ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 32 ฉากหน้า

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 32 ฉากหน้า

แต่แน่นอน หลินยวนไม่แน่ว่าจะสนใจ ส่วนกวนเสี่ยวชิงเองก็ไม่ได้รู้เลยว่านี่จะเกี่ยวพันไปถึงเรื่องส่วนตัวของท่านประธาน

ไป๋หลิงหลงมึนงงไปเล็กน้อย สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นเรื่องที่กะทันหันจริงๆ

หลังงุนงงไปครู่หนึ่ง เธอก็สงบสติอารมณ์ วกกลับเข้าประเด็นว่า “เสี่ยวชิง เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับหลินยวนอย่าได้เที่ยวไปป่าวประกาศล่ะ ถ้าคนอื่นรู้ว่าเธอได้ย้ายมาที่นี่เพราะความสัมพันธ์แบบนี้ มันจะทำให้คนอื่นเอาไปนินทาลับหลังได้ มันไม่ดี เข้าใจไหม?”

ตัวเธอเองก็ไม่อยากให้คนข้างนอกรู้เรื่องการโยกย้ายครั้งนี้มากนัก

กวนเสี่ยวชิงพยักหน้า “ผู้ช่วยไป๋วางใจได้ค่ะ ฉันเข้าใจค่ะ” เธอยังไม่โง่ถึงขนาดที่เรื่องแค่นี้ก็ยังไม่เข้าใจ

ไป๋หลิงหลงกดปุ่มที่อยู่บนโต๊ะ ไม่นานซูเฉี่ยวหลินก็เดินเข้ามา

ไป๋หลิงหลงชี้ไปที่กวนเสี่ยวชิง “นับแต่วันนี้ เขาจะเป็นเพื่อนร่วมงานของเธอ แล้วก็เป็นผู้ช่วยของฉัน เธอพาเขาไปแนะนำงานหน่อย หาที่นั่งให้เขา แล้วก็จัดการเรื่องขั้นตอนต่างๆ ที่ควรจัดการซะ”

ซูเฉี่ยวหลินมองกวนเสี่ยวชิงอย่างประหลาดใจ ก่อนจะตอบรับไป๋หลิงหลง

ไป๋หลิงหลงกล่าวกับกวนเสี่ยวชิงอีกว่า “ตามเขาไปทำความคุ้นเคยกับงานหน่อย แล้ววันนี้ก็กลับไปเร็วหน่อย จะได้ไปเตรียมตัว พรุ่งนี้มาทำงานตรงเวลา”

“ค่ะ” กวนเสี่ยวชิงรับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง

หลังมั่นใจแล้วว่าไม่มีเรื่องอื่น ทั้งสองคนถึงจะเดินออกไปด้วยกัน

แต่ไป๋หลิงหลงกลับนั่งไม่อยู่ เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของฉินอี๋ทันที….

……..

“คบกันมาหลายปี แล้วยังเป็นลูกสาวของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง?”

เมื่อได้ยินรายงานนี้ ฉินอี๋ที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานก็วางปากกาในมือลง เอนพลังพิงพนัก ย้อนถามด้วยความสงสัย

ไป๋หลิงหลงกล่าวว่า “กวนเสี่ยวชิงว่ามาแบบนี้ ไม่คล้ายว่าจะพูดโกหก”

ฉินอี๋กล่าว “ตอนเขาอยู่เมืองหลวง มีการติดต่อกับลูกสาวของตระกูลใหญ่บ่อยๆ เหรอ?”

ไป๋หลิงหลงกล่าว “เธอเองก็รู้ จากข้อมูลที่พวกเราสืบได้มา ตอนอยู่ที่เมืองหลวงเขาใช้ชีวิตเงียบๆ ตอนอยู่ในหลิงซานก็เป็นนักเรียนธรรมดาๆ ไม่มีผู้หญิงที่ไปมาหาสู่บ่อยๆ อะไร” ภายในน้ำเสียงของเธอเองก็มีความรู้สึกไม่มั่นใจด้วยเช่นกัน

ทางนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องราวของหลินยวนตอนอยู่ที่เมืองหลวงมากนัก อย่างมากก็เพียงแค่เคยจับตาดูเล็กน้อยเท่านั้น จนกระทั่งช่วงนี้ไป๋หลิงหลงถึงได้รู้ว่านั่นเป็นเพราะฉินอี๋ไม่กล้าให้ความสนใจหลินยวนอย่างใกล้ชิด ด้วยกลัวว่าฉินเต้าเปียนจะลงมือทำร้ายหลินยวนอีก

ฉินอี๋ครุ่นคิดเงียบๆ

ไป๋หลิงหลงลองถามว่า “หรือว่าจะเป็นผู้หญิงแซ่ลู่ที่อยู่เมืองหลวงคนนั้น? ตอนหลินยวนอยู่ที่เมืองหลวง ผู้หญิงที่ติดต่อกับเขาบ่อยที่สุดก็มีแค่เธอเท่านั้น ตระกูลลู่เองก็ถือเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงตระกูลหนึ่ง เมื่อดูจากข้อมูลที่เรามีอยู่ในตอนนี้ คนที่มีความเป็นไปได้ที่สุดก็เหมือนจะมีแค่เธอเท่านั้น”

ฉินอี๋กล่าว “คบกันแต่กลับไม่ไปหามาสู่กัน เธอคิดว่าระหว่างพวกเขามันเป็นไปได้เหรอ?” ผู้หญิงแซ่ลู่ที่ว่ามิใช่ว่าจะไม่เคยทำให้เธอรู้สึกระแวง เพียงแต่ดูแล้วเหมือนจะไม่คล้ายเป็นคนรักของหลินยวน

ไป๋หลิงหลงกล่าว “แล้วถ้าเป็นเธอจริงๆ ล่ะ?”

ฉินอี๋นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าคล้ายผ่อนคลายขึ้นมา ถามกลับว่า “ถ้าเป็นเธอแล้วยังไง สำคัญด้วยเหรอ?”

“….” ไป๋หลิงหลงหมดคำพูด ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้วยังไม่สำคัญ อย่างนั้นอะไรถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ? จึงอดถามอย่างสงสัยไม่ได้ว่า “อย่างนั้นเธอทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?”

ฉินอี๋มองด้วยสายตาเฉยชา พลางกล่าว “หมายความว่ายังไงเหรอ? ถ้าเป็นผู้หญิงแซ่ลู่คนนั้นจริง เธอก็ควรไปถามฝั่งนั้นว่าที่เขาทำแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร เขาเป็นมือที่สามที่สอดมือเข้ามายุ่ง ถ้ากระทั่งเขายังไม่รู้สึกผิด หรือว่าฉันต้องรู้สึกผิดด้วย? หรือถ้าเขาบอกว่าเป็นเขาเอง ฉันก็ต้องอดทนอดกลั้นยอมรับมันไปเงียบๆ อย่างนั้นเหรอ ในโลกนี้มีเหตุผลแบบนี้ด้วยเหรอ? หลินยวนยังไม่ถึงกำหนดอายุที่จะแต่งงาน เวลาจะเป็นตัวบอกทุกอย่างเอง เขาจะเข้าใจว่าใครกันแน่ที่เหมาะสมกับเขา”

เหตุผล? ไป๋หลิงหลงไม่รู้แล้วว่าควรจะพูดเรื่องเหตุผลกับเธออย่างไร บางครั้งเธอก็รู้สึกจริงๆ ว่าตรรกะความคิดของเสี่ยวอี๋มันยากจะเข้าใจได้จริงๆ แต่เธออยู่ด้วยกันมานานหลายปี ก็ถือว่าเคยชินแล้ว”

แต่เคยชินมิได้หมายความว่าเห็นด้วย เธอจึงอดกล่าวเตือนไม่ได้ว่า “เสี่ยวอี๋ ถ้าในใจหลินยวนมีคนอื่นแล้วจริงๆ เราก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้แล้ว บนโลกมีนี้ผู้ชายตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนี้ต่อไปเลย!”

ฉินอี๋หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด กล่าวเนิบช้าว่า “อย่างนั้นก็แย่งกลับมา! ต่อให้ฉันไม่อยากได้แล้ว ก็ต้องแย่งกลับมาก่อนแล้วค่อยโยนทิ้งไป ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษที่ตอนนั้นหลินยวนมายุ่งกับฉันเอง คำหวานที่เคยพูดเอาไว้แต่ทำไม่ได้ เขาก็ต้องกลืนมันกลับลงไป ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่มีทางปล่อยเขาไป! สรุปแล้วคือฉันไม่ยอมรับความเสียใจนี้!”

ไป๋หลิงหลงพูดไม่ออก สุดท้ายจึงถอนใจอย่างจนปัญญา รู้ว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เวลานี้เธอรู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าคนไม่ธรรมดาทำอะไรไม่ธรรมดา ช่างดื้อรั้นจริงๆ!

หากเปลี่ยนเป็นเธอ เธอคงจะหันหลังแล้วเดินจากไป ไม่มีทางกลับไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนนั้นอีก ไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องแบบฉินอี๋ขึ้นได้

แต่พอคิดๆ ดูแล้วก็ใช่ เธอคือไป๋หลิงหลง ส่วนฉินอี๋ก็คือฉินอี๋…

……..

กวนเสี่ยวชิงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เธอตามซูเฉี่ยวหลินไปทำความคุ้นเคยกับงานและจัดการเรื่องอื่นๆ ให้เสร็จเรียบร้อย ขณะที่เพิ่งออกมาจากหอการค้าตระกูลฉิน เธอก็อดทนรอให้ถึงบ้านไม่ไหว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรบอกข่าวดีกับผู้เป็นแม่

เถาฮวาที่ทราบข่าวดีเองก็ตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน กระทั่งเสียงก็ดังขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย “ฉันบอกแล้วไง ฉันเห็นเสี่ยวหลินจึมาแต่เล็ก แทบจะเป็นลูกชายฉันคนหนึ่งแล้ว มีหรือที่เขาเห็นลูกสาวฉันเดือดร้อนแล้วจะไม่ช่วย? แกดูสิ เมื่อวานเพิ่งพูดไปหยกๆ วันนี้ก็จัดการให้เสร็จเรียบร้อย ไม่เพียงแต่จะช่วยให้แกอยู่ต่อ แต่ยังทำให้แกเลื่อนตำแหน่งด้วย”

กวนเสี่ยวชิงปิดบังสีหน้ายินดีเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองดูด้วยความสงสัย เธอจึงยกมือขึ้นมาป้องปากทันที “แม่ พูดเหลวไหลอะไรน่ะ ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งสักหน่อย ระดับยังเหมือนเดิม แม่ห้ามเที่ยวไปพูดเหลวไหลข้างนอกนะรู้ไหม”

เถาฮวากล่าว “เพิ่มเงินเดือนให้แกขั้นหนึ่ง ไม่เรียกเลื่อนตำแหน่งแล้วคืออะไร? แม่ไม่ได้โง่นะ ต่อไปแกก็เป็นคนข้างกายท่านประธานฉินแล้ว ต่อไปไม่ว่าใครในเมืองปู๋เชวี่ยได้ยินเข้าก็ต้องเกรงใจตระกูลกวนของพวกเราบ้าง เออใช่ เสี่ยวชิง ถึงพวกเราจะไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย แต่ก็ต้องรู้ว่าอะไรควรไม่ควร พี่หลินของแกมอบโอกาสดีๆ แบบนี้ให้แก แกห้ามทำให้เขาขายหน้าจนถูกคนเอาไปนินทาลับหลังนะรู้ไหม โอกาสดีๆ แบบนี้ แกต้องตั้งใจทำงานให้ดีล่ะ!”

กวนเสี่ยวชิงกล่าว “แม่ หนูรู้แล้วน่า ไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้หนูกำลังกลับบ้าน กลับไปแล้วค่อยว่ากัน เออใช่ แม่บอกพี่หน่อย ให้พี่ไปซื้อเหล้ากับของอร่อยๆ มา เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวนะ แล้วให้พี่โทรเรียกพี่หลินมาหน่อย อย่างน้อยพวกเราก็ต้องแสดงการขอบคุณหน่อย หรือพวกเราจะไปกินร้านอาหารดีๆ ข้างนอกไหม หนูเลี้ยงเอง”

เถาฮวากล่าว “ไปข้างนอกอะไรล่ะ พี่หลินเขาเป็นนักเรียนของหลิงซาน แล้วยังเป็นพนักงานระดับสูงของตระกูลฉินอีก ของดีๆ เขาเคยกินมาหมดแล้ว กินที่บ้านนี่แหละ พอแล้ว เรื่องนี้แกไม่ต้องเป็นห่วง ฉันรู้ว่าจะจัดการยังไง เอาตามนี้แหละ รีบกลับมา ระวังตัวด้วยล่ะ”

หลังสองแม่ลูกวางสาย เถาฮวาก็รีบเดินออกไปจากบ้าน วิ่งลงไปยังด้านล่างเนิน เข้าไปในร้านรับซื้อของเก่าของลูกชาย

กวนเสี่ยวไป๋กำลังนั่งยองๆ อยู่บนกองของเก่า งัดแงะของเก่าอยู่ เมื่อเห็นแม่เดินเข้ามาพลางโบกมือเรียกให้ลงมา เขาจึงวางงานในมือลงแล้วกระโดดลงมาทันที “ยิ้มหน้าบานแบบนี้ มีอะไรเหรอแม่?”

เถาฮวาดีใจอย่างมากจริงๆ ยื่นมือไปตบไหล่ลูกชายทีหนึ่ง “เสี่ยวหลินจึไม่ทำให้แม่ผิดหวัง เรื่องของน้องสาวแกเรียบร้อยแล้ว”

กวนเสี่ยวไป๋ตกตะลึงไปเล็กน้อย ภายในใจยังคิดถึงคำพูดของหลินยวน จึงไม่ได้แสดงท่าทีดีใจอะไรออกมามากนัก มุมปากยิ้มเล็กน้อย กล่าวว่า “ดี”

“แกไม่รู้อะไร ไปเป็นผู้ช่วย ไปเป็นผู้ช่วยของผู้ช่วยไป๋ที่อยู่ข้างกายท่านประธานของหอการค้าตระกูลฉิน เสี่ยวหลินจึช่วยให้น้องแกได้ไปทำงานอยู่ข้างกายท่านประธาน….” เถาฮวาดวงตาเปล่งประกาย เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกชายฟัง

กวนสี่ยวไป๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยังยิ้มออกมาเล็กน้อย “ดี”

เถาฮวาหงุดหงิดกับท่าทางเฉยชาเป็นตอไม้ของเขา ดีดนิ้วเคาะไปที่หน้าผากของลูกชายทีหนึ่ง “ไป งานในมือวางเอาไว้ก่อน ไปซื้อเหล้าดีๆ กับของอร่อยๆ มา ของที่เสี่ยวหลินจึชอบกินซื้อมาเยอะๆ วันนี้แม่จะทำอาหารให้เต็มโต๊ะขอบคุณเสี่ยวหลินจึเสียหน่อย”

กวนเสี่ยวไป๋เกาศีรษะ “ไม่ใช่คนอื่นเสียหน่อย ไม่เห็นจำเป็นเลย”

เถาฮวาตบศีรษะเขาไปสองสามทีจนเขาต้องหดตัวหลบ จากนั้นถลึงตาพลางกล่าว “จำเป็นสิ ครอบครัวเดียวกันจะฉลองหน่อยไม่ได้หรือไง? รีบเลย โทรหาเสี่ยวหลินจึ ให้เขามาที่นี่”

กวนเสี่ยวไป๋ถอนใจพลางกล่าว “ไม่ใช่ว่าผมไม่โทร แต่เมื่อวานเสี่ยวหลินจึบอกว่าตอนนี้เขามีเรื่องด่วนต้องจัดการ เสียเวลาไม่ได้ ช่วงนี้ก็เลยมาที่นี่ไม่ได้ เมื่อวานที่มาก็เจียดเวลาออกมาเต็มที่แล้ว แม่ ตอนนี้เขาไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วนะ จะเที่ยวไปนั่นไปนี่ตามใจชอบไม่ได้แล้ว เขาบอกแล้วว่าไว้มีเวลาว่าง เดี๋ยวเขามาเอง”

“อย่างนั้นเหรอ!” เถาฮวากล่าวพึมพำกับตัวเองครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ได้แต่ต้องล้มเลิกความคิดไป

แต่การฉลองยังต้องมีอยู่ สุดท้ายเธอก็ให้ลูกชายไปซื้อกับข้าวอร่อยๆ มา

กวนเสี่ยวไป๋ตอบรับอย่างรวดเร็ว วางงานที่อยู่ในมือลง ก่อนจะขับรถออกไป

เถาฮวาที่ยืนอยู่ตรงหน้าร้านรับซื้อของเก่ามองดูลูกชายขับรถออกไป ก่อนจะเหลียวหน้ากลับมามองดูในร้าน ภายในใจรู้สึกชื่นชม ลูกชายกับลูกสาวนับวันจะดีขึ้นเรื่อยๆ ใช้ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

……

ชายรูปร่างผอมสูงที่สวมชุดพ่อครัวสีขาวผู้หนึ่งถือถาดของว่างเดินเข้าไปในห้องหลักของห้องผู้ช่วย

ไป๋หลิงหลงเงยหน้าขึ้นมามองเขา ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องทำงานของฉินอี๋ด้วยกัน

ภายในห้องผู้ช่วยของไป๋หลิงหลงมีผู้ช่วยอยู่สี่คน สองคนเป็นผู้ช่วยงานทั่วๆ ไปในหอการค้า อีกคนหนึ่งรับผิดชอบช่วยงานด้านนอก แล้วก็มีอีกคนหนึ่งที่คอยรับผิดชอบงานด้านอาหารเครื่องดื่มของฉินอี๋

เพื่อความปลอดภัยแล้ว อาหารการกินของฉินอี๋จำเป็นต้องมีคนคอยรับผิดชอบเป็นการเฉพาะ

ตอนนี้มีกวนเสี่ยวชิงมาเพิ่มอีกคนหนึ่ง จึงมีผู้ช่วยเป็นห้าคน

เมื่อเข้าไปในห้องทำงานของฉินอี๋แล้ว ไป๋หลิงหลงก็ปิดประตู จากนั้นรีบเดินเข้าไปรับถาดอาหารที่อยู่ในมือผู้ชายผอมสูงมาวางไว้อีกด้านหนึ่ง

ผู้ชายผอมสูงนั่งลงตรงหน้าฉินอี๋ที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน

หลังฉินอี๋เซ็นเอกสารสองสามแผ่นเสร็จเรียบร้อยถึงจะเงยหน้าขึ้นมาถาม “ดื่มอะไรหน่อยไหม?”

ชายรูปร่างผอมสูงส่ายศีรษะช้าๆ ท่าทางเงียบขรึมไม่ค่อยพูดจา

ฉินอี๋เองก็ไม่เกรงใจอีก กล่าวถามไปตรงๆ ว่า “วันนี้เสิร์ฟอาหารจานใหม่ให้หลัวคังอัน จากการตรวจสอบของคุณ คิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”

ชายรูปร่างผอมสูงกล่าว “ไม่เท่าไร เกือบเกิดเรื่อง แต่การแก้ไขสถานการณ์ก็ยังถือว่าทำได้รวดเร็ว อาจจะเพราะประมาทเกินไป สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

ฉินอี๋กล่าว “คุณคิดว่าถ้าให้เขาลงประมูลจะมีโอกาสเท่าไร?”

ชายรูปร่างผอมสูงกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าการประมูลใช้วิธีการอะไรกันแน่ ถ้าเป็นแค่การทดสอบด้านความทนทาน อย่างนั้นปัญหาสำคัญมันก็อยู่ที่ตัวเทพมหาวิญญาณ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ควบคุมมากนัก แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับด้านอื่นด้วย อย่างนั้นมันก็พูดยาก”

ฉินอี๋กล่าว “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาล เกรงว่าคงไม่ง่าย ดังนั้นฉันถึงได้เชิญคุณมา ถ้าเขาไม่ไหวจริงๆ ล่ะก็ คุณก็เข้าไปแทนที่เขา ในแง่หนึ่งแล้วหลัวคังอันก็เป็นแค่ฉากหน้าที่เอาไว้หลอกล่อให้คู่แข่งคนอื่นๆ ประมาท แล้วก็เพื่อปกปิดการมีอยู่ของคุณ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเจออันตรายอะไรอีก แต่เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญจริงๆ ฉันก็ยังต้องพึ่งคุณอยู่”

ชายรูปร่างผอมสูงกล่าว “ผมคิดว่าคุณเพียงแค่ให้ผมมาช่วยวางแผนเท่านั้น ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ อย่างนั้นตัวตนของผมก็ต้องถูกเปิดเผยแน่นอน เกรงว่าตระกูลหนานชีคงไม่มีทางปล่อยผมไปแน่ แล้วก็กลัวว่าปัญหาจะลามมาถึงตระกูลฉินด้วย”

ฉินอี๋กล่าว “นี่ก็เป็นเหตุผลที่วันนี้ฉันเรียกคุณมา การประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ฉันอยากจะพูดกับคุณตรงๆ ขอเพียงครั้งนี้ตระกูลฉินสามารถชนะการประมูลได้ ฉันก็มีวิธีจะแก้ไขปัญหาที่คุณกังวล แล้วคุณก็จะสามารถอยู่กับลูกสาวของคุณได้อย่างเปิดเผย”

ศีรษะที่ก้มต่ำของชายรูปร่างผอมสูงเงยขึ้นมา สายตาสาดประกายขึ้นมาเล็กน้อย “ แล้วถ้าไม่ชนะล่ะ?”

ฉินอี๋กล่าว “ถ้าไม่ชนะ ตระกูลฉินก็คงยื้อไว้ได้ไม่นานเช่นกัน ไม่สามารถปกปิดตัวตนคุณต่อไปได้อีก คุณสามารถหลบหนีไปยังที่ที่ไกลแสนไกลได้ ส่วนลูกสาวของคุณ คุณเองก็ได้เห็นแล้วว่าตอนนี้เธอมีชีวิตที่ดี เช่นนั้นยังจำเป็นต้องรู้จักกันอีกเหรอ? คุณอย่าไปรบกวนเธอเลย จะได้ไม่สร้างปัญหาให้เธอ”

………………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน