บทที่ 1136 : ฝ่ายอาณาจักรสวรรค์ (6)
นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายตาที่มองเฟิงลี่เฉินเต็มไปด้วยความหลงใหล
ใบหน้านั้นหล่อเหลางดงามยากจะหาผู้ใดเทียบได้มองเท่าไรก็ไม่เคยพอ
ทว่าน่าเสียดาย…
นับแต่หญิงผู้นั้นจากไปนางก็ไม่เคยเห็นรอยยิ้มอ่อน ๆ บนใบหน้าของเขาอีกเลย
”เจ้ารู้”
น้ำเสียงของเฟิงลี่เฉินเฉยเมยเฉกเช่นเคยราวกับไร้สิ้นซึ่งอารมณ์ใด ๆ แววตาของเขาเย่อหยิ่ง เขากล่าวโดยไม่แม้จะชายตามองนาง
หัวใจของหยุนรั่วซีดูเหมือนจะบีบรัดแน่นนางไม่หายใจแทบไม่ออกด้วยความเจ็บปวด
นางพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกสองสามครั้งเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
“ลี่เฉิน… ”
นางเอื้อมมือไปคว้าจับแขนเสื้อของชายหนุ่ม
เฟิงลี่เฉินมองนางด้วยสายตาเย็นชาแววตาเช่นนี้ทำให้มือของนางแข็งค้าง
“เมื่อไหร่…ท่านจะกลับมา?” นางกัดริมฝีปากแน่น พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเว้าวอน
”เมื่อถึงเวลาข้าก็จะกลับเอง”
เฟิงลี่เฉินปัดแขนเสื้อก่อนจะหันหลังให้
หลังจากกล่าวจบเขาก็หายตัวไปภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิดไร้ขอบเขตราวกับสายลมที่ไร้ร่องรอย
”คุณหนู…”สาวใช้นามเสี่ยวชิงตามมาข้างหลัง นางมองหยุนรั่วซีอย่างหวาด ๆ “เราจะยอมรามือให้แดนอสูรจริง ๆ หรือเจ้าคะ ?”
หยุนรั่วซีหรี่ตาลงเล็กน้อยแสงเย็นวาบปรากฏในดวงตาของนาง “ยอมกระนั้นรึ ? เหตุใดข้าต้องยอมพวกแดนอสูร ? พวกมันสมควรตาย !”
เมื่อมันเกี่ยวข้องกับนางแพศยานั่น!
นัยน์ตาของหยุนรั่วซีส่องประกายแสงแดงนางสูดลมหายใจเข้าลึก เอ่ยกล่าวว่า “ไปที่เมืองสัตว์อสูรก่อน ข้าอยากจะมั่นใจก่อนว่า หญิงผู้นั้นได้จากโลกนี้ไปแล้วจริงหรือไม่ ? หากนางยังมีชีวิตอยู่ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้นางตายอีกครั้ง !”
ผู้ใดก็ตามที่แย่งผู้ชายกับนางต้องไม่พบจุดจบที่ดี !
…
”เสี่ยวหลงเอ๋อผ่านสถานที่แห่งนี้ไปได้ ก็จะถึงเมืองสัตว์อสูรแล้ว”
ยามนี้ในหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยความมืดมิดยามราตรี ไป๋เสี่ยวเฉิน พาเสี่ยวหลงเอ๋อเดินตรงไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ครั้นเขาคิดว่าจะได้พบมารดาใบหน้าสีชมพูของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มไร้เดียงสาแลดูน่ารัก
”เอ๊ะ?”
จู่ๆ ไป๋เสี่ยวเฉินก็ชะงัก เขารีบดึงเสี่ยวหลงเอ๋อมาหลบด้านหลัง พลางตะโกนอย่างระแวดระวัง “นั่นผู้ใด ?”
ทันทีที่สิ้นเสียงร่างสีขาวราวกับหิมะก็ลอยผ่านมา
ร่างนี้หันหลังให้พวกเขาเช่นนั้นเขาจึงมองไม่เห็นใบหน้าของผู้ที่อยู่ตรงหน้า
ชายชราวิปลาสเริ่มบ้าคลั่งเขาไล่ตามร่างที่อยู่ตรงหน้าไป
”หลานสาวที่รักเจ้าเป็นหลานสาวที่รักของข้า อย่าหนีข้า หลานสาวที่รัก !”
ครั้นเห็นชายชราวิปลาสไล่ล่าเงาสีขาวที่ห่างออกไกลออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินก็เปลี่ยนไป เขารีบคว้ามือเล็ก ๆ ของเสี่ยวหลงเอ๋อ พลางไล่ติดตามไปข้างหน้า
“ท่านตา…รอพวกเราด้วย”
…
ภายในหุบเขายามราตรีร่างสีขาววิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ด้านหลังนางมีชายชราวิปลาสตะโกน ไล่ล่าไม่หยุด
ในเวลาเดียวกันก็มีซาลาเปาน้อยอีกสองคนวิ่งไล่ติดตามชายชราวิปลาสมา
ฉากไล่ตามคืนนี้ดูราวกับการจัดฉากละคร
ชายชราวิปลาสใกล้จะหมดแรงแล้วเขายืนหอบ มือของเขาวางอยู่บนต้นไม้ เสียงของเขาราวกับกำลังเสียใจ “เหตุใดหลานสาวที่แสนดีของข้าถึงไม่เห็นข้าเลย ?”
“ท่านตา…ท่านรู้ได้อย่างไรว่านางเป็นเสี่ยวไป๋ไป๋ของท่าน?”
ในที่สุดไป๋เสี่ยวเฉินก็ไล่ตามมาทันเขายืนหอบสองสามครั้ง ก่อนจะหันไปมองชายชราวิปลาส
”เจ้าโง่…เสี่ยวไป๋ไป๋ของข้าชอบใส่กระโปรงสีขาวนางต้องเป็นเสี่ยวไป๋ไป๋ของข้าสิ” ชายชราวิปลาสกระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด เพราะเมื่อครู่เสี่ยวไป๋ไป๋ก็หนีเขาไปอีกแล้ว
บทที่ 1137 : ฝ่ายอาณาจักรสวรรค์ (7)
ปากของไป๋เสี่ยวเฉินกระตุก”ท่านตา หญิงสารเลวที่เราพบเมื่อวาน นางก็สวมชุดสีขาวนะ”
”มันต่างกันข้ารู้จักนังแพศยานั่นดี ต่อให้นางกลายเป็นเถ้า ข้าก็จดจำนางได้ !”
ชายชราวิปลาสกัดฟันอย่างดุเดือดเห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดหยุนรั่วซีมาก
ฟิ้ว…
จู่ๆ เชือกก็หล่นลงมาจากต้นไม้ ตกลงมาที่ชายชราวิปลาสพิงอยู่ เชือกนั้นมัดแขนของชายชราวิปลาส ก่อนจะดึงเขาขึ้นไปแขวนบนต้นไม้อย่างรวดเร็ว
ชายชราวิปลาสตกใจกลัวเขาเริ่มดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง พลางร้องตะโกนอย่างลนลาน
”ผู้ใดทำร้ายข้าปล่อยข้าลงไปเร็ว ๆ ข้าต้องไล่ตามเสี่ยวไป๋ไป๋ !”
ทันทีที่ถ้อยคำของชายชราวิปลาสจบลงก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง
“ข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสไล่ล่าหลานสาวตัวดีของเจ้าอีกต่อไปแล้ว…”
หยุนรั่วซีเดินออกมาจากหลังต้นไม้นางเม้มปาก พลางมองชายชราวิปลาสที่ห้อยอยู่บนต้นไม้
”ก่อนหน้านี้…ไหนเจ้าว่าจะตีข้าไม่ใช่หรือ? ทำไมล่ะ ตอนนี้เจ้าไม่สามารถทำได้แล้วหรือ ? โอ้…ใช่สิ เจ้าไม่ต้องดิ้นรนหรอก เชือกเส้นนี้มัดได้กระทั่งเหล่าผู้อาวุโส ข้าขโมยมันมาจากแท่นบูชาในเทวาคาร”
มีเพียงไม่กี่คนที่ไปยังแท่นบูชาเช่นนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าสมบัตินี้หายไป
คราวนี้นางลอบนำมันออกมาจากแท่นบูชาเพื่อใช้ป้องกันตัวเดิมทีนางต้องการใช้จัดการกับราชาแดนอสูร นางไม่คาดคิดว่าจะต้องนำมันมาใช้กับชายชราวิปลาสผู้นี้เสียก่อน
เหตุผลที่ไม่ได้ใช้เชือกเส้นนี้ตั้งแต่อยู่ในย่านกลางเมืองก็เพราะแม้ว่าเชือกนี้จะสามารถผูกมัดระดับเทพชั้นสูงได้ รวมถึงผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้อาวุโสด้วย ทว่าก็ต้องเป็นการลอบโจมตีให้สำเร็จในครั้งเดียว หาไม่คนผู้นั้นก็จะสามารถหลุดรอดออกมาได้โดยง่าย
อย่างที่สองก็คือ…หากใช้มันในย่านกลางเมืองย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เทวาคารจะทราบว่านางลอบขโมยเชือกวิเศษออกมา เช่นนั้นนางจึงจำต้องอดกลั้น อดทนต่อการทุบตีของชายชราวิปลาสผู้นี้
โชคดีที่ท้ายสุดชายชราวิปลาสผู้นี้ก็ตกอยู่ในกำมือของนาง …
ฮ่าฮ่า ฮ่า !
หยุนรั่วซีอยากจะเงยหน้าขึ้นหัวเราะให้ก้องฟ้ามุมปากของนางยกขึ้น แววตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
”เจ้าคิดจะทำอะไร?” ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินเคร่งขรึม “นอกจากนี้ หญิงในชุดขาวเมื่อครู่ เป็นเจ้าที่ให้คนปลอมตัวมาแกล้งเราใช่หรือไม่ ?”
หยุนรั่วซีไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นนางยิ้มเล็กน้อย “เด็กน้อย เมื่อวานเราอยู่ต่อหน้าธารกำนัล ข้าจึงลงมือไม่ได้มากนัก หากแต่วันนี้พวกเจ้าทั้งหมดตกอยู่ในกำมือของข้า ทั้งไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเจ้าได้แล้วด้วย”
เสี่ยวหลงเอ๋อหวาดกลัวกระทั่งไปหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังไป๋เสี่ยวเฉิน
ไป๋เสี่ยวเฉินตบหลังมือของนางเพื่อปลอบประโลมก่อนจะหันไปมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหยุนรั่วซี
”หากเจ้าปล่อยท่านตาข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการทุกอย่าง”
“ฮ่าฮ่า !”
หยุนรั่วซีทำราวกับว่าได้ยินเรื่องตลกขบขันนางหัวเราะร่า แววตาของนางเต็มไปด้วยความดูถูก
”ปล่อยเขาไปน่ะหรือ? ตาแก่ผู้นี้สร้างปัญหาให้ข้ามาเนิ่นนานหลายปีแล้ว ทั้งเมื่อวานนี้เขายังสร้างความอับอายให้ข้าต่อหน้าสาธารณชนอีกด้วย เจ้ายังคิดจะให้ข้าปล่อยเขาไปอีกงั้นหรือ ?” หยุนรั่วซีเม้มปากอย่างแดกดัน “ทว่าเจ้าเด็กน้อย ก่อนจะห่วงเขา เจ้าควรห่วงตัวเองก่อนจะดีกว่านะ”
หัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินพลันเคร่งเครียดเขาจงใจลดเสียงลงให้ดังเฉพาะในหูของเสี่ยวหลงเอ๋อเท่านั้น
”หลงเอ๋อข้าจะผลักเจ้าออกเจ้ารีบหนีไปจากที่นี่โดยเร็ว รีบไปตามหาป๊ะป๋ากับหม่ามี้ที่เมืองสัตว์อสูร”
“เสด็จพี่…” เสี่ยวหลงเอ๋อจับมือของไป๋เสี่ยวเฉินแน่น แววตาของนางเต็มไปด้วยความห่วงใย
”เมืองสัตว์อสูรอยู่ห่างออกไปอีกแค่เพียงไม่กี่ร้อยลี้เจ้าสามารถไปถึงได้อย่างรวดเร็ว น้องหลงเอ๋อ เจ้าไปตามป๊ะป๋าวายร้ายมาช่วยพวกเรานะ”
เสี่ยวหลงเอ๋อเม้มริมฝีปากแน่นขณะหันหน้าไปมองไป๋เสี่ยวเฉิน ที่สุดก็พยักหน้ารับอย่างจริงจัง
บทที่ 1138 : ฝ่ายอาณาจักรสวรรค์ (8)
”อืม”
ปัง!
ไป๋เสี่ยวเฉินยกร่างของเสี่ยวหลงเอ๋อขึ้นจากนั้นก็เหวี่ยงนางออกไปด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ชั่วขณะนี้ร่างของเสี่ยวหลงเอ๋อก็ลอยละลิ่วไปกลางอากาศ พร้อมกันนั้นร่างของนางก็เปลี่ยนเป็นมังกรยักษ์ นางร้องคำรามพลางพุ่งตัวไปข้างหน้าราวกับสายฟ้า
หยุนรั่วซีมองตามร่างของเสี่ยวหลงเอ๋อที่เหาะออกไปนางไม่ได้ไล่ติดตาม ด้วยเหตุที่เป้าหมายในยามนี้ของนางมีเพียงเด็กคนนี้กับชายชราวิปลาสนั่นเท่านั้น
ครั้นเสี่ยวหลงเอ๋อจากไปแล้วไป๋เสี่ยวเฉินก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเลิกคิ้ว แม้จะอยู่ในวัยเด็ก เขาก็แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่น่าภาคภูมิแล้ว
”เจ้าจะทำอะไรกับข้าและท่านตา ?”
หยุนรั่วซียิ้มน้อยๆ “เจ้าต้องการยื้อเวลา เพื่อรอให้มังกรตัวน้อยพาคนมาช่วยใช่หรือไม่ ? หากข้าเดาไม่ผิดสถานที่ที่ซึ่งนางต้องการไปตามคนมาช่วยก็คือเมืองสัตว์อสูร ทว่าน่าเสียดายที่คนในเมืองสัตว์อสูรนั่นแม้แต่จะปกป้องตัวเองก็ยังยาก”
น่าเสียดายที่คนในเมืองสัตว์อสูรนั่นแม้แต่จะปกป้องตัวเองก็ยังยาก…
ถ้อยคำของหยุนรั่วซีทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินตัวแข็งค้าง “เจ้าว่าอะไรนะ ?”
”เด็กน้อย…ดูเหมือนว่าหูของเจ้าจะมีปัญหานะข้าจะพูดซ้ำอีกครั้งก็ได้ ผู้คนในเมืองสัตว์อสูรนั่นถูกกวาดล้างจนสิ้นแล้ว อาณาจักรสวรรค์ของเราได้ส่งเทพสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนไปโจมตีเมืองสัตว์อสูร ข้าเห็นคนในเมืองสัตว์อสูร ทุกคนตายสิ้นแล้ว ไม่เหลือแม้สักคน !”
เป็นความจริงที่ว่านางส่งเทพสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนไปที่นั่นหากแต่ที่ว่าทุกคนในเมืองสัตว์อสูรนั่นล้มตายสิ้น นางกล่าวก็เพื่อหลอกลวงไป๋เสี่ยวเฉิน
นางเพียงต้องการทำลายความหวังทั้งหมดของเขา
ไป๋เสี่ยวเฉินกำหมัดแน่นสายลมยามเย็นพัดผ่าน เสื้อผ้าของเขาปลิวสะบัดล้อสายลม
อาณาจักรสวรรค์ของเราได้ส่งเทพสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนเข้าโจมตีเมืองสัตว์อสูรข้าเห็นผู้คนในเมืองสัตว์อสูร ตายสิ้นทุกคน ไม่เหลือแม้สักคน
ไม่เหลือสักคน…
”ไม่…!”
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินเต็มไปด้วยแสงสีแดงฉานหมัดของเขากำแน่น และแน่นขึ้นเรื่อย ๆ พายุพัดโดยรอบร่างของเขา ทุกสิ่งรอบกายเขาถูกทำลายย่อยยับภายใต้สายลมแรง
ชายชราวิปลาสตกลงมาจากต้นไม้มือและเท้าของเขายังคงถูกเชือกมัด ยังไม่อาจขยับเขยื้อนได้ เขากระโดดไปรอบ ๆ เพื่อหาที่หลบซ่อน
”พระเจ้าช่วยนี่เขาบ้าไปแล้ว ?” ชายชราวิปลาสเกาหัว พลางหัวเราะน้อย ๆ “เอาล่ะ ข้าก็เป็นตาแก่บ้า ส่วนเขาก็เป็นเด็กบ้า สนุก ฮ่า ๆ ๆ สนุกจริง ๆ”
ชั่วขณะนี้นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินเต็มไปด้วยเส้นเลือดใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาปกคลุมไปด้วยอายเย็นยะเยือก แม้ว่าเสียงของเขาจะยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ ทว่าก็แฝงเจตนาสังหารที่รุนแรง
”เจ้าฆ่าหม่ามี้ของข้า…”
“ทุกคนที่ฆ่าหม่ามี้ข้าสมควรตาย!”
ยามนี้ไป๋เสี่ยวเฉินราวกับอสูรที่เดินออกมาจากขุมนรกทุกย่างก้าวของเขา ทำให้หัวใจของหยุนรั่วซีสั่นสะท้าน
“นี่มัน… เกิดอะไรขึ้น ?”
เด็กคนนี้ก็เป็นสัตว์อสูรกระนั้นรึ?
ยิ่งไปกว่านั้นพลังของเขา… มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
“คุณหนู… หนีก่อนเถอะ”
สาวใช้กลืนน้ำลายอย่างแรงเอ่ยกล่าวเสียงสั่น ๆ
เนื่องจากเมื่อหลายพันปีก่อนหญิงสาวได้รับบาดเจ็บความแข็งแกร่งของนางจึงไม่สามารถพัฒนาได้อีก หากมิใช่เพราะเครื่องรางรูปพระจันทร์ในมือของหญิงสาว เกรงว่าในเทวาคารคงไม่มีที่ยืนสำหรับนาง
เพียงเพราะมีคนเคยกล่าวไว้ว่าผู้ที่ถือครองเครื่องรางนี้จะเป็นเจ้าเหนือหัวอาณาจักรสวรรค์ในกาลข้างหน้า บรรดาเซียนอาวุโสเหล่านั้นจึงเชื่อเสมอว่าหญิงสาวจะสามารถฝึกฝน กระทั่งได้ครอบครองอาณาจักรสวรรค์ในสักวัน
พวกเซียนอาวุโสเหล่านั้นจึงปฏิบัติต่อนางเฉกเช่นเดิมทั้งไม่ทอดทิ้งนาง แม้นางจะไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ความแข็งแกร่งยิ่งไปกว่านี้ได้ …
”หนีงั้นหรือ?” หยุนรั่วซีเยาะเย้ย “เหตุใดข้าต้องหนี แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ข้าจะไม่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่ง ทว่าข้าก็ยังเป็นหนึ่งในผู้ที่เก่งที่สุดในดินแดนแห่งนี้ ! บัดนี้คนพวกนี้ดูถูกข้า จะให้ข้าปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไร !”
บทที่ 1139 : ฝ่ายอาณาจักรสวรรค์ (9)
สัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารแวบผ่านดวงตาของหยุนรั่วซีตอนนี้นางไม่ได้ตื่นตระหนกอีกต่อไป ท่าทีของนางสงบลง
ยามนี้ไป๋เสี่ยวเฉินได้ก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าหยุนรั่วซีแล้ว…
ชายชราวิปลาสซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินพลางมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด ดูเหมือนเขาจะเห็นภาพลวงตาว่าเด็กน้อยผู้นี้เปลี่ยนแปลงไปมาก
แม้ร่างจะยังคงเดิมหากทว่าวิญญาณของเด็กน้อยกลับไม่เหมือนเดิม
เด็กน้อยเปรียบเสมือนเครื่องจักรสังหารที่รู้เพียงการเข่นฆ่ายามนี้ร่างของเขาปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายสังหารที่เย็นชา และเคร่งขรึม
นัยน์ตาของหยุนรั่วซีเย็นชาทันทีที่นางเห็นกำปั้นเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน กำลังพุ่งเข้ามา นางก็ลากเสี่ยวชิงที่หลบด้านหลังออกมาแทนเกราะกำบังโดยที่สาวใช้ไม่ทันรู้ตัว พร้อมเสียงดังปังหมัดนั้นก็ชกลงบนร่างของเสี่ยวชิง
จากการชกครั้งนี้ส่งผลให้หน้าอกของเสี่ยวชิงยุบทันที นางหันคอแข็งค้างกลับไปมองหยุนรั่วซีที่อยู่ด้านหลังอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“คุณหนู… เหตุใด ?”
นางติดตามหญิงสาวมานานหลายปีอีกทั้งมอบความจงรักภักดีต่อนายหญิงเรื่อยมา เหตุใดยามนี้คุณหนูถึงได้ใช้นางต่างโล่ ?
”เจ้ามันก็แค่สิ่งไร้ประโยชน์เก็บไว้ก็ก่อเกิดประโยชน์แค่เพียงเล็กน้อย เช่นนั้นข้าจึงใช้เจ้าเพื่อทดลองพลังของเขา ทว่าการตายของเจ้าก็คุ้มค่านะ เพราะมันทำให้ข้าพบจุดอ่อนของเขาจนได้”
หยุนรั่วซีหัวเราะเยาะ
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเด็กน้อยจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหากแต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาสูญเสียความสามารถในการไตร่ตรอง เขาไม่ได้มีไหวพริบที่น่ากลัวเฉกเช่นตอนแรก
ใช่…ในความคิดของหยุนรั่วซีไป๋เสี่ยวเฉินคนเดิมเป็นเด็กเจ้าเล่ห์ อีกทั้งเจ้าแผนการ ทว่ายามนี้แววตาของไป๋เสี่ยวเฉินกลับไร้สีสันโดยสิ้นเชิง มีเพียงสีเลือดแดงฉาน ราวกับเขาต้องเพียงฆ่า ฆ่า และฆ่า…เท่านั้น
…
ในเวลาเดียวกันเมืองสัตว์อสูรยามราตรีกลับถูกเสียงดังสนั่นเขย่าโลกรบกวน เสียงดังกล่าวทำลายความเงียบสงบในเวลานี้ลงทันที
ไป๋หยานลืมตาขึ้นนางเหลือบมองบุรุษข้างกายพลางลุกขึ้นจากเตียง
”ราชา!”
ทันใดนั้นเองเสียงของผู้อาวุโสใหญ่ก็ดังมาจากนอกบ้านเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธอย่างไม่อาจควบคุมได้ “คนแดนสวรรค์มาที่ประตูเมือง ทั้งพวกเขาส่วนใหญ่ก็อยู่ในระดับสวรรค์ !”
แววตาของตี้คังเย็นชา”เจ้าไปก่อนเถอะ ข้าจะตามไปทีหลัง”
ครั้นถ้อยคำนี้จบลงเขาก็ก้มลงมองสตรีที่นอนข้าง ๆ พลางลูบไล้เรือนผมของนาง ริมฝีปากสีแดงของเขาเผยอขึ้น น้ำเสียงของเขาไม่เย็นชา ทว่ากลับอ่อนโยนและนุ่มนวล
”หยานเอ๋อ…เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ไม่ช้าข้าจะกลับมา”
”ข้าจะไปกับท่าน”
ไป๋หยานรีบจับมือของตี้คังแววตาของนางเคร่งขรึม นางไม่รู้ว่าทำไม นางถึงรู้สึกไม่สบายใจเลย
และเพราะความรู้สึกนี้ที่ทำให้นางหงุดหงิดเล็ก ๆ
”หยานเอ๋อข้าไม่ต้องการให้เจ้าบาดเจ็บ ยิ่งไปกว่านั้นหากมีเจ้าอยู่เคียงข้างข้า ข้าจะต้องเสียสมาธิอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” ตี้คังยิ้มน้อย ๆ “เช่นนั้นเจ้าควรรอข้าอยู่ที่นี่ หลังจากจัดการกับคนเหล่านั้นแล้ว ข้าจะรีบกลับมาหาเจ้า”
ไป๋หยานสะดุ้งนางปล่อยมือที่จับตี้คังไว้พลางยิ้มน้อย ๆ นัยน์ตาที่งดงามของนางเปล่งประกายสดใส
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็รีบไปรีบกลับนะ”
ตี้คังประทับจูบลงบนหน้าผากของนางจากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมก่อนจะเดินไปที่ประตู
หลังจากที่เขาผละจากไปไป๋หยานก็ลุกขึ้นจากเตียง นางเปิดประตูและเดินออกจากห้อง
ค่ำคืนนี้ช่างมืดมิด
ท้องฟ้าดูเหมือนม่านสีดำที่ถูกดึงลงมาราตรีนี้ดูไม่สงบสุขเอาเสียเลย
”ราชินี”
ครั้นองครักษ์คนหนึ่งเห็นราชินีเดินออกจากห้องเขาก็รีบคุกเข่าลงบนพื้นทันที “ราชามีรับสั่ง ห้ามมิให้ราชินีเสด็จออกจากที่นี่”
ไป๋หยานหรี่ตานางกำลังจะกล่าวบางอย่าง หากแต่ชั่วขณะนั้นด้านหน้านางไม่ไกลกันนัก มังกรก็พุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ครั้นถึงหน้าไป๋หยาน มังกรก็กลายร่างเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ยามนี้นัยน์ตากำลังเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
”หลงเอ๋อ?” แววตาของไป๋หยานเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ได้ ?”
บทที่ 1140 : ไป๋เสี่ยวเฉินได้รับบาดเจ็บ (1)
”ท่านแม่”ใบหน้าที่เป็นกังวลของเสี่ยวหลงเอ๋อซีดเผือด ดูเหมือนนางกำลังจะร้องไห้แล้ว “มีผู้หญิงเลวคนหนึ่งต้องการฆ่าเสด็จพี่ ท่านแม่รีบไปช่วยเสด็จพี่ด้วย”
ไป๋หยานเซแทบจะล้มทั้งยืนนางรีบกดไหล่ของเสี่ยวหลงเอ๋อ พลางถามเสียงสั่น
“เฉินเอ๋อ…อยู่ที่ใด? เขาอยู่ที่ใด ?”
“ท่านแม่รีบขึ้นหลังข้าข้าจะพาท่านไปหาเสด็จพี่”
หลงเอ๋อ…ไม่สนใจที่จะอธิบายอะไรให้ไป๋หยานฟังอีกร่างของนางเปลี่ยนเป็นที่มังกรทันที นางคุกเข่าลงเอ่ยกล่าวอย่างกังวล
”ราชินี!”
องครักษ์แห่งอาณาจักรอสูรหน้าซีดเมื่อเห็นไป๋หยานขึ้นไปบนร่างของเสี่ยวหลงเอ๋อ เขารีบกล่าวว่า “ราชามีรับสั่งว่า ภายนอกอันตรายเกินไป เช่นนั้นห้ามมิให้ราชินีเสด็จออกจากที่นี่”
ไป๋หยานก้มลงมององครักษ์แห่งแดนอสูร”บอกตี้คังว่า ข้าจะรีบกลับมา เสี่ยวหลงเอ๋อไปได้”
”อืม…”
ทันทีที่เสี่ยวหลงเอ๋อได้ยินคำสั่งของไป๋หยานร่างของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พริบตาก็หายลับไปจากคฤหาสน์
เหล่าองครักษ์แห่งแดนอสูรต่างหวาดหวั่นกระทั่งแข้งขาอ่อนราชามีรับสั่งให้พวกเขาปกป้องราชินี ทว่าตอนนี้ราชินีเสด็จจากไปแล้วพวกเขาควรทำเช่นไร ?
”เอ่อ…”องครักษ์คนหนึ่งกลืนน้ำลาย “เราต้องกราบทูลองค์ราชาหรือไม่ ?”
“ทว่าตอนนี้ราชาทรงกำลังทำสงครามกับคนเหล่านั้น ข้ากลัวว่าพระองค์จะไม่สามารถช่วยราชินีได้ เราจะกราบทูลได้ก็ต่อเมื่อองค์ราชาเสด็จกลับมาเท่านั้น”
องครักษ์อสูรอีกคนครุ่นคิดเพียงครู่
ก่อนหน้านี้…เขาอยู่ในดินแดนลับมาโดยตลอดแม้เขาจะรู้ดีถึงความรักของราชาที่มีต่อราชินี หากแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าความรักของราชาของพวกเขานั้นเรียกได้ว่าถึงจุดบ้าคลั่ง
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นในแดนอสูร
และนอกจากนี้…
พวกเขาไม่รู้ว่าเพราะพวกเขาไม่ได้รายงานเรื่องนี้กับตี้คังให้ทันกาล จึงก่อให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่สำหรับพวกเขาเอง
…
ณประตูเมือง
ชายหนุ่มยืนอยู่ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรีมือหนึ่งของเขาไพล่หลัง เรือนผมสีเงินเปี่ยมเสน่ห์แลดูหล่อเหลา อีกทั้งหยิ่งผยอง
สัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนยืนเรียงแถวรอต้านรับศัตรูที่ดาหน้ามายังเมืองสัตว์อสูรอย่างล้นหลามกระทั่งทำให้ผู้พบเห็นต้องตกตะลึง
“ราชาอสูร…ตี้คัง!”
ท่ามกลางผู้คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามชายวัยกลางคนยิ้มเยาะ มุมปากของเขายกขึ้นเย้ยหยันขณะกล่าวคำ “เจ้าไม่รู้หรือไรว่านี่คือดินแดนของผู้ใด เจ้ากล้าดีอย่างไรมายโสโอหังที่อาณาจักรสวรรค์ของข้า ? ผู้ใดมอบความกล้าหาญให้เจ้าเช่นนี้ ?”
ชายหนุ่มยืนไพล่มือไปด้านหลังอาภรณ์สีม่วงสะบัดขึ้นลงตามสายลม ช่างเป็นฉากที่งดงามน่าทึ่งในยามค่ำคืน
”ถึงตอนนี้…ราชาเช่นข้ายังไม่ได้มอบของหมั้นให้กับราชินีของข้าเลย”
”…”
เหล่าเทพสวรรค์ต่างผงะพวกเขาไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร ?
มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นรอยยิ้มนั้นทั้งโดดเด่น และสดใส
”ตอนนี้มีบางสิ่งสามารถเรียกความสนใจจากราชินีของข้าได้แล้ว ราชาเช่นข้าจึงต้องการมอบให้กับนาง”
เพียงสายลมพัดผ่านถ้อยคำที่เขากล่าวพลันกระทบจิตใจของทุกผู้คน
คนในอาณาจักรสวรรค์เหล่านี้เฝ้าหาเหตุผลที่พอจะเป็นไปได้มากมายและที่พอจะเป็นไปได้ก็คือ ความทะเยอทะยานของราชาอสูรที่ไม่ต่างจากหมาป่าหลงผิดหมายคิดครอบครองดินแดนของอาณาจักรสวรรค์
ทว่าแม้จะมีความคิดอื่นใดมากมายพวกเขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า สาเหตุที่ตี้คังต้องการยึดอาณาจักรสวรรค์เป็นเพียงแค่การหาของหมั้นให้กับภรรยาของตน
”ฮ่าฮ่า ฮ่า !”
ชายวัยกลางคนหัวเราะอย่างดุเดือดเสียงหัวเราะดังก้องท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด
”เจ้าคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าจะสามารถโจมตีอาณาจักรสวรรค์ของเราได้กระนั้นหรือ ? เพ้อเจ้อจริง ๆ วันนี้ข้าขอบอกเจ้าให้เข้าใจว่า อาณาจักรสวรรค์ของข้ามิใช่สถานที่ที่เจ้าจะเข้ามาก่อความวุ่นวายได้”