ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 48 ทำตัวไม่เลว

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 48 ทำตัวไม่เลว

“อ๊าก!” ทั้งสองคนส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่ไม่นานก็ร้องไม่ออก ศีรษะถูกหมอกสีดำที่พวยพุ่งออกมาจากกรงเล็บที่คว้าจับอยู่เหนือศีรษะปกคลุมเอาไว้

หมอกสีดำไหลเข้าไปในหูตาจมูกปากของทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว ร่างกายของทั้งสองคนสั่นเร่าๆ ขึ้นมาโดยที่ไม่อาจส่งเสียงใดๆ ออกมาได้

จากนั้นครู่หนึ่ง หมอกสีดำที่ไหลเข้าไปก็ไหลออกมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ถูกดูดกลับเข้าไปในกรงเล็บที่อยู่เหนือศีรษะ

แต่ทั้งสองคนที่กลับมาเป็นปกติกลับมีดวงตาที่ไร้เรี่ยวแรง สายตาล่องลอย

หลินยวนเหวี่ยงมือทั้งสองข้าง ทั้งสองคนกระเด็นออกไปซ้ายขวา บินขึ้นไปยังระเบียงชั้นสองที่โอบล้อมโถงรับแขกหลัก กระแทกเข้ากับกำแพงดังผลัก ก่อนจะตกลงบนพื้นระเบียงทางเดินชั้นสองทางฝั่งซ้ายฝั่งขวา ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ สลบไสลไปแล้ว

ภายในโถงรับแขกมีลมพัดขึ้นมา เศษซากศพและอุปกรณ์ตกแต่งภายในห้องบางส่วนโบยบินออกมา พุ่งเข้ามาหาคนที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำ

ภายในผ้าคลุมสีดำมีมือข้างใหญ่ข้างหนึ่งฟาดออกมา เปรี้ยง! ทุกอย่างกลายเป็นผุยผง ทุกอย่างกลายเป็นละอองโลหิต

หลินยวนก้าวเดินออกมาจากหมอกโลหิตตรงปากประตูอย่างไม่เร่งร้อน บนมือมีสิ่งที่ดูเป็นมันวาวอยู่สองชิ้น นั่นคืออาวุธของเฉาลู่ผิง คือมีดสั้นที่หักลง ถูกเขาเก็บมาด้วย

เมื่อออกมาจากประตู ด้านนอกมีเศษซากศพที่แหลกเละ เขาเดินมาถึงกองซากศพพลางยื่นมือออกไป เศษซากศพลอยขึ้นมา ก่อนจะถูกเขาใช้พลังฝ่ามือกระแทกไปอีกครั้ง ระเบิดออกกลายเป็นหมอกโลหิต

ภายในสวนมีเสียงโทรศัพท์มือถือดังตี๊ดๆ ขึ้นมาไม่หยุด หลินยวนไม่ได้สนใจ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเขา

เขาเดินวนรอบสวนอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง ศพทุกศพถูกจัดการจนหมด

เขาไม่มีทางทิ้งร่องรอยใดๆ ที่เกิดจากการสังหารของ ‘หยุดฝัน’ เอาไว้

ศพทั้งหมดถูกจัดการจนหมดแล้ว เขาบินออกไปจากสวน บินลงมายังถนนที่อยู่ด้านนอก เดินมาข้างรถคันหนึ่ง

เขาเปิดประตูแล้วคว้าโซ่เหล็กเส้นหนึ่ง ปลายอีกด้านหนึ่งของโซ่เหล็กยังมัดตัวผีหงสองสามีภรรยาเอาไว้

หลินยวนกระชากโซ่ออกมา สองสามีภรรยาดวงตาเบิกโพลง ถูกลากออกมาจากรถ ลอยลิ่วออกไป

หลินยวนสะบัดแขน โซ่เหล็กวาดออกไปในแนวขวาง ตูม! ก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างถูกกระแทกจนพังถล่ม สองสามีภรรยากลายเป็นเศษเนื้อกระเด็นกระดอน ประหนึ่งว่าร่างกายระเบิดออก

คืนนี้ ทุกคนที่เห็นเขาปรากฏตัวเช่นนี้ต้องตายทั้งหมด เฉาลู่ผิงต้องตาย พวกเขาสองสามีภรรยาก็ต้องตายเช่นกัน

แต่อู่เวยกับเวินเหลียงคือข้อยกเว้น

“นั่นใคร?” ผู้พิทักษ์เมืองสองคนที่สวมเกราะสีเงินบินลงมา

ทั้งสองคนลาดตระเวนมาถึงตรงนี้พอดี จู่ๆ ได้ยินเสียงเอะอะครึกโครม จึงบินมาตรวจดู ก่อนจะเห็นสถานที่หลังเกิดเหตุ ถึงได้ตะโกนถามอยู่ในอากาศอย่างโกรธเกรี้ยว

หลินยวนกวาดมองด้วยสายตาเยือกเย็น ไม่มีความลังเลและรีรอใดๆ เหวี่ยงแขนออกไป สะบัดโซ่เหล็กที่อยู่ในมือให้โบยบินออกไปประหนึ่งมังกรเจียวที่กำลังพุ่งทะยานไปในอากาศ แล้วก็คล้ายสายฟ้าสีดำสายหนึ่ง

เปรี้ยง! ผู้พิทักษ์เมืองนายหนึ่งหลบไม่ทัน แผ่นชุดเกราะตรงหน้าอกถูกฟาดจนแตกกระจาย ทรวงอกพลันยุบตัวลงไป โลหิตสดๆ ไหลทะลักออกมาจากในปากและจมูก ลูกตาที่เต็มไปด้วยโลหิตสีแดงคล้ายจะระเบิดออกมาอย่างไรอย่างนั้น

ผู้พิทักษ์เมืองอีกนายหนึ่งตกใจเป็นอย่างมาก หลินยวนเหวี่ยงแขนแล้วสะบัดโซ่เหล็กออกไปอีกครั้ง โซ่เหล็กที่ฟาดเข้าใส่ผู้พิทักษ์เมืองก่อนหน้านี้ดีดกลับมา

เปรี้ยง! ผู้พิทักษ์เมืองอีกคนหนึ่งใบหน้าแหลกเละไปทันที

สองคนที่ตายไปไม่คิดไม่ฝันเลยว่าภายในเมืองปู๋เชวี่ยที่เงียบสงบมาเป็นเวลานานหลายปีจะมีคนที่กล้าลงมือสังหารคนของผู้พิทักษ์เมืองอย่างไม่ลังเลอยู่ อีกทั้งยังลงมือโดยไม่มีการปิดบังแม้แต่น้อย ช่างเหิมเกริมเป็นยิ่งนัก ตามหลักแล้วคนแบบนี้ควรจะวิ่งหนีเมื่อเจอพวกเขาถึงจะถูก

ครืด! โซ่เหล็กบินกลับมา รัดไปบนแขนของหลินยวน ปลายโซ่ถูกกำอยู่ในมือของเขา

หลินยวนกวาดมองไปรอบด้านด้วยสายตาเย็นชา ร่างกายวูบไหวหายไปจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ ประหนึ่งหมอกควันเบาบางสายหนึ่ง เหลือทิ้งไว้เพียงคราบเลือดที่เจิ่งนอง

ท้องฟ้าเปิดโล่ง มองเห็นแสงจันทร์และแสงดาวระยิบระยับ รอบด้านเงียบสงัด ผ่านไปครู่ใหญ่เหล่าแมลงที่เงียบเสียงไปเพราะถูกความวุ่นวายทำให้ตกใจก็ส่งเสียงออกมาอีกครั้ง….

…..

