ตอนที่ 28 เซ็นสัญญาราบรื่น
เหิงเทาเดินตรงไปทันที ไป๋หลิงหลงรีบให้คนเปิดประตู
คนที่อยู่ภายในห้องปลอดภัยดี เพียงแต่มีหลายคนที่ดูท้อแท้เล็กน้อย รู้สึกเหมือนว่าลำบากมาตั้งนาน แต่กลับต้องเหนื่อยเปล่า
ประตูเปิดออก เมื่อเห็นเหิงเทาเดินเข้ามา พวกจูลี่ลุกขึ้นทำความเคารพทันที “หัวหน้าเหิง”
เหิงเทากล่าวถาม “พวกคุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เขาค่อนข้างเป็นห่วงคนเหล่านี้ทีเดียว ช่วยไม่ได้ นี่เป็นกระบอกเสียงของเมืองปู๋เชวี่ยที่เจ้าเมืองลั่วเทียนเหอตั้งใจสร้างขึ้นมา ลั่วเทียนเหอให้ความสำคัญกับมันเป็นอย่างมาก มอบหมายให้เขามาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ถ้าหากจัดการได้ไม่ดี เขาเองก็ไม่รู้จะไปอธิบายกับทางลั่วเทียนเหออย่างไรเช่นกัน
“ไม่เป็นไรค่ะ…” จูลี่ปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่ภายในใจหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ มุมปากเธอยิ้มเจื่อนเล็กน้อย มองไปทางฉินอี๋
เหิงเทาสังเกตเห็นมือของเธอที่กำสัญญาไปมา รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร เขาเองก็พอจะทราบมาบ้างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น จึงหมุนตัวไปกล่าวกับฉินอี๋ว่า “ประธานฉิน ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เรื่องเซ็นสัญญาของพวกคุณสามารถดำเนินต่อไปได้แล้ว”
ฉินอี๋ลังเลเล็กน้อย “หัวหน้าเหิง ทางตระกูลพาน ฉันกังวลว่า…”
เหิงเทากล่าวรับรองว่า “เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นกังวล ผมบอกแล้วว่าผมจะจัดการเอง การรักษากฎระเบียบภายในเมืองปู๋เชวี่ยคือหน้าที่ของผม ผมไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก อย่างน้อยผมก็สามารถรับรองกับคุณได้ว่าภายในอาณาเขตของเมืองปู๋เชวี่ยจะไม่มีใครกล้ามาก่อความวุ่นวายในหอการค้าตระกูลฉินอีก”
ถึงแม้นจะพูดเช่นนี้ แต่ถ้าหากมีคนลอบก่อความวุ่นวายล่ะก็ นั่นก็ไม่แน่ว่าเขาจะสามารถควบคุมได้ มิเช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องที่ผู้สนับสนุนราชวงศ์ก่อนก่อความวุ่นวายที่เมืองหลวงเช่นเดียวกัน
เมื่อเห็นท่าทางยังไม่วางใจของฉินอี๋ เหิงเทาจึงเอียงศีรษะส่งสัญญาณเล็กน้อย “ประธานฉิน เราไปหาที่คุยกันดีกว่า”
ฉินอี๋พยักหน้า เดินตามเขาไป
ทั้งสองคนเดินออกจากห้องมายังอีกด้านหนึ่งของทางเดินเพื่อไม่ให้ใครได้ยินที่พวกเขาพูดคุยกัน จากนั้นเหิงเทาจึงกล่าวขึ้นมาว่า “ประธานฉิน ตระกูลพานมาที่นี่ทำไม ทำไมถึงมาหาเรื่องพวกคุณ เรื่องนี้ทั้งคุณและผมต่างรู้อยู่แก่ใจดี เรื่องบางเรื่องท่านเจ้าเมืองท่านหวังดีเคยเตือนคุณเอาไว้แล้ว แต่คุณก็ไม่ฟัง จะเข้าร่วมธุรกิจเทพมหาวิญญาณให้ได้ แล้วจะให้ผมทำอย่างไร”
ฉินอี๋ถอนใจพลางกล่าว “หัวหน้าเหิง สถานการณ์ของทางตระกูลฉินเป็นอย่างไรคุณเองก็ทราบดี หินวิญญาณภายในเหมืองที่เป็นธุรกิจหลักที่สำคัญที่สุดของตระกูลฉินกำลังจะหมดลงแล้ว เหลืออยู่ไม่มากเท่าไร ฉันจำเป็นต้องหาช่องทางธุรกิจใหม่ ฉันซึ่งเป็นประธานของหอการค้าตระกูลฉิน นี่คือหน้าที่ของฉัน ต่อให้ฉันไม่เข้าร่วมธุรกิจเทพมหาวิญญาณนี้ แล้วจะมีธุรกิจไหนบ้างที่ไม่มีเจ้าใหญ่คอยคุมอยู่? ไม่ว่าจะเข้าไปในธุรกิจไหนก็ต้องกระทบกับผลประโยชน์ของคนอื่นทั้งนั้น จะให้ฉันเอาแต่มุดหัวอยู่ในเมืองปู๋เชวี่ย แล้วไปแย่งช่องทางทำมาหากินของหอการค้าอื่นๆ ภายในเมืองก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะคะ?”
“ถ้าทำแบบนั้นจริงๆ คงจะทำให้ภายในเมืองปู๋เชวี่ยตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย และสุดท้ายความปั่นป่วนวุ่นวายก็จะย้อนกลับไปหาท่านเจ้าเมือง เมื่อถึงตอนนั้นมันก็เป็นการสร้างปัญหาให้กับท่านเจ้าเมืองอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมฉันไม่เลือกทำธุรกิจที่มันได้กำไรมากหน่อยดีกว่าล่ะคะ หัวหน้าเหิง ฉันเองก็จนปัญญาเหมือนกันค่ะ”
เหิงเทาโบกมือ “เรื่องธุรกิจคุณรู้ดีกว่าผม ในเมื่อคุณตัดสินใจเช่นนี้แล้ว ผมก็จะไม่พูดอะไรอีก คุณวางใจได้ ผมเองก็ใช่ว่าจะเข้ามาแทรกแซงการทำธุรกิจของพวกคุณ ขอเพียงเป็นธุรกิจที่อยู่ในขอบเขตที่กฎหมายดินแดนเซียนอนุญาต พวกเราก็จะไม่เข้าไปแทรกแซง การรักษาระเบียบคือหน้าที่ที่ทางสภาเซียนมอบหมายให้พวกเรา”
“แต่ทุกเรื่องล้วนมีหนักเบา ผมคิดว่าประธานฉินเองก็คงจะทราบดี สถานีออกอากาศปู๋เชวี่ยวีดีโอมีความเป็นมาอย่างไร ผมจำได้ว่าท่านเจ้าเมืองก็เคยบอกคุณแล้ว ดังนั้นคุณน่าจะรู้ว่าท่านเจ้าเมืองให้ความสำคัญกับเรื่องของสถานีออกอากาศอย่างมาก และตอนนี้มันก็กลับมาอยู่ในความรับผิดชอบของผมอีกครั้งแล้ว หากความร่วมมือครั้งแรกกับบริษัทภายนอกของทางสถานีออกอากาศมีปัญหาอะไรขึ้นมา ผมเองก็คงจะไปอธิบายกับทางท่านเจ้าเมืองไม่ได้ ท่านเจ้าเมืองเองก็คงจะไม่พอใจ ผมคิดว่าประธานฉินน่าจะเข้าใจความหมายของผมนะครับ!”
ฉินอี๋นิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าพลางกล่าว “หัวหน้าเหิงวางใจได้ค่ะ ฉันจะตัดปัญหาอื่นๆ ทิ้งไป เดี๋ยวจะกลับไปจัดการเรื่องเซ็นสัญญาให้เสร็จเรียบร้อยค่ะ”
เหิงเทายิ้มขึ้นมา เป็นรอยยิ้มพึงพอใจ กล่าวว่า “เรื่องทางตระกูลพานคุณไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องอื่นพวกผมอาจจะเข้าไปยุ่งไม่ได้ แต่ผมรับรองได้ว่าจะไม่มีใครกล้ามาอวดดีหาเรื่องตระกูลฉินภายในเมืองปู๋เชวี่ยอีกแน่นอน ส่วนที่ว่าลับหลังจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องบางเรื่องในเมื่อคุณเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง บางครั้งผมเองก็ช่วยอะไรไม่ได้เช่นกัน อิทธิพลของตระกูลพานคุณเองก็น่าจะทราบดี แต่ว่าคุณวางใจได้ หากลับหลังมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกผมจะรีบเตือนคุณเอง”
ฉินอี๋โค้งกายขอบคุณทันที “ขอบคุณหัวหน้าเหิงที่ช่วยเหลือค่ะ”
“เอาล่ะ พวกคุณไปจัดการธุระของพวกคุณต่อเถอะ ผมไม่รบกวนแล้ว” เหิงเทากล่าวทิ้งท้ายก็เดินจากไป
ฉินอี๋ย่อมต้องคิดจะเดินออกไปส่ง แต่ใครจะไปรู้ว่าเหิงเทาที่หันหลังอยู่จะโบกมือพลางกล่าวว่า “ไม่ต้องส่ง ไปจัดการธุระของคุณเถอะ”
“หัวหน้าเหิงเดินทางดีๆ นะคะ” ฉินอี๋ทำได้เพียงเชื่อฟังและกล่าวตอบไปตามมารยาท
คนจากตระกูลพานที่เดินทางมาอย่างเย่อหยิ่งถูกเหิงเทาพาคนมาจับออกไป ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว ถูกพาตัวไปทั้งหมด
ฉินอี๋เดินกลับมายังห้องที่ทำการเจรจาอยู่กับจูลี่ก่อนหน้านี้ แต่ไป๋หลิงหลงกลับเข้ามากล่าวรายงานว่า “เจ้าหยวนเฉินจากตระกูลโจวมาค่ะ เขาบอกอยากจะขอพบท่านประธาน”
พวกจูลี่สบตากัน ตระกูลพานเพิ่งจะไป ตระกูลโจวก็มาอีกแล้ว เรื่องมากมายขนาดนี้ การเซ็นสัญญานี้ต้องลากไปถึงเมื่อไรถึงจะจัดการเสร็จเรียบร้อยได้?
แต่ฉินอี๋กลับกล่าวออกมาประโยคหนึ่งว่า “ไม่พบ! ไม่ต้องสนใจเขา พวกเรามาว่ากันต่อ”
ไป๋หลิงหลงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือแจ้งด้านล่างว่าไม่พบแขก
จูลี่โล่งใจ หลังทุกคนนั่งลงแล้ว เธอก็ประคองสัญญาด้วยสองมือส่งไปตรงหน้าฉินอี๋อีกครั้ง
ใครจะไปรู้ว่าฉินอี๋จะกล่าวว่า “เซ็นสัญญาเลยแล้วกันค่ะ!”
จูลี่งุนงง “คุณไม่ดูแล้วหรือคะ?” ก่อนหน้านี้ยังอ่านละเอียดขนาดนั้น สอบถามละเอียดขนาดนั้น
ฉินอี๋กล่าว “หัวหน้าเหิงเอ่ยปากแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีก ต่อไปถ้ามีปัญหาอะไร ฉันเชื่อว่าหัวหน้าเหิงจะช่วยออกหน้าแก้ไขปัญหาให้ค่ะ”
จูลี่พูดไม่ออก รู้สึกสูญเสียความมั่นใจไปเล็กน้อย
เดิมเธอคิดอยากจะอาศัยความสามารถของตัวเองจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จเรียบร้อย แต่ผลปรากฏว่าจัดการอยู่ครึ่งค่อนวันก็ยังไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ต้องอาศัยอำนาจถึงจะจัดการให้เรียบร้อยได้ นี่ดูเหมือนความพยายามของเธอเป็นเรื่องน่าขันเลย
แต่ความเป็นจริงบางอย่างเธอก็จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมัน เรื่องที่รบกวนการเซ็นสัญญาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หากมิเป็นเพราะเหิงเทาออกหน้า เกรงว่าเรื่องเซ็นสัญญาก็คงไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
“ค่ะ!” จูลี่รับคำ ยิ้มฝืนๆ เล็กน้อย
เธอจะพูดอะไรได้ล่ะ? ทำได้เพียงตอบรับไป จะไปบอกให้ฉินอี๋ดูสัญญาอีกครั้งแล้วถามโน่นถามนี่อีกก็คงไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
ไป๋หลิงหลงเหลือบมองดูอากัปกิริยาของเหมยเหยี่ยน มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อยเช่นกัน
เธอย่อมต้องรู้ดีว่าด้วยสติปัญญาของฉินอี๋ ที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้ก็เพื่อเอาใจเหิงเทา ความจริงฉินอี๋ได้อ่านสัญญามาก่อนล่วงหน้าแล้ว เธอเชื่อว่าไม่ช้าเหิงเทาจะต้องทราบเรื่องที่การเซ็นสัญญาเป็นไปอย่างราบรื่น ฉินอี๋ให้เกียรติเหิงเทาเช่นนี้ เมื่อเหิงเทาทราบเรื่องนี้จะต้องพึงพอใจและดีใจอย่างมากแน่
ที่ฉินเต้าเปียนวางใจให้ลูกสาวดูแลทั้งหอการค้าตระกูลฉินมิใช่ไม่มีเหตุผล
ทั้งสองฝ่ายเซ็นสัญญาอย่างราบรื่น สถานีออกอากาศปู๋เชวี่ยวีดีโอได้ลูกค้ารายใหญ่รายแรกมา อย่างน้อยก็ทำให้สถานีออกอากาศมีเงินเพียงพอสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายไปครึ่งปี….
…….
เจ้าหยวนเฉินที่เดินกลับมาที่รถค่อนข้างโมโห กำปั้นทุบลงไปบนหลังคารถ เหลียวหน้ากลับไปมองประตูใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉิน ลอบกัดฟันพลางกล่าว “ฉินอี๋ นังแพศยา พูดดีๆ ไม่ชอบใช่ไหม ถ้าไม่สั่งสอนเธอซะบ้าง เธอคงไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงสินะ!”
ชายศีรษะล้านสวมหมวกที่ยืนอยู่ข้างเขาชื่อเฉาลู่ผิง ในเวลานี้กำลังขมวดคิ้วอย่างเงียบๆ เช่นเดียวกัน แม้แต่หน้าฉินอี๋ก็ไม่ได้พบ อย่างนั้นก็ยุ่งแล้ว ยังจะคุยอะไรได้อีก?
เขารู้สึกไม่เข้าใจ เมื่อคืนเจ้าหยวนเฉินน่าจะได้พบฉินอี๋นี่นา ทำไมถึงยังไม่ได้คุยกันอีกล่ะ?
เมื่อคืนเขาไม่ได้ตามไปด้วย ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น ด้วยสถานะของเขาทำให้เขาไม่สามารถเผยตัวอย่างเปิดเผยได้
แต่เจ้าหยวนเฉินรู้อยู่แก่ใจดี แผนการไม่สำเร็จซ้ำยังขายหน้าอีก ถูกฉินอี๋เล่นงานกลับจนได้
ถูกอีกฝ่ายเล่นงานนั้นยังพอว่า แต่หลังจากนั้นไม่นานผู้ติดตามที่ทางตระกูลส่งมาก็ส่งข่าวนี้กลับไปยังตระกูล จากนั้นผู้นำตระกูลโจว หรือก็คือน้าของเขาก็โทรศัพท์มาด่าเขาจนแทบจะทำให้เขากลายเป็นอัมพาตครึ่งซึก ทำเอาเขาไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน
ขณะที่ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาจึงตัดสินใจว่าวันนี้จะมาพบฉินอี๋ ใครจะไปรู้ว่าฉินอี๋จะไม่ไว้หน้าตระกูลโจวแม้แต่น้อย เขาไม่ได้พบแม้กระทั่งหน้าของฉินอี๋
นี่มันหมายความว่าอย่างไร? สำหรับเจ้าหยวนเฉินแล้ว นี่มันคือการดูหมิ่นเขา
ปัญหาคือเขาจัดการเรื่องราวได้แย่เช่นนี้ อีกทั้งเขายังเป็นคนเสนอตัวมาจัดการงานนี้กับทางตระกูลโจวด้วย เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะอธิบายกับทางตระกูลโจวอย่างไรดี
เมื่ออยู่ในเมืองปู๋เชวี่ย ฉินอี๋นั้นมิใช่คนธรรมดา หากมิใช่คนที่ฉินอี๋อยากพบ ต่อให้อยากพบอย่างไรก็ใช่ว่าจะพบได้ง่ายๆ
โดนด่าก็ส่วนโดนด่า ยังไงเขาก็ต้องเจอฉินอี๋ให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องรู้ให้ได้ว่าฉินอี๋มีท่าทีอย่างไร ยังไม่ทันได้คุยแล้วบอกว่าไม่ได้ จากนั้นให้ตระกูลโจวตัดสินใจหาหนทางอื่น เช่นนั้นตระกูลโจวยังจะส่งเขามาที่นี่ทำไมอีก? หากงานนี้ไม่สำเร็จ เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะกลับไปอธิบายกับตระกูลโจวอย่างไร
เจ้าหยวนเฉินระงับเพลิงโทสะภายในใจ หลังพยายามสงบสติอารมณ์แล้วก็กล่าวเสียงขรึมว่า “เฉาซยง ในเมื่อคุยกันดีๆ ไม่ได้ อย่างนั้นได้แต่ต้องใช้วิธีอื่นแล้ว นายลองคิดหาวิธีหน่อย”
