ตอนที่ 67 คุณหนูของพวกเราหายตัวไปแล้ว
พานหลิงอวิ๋นที่กลับเข้ามาในห้องเอื้อมมือไปปิดประตู แล้วก็เตะรองเท้าที่สวมใส่ด้วยความรีบร้อนออกไป ใส่ไม่เรียบร้อย ไม่สบาย
เธอเดินกลับไปกลับมาภายในห้องด้วยเท้าที่เปลือยเปล่า ความรู้สึกสงสัยภายในดวงตายากเลือนหายไป
เผิงซีเกลี้ยกล่อมให้เธออยู่ที่นี่ แต่ตัวเผิงซีกลับหายไป ซ้ำยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก จะไม่ให้เธอสงสัยว่าเรื่องนี้มีปัญหาก็คงจะเป็นไปได้ยาก
โชคดีที่ผู้พิทักษ์เมืองปรากฏตัวขึ้นทันเวลา ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“เผิงซี…” พานหลิงอวิ๋นนึกแค้นใจ เธอรู้สึกสงสัยแล้วว่าเผิงซีจะคิดไม่ซื่อ
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าที่นี่ไม่เหมาะจะให้รั้งอยู่แล้ว พรุ่งนี้ฟ้าสางจะรีบเดินทางออกไปทันที
เธอเดินไปตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองดูตัวเองในกระจก การวิ่งออกไปอยู่ในกลุ่มผู้ชายด้วยสภาพนี้นั้นดูไม่เหมาะจริงๆ
เธอมองดูกระจกพลางปลดสายรัดเอว คลายชุดนอนออก ชุดนอนไหลลงมากองที่พื้น เผยให้เห็นเรือนร่างที่ขาวผ่อง
แม้นปกติจะชอบแต่งตัวเป็นผู้ชาย แต่เมื่อเปลื้องผ้าออกแล้วเธอยังคงเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างอ้อนแอ้นอรชร
ขณะที่เธอคิดจะหมุนตัวไปยังราวแขวนผ้าเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า จู่ๆ มือข้างหนึ่งก็คว้าจับลำคอของเธอเอาไว้ เกิดอะไรขึ้น? ร่างเธอแข็งทื่อไปทันที
เมื่อเงยหน้าขึ้นมา เธอเห็นว่าด้านหลังของตัวเองที่อยู่ในกระจกมีคนยืนอยู่คนหนึ่ง เป็นผู้ชาย เป็นผู้ชายที่มีหนวดเคราเฟิ้มขึ้นไปจนถึงจอนผม บนร่างสวมชุดเกราะผู้พิทักษ์เมือง มือข้างหนึ่งวางอยู่บนคอของเธอ สบตากับเธอที่อยู่ในกระจก สายตาของอีกฝ่ายดูสุขุมเยือกเย็น
หลังมองเห็นชัดเจนแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง
เวลาที่จู่ๆ ก็มีผู้ชายปรากฏตัวขึ้นข้างกายตัวเองในตอนที่ตัวเองอยู่ในสภาพเช่นนี้ ต่อให้ไม่ใช่คนแปลกประหลาดที่ปรากฎตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันผู้นี้ ภายในใจของเธอก็ยังรู้สึกตกใจตามสัญชาตญาณของความเป็นผู้หญิงอยู่ดี
ผู้พิทักษ์เมือง? ผู้พิทักษ์เมืองออกไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงยังอยู่ในห้องของตัวเองได้?
เธออยากจะตะโกนออกไปตามสัญชาตญาณ อยากจะถามว่าแกเป็นใครอะไรทำนองนั้น
แต่พออ้าปากกลับไม่อาจส่งเสียงใดๆ ได้ เธอพูดอะไรไม่ออก
เพียงพริบตา เธอก็พบว่าร่างกายของตัวเองไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เธอค่อนข้างหวาดกลัว ไม่รู้ว่าผู้พิทักษ์เมืองคนนี้คิดจะทำอะไรกับตัวเอง? หรือว่ายังกล้ามาทำเรื่องหยาบช้าอะไรทำนองนั้นกับตัวเอง? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผู้พิทักษ์เมืองคนนี้ก็กล้าอย่างมากทีเดียว
ผู้พิทักษ์ที่มีหนวดเคราเฟิ้มหิ้วเธอไปข้างเตียงเหมือนหิ้วลูกนก พานหลิงอวิ๋นเบิกตาโต จะเอาจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?
ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะสะบัดมือข้างหนึ่ง โยนชุดเกราะของผู้พิทักษ์เมืองชุดหนึ่งลงไปบนเตียง ก่อนจะหยิบเอาชุดเกราะมาสวมใส่ให้เธออย่างรวดเร็ว
ในเวลาที่จำเป็นก็โยนพานหลิงอวิ๋นลงไปบนเตียง ช่วยเธอสวมใส่พวกรองเท้า
ในเวลานี้ พานหลิงอวิ๋นรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แน่ใจแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้ามิใช่ผู้พิทักษ์เมือง ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้?
สาเหตุเดาได้ไม่ยาก อีกฝ่ายปะปนอยู่ในกลุ่มผู้พิทักษ์เมืองที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้ เธอพอจะเข้าใจแล้วเช่นกันว่าการระเบิดก่อนหน้านี้มันคืออะไร อีกฝ่ายใช้ระเบิดนั่นทำให้ตัวเองสามารถปะปนกับกลุ่มผู้พิทักษ์เมืองเข้ามาได้
คนผู้นี้คือใคร? หรือว่าจะเป็นฆาตกร?
ยิ่งคิดก็ยิ่งมีโอกาสเป็นไปได้ พานหลิงอวิ๋นรู้สึกเย็นวาบ หนังหัวชาหนึบ นอนมองดูอีกฝ่ายช่วยตัวเองสวมใส่เสื้อผ้า
ขณะที่สายตากำลังวูบไหวไปมาอย่างร้อนใจ เธอก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาเพื่อฆ่าตน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ พูดอีกอย่างก็คือตอนนี้ตัวเองยังปลอดภัยอยู่
เมื่อช่วยเธอสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ผู้พิทักษ์เมืองที่มีหนวดเคราเฟิ้มก็ดึงตัวเธอขึ้นมา ปลายนิ้วมือนิ้วหนึ่งลากผ่านหน้าผากของเธอ ผิวหนังปริแตกออกทันที เลือดสดๆ ไหลลงมาบนใบหน้า จากนั้นเขาเอามือปาดรอยเลือดที่อยู่บนใบหน้าของเธอ
ตู้ม!
ผู้พิทักษ์เมืองที่มีหนวดเคราเฟิ้มกระทืบเท้าไปบนพื้น ไม้ปูพื้นกระเด็นกระดอนขึ้นมา พื้นพังถล่มลงไป หิ้วคนคนหนึ่งกระโดดลงไปในพื้นที่พังถล่ม
พานหลิงอวิ๋นที่หลับตาอยู่ท่ามกลางเศษฝุ่งผงตกใจเป็นอย่างมาก พบว่าคนผู้นี้บ้าดีเดือดจริงๆ ผู้พิทักษ์เมืองจำนวนมากยังอยู่ข้างนอก แต่กลับกล้าทำเรื่องเช่นนี้ มันจะอวดดีเกินไปแล้ว บ้าหรือเปล่า?
“มังกรดินอย่าเพิ่งกลับ ให้กลุ่มหนึ่งแสร้งทำเป็นถอนกำลังกลับไป อีกกลุ่มหนึ่งแสร้งทำเป็นตรวจค้นแล้วแอบวางกำลังไว้ส่วนหนึ่ง คอยซุ่มอยู่บริเวณรอบๆ ต่อ ป้องกันฆาตกรมันปั่นหัวเรา…”
เหิงเทากำลังแอบสั่งการลูกน้องด้วยเสียงเบาๆ อยู่ตรงหน้าประตูหออวิ้นเสีย ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวจบ ด้านหลังพลันมีเสียงต่อสู้ดังสนั่นขึ้นมา เขาหันขวับกลับไปทันที ในใจลอบร้องว่าแย่แล้ว จึงตะโกนสั่งการทันที “ล้อมไว้!” ส่วนตัวเขาพุ่งบินออกไปเป็นคนแรก
ผู้พิทักษ์เมืองกลุ่มใหญ่ที่กำลังจะแยกย้ายกันกลับไปพากันบินเข้ามา ทำการล้อมพื้นที่เอาไว้ในทันที
โกวซิงที่กำลังจัดวางกำลังคุ้มกัน และกำลังไปที่ศูนย์กลางข่ายพลังเพื่อเปิดใช้ข่ายพลังขึ้นมาใหม่พลันชะงักฝีเท้าแล้วเหลียวหน้ากลับไปทันที พบว่าจุดที่เกิดการระเบิดคือที่พักของพานหลิงอวิ๋น ทำเอาวิญญาณเขาเกือบหลุดออกจากร่าง เขาพุ่งตัวออกไปทันที แทบจะวิ่งฝ่ากำแพงเข้าไปเลยก็ว่าได้
ผู้คุ้มกันที่อยู่ทั้งด้านในและด้านนอกต่างตกใจ ทั้งว่านเฉาจื่อและเหลียนเซี่ยวเองก็รีบพุ่งตัวเข้าไปเช่นเดียวกัน
คนที่อยู่ด้านในและด้านนอก คนของพานหลิงอวิ๋น คนของผู้พิทักษ์เมืองที่รีบเดินทางกลับมาต่างรวมกลุ่มเข้าด้วยกัน ภาพเหตุการณ์ดูวุ่นวายเป็นอย่างมาก
“ก๊าส…” ภายในรอยแตกใต้พื้นดินที่ยกตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องมีเสียงร้องดังออกมา เป็นเสียงของมังกรดินที่ซุ่มอยู่ใต้ดิน
เหิงเทาที่พุ่งตัวเข้าไปรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อได้ยินเสียง มังกรดินที่ซุ่มอยู่ใต้ดินพบเห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้ว จึงตะโกนทันที “อยู่ใต้ดิน!”
ผู้พิทักษ์เมืองจำนวนไม่น้อยทะลวงพื้นดินลงไปทันที หมายจะล้อมจับคนร้าย
พื้นทั่วทั้งหออวิ้นเสียปริแตกยกตัวไม่หยุด ให้ความรู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มดินจะทลาย ห้องจำนวนไม่น้อยพังถล่ม
ตู้ม! ใต้พื้นที่ระเบิดออก ผู้พิทักษ์เมืองสองคนกระเด็นออกมา คล้ายถูกคนโจมตีจนกระเด็นลอยออกมา กระแทกลงบนพื้น ใบหน้าทั้งสองคนอาบเลือด เหมือนจะได้รับบาดเจ็บ
มีเพื่อนผู้พิทักษ์เมืองบินลงไปช่วยพยุง ผู้พิทักษ์เมืองที่มีหนวดเคราลุกขึ้นมาตะโกนว่า “ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจพวกเรา จับคนร้ายสำคัญกว่า” ขณะกล่าวก็ผลักเพื่อนผู้พิทักษ์เมืองที่หวังดีออกไป
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เพื่อนผู้พิทักษ์เมืองก็ไม่สนใจเขาแล้ว
ผู้พิทักษ์เมืองที่มีหนวดเคราอุ้มผู้พิทักษ์เมืองอีกคนที่เหมือนจะสลบไปขึ้นมา ก่อนจะรีบถอยไปด้านหลัง คล้ายรีบออกไปทำการปฐมพยาบาลอย่างไรอย่างนั้น ผู้พิทักษ์เมืองที่อยู่รอบๆ ไม่มีใครขวางเขาเอาไว้…
…..
สำนักงานเจ้าเมือง ภายในภูเขาน้ำแข็งที่มืดสลัว จู่ๆ ลั่วเทียนเหอที่นั่งขัดสมาธิที่ท่ามกลางไอเย็นพลันลืมตาขึ้นมา
ตัวเขาที่อยู่ในโพรงภายในภูเขาสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวใต้ดินอันรุนแรงของมังกรดิน
ร่างกายวูบไหว ลั่วเทียนเหอหายตัวไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ที่เข้าเวรอยู่ภายในสำนักงานเจ้าเมืองพากันเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนทันที ก่อนจะเห็นเงาสายหนึ่งบินออกมาจากในสำนักงานเจ้าเมือง ตรงไปยังขอบฟ้าในยามราตรี
เพียงไม่กี่อึดใจ ลั่วเทียนเหอก็มาถึงบนท้องฟ้าเหนือหออวิ้นเสียด้วยตัวเอง
คนอยู่บนฟ้า กวาดตามองดูสถานการณ์ทางเบื้องล่าง แขนเสื้อขนาดใหญ่สะบัดออกไป ฝ่ามือข้างหนึ่งฟาดลงไปบนพื้น กลางฝ่ามือมีลำแสงที่เหมือนแสงเหนือพุ่งออกไป เป็นเหมือนผ้าม่านทรงโค้งที่ลอยลงมาจากฟ้า ล้อมหออวิ้นเสียเอาไว้
พื้นดินปริแตก วัตถุที่ดูเหมือนผลึกโปร่งใสพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน กำแพงน้ำแข็งตั้งขึ้นเป็นชั้นๆ ในพริบตา
เพียงไม่กี่อึดใจ กำแพงน้ำแข็งที่สูงร้อยจ้าง หนาหลายสิบจ้างก็ปรากฏขึ้นมา คล้ายว่าจู่ๆ ก็มีเมืองน้ำแข็งปรากฏขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น
ลั่วเทียนเหอที่สวมชุดสีขาวลอยลงมาบนกำแพงน้ำแข็งที่สูงใหญ่ จ้องมองดูความเคลื่อนไหวเบื้องล่างด้วยสายตาเย็นยะเยือก ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะหนีออกไปจากพื้นที่ปิดตายของเขา ไม่มีทางที่จะหนีรอดไปจากเนตรทิพย์ของเขาได้
ในพริบตาที่กำแพงน้ำแข็งก่อตัวขึ้นมา พื้นดินก็จับตัวแข็ง ทั้งต้นไม้ใบหญ้าและอาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆ ปกคลุมไปเป็นน้ำค้างแข็งที่จับตัวเป็นชั้นหนาๆ
พวกเหิงเทาเหลียวหน้ากลับไปมอง ก่อนจะเห็นท่านเจ้าเมืองเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที ไม่กลัวฆาตกรจะทำอะไรเหิมเกริมอีก มีความรู้สึกประหนึ่งว่าต่อให้ฟ้าถล่มก็จะมีคนคอยค้ำเอาไว้
ภายในเมืองปู๋เชวี่ยมีความวุ่นวายปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย มีคนตะโกนเสียงดังว่า “ดูนั่นเร็ว เทพมหาวิญญาณ!”
ถูกต้อง ทันทีที่ได้รับคำสั่ง เทพมหาวิญญาณที่รอคอยคำสั่งก็รีบเดินทางออกมาจากค่ายผู้พิทักษ์เทพในทันที
น้อยครั้งนักที่จะมีเหตุการณ์ที่เทพมหาวิญญาณมุ่งหน้าเข้ามาในเมืองอย่างกะทันหัน คนที่อยู่ใกล้ๆสามารถรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวของการต่อสู้ คล้ายคาดเดาได้ว่าภายในเมืองเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว
เทพมหาวิญญาณสิบกว่าตนบินเข้ามา ลงมายืนบนกำแพงน้ำแข็งที่สูงใหญ่ จ้องมองดูพื้นเบื้องล่างที่ถูกกำแพงน้ำแข็งห้อมล้อมด้วยสายตาน่าเกรงขาม
ภายในพื้นที่ที่ถูกล้อมเอาไว้ก็ค่อยๆ สงบลง
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากการที่จู่ๆ ก็มีคนมาก่อกวนสงบลงไปไม่น้อย มีเพียงพวกโกวซิงที่ยังวิ่งวุ่น เที่ยวค้นหาไปทั่วทั้งบนดินใต้ดิน
“หายไปแล้ว! หังหน้าเหิง คุณหนูของพวกเราหายตัวไปแล้ว การรักษาระเบียบของดินแดนเซียนคือหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกคุณ พวกคุณจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้นะครับ!” โกวซิงมาหาเหิงเทาอย่างลนลาน ขอร้องให้ช่วยเหลือ
เหิงเทาใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม กล่าวตะคอกน้ำเสียงคร่ำเคร่งว่า “เป็นไปไม่ได้! รอบด้านล้วนเป็นคนของฉัน ใต้ดินยังมีมังกรดินอยู่อีกสิบสองตัว ไม่ว่าจะเป็นบนดินหรือใต้ดินก็ล้วนแต่ไม่อาจหลบเลี่ยงสายตาของผู้พิทักษ์เมืองไปได้” ก่อนจะหันหน้ามองซ้ายขวาแล้วตะโกนอีกว่า “ที่กว้างแค่นี้ คนจะต้องยังอยู่ในนี้แน่นอน นอกเสียงจากจะสลายกลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว ไปช่วยกันหา!”
ผู้พิทักษ์เมืองกลุ่มหนึ่งรีบเข้าไปช่วยทำการค้นหา บนพื้นค้นหาไปรอบหนึ่งแล้วย่อมไม่อยู่ ดังนั้นจึงลงไปค้นหาใต้ดิน
ลั่วเทียนเหอที่ยืนอยู่บนกำแพงน้ำแข็งมองดูความเคลื่อนไหวทางด้านล่างด้วยสายตาเยือกเย็น เขารับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของทุกคน ภายในโลกที่เขาสร้างขึ้นมานี้ ไม่มีความเคลื่อนไหวของใครจะรอดพ้นสัมผัสของเขาไปได้
คนที่อยู่ด้านล่างทำการค้นหาทั้งบนดินใต้ดินอยู่พักใหญ่ กระทั่งฟ้าค่อยๆ สางขึ้นมาแล้วก็ยังหาตัวพานหลิงอวิ๋นไม่พบ แล้วก็ไม่พบศพด้วย
หรือว่าฆาตกรจะสามารถหลบพ้นสัมผัสของมังกรดินที่อยู่ใต้ดินไปได้? เหิงเทารู้สึกสงสัย จึงตะโกนออกไปทันที “อย่าเพิ่งแตกตื่น นับจำนวนคนก่อน”
ผู้พิทักษ์เมืองทำการนับจำนวนหนึ่ง ไม่มีคนขาด แล้วก็ไม่มีคนเกิน อยู่กันครบทุกคน!
คนของหอการค้าตระกูลพานมีอยู่ไม่กี่คน เพียงมารวมตัวกันแล้วกวาดตามองก็นับจำนวนได้แล้ว คนมีไม่เยอะ แต่กลับขาดไปคนหนึ่ง ขาดพานหลิงอวิ๋น
คนของหอการค้าตระกูลพานต่างมีสีหน้าดูแย่ โดยเฉพาะโกวซิง เขาไม่รู้ว่าอีกประเดี๋ยวควรจะอธิบายกับทางท่านประธานพานชิ่งอย่างไรดี
ในเวลานี้เอง มีผู้พิทักษ์เมืองนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา ประสานมือกล่าวรายงานว่า “ท่านหัวหน้าครับ ทางทิศใต้ของเมืองมีรายงานด่วนเข้ามา มีเจ้าหน้าที่ที่เข้าเวรสองนายหายตัวไปครับ พบรถคันที่เข้าเวรแล้ว แต่คนในรถหายตัวไปครับ ตัวรถมีความเสียหาย แล้วก็มีรอยเลือดอยู่ตรงบริเวณนั้นด้วยครับ เกรงว่า…เกรงว่าเจ้าหน้าที่สองคนนั้นคงจะไม่รอดแล้วครับ”
เหิงเทาใบหน้าคร่ำเคร่งขึ้นมา ใบหน้ากระตุกขึ้นมาไม่หยุด เจ้าหน้าที่ตายไปสองคนเรื่องเล็ก เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าต่างหากที่ยุ่งยาก ตัวเองนำคนมาเอง วางกำลังล้อมจับชนิดที่ไม่มีใครจะรอดพ้นออกไปได้ แต่ฆาตกรก็ยังลงมือได้สำเร็จ อีกทั้งยังหลบหนีออกไปได้ด้วย แล้วจะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
ทันใดนั้นเอง สายตาของเหิงเทาพลันวูบไหวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มีจุดหนึ่งที่เขามั่นใจได้ ปกติแทบจะไม่มีใครกล้าลงมือกับผู้พิทักษ์เมือง ครั้งที่แล้วมีคนตายไปสองคน ครั้งนี้มีคนตายไปอีกสองคน เกรงว่าจะเป็นฝีมือคนเดียวกัน
เป็นฝีมือของฆาตกรคนนั้นเหรอ? เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง เหิงเทาพลันหันกลับไปมองผู้พิทักษ์เมืองที่เข้ามารายงานทันที “เจ้าหน้าที่หายตัวไปสองคน? แล้วชุดเกราะของพวกเขาล่ะ?”
ผู้พิทักษ์เมืองที่เข้ามารายงานงุนงงเล็กน้อย “คนหายตัวไป ชุดเกราะย่อมต้อง…เดี๋ยวผมตรวจสอบก่อนนะครับ” จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือรีบโทรออกไป หลังสอบถามเสร็จเรียบร้อย เขาก็กลับมารายงานอีกครั้ง “หัวหน้าครับ นอกจากรถที่เข้าเวรแล้ว ทั้งคนและชุดเกราะล้วนแต่หายไปครับ”
เหิงเทาโบกมือชี้ไปทางกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาทันที “ทุกคนตรวจสอบกลุ่มของตัวเอง ดูสิว่าในกลุ่มมีคนแปลกหน้าหรือเปล่า” ก่อนจะมองไปทางโกวซิง “พวกนายก็ดูด้วย”
ทุกคนแตกตื่นขึ้นมา รีบตรวจสอบดูพรรคพวกตัวเองตามคำสั่ง ผลการตรวจสอบก็เห็นได้ชัดว่าคนในแต่ละกลุ่มล้วนเป็นคนของตน ไม่มีคนแปลกหน้า
เหิงเทาตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “แต่มีคนเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์เมืองออกไปจากที่นี่? ทำไมไม่มีใครพูด ตาบอดกันหมดหรือไง?”
ในที่สุดก็มีคนกล่าวเสียงอ่อยๆ ขึ้นมา “ตอนที่ทำการล้อมจับเมื่อครู่มีเจ้าหน้าที่สองคนได้รับบาดเจ็บ พวกเขาเลยถอยออกมา เหมือนจะ…เหมือนจะออกไปแล้วครับ!”
“เหมือนจะ?” เหิงเทากวาดมองด้วยสายตาเย็นยะเยือก กวักมือไปทางเขาทันที สื่อว่าให้เขาเข้ามา สื่อว่าให้เขาเข้ามาพูดใกล้ๆ
……………………………………………………….