ภายในหออวิ้นเสีย เมื่อได้ยินเสียงส้นรองเท้าผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา เจ้าหยวนเฉินที่ยังนอนดูรายการออกอากาศบนฉากแสงอยู่บนเก้าอี้นอนก็กล่าวโดยไม่เหลียวหน้ากลับมา “ลองดูนี่สิ จู่ๆ ลั่วเทียนเหอก็ทำรายการนี้ออกมา ถูกคนพูดจนร้อนใจจริงๆ ด้วย ถึงได้เปลี่ยนวิธีออกมาแก้ต่างให้ตัวเองแบบนี้”

ผู้หญิงที่เดินเข้ามาใกล้กล่าวว่า “ก็พอจะเข้าใจได้ ถ้าพูดเรื่องอื่นเขาคงจะไม่สนใจ แต่นี่ดันบอกว่าเขาไม่ยอมจัดการผู้สนับสนุนราชวงศ์ก่อน เขาเองก็แบกรับข้อกล่าวหานี้ไม่ไหวเหมือนกัน”

“นี่เป็นเรื่องในสภาเซียน เทพเซียนเองก็มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนกันนะเนี่ย พวกเราแค่ดูแก้เบื่อก็พอ” เจ้าหยวนเฉินหัวเราะขบขัน ก่อนจะหันหน้ามาเล็กน้อยแล้วกล่าวถามว่า “เฉาลู่ผิงยังไม่ออกมาอีกเหรอ?”

หญิงสาวกล่าว “ยังติดต่อไม่ได้เลยค่ะ คนที่พวกเราแอบส่งไปไว้ที่นั่นก็ไม่รับโทรศัพท์ หรือว่าเฉาลู่ผิงจะรู้แล้วว่าเป็นคนที่พวกเราส่งไป?”

เจ้าหยวนเฉินกล่าว “รู้แล้วยังไง? รู้ว่าเป็นคนของเรา แล้วเขายังจะลงมือเหรอ? โทรหาเฉาลู่ผิงไปเลย”

หญิงสาวกล่าว “โทรไปแล้วค่ะ ไม่รับเหมือนกัน ฉันถึงได้กังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า”

เจ้าหยวนเฉินเหลียวหน้ากลับมา “เกิดอะไรขึ้น?”

หญิงสาวกล่าว “ฉันส่งคนไปตรวจดูแล้วค่ะ น่าจะใกล้ถึงแล้ว” เมื่อกล่าวจบ จู่ๆ เธอก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนหลังคา

เจ้าหยวนเฉินมองตามขึ้นไปบนหลังคา เขาไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ แต่กลับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติจากปฏิกิริยาของผู้ติดตามคนสนิท จึงคิดจะลุกขึ้นมา

หญิงสาวยื่นมือไปกดไหล่ของเขาเอาไว้ เจ้าหยวนเฉินไม่ได้ยินเสียงอะไร แต่เธอกลับได้ยินเสียงคนกำลังเดินอยู่บนหลังคา เป็นเสียงก้าวเดินอย่างไม่เร่งร้อนทีละก้าวๆ คล้ายกำลังเดินทอดน่องอย่างไรอย่างนั้น

ยามเหรอ? แต่ยามจะไปเดินเล่นอยู่บนหลังคาได้ยังไง?

คนนอกเหรอ? ยามไม่ได้ตาบอดเสียหน่อย จะปล่อยให้คนนอกไปเดินเล่นอยู่บนหลังคาได้ยังไง?

แป้ก! เธอดีดนิ้วออกไป ไฟถูกดับลง

จากนั้นเธอเหวี่ยงมือ เก้าอี้ตัวหนึ่งกลิ้งตกบันไดไป ขณะเดียวกันก็พาเจ้าหยวนเฉินไปหลบอยู่ใต้เตียง

ส่วนเธอรีบเคลื่อนตัวออกไป พุ่งผ่านหน้าต่างขึ้นไปบนหลังคา

เดิมเธอคิดจะขึ้นไปดูสถานการณ์ด้านบนอย่างรวดเร็ว หากพบความผิดปกติก็จะรีบกลับลงมาคุ้มครองเจ้าหยวนเฉินเป็นอันดับแรก

แต่ตัวเธอเพิ่งจะพุ่งออกไปจากหน้าต่างก็ร่วงตกลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่พุ่งผ่านหน้าต่างออกไปไม่มีศีรษะ ร่วงตกลงไปด้านล่างจากตรงตำแหน่งหน้าต่าง ภายใต้การส่องสว่างจากแสงไฟที่อยู่ห่างออกไปทำให้มองเห็นว่ายังมีน้ำจำนวนหนึ่งสาดกระจายลงไปด้วย

ด้านล่างมีเสียงกระแทกดังโครม

จากนั้นด้านล่างก็มีเสียงฝีเท้าที่เดินขึ้นบันไดมาทีละก้าวๆ

เจ้าหยวนเฉินที่นอนคุดคู้อยู่ใต้เตียงพลันตื่นตระหนกขึ้นมา รีบขดตัวอยู่ด้านล่างไม่กล้าหายใจ

แป้ก! เสียงเปิดไฟดังขึ้น ไฟสว่างขึ้นมา

เจ้าหยวนเฉินที่อยู่ใต้เตียงมองเห็นเท้าของผู้ชายคู่หนึ่งกำลังเดินไปเดินมา แล้วก็ยังมีชายผ้าคลุมสีดำที่แกว่งไกวไปมาตามฝีเท้าด้วย

เท้าเดินผ่านไป แล้วก็เดินกลับมา แล้วก็เดินผ่านไป แล้วก็ยังมีเสียงน้ำที่หยดดังติ๋งๆๆ ตามฝีเท้าที่ก้าวเดิน เจ้าหยวนเฉินอกสั่นขวัญแขวน

ใครมันจะกล้ามาเดินเล่นที่นี่? เป็นไปไม่ได้!

เขารับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ในใจหวังให้ผู้ติดตามคนสนิทกลับมาเร็วๆ แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงไม่มีการตอบสนองใดๆ จากตัวผู้ติดตามเลย แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงต่อสู้ใดๆ ด้วย ตามหลักแล้วเธอไม่น่าจะทิ้งตัวเขาเอาไว้โดยไม่สนใจนี่นา หรือว่าจะถูกทรยศไปแล้ว? แต่ยังมียามอยู่ด้านนอกอีกนี่นา เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะทรยศกันหมดใช่ไหมล่ะ แล้วทำไมถึงไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียว?

ครืด! เบื้องหน้าเจ้าหยวนเฉินสว่างวาบขึ้นมา พบว่าจู่ๆ เตียงก็ถูกลากออกไปอีกด้านหนึ่ง ส่วนตัวเขาก็อยู่ในท่านอนขดตัวเหมือนกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า เผยตัวอยู่ภายใต้แสงไฟ

เงาร่างที่ไหวไปมาบดบังแสงไฟที่แยงตา คนผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขา ในเวลานี้เขาถึงได้มองเห็นการแต่งกายที่แปลกประหลาดของผู้มาเยือนอย่างชัดเจน อีกฝ่ายกำลังก้มลงมองเขาอย่างเฉยชา

ในตอนนี้เขาถึงได้เข้าใจแล้วว่าเสียงน้ำหยดนั้นมันคืออะไร สิ่งที่หยดลงมาคือเลือด ไม่ใช่น้ำ

ในมือของเขาถือหัวคนเอาไว้หัวหนึ่ง เป็นหัวของผู้หญิงคนหนึ่ง ดวงตาเบิกโพลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกงุนงง นั่นคือหัวของผู้ติดตามคนสนิทของเขา

เจ้าหยวนเฉินตกใจจนรีบตะเกียกตะกายถอยไปด้านหลัง เมื่อชนเข้ากับกำแพงจนไม่มีที่ให้ถอยแล้วถึงได้หยุดลง กล่าวถามว่า “นายเป็นใคร?”

หลินยวนที่ในมือถือหัวคนอยู่กล่าวถามด้วยเสียงแหบแห้งว่า “แกไม่ควรถาม ถ้าฉันไม่พอใจแกจะตายเอาได้ ยอมตอบคำถามของฉันอย่างจริงใจไหม?”

เจ้าหยวนเฉินเองก็ถือว่าเป็นคนที่เคยพบเคยเห็นอะไรมาไม่น้อย เขารับรู้ได้ถึงความไม่ธรรมดาจากในตัวของอีกฝ่าย จึงหุบปากลงแล้วพยักหน้า

“ฉลาดนี่ ฉันเชื่อว่าแกมีความจริงใจ”

ตึง! หัวคนตกลงบนพื้น หลินยวนเดินไปยังริมเตียงที่ถูกเลื่อนออกไป ค่อยๆ นั่งลง

เจ้าหยวนเฉินลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ สภาพจิตใจยังถือว่าไม่เลว ค่อยๆ จัดเสื้อผ้าของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่อีกด้านหนึ่งด้วยใบหน้าคร่ำเคร่ง จ้องมองดูอีกฝ่าย

หลินยวนกล่าว “ทำไมถึงต้องสืบหลินยวน?”

จากประสบการณ์ของเขา เขาเชื่อในคำพูดของเฉาลู่ผิง แล้วก็ไม่อยากทำอะไรที่ไม่จำเป็นอีก แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด เขาใคร่ครวญเล็กน้อย สุดท้ายก็มาที่นี่

หลินยวน? มาเพราะหลินยวนคนนั้นเหรอ? เจ้าหยวนเฉินเข้าใจทันทีว่าทำไมถึงติดต่อเฉาลู่ผิงไม่ได้ เขาเหลือบมองไปด้านนอกหน้าต่าง ไม่เห็นยามของตัวเองมีการตอบสนองใดๆ แม้แต่คนเดียว แต่คนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้กลับมานั่งอยู่ตรงหน้าตัวเองได้อย่างสบายๆ จึงเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองแล้วเช่นกัน

ขณะเดียวกันเขาก็มีการวิเคราะห์ของตัวเองเช่นกัน นี่มิใช่เพราะตระกูลฉิน หากแต่เพราะหลินยวนคนนั้น ดูเหมือนหลินยวนคนนั้นจะมีปัญหาจริงๆ ด้วย ตัวเองอาจจะไปสะกิดถูกคนที่ไม่ควรไปหาเรื่องโดยไม่ได้ตั้งใจเข้าแล้ว กลัวว่าจะติดกับนังแพศยาแซ่พานนั่นเสียแล้ว!

เขาสูดหายใจลึกๆ กล่าวตอบไปว่า “ไม่ใช่ฉันจะสืบ แต่เป็นพานหลิงอวิ๋นที่จะสืบ เธอคิดว่าสถานะของหลินยวนในหอการค้าตระกูลฉินค่อนข้างแปลก”

หลินยวนกล่าว “ทำไมถึงไม่ใช่เธอสืบ ทำไมเธอถึงต้องให้แกมาสืบ?”

“ตระกูลโจวกับตระกูลพานร่วมมือกัน พวกเราแบ่งงานกันทำ เธอมีงานอื่นต้องไปจัดการ งานเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างเลยให้ฉันเป็นคนจัดการ…”

หนึ่งคนถามหนึ่งคนตอบ เจ้าหยวนเฉินสารภาพทุกอย่างออกไป ขอเพียงเป็นเรื่องที่ตัวเองรู้ เขาก็ไม่มีการปิดบังแม้แต่น้อย นี่มิได้ต่างอะไรกับการทรยศตระกูลโจวเลย

ตระกูลโจวไม่ใช่ตระกูลโจวของเขา ไม่สำคัญเท่าชีวิตของเขา ต่อให้มีหวังแม้เพียงนิดเดียว เขาก็ต้องปกป้องตัวเองเอาไว้ก่อน

เขาบอกเล่าทุกอย่างอย่างไม่ลังเล ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สอดคล้องกับเรื่องราวที่เฉาลู่ผิงสารภาพออกมา

สุดท้ายหลินยวนถามว่า “พานหลิงอวิ๋นอยู่ที่ไหน?”

เจ้าหยวนเฉินกล่าวว่า “จิ่งซั่งชุน แต่ว่าวันนี้เธอออกไปจากเมืองแล้ว ทิ้งที่นี่ให้ฉันจัดการ”

หลินยวนกล่าว “รู้ไหมว่าไปที่ไหน?”

เจ้าหยวนเฉินกล่าว “ฉันก็อยากให้นายหาเธอเจอเหมือนกัน เธอจะได้โดนเหมือนฉันบ้าง แต่ฉันไม่รู้จริงๆ จู่ๆ เธอก็ออกไปจากเมือง น่าจะไปจัดการแผนของเธอ นังแพศยาคนนั้นไม่มีทางบอกฉันว่าไปทำอะไร”

หลินยวนกล่าว “ทำตัวไม่เลว ฉันเริ่มไม่อยากฆ่าแกแล้ว”

หรือว่าจะโชคดีรอดตาย? ลูกกระเดือกเจ้าหยวนเฉินขยับขึ้นลง “จะเอาเงินหรือว่าอะไร นายบอกมาได้เลย ฉันอยากรักษาชีวิตฉันไว้”

“ขอโทษด้วย แกเห็นฉันแล้ว”

“ขอเพียงเป็นเรื่องที่ฉันทำได้…”

“ไม่จำเป็น”

“เจรจากันไม่ได้เลยเหรอ?”

“ไม่ได้”

นิ้วมือทั้งสิบของเจ้าหยวนเฉินที่วางอยู่บนตักทั้งสองข้างกำแน่น “นายพอจะช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”

หลินยวนกล่าว “ลองว่ามา”

เจ้าหยวนเฉินกล่าว “ฉันมีญาติผู้น้องอยู่คนหนึ่ง ชื่อเผิงซี เป็นคู่ปรับในตระกูลโจวของฉัน ทำให้ฉันกับครอบครัวต้องเจ็บปวดมาโดยตลอด ถ้าเป็นไปได้ ช่วยฉันฆ่าเขาด้วย!”

หลินยวนกล่าว “ฉันรับปากแกไม่ได้ แต่ชื่อนี้ฉันจำเอาไว้แล้ว ถ้ามีโอกาส แล้วก็สมควรลงมือ ฉันก็จะจัดการให้”

“ฉันอยากรู้ บอกหน่อยได้ไหมว่านายเป็นใคร?”

“ไม่ได้”

เจ้าหยวนเฉินยิ้มอย่างขมขื่น มองดูศีรษะคนที่อยู่บนพื้น “ฉันไม่อยากตายน่าเกลียดเกินไป กลัวแม่มาเห็นแล้วมันจะไม่ดี ให้ฉันตายแบบครบสามสิบสองได้ไหม ขอให้ฉันดูดีหน่อย”

“เห็นแก่ที่แกทำตัวดี ฉันจะทำตามคำขอแก” หลินยวนกล่าวจบก็กระชากผ้าปูเตียงที่นั่งทับอยู่ด้านล่างขึ้นมา ก่อนจะตวัดม้วนเป็นเชือกแล้วพาดไปบนคานด้านบน รัดคอของเจ้าหยวนเฉินเอาไว้ แขวนเจ้าหยวนเฉินขึ้นไป

เจ้าหยวนเฉินที่ถูกแขวนคอดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน อีกฝ่ายบอกลงมือก็ลงมือ เขายังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรเลย

หลินยวนที่เดินผ่านจับขาของเขาแล้วกระตุกเล็กน้อย กระดูกคอหักดังครึก ร่างของเจ้าหยวนเฉินกระตุกเล็กน้อยก่อนจะสงบไป

แป้ก! ไฟดับลง เสียงฝีเท้าที่ก้าวลงบันไดดังขึ้นมาในห้องที่เงียบสงัดอย่างชัดเจน

………………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท