บทที่ 1141 : ไป๋เสี่ยวเฉินได้รับบาดเจ็บ (2)
ชายวัยกลางคนขยับตัว
เขารวดเร็วมากเพียงพริบตาก็มาถึงหน้าตี้คัง
กรงเล็บนกอินทรีซึ่งมีรูปลักษณ์โค้งงอราวตะขอของเขายื่นออกไปหาตี้คังอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม…
ขณะที่กรงเล็บของเขากำลังจะสัมผัสร่างของตี้คังนั้นบุรุษเรือนผมสีเงินในอาภรณ์สีม่วงก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ชายวัยกลางคนตกใจทันทีที่เขารู้สึกตัว กลิ่นอายมืดมิดก็จ่อมาจากด้านหลัง เขารีบหันหลังกลับ พลางยกมือขึ้นกัน
ปัง!
พร้อมเสียงอื้ออึงเขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะพึมพำออกมา
“เจ้าเป็นเทพขั้นสูงกระนั้นรึ?”
ชั่วขณะนั้นนัยน์ตาของชายวัยกลางคนก็เคร่งขรึมขึ้น
แดนอสูรถูกกำจัดพลังไว้แล้วมิใช่หรือ? เหตุใดชายผู้นี้จึงฝ่าไปถึงระดับเทพขั้นสูงได้เล่า ?
”ฉินหยวนอย่ามัวพูดจาไร้สาระรีบลงมือเร็วเข้า พวกเรามากันเป็นจำนวนมาก หรือจะต้องมากลัวเกรงราชาอสูรตัวเล็ก ๆ นี่ ?
ท่ามกลางฝูงชนมีหญิงสาวสวยอีกคนเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าสายตาที่นางมองตี้คังเต็มไปด้วยความรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง
แม้ว่าชายผู้นี้จะแลดูหล่อเหลางดงามหากแต่เขาก็เป็นเพียงสัตว์อสูร ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดในชีวิตของนาง
ฟ้าว!
หลังจากที่หญิงสาวทรงเสน่ห์ผู้นี้กล่าวจบบรรดาเจ้าเมืองต่างก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน ผู้ใต้บังคับบัญชาที่พวกเขานำมาต่างก็ลอยตัวขึ้นจากพื้น …
หากจะบอกว่าสัตว์อสูรที่ตี้คังนำมานั้นนับได้เป็นพันๆ คน ทว่าจำนวนผู้ใต้บังคับบัญชาของเหล่าเจ้าเมืองเทพสวรรค์ก็มีจำนวนนับได้หลายแสนคนเช่นกัน ซึ่งนั่นมากกว่าบรรดาสัตว์อสูรเป็นร้อยเท่า
”องค์ราชา”
ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย”พวกลิ่วล้อนั้นอยู่ต่ำกว่าระดับเทพ ข้าจะพาคนของแดนอสูรเราไปจัดการเอง ขอเชิญองค์ราชาจัดการกับเจ้าเมืองพวกนั้นอย่างสบายใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
นัยน์ตาของตี้คังเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อยเขาไม่กล่าวคำใดอีก
ในใจเขาบังเกิดความรู้สึกไม่สบายใจเล็กๆ ความไม่สบายใจเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามนี้เขาอยากจะไปปรากฏตัวต่อหน้าไป๋หยานทันที
บางทีอาจเป็นเพราะความกังวลในใจของเขาที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงตัดสินใจหลับตาลง พลางจับสัมผัสถึงสถานที่ที่ซึ่งไป๋หยานอยู่ผ่านพันธะสัญญา ครั้นเขารับรู้ว่าไป๋หยานไปยังเมืองที่อยู่ด้านหลังหุบเขา หัวใจที่หนักอึ้งของเขาพลันหล่นวูบ
”จัดการพวกมันให้ไว”
น้ำเสียงของชายหนุ่มเย็นชาใบหน้าของเขาไม่แสดงออกใด ๆ
การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องจบลงโดยเร็วที่สุดเขาจะรู้สึกสบายใจได้ก็ต่อเมื่ออยู่เคียงข้างไป๋หยาน
”พ่ะย่ะค่ะ”
…
ภายนอกคฤหาสน์
มังกรตัวน้อยเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งออกไปนอกประตูเมือง
เนื่องจากสถานที่ที่ซึ่งไป๋เสี่ยวเฉินอยู่นั้นตั้งอยู่ในหุบเขาอีกแห่งเช่นนั้นพวกเขาจึงใช้ทางออกอีกด้านหนึ่งของเมืองสัตว์อสูร จึงป็นเหตุให้พวกเขาไม่พบตี้คัง
ยามนี้ไป๋หยานไม่มีเวลาจัดการสิ่งใดมากนัก นางไม่มีเวลาแม้แต่จะแจ้งข่าวตี้คัง นางเพียงต้องการไปอยู่ข้างกายไป๋เสี่ยวเฉินโดยเร็วที่สุด
“เสี่ยวหลงเอ๋อเฉินเอ๋ออยู่ไกลแค่ไหน ?”
หัวใจของไป๋หยานราวถูกกระชากทึ้งอย่างรุนแรงน้ำเสียงที่เอ่ยถามของนางเต็มไปด้วยความห่วงใย
“ท่านแม่อยู่ข้างหน้านี่แล้ว ใกล้จะถึงแล้ว”
เสียงของเสี่ยวหลงเอ๋อราวจะสะอึกสะอื้นนางไม่กล้าที่จะหยุดแม้แต่อึดใจเดียว นางรีบพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง ด้วยเกรงว่า หากช้าไปกว่านี้ บางทีเสด็จพี่อาจจะไม่อยู่รอนางแล้วก็เป็นได้
ในเวลาเดียวกัน
เหนือหุบเขาไม่ไกลกันนัก
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินกำลังเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉานเขาค่อย ๆ ย่างก้าวเข้าไปหาหยุนรั่วซี
“นังบ้า!”
ในน้ำเสียงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเขามีกลิ่นอายสังหารผิดกับอายุใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเผือดไร้สีเลือดแตกต่างจากมนุษย์ปุถุชน เว้นประกายแสงสีเลือดแล้ว ในดวงตาของเขาก็มีเพียงความเย็นเยือก
ชายชราวิปลาสหลบซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินเขามองไป๋เสี่ยวเฉินอย่างระมัดระวัง การแสดงออกของเขาผิดแผกแปลกไปจากชายชราที่เคยบ้าคลั่งก่อนหน้านี้ เขาจ้องมองเด็กน้อยอย่างงงงัน
บทที่ 1142 : ไป๋เสี่ยวเฉินได้รับบาดเจ็บ (3)
ฟู่!
ฝ่ามือเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินซัดพลังเข้าใส่หยุนรั่วซี ใบหน้าของนางเปลี่ยนไป นางรีบหลีกหลบไปด้านข้าง พลังนั้นพลันปะทะลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ด้านหลัง พร้อมเสียงดังปัง หินก้อนใหญ่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที
”เด็กน้อยหากเจ้าแน่จริงก็ตามข้ามา !”
การแสดงออกของหยุนรั่วซีสงบลงอย่างรวดเร็วนางหัวเราะเยาะ พลางหันหลังวิ่งเข้าไปในป่าลึก
ไป๋เสี่ยวเฉินรีบไล่ติดตามหยุนรั่วซีไปอย่างรวดเร็วโดยไร้ซึ่งอาการลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ขณะไล่ติดตามหยุนรั่วซีอยู่นั้น ฝ่ามือเล็ก ๆ ของเขาก็ซัดพลังออกมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามหยุนรั่วซีก็ว่องไวมาก นางไม่เผชิญหน้ากับไป๋เสี่ยวเฉินตรง ๆ ทั้งยังพยายามหลีกเลี่ยงพลังที่ไป๋เสี่ยวเฉินซัดใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ครั้นเห็นพื้นดินที่ถูกพลังจากไป๋เสี่ยวเฉินอัดใส่หัวใจของนางพลันสั่นสะท้าน เหงื่อเย็น ๆ ไหลออกมาจากหน้าผากของนาง
”เด็กน้อยคนนี้นี่มันอะไรกันนะ?”
หยุนรั่วซีกัดฟันอย่างดุร้ายทันทีที่เห็นหน้าเด็กคนนี้ นางก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างไร้เหตุผล อาจะเป็นได้ว่าเขาติดค้างนางมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ด้วยเหตุนี้ทันทีที่พบเห็น นางจึงได้เกลียดเขามาก !
ชายชราวิปลาสจ้องมองตามทิศทางที่คนทั้งสองหายลับตาไปอย่างงงๆ จู่ ๆ เขาก็กระโดดไล่ติดตามคนทั้งคู่ไป
เขายังคงถูกเชือกมัดแม้จะพยายามวิ่งกระทั่งเหงื่อออกท่วมตัว สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงเฝ้าดูคนทั้งสองหายลับไปจากคลองสายตา…
ไม่นานหลังจากคนทั้งสามจากไปมังกรน้อยก็เหาะลงมาจากอากาศว่างเปล่า ดวงตาที่เป็นกังวลของนางกวาดมอง พลางกัดริมฝีปากสีชมพูของตนแน่น
“เสด็จพี่เคยอยู่ที่นี่กับหญิงผู้นั้นเหตุใดพวกเขาถึงได้หายตัวกันไปหมดล่ะ ?”
ครั้นได้ยินเช่นนี้ไป๋หยานก็หลับตาลงพลางแผ่พลังจิต จากนั้นไม่นานนางก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
”พวกเขาน่าจะวิ่งไปทางนั้นเสี่ยวหลงเอ๋อ พวกเราตามไปเถอะ !”
ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดหากกล้าแตะต้องบุตรชายของข้า ข้าจะทำให้นางตายเสียดีกว่าอยู่ !
”อืม”
ครั้นได้ยินถ้อยคำของไป๋หยานเสี่ยวหลงเอ๋อก็ขยายร่างของนางอีกครั้ง ให้ไป๋หยานปีนขึ้นไปยืนบนหลังของนาง จากนั้นนางก็เหาะไปยังสถานที่ที่ไป๋หยานชี้บอก
…
บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกที่สุดของหุบเขาปกคลุมไปด้วยวัชพืชรกร้างไร้ผู้คน
ปัง!
ไป๋เสี่ยวเฉินไล่ติดตามกระทั่งทันหยุนรั่วซี พลันฝ่ามือเล็ก ๆ ของเขาก็ตบลงบนไหล่ของหยุนรั่วซี หลังจากนั้นไม่นานร่างของหยุนรั่วซีก็ลอยถลาไปข้างหน้าหลายจ้างพร้อมกับกระอักเลือด ใบหน้าของนางซีดเซียว ชั่วขณะหนึ่งนางหันหน้ากลับมามองเด็กชายที่มาถึงตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
หากจะเทียบกับเจ้าซาลาเปาน้อยก่อนหน้านี้เด็กชายคนนี้ไม่เหลือรูปลักษณ์ที่น่ารัก และไร้เดียงสาอีกแล้ว ราวกับเขามองไม่เห็นมนุษย์ใด ๆ อยู่ในสายตาอีกต่อไป ยามนี้เขาไม่ต่างจากเครื่องจักรที่รู้เพียงการเข่นฆ่าเท่านั้น !
ปัง!
มือเล็กๆ ของ ไป๋เสี่ยวเฉินยื่นเข้าหาหยุนรั่วซีอีกครั้ง ฝ่ามือของเขากระทบเข้ากับเครื่องรางรูปพระจันทร์บนหน้าอกของหยุนรั่วซี พลันแสงสีขาวก็แผ่ออกมาจากเครื่องราง เมื่อนั้นโลกทั้งใบก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาว……
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
หยุนรั่วซีบีบเครื่องรางในมือแน่นความตื่นตระหนกปรากฏในแววตาของนาง
หลังจากสวมใส่เครื่องรางนี้นับเป็นเวลาหลายปีมันเคยมีปฏิกิริยาครั้งหนึ่ง และนับจากนั้นมันก็นิ่งเงียบ ทว่าเหตุใดทันทีที่เด็กน้อยสัมผัสกับเครื่องรางนี้ เครื่องรางนี้ก็เกิดการตอบสนองขึ้นมาได้ ?
ครานั้นเพื่อให้เครื่องรางเกิดการตอบสนอง หญิงผู้นั้นถึงกับหยดเลือดลงบนเครื่องราง เพื่อให้เครื่องรางปล่อยพลังปกป้องพวกนางทั้งคู่ …
นับจากนั้นด้วยเครื่องรางนี้ นางก็สามารถดำเนินชีวิตมาได้อย่างราบรื่น แต่ครั้นต้องเผชิญหน้ากับภยันตราย เครื่องรางนี้กลับไม่เคยแสดงปฏิกิริยาใด ๆ เลย …
บทที่ 1143 : ไป๋เสี่ยวเฉินได้รับบาดเจ็บ (4)
หยุนรั่วซีหลับตาลงใบหน้าที่งดงามพลันปรากฏขึ้นในใจของนาง
นอกจากหญิงนางนั้นแล้วเด็กน้อยคนนี้ก็เป็นคนที่สองที่ทำให้เครื่องรางนี้มีปฏิกิริยา
เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวนางก็ปล่อยเขาไปไม่ได้แล้ว !
ภายใต้แสงสีขาวใบหน้าเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินค่อย ๆ ปกคลุมไปด้วยความหม่นเศร้า เขากุมศีรษะแน่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาย่อกายลงนั่งยอง ๆ เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก
เสียงร้องนี้ดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี
“ออกไปออกไปให้พ้น !”
ใบหน้าของหยุนรั่วซีเริ่มแข็งกระด้างเด็กน้อยคนนี้หมายความเช่นไร ?
ตอนนั้นนางคิดจะหลบหนีไม่ใช่เรอะ? เป็นเด็กน้อยคนนี้ต่างหากที่พยายามไล่ตามนาง !
ไป๋เสี่ยวเฉินขดตัวกลมเป็นลูกบอลเขาสั่นสะท้านภายใต้สายลมยามค่ำ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกสะอึกสะอื้น
”ป๊ะป๋าวายร้าย…ผนึกเจ้าไว้ในร่างข้าแล้วเหตุใดเจ้าถึงยังปรากฏตัวออกมาอีก ข้าจะไปช่วยหม่ามี้ของข้า ! หม่ามี้ของข้าต้องไม่ตาย ! อสูรร้ายเจ้าจะทำร้ายหม่ามี้ ออกไปนะ !”
”…”
หยุนรั่วซีตกตะลึงที่เด็กน้อยพูดนั่นคืออะไร ? เหตุใดนางถึงไม่เข้าใจสักคำ ?
นางกลอกตาไปมาสองสามครั้งก่อนจะมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่ขดตัวกลมอยู่บนพื้น พร้อมกับฉีกยิ้มอย่างน่ากลัว
ในขณะที่เจ้าซาลาเปาน้อยไม่สนใจนางนางก็ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะค่อย ๆ กดฝ่ามือลงบนก้อนหินที่อยู่ด้านหลังนาง
ไม่มีใครเห็นว่าบนหินมีรอยเว้าและนิ้วของนางก็กดลงตรงรอยเว้านั้นพอดี…
ปัง!
ทันใดนั้นพื้นดินก็เคลื่อนตัวภูเขาเกิดการสั่นสะเทือนทุกอย่างบนภูเขาต่างก็เคลื่อนไหวไปมาตามการกระทำของหยุนรั่วซี ภูเขาค่อย ๆ จมลง กระทั่งหลุมลึกปรากฏขึ้น
มุมปากของนางยกยิ้มอย่างน่ากลัว
กลไกนี้ถูกค้นพบโดยไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนและเพราะกลไกนี้เองที่ทำให้ศัตรูผู้ซึ่งไล่ติดตามนางพลาดพลั้งตกลงสู่ก้นหลุมลึก และนั่นทำให้นางรอดชีวิตมาได้
ครานี้ก็เฉกเช่นเดิม!
ชั่วขณะนี้ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังยืนอยู่ภายใต้สายลมแรงที่โอบล้อมไปด้วยฝุ่นเขายังคงกุมหัวแน่น ราวกับว่าตัดขาดจากทุกสิ่งในโลกภายนอก
ทว่านัยน์ตาของเขาข้างหนึ่งเป็นสีแดงก่ำอีกข้างเป็นสีดำ ข้างที่เป็นสีแดงนั้นโหดเหี้ยมและดุร้าย ส่วนดวงตาข้างที่เป็นสีดำกลับเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเศร้าโศก
”เฉินเอ๋อ…ระวัง!”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากอากาศว่างเปล่า
ส่งผลให้ร่างของไป๋เสี่ยวเฉินแข็งค้างเขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ยามนั้นชุดสีแดงที่งดงามโฉบเฉียวก็ร่อนลงมาอยู่ต่อหน้าต่อตาเขา ดึงเขาเข้าสู่อ้อมแขนของนางทันที
พื้นดินยังคงสั่นสะเทือนไป๋หยานกอดร่างของไป๋เสี่ยวเฉินแน่น ทว่าแรงดึงดูดอันทรงพลังที่แผ่ออกมาจากพื้น ก็ฉุดดึงนางและไป๋เสี่ยวเฉินลงหลุมลึก
เวลาเดียวกันนั้นเองเสี่ยวหลงเอ๋อก็ร่อนลงมาจากท้องฟ้า นางเห็นไป๋หยาน และไป๋เสี่ยวเฉินตกลงไปในหลุมลึก นางจึงรีบติดตามลงไปในหลุมด้วย …
หลังจากนั้นเพียงไม่นานพื้นก็กลับมาสงบภูเขาที่สั่นไหวก็หยุดสั่น …
ในขณะที่กำลังตกลงไปในหลุมลึกสตรีในอาภรณ์สีแดงก็หันกลับมามองหยุนรั่วซี
สายตาของนางทรงอำนาจอีกทั้งเฉยเมยเฉกเช่นเมื่อหลายปีก่อนไม่มีผิด น่าขนลุก
ร่างของหยุนรั่วซีแข็งค้างเครื่องรางที่ลำคอของนางแผ่อุณหภูมิร้อนแรง แผดเผาลำคอของนางกระทั่งไหม้
ทว่านางก็ไม่รู้ตัวยังคงจ้องมองร่างที่ลับตาไปของไป๋หยาน
”เป็นไปได้ยังไง…นางจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ? เห็นชัด ๆ ว่านางแหลกสลายไปแล้ว … ”
ย้อนกลับไปในครานั้นด้วยน้ำมือของเซียนอาวุโสหลิง วิญญาณของนางจึงโบยบินจากไป ก็แล้วเหตุใดนางถึงยังมีชีวิตอยู่ ?
บทที่ 1144 : ไป๋เสี่ยวเฉินได้รับบาดเจ็บ (5)
หยุนรั่วซีหลับตาลงเล็กน้อยใบหน้าซีดเซียวของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
มิน่าเล่า…
ไม่น่าแปลกใจเลยที่แดนอสูรจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
ไม่น่าแปลกใจที่เฟิงลี่เฉินจะพยายามช่วยอาณาจักรอสูร…
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหญิงแพศยาคนนี้ยังไม่ตาย!
ย้อนกลับไปนางคือคนที่ปล้นทุกสิ่งทุกอย่างไปจากหญิงผู้นี้ ครั้งนี้หญิงผู้นี้จะกลับมาเพื่อทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่างของตนกระนั้นหรือ ?
เครื่องรางสั่นเล็กน้อยอุณหภูมิที่พุ่งขึ้นทำให้หยุนรั่วซีกลับมามีสติอีกครั้ง นางบีบเครื่องรางที่ลำคอแน่น ความเกลียดชังท่วมท้นนัยน์ตาของนาง
”อะไรเพียงนางกลับมา เจ้าก็จะทิ้งข้าไปงั้นหรือ ? อย่าลืมสิว่าตอนนี้เจ้าเป็นเครื่องรางของข้าแล้ว ! หญิงผู้นั้นก็แค่โชคดีที่ได้รับเจ้ามา ทว่าตอนนี้เจ้ากลายเป็นของข้าแล้ว ซึ่งถือว่าเจ้าคืนสู่เจ้าของเดิม !”
”หึ่ง!”
เครื่องรางสั่นสะเทือนมากขึ้นเรื่อยๆ หยุนรั่วซีโกรธจัดอย่างบอกไม่ถูก แววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธ นางเอ่ยกล่าวอย่างขมขื่น “เจ้ากับเฟิงลี่เฉินก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย พวกเจ้าไม่เคยลืมหญิงคนนั้น หญิงคนนั้นมีดีอะไร ? นางคู่ควรอะไรกับเจ้า ?”
”โลกนี้เป็นของข้า…หยุนรั่วซีอีกทั้งเฟิงลี่เฉินก็ต้องเป็นของข้า ส่วนเจ้า…ชั่วชีวิตนี้เจ้าก็ต้องเป็นของข้าเท่านั้น !”
ใช่…หญิงคนนั้นตายไปแล้ว
แม้ว่านางจะเคยรักษาวิญญาณไว้ได้ทว่าครานี้นางต้องตายอย่างแน่นอน !
”ไป๋ไป๋เสี่ยวไป๋ไป๋ !”
ในความมืดมิดยามราตรีชายชราวิปลาสกระโดดเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เขามุ่งไปยังทิศทางที่ไป๋หยาน และไป๋เสี่ยวเฉินหายตัวไป มือและเท้าของเขาถูกเชือกมัด ทำให้ไม่สะดวกในการกระโดด ยามนี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นว่างเปล่า
“เมื่อครู่ข้าเห็นเสี่ยวไป๋ไป๋อย่างชัดเจน เจ้าเอาเสี่ยวไป๋ไป๋ไปไว้ที่ใด ?”
จู่ๆ เขาก็หันกลับมา สายตาที่โกรธเกรี้ยวของเขาพุ่งไปที่หยุนรั่วซี
หยุนรั่วซีกลับมารู้สึกตัวนางยกยิ้ม พลางหัวเราะประชดประชัน
“นางแพศยาไป๋หยูไม่ควรอยู่ในโลกใบนี้ ข้าไม่กลัวที่จะบอกเจ้าว่า เมื่อครู่เจ้าได้เห็นนางจริง ๆ ทว่าน่าเสียดายที่เจ้ามาช้าไป ทั้งข้าเกรงว่าชั่วชีวิตนี้เจ้าก็จะไม่ได้พบเจอนางอีก”
ชายชราวิปลาสขมวดคิ้วเอ่ยถามอย่างงงงัน “เหตุใด เหตุใดข้าถึงจะไม่ได้เห็นไป๋ไป๋อีก ?”
”เพราะนางตายไปแล้วเมื่อครู่นี้… ”
เพราะนางตายไปแล้วเมื่อครู่นี้…
ร่างของชายชราวิปลาสแข็งค้างสมองของเขาพลันว่างเปล่า ทว่าถ้อยคำของหยุนรั่วซียังคงสะท้อนก้องอยู่ในใจของเขา
”ไม่ไม่หลานสาวที่แสนดีของข้า นางเป็นคนดี อีกทั้งเชื่อฟัง นางบอกว่านางจะสืบทอดหน้าที่แทนข้า นางบอกว่านางจะดูแลข้ายามแก่เฒ่า ทั้งนางยังบอกอีกว่านางจะอยู่กับข้าชั่วชีวิต หลานสาวของข้าไม่โกหก นางต้องไม่โกหกข้า !”
ปัง!
ไม่อาจรู้ได้ว่าแขนทั้งสองข้างของชายชราวิปลาสได้พลังมาจากที่ใดทว่าเขาสามารถทำให้เชือกที่มัดเขาขาดได้
สีหน้าของหยุนรั่วซีเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน”เหตุใด … เป็นไปได้อย่างไร ?”
เชือกพันธการเทพเจ้าคือ เชือกที่สามารถพันธนาการได้กระทั่งระดับเทพสูงสุด เหตุใดชายชราวิปลาสคนนี้จึงมีพลังกระทั่งทำลายมันได้ ?
”คนโกหกเจ้าเป็นคนโกหก เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พูดว่านางตาย ห้ามพูด !”
ด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขาแขนของเขาก็หลุดพ้นจากพันธนาการของเชือก นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ ใบหน้าชราที่สกปรกของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
หลานสาวที่รักของเขายังไม่ตาย! ผู้ที่บอกว่านางตาย เป็นคนสารเลว !
”แย่แล้ว!”
ครั้นเห็นว่าชายชราวิปลาสกำลังจะหลุดจากพันธนาการหยุนรั่วซีก็ไม่สนใจสิ่งใดอีก นางหันหลังกลับ เพื่อมุ่งหน้าสู่หุบเขาลึกอย่างรวดเร็ว
บทที่ 1145 : ไป๋เสี่ยวเฉินได้รับบาดเจ็บ (6)
ในขณะที่นางกำลังหนีเชือกก็ตกลงบนพื้นเสียงดังตุ้บ
ร่างของชายชราถูกกระแสลมแรงโอบล้อมเขารีบไล่ติดตามหยุนรั่วซีที่กำลังหลบหนีในทันที …
…
ณหุบเขาเบื้องล่างในความลึกกว่าร้อยจ้างนั้น เป็นป่าที่แสงแดดส่องไม่ถึง ป่านั้นทั้งมืดมิดและน่ากลัว
ไป๋หยานปล่อยร่างของไป๋เสี่ยวเฉินนางพยายามสงบสติอารมณ์ของเขา ไป๋เสี่ยวเฉินยกมือขึ้นผลักนางออก
การเคลื่อนไหวของเขาทำให้ไป๋หยานถึงกับผงะนางมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความประหลาดใจ “เฉินเอ๋อ ?”
“หม่ามี้อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา !”
ไป๋เสี่ยวเฉินก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวพลางก้มศีรษะลง ไหล่ของเขาสั่นสะท้าน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
”เฉินเอ๋อ…นี่เจ้าเป็นอะไรไป?” ไป๋หยานไม่ฟังคำพูดของไป๋เสี่ยวเฉิน นางก้าวเข้าไปหาเขา
ขณะเดียวกันไป๋เสี่ยวเฉินก็ก้าวถอยหลังร่างของเขายังคงสั่นสะท้าน “หม่ามี้ ตอนนี้เฉินเอ๋อน่าเกลียดมาก ท่านอย่าได้เข้ามาใกล้เฉินเอ๋อนะ ตกลงมั้ย ?”
เขากลัวมากกลัวว่าแม่จะเกลียดเขา เมื่อได้เห็นเขาในยามนี้ …
ชั่วขณะนั้นเองไป๋หยานก็ยื่นมือออกมาคว้าร่างของไป๋เสี่ยวเฉินเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น
ร่างของไป๋เสี่ยวเฉินแข็งค้างเขาก้มหน้างุด ๆ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองไป๋หยาน
”เฉินเอ๋อ…ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไรเจ้าก็เป็นลูกชายที่แม่รักที่สุด ไหนเจ้าเงยหน้าขึ้นสิ ให้แม่ดูหน่อยเถิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ?” ไป๋หยานปลอบเด็กน้อยในอ้อมแขนด้วยความนุ่มนวล
ครั้นได้ยินเช่นนั้นร่างของไป๋เสี่ยวเฉินก็แข็งทื่อ ทว่าที่สุดเขาก็ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นช้า ๆ
ยามนี้ไป๋หยานรู้สึกได้อย่างแจ่มชัดถึงอาการสั่นเทาของเด็กน้อยในอ้อมแขนเขาพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมอารมณ์ เพื่อให้นางได้เห็นสภาพของเขาในตอนนี้
ครั้นเห็นไป๋เสี่ยวเฉินไป๋หยานก็ถึงกับตะลึงงัน
เด็กน้อยยังคงไร้เดียงสาและน่ารักเฉกเช่นเดิม อย่างไรก็ตามดวงตาข้างหนึ่งของเขายามนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นนัยน์ตาอสูร อีกทั้งยังเย็นชามาก กระทั่งทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดผวาได้
ครั้นเห็นไป๋หยานไม่กล่าวคำใดไป๋เสี่ยวเฉินก็คว้าแขนเสื้อของไป๋หยานไว้แน่น นัยน์ตาอีกข้างของเขามีหยาดน้ำตาเอ่อคลอด้วยความโศกเศร้า
หม่ามี้… จะเกลียดข้าหรือไม่นะ ?
”อื้ม…”ไป๋หยานพูด ใบหน้าที่งดงามของนางแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน “เฉินเอ๋อเป็นแบบนี้ก็น่ารักดีออก”
ไป๋เสี่ยวเฉินตกใจเขาจ้องมองไป๋หยานอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“หม่ามี้ไม่เกลียดเฉินเอ๋อหรือ?”
”เด็กโง่เหตุใดแม่จะต้องเกลียดเจ้าด้วย เจ้าเป็นลูกของแม่ ไม่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร ความเป็นลูกเป็นแม่ก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” ไป๋หยานกอดร่างของเด็กน้อยพร้อมเอ่ยกล่าวเบา ๆ
ที่สุดใบหน้าเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินก็เผยยิ้มไร้เดียงสาและสดใส เขาแอบโล่งใจอย่างเงียบ ๆ
”หม่ามี้…เฉินเอ๋อกลัวมากเลย … ” ไป๋เสี่ยวเฉินลดสายตาลง พลางดึงเสื้อของไป๋หยานแน่น “เฉินเอ๋อกลัวจะทำหม่ามี้เจ็บ”
ไป๋หยานสะดุ้งนางขมวดคิ้ว “เหตุใดเฉินเอ๋อถึงพูดเช่นนั้น?”
ไป๋เสี่ยวเฉินก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่เป็นนาน ก่อนจะรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นมองไป๋หยาน
”หม่ามี้จำครั้งสุดท้ายนั่นได้มั้ย ? เพราะหม่ามี้ถูกองครักษ์มืดในแดนอสูรโจมตี จากนั้นก็มีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเฉินเอ๋อ ทำให้เฉินเอ๋อสามารถเอาชนะองครักษ์มืดเหล่านั้นได้ แต่ตอนนั้นเฉินเอ๋อไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ … ”
ไป๋เสี่ยวเฉินเม้มปากสีชมพูเบาๆ เอ่ยกล่าวอย่างเศร้า ๆ “แต่ครั้งนี้ผิดกับครั้งนั้นหลังจากที่เฉินเอ๋อคลั่ง เฉินเอ๋อแทบจะจำตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ เฉินเอ๋อรู้สึกว่าร่างกายของเฉินเอ๋อถูกใครบางคนเข้าควบคุม ทำให้เฉินเอ๋อขาดสติ หากเครื่องรางของนางมารร้ายไม่เกิดปฏิกริยากับเฉินเอ๋อ เฉินเอ๋อกลัวว่าเฉินเอ๋ออาจจะไม่รู้สึกตัวอีก … ”
จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – บทที่ 1141-1145
จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์
นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้
ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย
มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก
ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก
แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…
จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”