เฉาลู่ผิงลังเลเล็กน้อย เขาจำต้องกล่าวเตือนว่า “เจ้าซยง ถ้าจะใช้วิธีอื่นกับฉินอี๋เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะ ผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลในเมืองปู๋เชวี่ยอย่างมาก หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นเกรงว่าจะมีปัญหาได้”
เจ้าหยวนเฉินกล่าวว่า “อย่างนั้นนายว่าจะทำอย่างไร? เห็นชัดๆ ว่านังแพศยาคนนี้มันหลบฉัน ไม่ยอมเจอหน้าฉัน แล้วจะให้ฉันทำอย่างไร? ฉันไม่สนว่านายจะใช้วิธีไหน ยังไงฉันก็ต้องเจอกับเธอให้ได้”
ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ เฉาลู่ผิงเองก็จนปัญญาเช่นเดียวกัน จึงกล่าวเสียงขรึมว่า “ขอเวลาผมหน่อย คนคุ้มกันข้างกายเธอแข็งแกร่งมาก ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ คนนอกยากจะเข้าใกล้เธอได้ ให้ผมไปรวบรวมคนแล้วก็วางแผนก่อน ผมต้องเลือกคนที่น่าเชื่อถือหน่อย ไม่อย่างนั้นถ้ามีพวกปากสว่างล่ะก็…ความสัมพันธ์ของตระกูลฉินกับลั่วเทียนเหอไม่ธรรมดา ถ้ามีปัญหาอะไรเราจะแย่เอาได้”
เจ้าหยวนเฉินค่อยๆ เหลียวหน้ากลับมาจ้องมองเขา “นายคิดอะไรของนาย? นายคิดจะทำอะไร? จะจับตัวเธอมาหรือไง?”
เฉาลู่ผิงกล่าวอย่างจนปัญญา “ต่อให้ไม่จับก็ต้องใช้ไม้แข็ง ไม่อย่างนั้นถ้าเธอไม่ยอมเจอคุณ แล้วจะให้ผมทำอย่างไร?”
เจ้าหยวนเฉินทั้งโมโหทั้งขบขัน “นอกจากตีรันฟันแทงแล้ว นายช่วยใช้สมองหน่อยได้ไหม? นายเลือกคนที่ไว้ใจได้มา ต่อให้ปิดปากสนิทแล้วจะมีประโยชน์อะไร ฉัน ฉันนี่ เป็นฉันที่ต้องเจอเธอ นายคิดว่าใช้วิธีรุนแรงแล้วเธอจะไม่รู้หรือว่าใครทำ? ไม่อย่างนั้นฉันก็ต้องฆ่าเธอปิดปากทันทีที่จับมาได้ แล้วถ้าเธอยอมตอบรับเงื่อนไขของฉัน ฉันควรจะปล่อยเธอหรือว่าไม่ปล่อยล่ะ?”
เฉาลู่ผิงงุนงงไปเล็กน้อย ทั้งกระอักกระอ่วนและจนปัญญา คล้ายว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
“ช่างเถอะ” เจ้าหยวนเฉินโบกมือ ไม่สามารถคาดหวังในหัวสมองของอีกฝ่ายได้อีก เขาได้แต่ต้องเป็นคนวางแผนเอง “เอาแบบนี้แล้วกัน นายไปสืบเส้นทางการเดินทางของเธอมา จากนั้นทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เช่นบังเอิญไปชนเข้า ทำให้เธอหยุดอยู่กลางถนน แบบนั้นเธอก็ได้แต่ต้องเผชิญหน้ากับฉัน จำเอาไว้ ไม่ใช่ให้นายไปชนแรงๆ เอาแค่อุบัติเหตุเล็กน้อยเท่านั้น แค่เล็กน้อยน่ะ เข้าใจไหม?”
เฉาลู่ผิงตาเป็นประกาย ใช่แล้ว อุบัติเหตุรถชน ไม่ได้ตั้งใจ ด้วยอิทธิพลของตระกูลโจว ขอเพียงไม่ถูกจับได้ ทางการก็ว่าอะไรไม่ได้
ขณะที่เขาเพิ่งพยักหน้า เตรียมจะตอบรับเจ้าหยวนเฉิน ทันใดนั้นสายตาพลันจ้องไปที่ประตูใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉิน
เจ้าหยวนเฉินไม่รู้เขาเหม่อมองอะไร จึงเหลียวหน้ามองกลับไป ก่อนจะเห็นคนของสภาเซียนกลุ่มหนึ่งคุมตัวคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมา
…………………………………………………………..