ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 49 เกิดเรื่องแล้ว

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 49 เกิดเรื่องแล้ว

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน มอเตอร์ไซค์ห้อตะบึง ผมม้าที่แผ่กระจายของหลินยวนพลิ้วไหวอยู่ในสายลม สีหน้าเรียบเฉย

เมื่อเห็นแสงไฟในเขตชุมชนที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นตรงเบื้องหน้า หลินยวนค่อยๆ ลดความเร็วก่อนจะหยุดลง จอดอยู่ตรงด้านนอกร้านขายของที่อยู่ตรงปากทางแยกร้านหนึ่ง

เขาลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้าน ซื้อบุหรี่มาซองหนึ่ง

หลินยวนฉีกซองบุหรี่ที่ด้านนอกร้านขายของ หยิบบุหรี่มวนหนึ่งมาคาบไว้ในปาก จุดไฟแล้วสูบบุหรี่เข้าไปอึกใหญ่ แหงนหน้ามองฟ้าพลางพ่นควันออกมา นั่งพิงอยู่บนมอเตอร์ไซค์ ชื่นชมป้ายโฆษณาสีสันต่างๆ ที่อยู่ด้านบนร้านขายของ

รถสามคันลดความเร็วเลี้ยวตรงทางแยก รถคันที่อยู่ตรงกลางลดกระจกลง ฉินอี๋ที่ใบหน้าแดงก่ำเนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้านั่งอยู่ด้านใน สองตาจ้องมองหลินยวนที่สูบบุหรี่อยู่ข้างทาง

เมื่อครู่เธอยังคิดว่าตัวเองมองผิดไป แต่ผลปรากฏว่ามองไม่ผิด คนที่สูบบุหรี่อยู่คือหลินยวนจริงอย่างที่คิดเอาไว้

ท่าทางของอีกฝ่ายที่ยืนผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอยู่ริมถนนให้ความรู้สึกเหมือนคนเร่ร่อน ไม่รู้ว่าป้ายโฆษณานั้นมีอะไรน่าดู เขาถึงได้จ้องมองอยู่เป็นเวลานาน

บางทีอาจจะคิดไปเอง ภาพภาพนี้ทำให้ฉินอี๋คล้ายรู้สึกได้ถึงความอ้างว้างและโดดเดี่ยวจากตัวเขา

จากข้อมูลที่เธอสืบรู้มา เธอพบว่าหลินยวนใช้ชีวิตน่าเบื่ออย่างมาก คล้ายไม่มีความชื่นชอบอะไรเลย แล้วก็ไม่มีงานอดิเรกอะไรที่ไม่ดีเลย วันนี้เธอเพิ่งจะได้เห็นภาพเขาสูบบุหรี่ที่ดูไม่ดีเช่นนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ พบเห็นได้ยากนัก

สรุปแล้วก็คือจากที่เธอรู้มา ชีวิตในแต่ละวันของหลินยวนนั้นเป็นการใช้ชีวิตแบบแทบจะตายตัวไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ทำอะไรไปตามกฎเกณฑ์ แล้วก็ไม่รู้ว่าความร่าเริงและดื้อรั้นที่เคยทำให้ตนเองหลงใหลของชายคนนี้หายไปไหนแล้ว เหมือนเรื่องที่เขาออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยจะส่งผลกระทบและทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากทีเดียว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ภายในใจของเธอก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

ไป๋หลิงหลงที่นั่งอยู่ข้างคนขับเหลียวหน้ากลับมา มองดูปฏิกิริยาของฉินอี๋

รถไม่จอด เลี้ยวโค้งไป เร่งความเร็วแล่นออกไป

หลินยวนสูบบุหรี่ติดกันสองมวนแล้วขึ้นไปคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ ก่อนจะสูบบุหรี่อีกมวนหนึ่ง ขี่มอเตอร์ไซค์แล่นฝ่าควันบุหรี่ไป

ในเวลาปกติเขาไม่สูบบุหรี่ มีเพียงหลัง ‘ทำธุระ’แต่ละครั้งเขาถึงจะสูบ อาจจะเพื่อกลบกลิ่นบางอย่างก็เป็นไปได้….

……..

ในเขตเนินตะวันตก กวนเสี่ยวไป๋ที่ยืนรออยู่ใต้ต้นไม้ล่วงหน้ากำลังโบกมือ “หลินจึ”

มอเตอร์ไซค์แล่นไปจอดอยู่ตรงหน้าเขา หลินยวนดับไฟหน้ารถลง กวาดตามองดูรอบๆ

กวนเสี่ยวไป๋กล่าวถาม “มีเรื่องอะไร?”

หลินยวนกล่าว “เสี่ยวชิงกลับมาแล้วหรือยัง?”

กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “กลับมาแล้วสิ เลิกงานก็กลับมาเลย ตอนนี้นอนไปแล้ว บอกว่าพรุ่งนี้จะได้มีแรงไปทำงาน”

หลินยวนกล่าว “นอนแล้วก็ไม่ต้องไปกวนเธอแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปแกลองพูดกับเธอดู ดูว่าพอจะกล่อมให้เธอออกจากหอการค้าตระกูลฉินได้หรือเปล่า”

“เอ่อ! เรื่องนี้….” กวนเสี่ยวไป๋เกาศีรษะที่เหมือนสิงโต รู้สึกลำบากใจ “อยู่ดีๆ เธอจะไปยอมออกจากหอการค้าได้ยังไง อย่าว่าแต่เธอเลย แม่ฉันก็คงไม่มีทางยอม โดยเฉพาะตอนนี้เธอได้เลื่อนขั้นแล้ว ทั้งตระกูลพลอยมีหน้ามีตาไปด้วย ยิ่งไม่มีทางยอมแน่ ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องเงินเดือนมากหรือน้อยแล้ว”

หลินยวนเองก็กลุ้มใจ ตอนนั้นเขาเพียงแค่อยากให้กวนเสี่ยวชิงอยู่ที่หอการค้าตระกูลฉินต่อเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าฉินอี๋จะย้ายกวนเสี่ยวชิงไปทำงานในห้องผู้ช่วย ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นเหมือนอย่างที่กวนเสี่ยวไป๋ว่า สำหรับกวนเสี่ยวชิงในตอนนี้แล้วมันไม่ใช่เรื่องของเงินเดือนมากหรือน้อยแล้ว

กวนเสี่ยวไป๋ที่ได้สติกลับมาเกิดความสงสัย “หลินจึ อยู่ดีๆ ทำไมถึงต้องให้เสี่ยวชิงออกจากหอการค้าตระกูลฉินด้วย มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

เรื่องอะไร หลินยวนไม่สะดวกที่จะพูด แต่จากสถานการณ์ที่เขารับรู้ในตอนนี้ ตระกูลฉินจะเปิดศึกกับตระกูลพานและตระกูลโจว ผลประโยชน์ของเทพมหาวิญญาณมหาศาลเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าปัญหากำลังจะมาเยือนแล้ว ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายพยายามขัดขวางอีกฝ่ายโดยไม่เลือกวิธี กวนเสี่ยวชิงที่อยู่ข้างกายฉินอี๋จะพลอยถูกลูกหลงไปได้ง่ายๆ

เขามองว่าต่อให้อนาคตจะดีแค่ไหนก็ไม่สู้ชีวิตที่สุขสงบ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งถ้าไม่มีชีวิตที่สุขสงบ แล้วอนาคตจะมาจากไหน?

ในฐานะที่เป็นคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เขารู้ว่าอะไรคือยิ่งสูงยิ่งหนาว เกียรติยศหน้าตาที่กวนเสี่ยวชิงอยากจะได้ บางทีอาจจะต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่าง!

เนื่องเพราะตระกูลกวนคอยดูแลเอาใจใส่เขาเมื่อยังเป็นเด็ก เขาจึงมองกวนเสี่ยวชิงเป็นเหมือนน้องสาวของตัวเองคนหนึ่ง

ในฐานะที่เป็นคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เขาหวังว่ากวนเสี่ยวชิงจะเดินทางผิดให้น้อยหน่อย หลบหลีกความเจ็บปวดและความหวาดกลัวที่ยากจะทนรับได้บางอย่าง

ในอีกแง่หนึ่งแล้ว การที่กวนเสี่ยวชิงยังอยู่ในหอการค้าตระกูลฉินต่อไปจะทำให้เขาเข้าไปพัวพันได้ง่าย หากกวนเสี่ยวชิงเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงล่ะก็ เขาก็ไม่มีทางนั่งมองดูอยู่เฉยๆ โดยไม่สนใจได้

หลินยวนส่ายศีรษะพลางกล่าว “อย่าถามเยอะ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับฉันทั้งหมดแกทำเป็นไม่รู้ไป ไม่ว่าใครมาถามก็ให้พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวของเราเท่านั้น เรื่องอื่นๆ นอกจากนี้ไม่ต้องไปเอ่ยถึง เสี่ยวไป๋ แกรู้เอาไว้เพียงอย่างเดียว ฉันไม่มีทางทำร้ายเสี่ยวชิง ที่ฉันทำนี่ก็เพื่อเธอ ลองไปกล่อมเธอนะ”

กวนเสี่ยวไป๋พยักหน้าอย่างเงียบๆ “เข้าใจแล้ว ฉันจะพยายาม”

หลินยวนกวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้ง กล่าวถามว่า “ตอนนี้ในมือแกมีเงินอยู่เท่าไร?”

กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “เงินส่วนใหญ่เอาไปลงอยู่กับของหมดแล้ว ถ้าสองสามล้านก็พอจะเอาออกมาได้อยู่”

หลินยวนกล่าว “เอาไว้ถ้าฉันจะเอา แกก็ค่อยโอนให้ฉันแล้วกัน”

เทพมหาวิญญาณบ้าบออะไรนั่น แล้วยังให้เขาไปเป็นผู้ช่วยหลัวคังอันอีก นี่มันเหลวไหลสิ้นดี! เขาไม่อยากอยู่ในหอการค้าตระกูลฉินต่อไปแล้ว การต่อสู้แย่งชิงผลประโยชน์ของทั้งสามตระกูล ใครจะแพ้ใครจะชนะเขาไม่สนใจ ความเป็นความตายของตระกูลฉินเองก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาคิดจะหาโอกาสคืนเงินแล้วออกมาจากหอการค้าตระกูลฉินซะ

กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “ได้ พรุ่งนี้ฉันจะเอาให้แก”

หลินยวนกล่าว “ไม่รีบ รอดูสถานการณ์ของทางเสี่ยวชิงก่อน ถ้าเสี่ยวชิงยอมออกมาจากหอการค้า แกก็ค่อยเอาเงินให้ฉัน จำเอาไว้ ระวังเรื่องวิธีที่จะเกลี้ยกล่อมเสี่ยวชิงด้วย อย่าไปบอกว่านี่เป็นความคิดของฉัน”

กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “เรื่องนี้แกไม่ต้องห่วง ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง”

“รีบไปพักผ่อนไป ฉันไปล่ะ” หลินยวนกล่าวทิ้งท้ายแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป

กวนเสี่ยวไป๋มองส่งเขา ภายในใจมีความกังวลเพิ่มขึ้นมา….

……..

หลินยวนกลับมาถึงโรงอีหลิว ปิดประตูแล้วจอดรถ ขณะที่เดินผ่านสวนแล้วกำลังจะกลับเข้าห้องของตัวเอง จางเลี่ยเฉินก็เปิดประตูออกมาพอดี ก่อนจะกล่าวทักว่า “กลับมาแล้วเหรอ?”

หลินยวนส่งเสียงอืม หยุดฝีเท้าพลางกล่าวว่า “ยังไม่นอนอีกเหรอลุง? ดูเหมือนลุงควรจะหาผู้หญิงสักคนได้แล้วนะ”

จางเลี่ยเฉินกล่าวว่า “เหลวไหล แกเข้าๆ ออกๆ แบบนี้ ฉันจะไปนอนได้ยังไง?”

หลินยวนกล่าว “ต่อไปผมจะเบามือกว่านี้ ผ่านมานานขนาดนี้ลุงยังโสดอยู่อีกเหรอ? ผู้หญิงที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกที่เคยชอบลุงคนนั้น วันนี้ผมเหมือนจะเห็นว่าเธอมีลูกแล้ว เธอแต่งงานไปแล้วเหรอ? ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

จางเลี่ยเฉินกล่าว “พูดมาก ผู้หญิงที่ชอบฉันมีเยอะแยะเต็มไปหมด พวกผู้หญิงบ้านๆ ฉันไม่สนใจหรอก”

หลินยวนร้องโอ้โหออกมา กล่าวอย่างขบขันว่า “แล้วผู้หญิงแบบไหนถึงจะไม่ใช่ผู้หญิงบ้านๆ ในสายตาลุง? ทั่วทั้งเมืองปู๋เชวี่ยมีผู้หญิงที่ลุงชอบบ้างไหม?”

จางเลี่ยเฉินถามกลับ “แล้วทั่วทั้งเมืองปู๋เชวี่ยมีคนที่แกชอบบ้างไหม?”

หลินยวนพูดไม่ออก มีไหมเหรอ? ครุ่นคิดเล็กน้อย เหมือนจะไม่มีคำตอบ “ผมถามลุงอยู่นะ ของผมอายุยังไม่ถึง”

จางเลี่ยเฉินยกมือไพล่หลังมองดูดาว “ฉันจะบอกแกแล้วกัน ผู้หญิงคนก่อนของฉัน นั่นต่างหากถึงจะเรียกว่าสวย ผู้หญิงอื่นน่ะเหมือนต้นหญ้า มีเพียงเธอที่เป็นขุนเขาเขียวขจี เข้าใจหรือเปล่า?”

หลินยวนกล่าวอย่างดูแคลน “พูดแบบนี้อีกละ แล้วมันคนไหนกันล่ะ ลุงลองชี้ให้ผมดูหน่อยซิ! ผมอยากรู้เหมือนกันว่าเขาเขียวของลุงมันจะสวยแค่ไหนกันเชียว”

จางเลี่ยเฉินหัวเราะฮี่ๆ พลางกล่าว “ถ้าฉันบอกว่าเป็นน้องสาวขององค์จักรพรรดิ แกจะเชื่อหรือเปล่า?”

หลินยวนเชื่อก็แปลกแล้ว เขายกมือกุมขมับตัวเอง ท่าทางเหมือนไม่อยากพูดอะไรด้วยอีก “ผมไปอาบน้ำก่อนล่ะ”

จางเลี่ยเฉินถอนใจพลางตะโกนเรียก “โจ๊กยังอุ่นอยู่บนเตา กินหน่อยสิ จะได้ไม่หิว”

หลินยวนกล่าว “ไม่ล่ะ เหมือนจะไม่หิว”

จางเลี่ยเฉินพลันขยับเข้ามาใกล้ ทำจมูกฟุดฟิดแล้วกล่าวว่า “กลิ่นบุหรี่ สูบบุหรี่มาเหรอ?”

หลินยวนหันซ้ายหันขวาดมตัวเอง กล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ลุงได้กลิ่นด้วยเหรอ?”

จางเลี่ยเฉินกล่าวว่า “ฉันอยู่กับสมุนไพรทั้งวัน จมูกฉันดี”

หลินยวนกล่าว “เบื่อๆ น่ะ ก็เลยเอามาสูบหน่อย” จากนั้นโบกมือเล็กน้อยแล้วเดินกลับเข้าห้องไป

จางเลี่ยเฉินที่ยืนอย่างโดดเดี่ยวภายในสวนยังคงเอามือไพล่หลัง แหงนหน้ามองฟ้าพลางกล่าวพึมพำ คล้ายกำลังพูดกับตัวเอง “เหมือนจะมีกลิ่นไม่ดีบางอย่างด้วย”

……

บนเนินเขา ภายในบ้านที่อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดหลังนั้นได้ถูกกองทหารติดอาวุธล้อมเอาไว้แล้ว

ภายในบ้าน หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไปเหิงเทามองดูซากศพของผู้พิทักษ์เมืองที่ถูกนำมาวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง

บนตัวผู้พิทักษ์เมืองที่เข้าเวรจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ระบุตำแหน่งเอาไว้ ทั้งสองคนไม่ยอมกลับมาเสียที ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทางผู้พิทักษ์เมืองจึงส่งคนมาดู ผลสุดท้ายพบภาพที่อยู่ตรงเบื้องหน้านี้

มีคนสังหารผู้พิทักษ์เมือง ทำเอาเหิงเทาต้องเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง

มีคนฆ่าล้างบางที่นี่ก็ว่าไปอย่าง เพราะมีแต่พวกสวะ ต่อให้ตายไปก็ไม่เป็นไร แต่สิ่งที่ทำให้เหิงเทารู้สึกโมโหอย่างมากก็คืออีกฝ่ายกลับกล้าลงมือสังหารผู้พิทักษ์เมืองด้วย นี่ไม่อาจยอมรับได้!

การสังหารผู้พิทักษ์เมืองก็นับว่าร้ายแรงอย่างมากแล้ว แต่นี่ฆาตกรกลับไม่มีการปิดบังอำพรางใดๆ เลยแม้แต่น้อย กระทั่งศพก็ยังไม่ทำลายทิ้ง ศพของคนอื่นๆ ล้วนแต่ถูกทำลายลงจนหมด มีเพียงศพของผู้พิทักษ์เมืองที่ถูกวางทิ้งเอาไว้ตรงนั้น นี่มันหมายความว่าอะไร? กำลังท้าทายเขาอย่างนั้นเหรอ? มันจะโอหังอวดดีเกินไปแล้ว!

สายตาเขากวาดมองไปยังกลุ่มคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงเบื้องหน้า สายตาเต็มไปด้วยไอสังหารอันน่าหวาดกลัว!

ในตอนที่กองทัพผู้พิทักษ์เมืองเดินทางมาถึงที่นี่ก็มาเจอกับคนเหล่านี้พอดี พวกเขาย่อมต้องจับกุมเอาไว้!

คนทั้งกลุ่มเองก็ไม่กล้าขัดขืนเช่นกัน ปล่อยให้จับกุมแต่โดยดี

ไม่นาน ผลการสอบสวนอย่างคร่าวๆ ก็ออกมา ทหารนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามารายงาน “ท่านหัวหน้า พวกนั้นสารภาพแล้วครับ บอกว่าไป๋ซานเป้าที่เป็นพ่อบ้านตระกูลฉินส่งมาครับ”

“ไป๋ซานเป้า?” ความโหดเหี้ยมบนใบหน้าเหิงเทาหายไปทันที กล่าวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยว่า “ตระกูลฉินเป็นคนทำเหรอ?”

เขาค่อยๆ เหลียวหน้ากลับไปมองดูคนสองคนที่ถูกจับตัวเอาไว้อีกด้านหนึ่ง ชายหญิงคู่หนึ่งที่นอนสลบไสลอยู่ในที่เกิดเหตุ เป็นคนเพียงสองคนที่ไม่ถูกฆ่าปิดปาก เวลานี้ทั้งคู่ตื่นขึ้นมาแล้ว กำลังสับสนงุนงง

เหิงเทาตะคอกถามว่า “ตื่นหรือยัง?”

ทหารนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา “ท่านหัวหน้า ทั้งสองคนได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก เหมือนจะสูญเสียความทรงจำไปแล้วครับ”

“เสียความทรงจำไปแล้ว?” เหิงเทาพุ่งตัวเข้าไปทันที จับคางทั้งสองคนแล้วตรวจดูแววตาของทั้งคู่อย่างละเอียด จู่ๆ พลันอดหัวเราะหึหึขึ้นมาไม่ได้ “วันนี้มีแต่เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นสินะ!”

……

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉินอี๋ที่นั่งหวีผมอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งหลังอาบน้ำเสร็จตอบกลับไป “เข้ามา”

ไป๋หลิงหลงรีบผลักประตูเดินเข้าไป ก่อนกล่าวอย่างรีบร้อนว่า “เสี่ยวอี๋ แย่แล้ว ทางหออวิ้นเสียเกิดเรื่องขึ้นแล้ว เจ้าหยวนเฉินถูกคนจับแขวนคอตายอยู่ในห้องของตัวเอง”

ฉินอี๋ตกตะลึง วางหวีในมือลง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหมุนตัวกลับมา กล่าวถามเสียงขรึมว่า “เกิดอะไรขึ้น? ใครเป็นคนทำ?”

ไป๋หลิงหลงกล่าว “ไม่รู้”

ฉินอี๋กล่าว “มีคนจับตาดูอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

ไป๋หลิงหลงกล่าว “ไม่ใช่แค่ตัวเจ้าหยวนเฉินที่ถูกแขวนคอตาย แต่คนทั้งหออวิ้นเสียถูกฆ่าตายหมดเลย คนที่พวกเราแอบส่งไปอยู่ที่นั้นก็ไม่มีการติดต่อกลับมา คิดว่าน่าจะโดนฆ่าไปด้วยเหมือนกัน พอคนที่ส่งไปขาดการติดต่อ คนของพวกเราถึงได้ไปตรวจดูที่นั่น ถึงได้พบว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว”

ฉินอี๋กล่าว “แค่คนติดตามของเจ้าหยวนเฉินก็มีเกือบสามสิบคนแล้ว มีผู้คุ้มกันเยอะแยะขนาดนี้ยังถูกแขวนคอตายอีกเหรอ แล้วยังถูกฆ่าจนหมดอีก? เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ หรือว่าตอนที่เกิดเรื่องไม่มีเสียงอะไรเลย?”

ไป๋หลิงหลงถอนใจ “อาจจะมี แต่ก็อาจเป็นเพราะหออวิ้นเสียอยู่ห่างไกลจากเขตที่อยู่อาศัย ถึงได้ไม่มีใครรู้”

เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่อาจรู้ได้ จึงได้แต่ต้องคิดไปในทางนี้เท่านั้น

จะว่าไปแล้วมันก็ใช่ คนที่มีความแข็งแกร่งแม้เพียงเล็กน้อย มักจะไม่ชอบอาศัยอยู่ในที่ที่มีคนพลุกพล่าน พวกเขามักจะชอบอยู่ในที่ที่ห่างไกลผู้คน

……………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท