นี่ครับ”

พานหลิงอวิ๋นส่งเสียงเหอะออกมา ไม่ได้กล่าวอะไร

ไป๋หลิงหลงที่เข้าไปในห้องรีบเดินไปรายงานอยู่ข้างกายฉินอี๋ “ท่านประธานคะ เป็นคุณพานหลิงอวิ๋นจากเมืองเทียนกู่ค่ะ เธอต้องการเข้ามาข้างในให้ได้ค่ะ”

ฉินอี๋เงยหน้า กล่าวว่า “เราบอกให้เธอรอเดี๋ยวไม่ใช่เหรอ? มาที่นี่แล้วคิดจะบุกเข้ามาแบบนี้ เห็นที่นี่เป็นเมืองเทียนกู่หรือยังไง? บอกเธอว่าฉันกำลังคุยธุระกับแขกอยู่ ให้เธอรอไปก่อน”

ไป๋หลิงหลงกล่าวอย่างลำบากใจ “ท่านประธาน บอกแล้วค่ะ แต่เธอไม่ฟัง บอกว่าจะเข้ามาให้ได้ เกรงว่าจะขวางเอาไว้ไม่อยู่ค่ะ ถ้าปล่อยให้เธอรอต่อไปอาจจะเกิดเรื่องได้ ดูท่าทางแล้วอาจจะลงไม้ลงมือได้ค่ะ”

………………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท