บทที่ 1121 : หลิงหู (1)
“อาวุโสใหญ่”
หลังจากที่ตี้คังละสายตาจากไป๋หยานใบหน้าที่งดงามของเขาก็เคร่งขรึมขึ้น เขาตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว “สั่งการลงไป สถานที่แห่งนี้ต่อไปจะเป็นฐานที่ตั้งของอาณาจักรสัตว์อสูรเรา !”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ผู้อาวุโสใหญ่ป้องหมัดพลางตอบด้วยความเคารพ
แม้ว่าในอาณาจักรสวรรค์จะมีผู้คนไม่มากนักทว่าที่นี่ก็มีพื้นที่ทอดยาวไกลเป็นล้าน ๆ ลี้ สถานที่ที่ซึ่งพวกเขาอยู่ตอนนี้เป็นเพียงชายขอบของอาณาจักรสวรรค์ เช่นนั้นจึงมีผู้แข็งแกร่งไม่มากนัก หากเดินทางลึกเข้าไปในอาณาจักรสวรรค์เรื่อย ๆ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไป๋หยานกำลังตั้งครรภ์ไม่เหมาะที่จะต่อสู้ร่วมกับเขา เช่นนั้นตี้คังจึงตั้งใจที่จะให้นางพักผ่อนที่นี่
“นอกจากนี้เจ้าจงส่งคนสักสองสามคนมาเฝ้าประตูเมือง นับจากนี้ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามาที่นี่อีก”
ตี้คังหันหน้าไปมองผู้อาวุโสใหญ่พลางออกคำสั่งอย่างเย็นชา
หลังจากกล่าวจบเขาก็โอบเอวของไป๋หยานพาก้าวเข้าประตูเมือง …
ทั่วทั้งเมืองว่างเปล่าใบไม้ร่วงแลดูน่าหดหู่ แผงขายของมากมายล้มระเนระนาดลงบนพื้น แม้แต่ผู้คนก็ไม่หลงเหลือ
ครั้นเห็นภาพฉากเบื้องหน้าใบหน้าของตี้คังพลันเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ นี่…เขาน่ากลัวถึงเพียงนี้เลยกระนั้นหรือ ?
“ตี้คังดูเหมือนว่าชื่อเสียงของท่านจะเป็นที่เลื่องลือเสียแล้ว”
ไป๋หยานกวาดตามองเมืองที่หดหู่พร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองบุรุษข้างกาย
“คนพวกนี้กับข้าก็ไม่ต่างกันนักหรอก”
ตี้คังหรี่ตาประกายแสงอันตรายฉายวาบในดวงตาของเขา“ทีพวกมันยังสามารถรังแกสัตว์อสูรได้ ในยามที่พวกเราอ่อนแอ ในเมื่อตอนนี้พวกมันอ่อนแอบ้าง ก็ย่อมไม่มีสิทธิ์จะพูด ตามกฎของป่าแล้วผู้ไม่แข็งแกร่ง และไร้ซึ่งพลังย่อมไม่มีสิทธิ์มีเสียงใด ๆ “
“ทว่า… ” เขาจ้องมองหญิงสาวที่งดงามในอ้อมแขนของตนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ตามที หากแต่ในแดนอสูรแล้ว เจ้าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เพียงคนเดียวไม่เป็นสองรองผู้ใด”
หัวใจของไป๋หยานพลันอบอุ่นมือของนางลูบหน้าท้องเบา ๆ พลางยิ้มน้อย ๆ
“ตี้คัง…ข้าเหนื่อย… ”
“อืม…ข้าจะหาที่ให้เจ้าได้พักผ่อนก่อนก็แล้วกันนะ”
สถานที่ที่ซึ่งหรูหราที่สุดในเมืองก็คือคฤหาสน์ของท่านเจ้าเมือง
คฤหาสน์ของท่านเจ้าเมืองยามนี้กลับกลายเป็นลานบ้านที่ว่างเปล่า ตี้คังไม่ได้พาไป๋หยานเข้าไปพักในคฤหาสน์ของท่านเจ้าเมือง หากแต่กลับหาโรงเตี๊ยมน่าพักให้นางแทน
ต่อมาเขาสั่งให้คนรื้อทำลายคฤหาสน์ของท่านเจ้าเมืองจากนั้นก็สร้างพระราชวังที่งดงาม และหรูหราสำหรับไป๋หยานขึ้นแทนที่
ในโรงเตี๊ยม…
บนเตียงไป๋หยานเอนกายอย่างเกียจคร้านบนร่างของตี้คังเรือนผมดำสยายแผ่ตกจากเตียง และร่วงหล่นลงระพื้น
“ตี้คังข้าจำได้ว่าท่านเคยกล่าวว่ามีสัตว์อสูรจำนวนมากในอาณาจักรสวรรค์ นี้ใช่หรือไม่ ?” ไป๋หยานหรี่ตาน้อย ๆ พลางม้วนเส้นผมดำสลวยของตนเล่น นางยกมุมปากขึ้นนัยน์ตาเรียวคมราวหงส์ยิ้มกว้าง
“อืม”
ตี้คังเอ่ยตอบเบาๆ นิ้วเรียวของเขาลูบไล้เรือนผมของนางเบา ๆ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
“เช่นนั้นท่านก็ควรส่งข่าวไปแจ้งสัตว์อสูรที่อยู่ในอาณาจักรสวรรค์ว่าพวกเขาสามารถเข้ามาอาศัยในเมืองนี้ได้หากต้องการ และนับจากนี้ไปท่านต้องเรียกเมืองนี้ว่าเมืองสัตว์อสูร”
“ข้าจะส่งต่อคำสั่งเดี๋ยวนี้เลย”
ตี้คังจูบหน้าผากของไป๋หยานเบาๆ พร้อมกล่าวเตือนว่า “ช่วงนี้เจ้าอย่าได้หักโหมจนเกินไปนัก แค่อุ้มท้องลูกของเราทำใจให้สบายแค่นั้นก็พอแล้ว ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องทำงานหนักจนเกินไป … “
ไป๋หยานไม่รับคำของตี้คังนางหลุบตาลงไม่กล่าวคำใดอีก ตี้คังเองก็ไม่รู้ว่าในใจของนางคิดอะไร
ไม่ไกลจากเมืองสัตว์อสูรเป็นหุบเขาหุบเขานี้ทอดยาวหลายพันลี้ ทั้งเต็มไปด้วยภยันตรายมากมายนับไม่ถ้วน
อย่างไรก็ตามในหุบเขาแห่งนี้เจ้าซาลาเปาน้อยตัวนุ่มเล็ก ๆ สองคนที่งดงามราวกับแกะสลักด้วยหยกสีชมพูกำลังใช้ดาบฟันกิ่งไม้ที่อยู่เบื้องหน้า พร้อมกับก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
บทที่ 1122 : หลิงหู (2)
ด้านหลังเด็กน้อยทั้งสองมีชายชราคนหนึ่งเดินตามมาท่าทางของชายชรากระเซอะกระเซิงไม่ต่างจากคนเสียสติ ผมหงอกของเขาระบ่า เสื้อผ้าก็ขาดหลุดรุ่ย ใบหน้าชราของเขาก็สกปรกราวกับขอทานชราที่คลานออกมาจากหมู่คนขอทาน
”ท่านตาเดินตามมาช้าๆ ก็ได้” ไป๋เสี่ยวเฉินหันหน้าไปมองชายชราที่เดินโซเซอยู่ด้านหลังพลางขมวดคิ้วอย่างน่ารัก “เสี่ยวหลง…เจ้าช่วยท่านตาเถอะ ข้าจะแผ้วถางทางให้เอง”
”อืม”
เสี่ยวหลงเอ๋อวิ่งไปหาชายชรานางรีบยื่นมือออกไปหวังจะช่วยประคองเขา ชั่วขณะนั้นชายชราก็พุ่งตัวเข้าหาไป๋เสี่ยวเฉินราวกับคนบ้าคลั่ง
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาตะลึงไปชั่วขณะ ครั้นเขารู้สึกตัวชายชราผู้วิปลาสก็ได้โยนเขาลงกับพื้นแล้ว
พร้อมเสียงโครมครามพลังก็พุ่งออกมาจากด้านหลัง ผ่านหน้าไป๋เสี่ยวเฉิน และพวกของเขาไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่
พร้อมกันนั้นต้นไม้ใหญ่ก็หายวับไปพร้อมกับสายลม
“ท่านตา…ท่าน… ” ไป๋เสี่ยวเฉินสะดุ้ง
ตอนนั้นเขาไม่ทันรับรู้ถึงพลังนั่นเลยหากแต่ท่านตาผู้ชรากลับมีปฏิกิริยาที่รวดเร็วเช่นนี้ นี่ท่านตาเป็นขอทานเฒ่าเท่านั้นจริง ๆ หรือ ?
“ข้ากลัวแทบตายข้ากลัวแทบตายเลย…”
ชายชราลุกขึ้นพลางตบหน้าอกตน ฮิ ฮิ เขายิ้มด้วยท่าทางปัญญาอ่อน นั่นทำให้เขาดูไม่เหมือนกับชายชราผู้ที่เพิ่งช่วยไป๋เสี่ยวเฉินเลย
“เสด็จพี่”
เสี่ยวหลงเอ๋อหน้าซีดด้วยความตระหนกนางรีบวิ่งเข้าไปหาไป๋เสี่ยวเฉิน ครั้นถึงตัวนางก็จับมือไป๋เสี่ยวเฉินแน่น พลางเอ่ยถามอย่างประหม่า “เสด็จพี่ เป็นอย่างไรบ้าง ?”
“ข้าไม่เป็นไร”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาเขาจ้องมองไปยังทิศทางที่พลังนั่นพุ่งมา
“น้องเสี่ยวหลงเอ๋อพวกเราไปดูกันเถอะว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?”
แม้ว่าเสี่ยวหลงเอ๋อจะหวาดกลัวอยู่บ้างหากแต่นางก็เชื่อฟังถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉินอยู่เสมอ เช่นนั้นทันทีที่ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวจบ นางก็เดินตามหลังเขาไปอย่างเชื่อฟัง
ข้างหน้าต้นไม้โดยรอบได้ถูกถอนรากถอนโค่นออกไปจนสิ้น บัดนี้เหลือเพียงพื้นที่ว่างเปล่า
ภายในพื้นที่ว่างเปล่านั้นปรากฏสตรีร่างโชกเลือดผู้หนึ่งนอนอยู่บนพื้น นางจับจ้องมองกลุ่มคนตรงหน้าเขม็ง แววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“หลิงหู(วิญญาณจิ้งจอก) เจ้าซ่อนตัวมานานหลายปีแล้ว ทว่าในที่สุดเราก็หาเจ้าพบจนได้ ฮ่า ๆ ๆ !”
ตรงข้ามกันมีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่เขาก้มมองหญิงสาวที่ล้มลงบนพื้น มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มถากถาง
“ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้า จะยอมจำนนต่อข้า หรือจะตายภายใต้ดาบของข้า !”
สตรีในชุดสีดำหัวเราะเยาะนางหมดเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นแล้ว ทว่าอย่างไรก็ตามนัยน์ตาคู่นั้นของนางก็ยังเต็มไปด้วยความดื้อรั้น
“ยอมจำนนต่อเจ้างั้นหรือ? ไม่มีทางหรอก หากเจ้าอยากจะฆ่าก็ลงมือได้เลย แม้ว่าข้าต้องตาย ข้าก็ไม่มีวันยอมจำนนต่อเจ้า”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น…ข้าก็จะให้เจ้าได้สมปรารถนา…“
นัยน์ตาของชายชราหรี่ลงเล็กน้อยเจตนาสังหารฉายวาบออกมาจากก้นบึ้งของดวงตาเขา
เขาก้าวย่างเข้าไปหาหญิงสาวในชุดสีดำอย่างช้าๆ ดาบยาวในมือของเขาเปล่งประกายเย็นยะเยือก
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นเองเสียงแปลก ๆ ก็ดังมาจากด้านหนึ่ง พลันแววตาของชายชราก็เย็นชา เมื่อกวาดไปมองด้านหลัง
เขาเห็นเด็กน้อยนุ่มนิ่มน่ารักน่าเอ็นดูกลิ้งออกมาจากหลังต้นไม้ความกลัวฉายชัดในดวงตากลมโตของเด็กน้อย จู่ ๆ หยาดน้ำตาของเด็กน้อยก็รินไหล ไหล่ของเด็กน้อยสั่นเทิ้ม เขาไม่รู้ว่านั่นเป็นเพราะเด็กน้อยหวาดกลัวเขาหรือไม่ ?
“เจ้าเป็นใคร?”
นัยน์ตาของชายชราพลันเคร่งขรึมน้ำเสียงของเขาดุดันอย่างเย็นชา
เด็กน้อยดูเหมือนจะตกใจกับเสียงตวาดของชายชราเขาร้องไห้โฮอย่างน่าสงสาร
บทที่ 1123 : หลิงหู (3)
“ข้าพลัดหลงกับท่านแม่ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาท่านแม่ … ”
“มารดาของเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ออกไปจากที่นี่เสียให้ไว ที่นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับเด็ก”
ชายชราขมวดคิ้วทว่าครั้นเห็นอีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กน้อย เขาจึงไม่ให้ความสนใจมากนัก
“ท่านตาท่าน…ช่วยพาข้าไปหาท่านแม่หน่อยจะได้หรือไม่ ?”
เด็กน้อยมองชายชราอย่างหวาดกลัวมุมปากของเขางองุ้มเล็กน้อยนัยน์ตาที่กระจ่างสดใส และไร้เดียงสาของเขาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ท่าทีของเขาแลดูน่าสงสารมาก ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นย่อมอดไม่ได้ที่จะเห็นใจ
เพียงทว่าชายชรามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องกระทำ เช่นนั้นเขาจึงไม่สามารถตามใจเด็กน้อยได้
“ไปออกไปเร็ว ๆ หากเจ้าไม่รีบไป ข้าจะให้คนโยนเจ้าออกไป !” ชายชราขู่อย่างเหลืออด
“ท่านตา…”
เด็กน้อยเข้ามาใกล้ชายชรามากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งยกมือขึ้นดึงแขนเสื้อของชายชรา
ท่าทางของชายชราเริ่มร้อนรนมากขึ้นเรื่อยๆ หากมิใช่เป็นเพราะความจริงที่ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเด็ก เขาคงจะลงมือไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตามขณะที่เขากำลังจะสลัดมือเด็กน้อยออก …
ชั่วขณะนั้นเองกริชก็ปรากฏในมือของเด็กน้อย กริชนั้นแทงทะลุฝ่ามือของเขาพร้อมกับเสียงหัวเราะเบา ๆ
“เจ้า … ” ชายชราตกใจ เขาอยากจะซัดฝ่ามือใส่เด็กน้อย
หากแต่ฝ่ามือของเขากลับอ่อนแรงไร้ซึ่งพลังอีกทั้งความเร็วของเขาก็ตกลงฮวบไม่ต่างกับมด
เด็กชายตัวน้อยหลบหลีกการโจมตีของเขา
ยามนี้รอยยิ้มไร้เดียงสาที่เคยปรากฏบนใบหน้าสีชมพูของเด็กน้อยพลันจางหายไปทั้งไม่ได้มีท่าทีที่อ่อนแอ แลดูน่าสงสารอีกต่อไปแล้ว
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีสมบัติติดตัวมากมายจังนะชุดเกราะบนร่างของเจ้าก็สามารถต้านทานการโจมตีของผู้อื่นได้ ดาบในมือของเจ้าก็ทำมาจากน้ำแข็งหมื่นปี ซ้ำยังช่วยให้พลังโจมตีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า นอกจากนี้ยังสามารถหลบหลีกการโจมตี ทั้งยังสามารถซ่อนกลิ่นอายที่เล็ดลอดออกมาเมื่อลงมือโจมตีได้อีกด้วย”
นี่เป็นสาเหตุที่ตอนแรกไป๋เสี่ยวเฉินไม่ทันสังเกตเห็นกระทั่งเกือบจะได้รับบาดเจ็บ
“เช่นนั้นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดบนร่างของเจ้าจึงอยู่ที่หัวและฝ่ามือ การโจมตีศีรษะของเจ้านั้นลำบากเกินไป ดังนั้นควรเริ่มจากฝ่ามือของเจ้าก่อน อ้อ…ใช่สิกริชของข้าอาบยาพิษ ตอนนี้เจ้ารู้สึกหรือยังล่ะว่าเจ้าใช้พลังลมปราณไม่ได้ ?”
สีหน้าของชายชราซีดเซียวเขาต้องการเดินพลังลมปราณเป็นอย่างมาก หากแต่กลับพบว่าพลังลมปราณในร่างของเขาดูเหมือนจะถูกสะกัด กระทั่งไม่อาจขับออกมาใช้ได้
“เหตุใด… ไยจึงเป็นเช่นนี้ ?” เขากัดฟันแน่น พลางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว ยามนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกตัวเขาเงยหน้าขึ้นจ้องมองไป๋เสี่ยวเฉิน
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ไป๋เสี่ยวเฉินหรี่ตาพวงหางสีเงินฟูฟ่องพลันปรากฏขึ้นข้างหลัง เขาเลียขนอ่อนนุ่มของตน พลางเงยหน้าขึ้นมองชายชรา
“โง่จริงๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นใคร”
ชายชราตกใจ“จิ้งจอก นี่…เจ้าเป็นสัตว์อสูรงั้นหรือ ?”
เด็กน้อยคนนี้เป็นสัตว์อสูร?
เป็นไปไม่ได้แม้สัตว์อสูรจะอยู่ในร่างมนุษย์ เขาก็สามารถมองเห็นตัวตนของอีกฝ่ายได้อย่างแจ่มชัด ทว่าเหตุใดเขาถึงไม่พบกลิ่นอายของสัตว์อสูรบนตัวเด็กน้อยคนนี้เลย ?
“เสี่ยวหลงเอ๋อ…ท่านตาออกมาได้แล้ว”
ไป๋เสี่ยวเฉินหันหน้าไปยิ้มพลางเรียกหาผู้ที่หลบอยู่หลังต้นไม้
ครั้นได้ยินเสียงเรียกของไป๋เสี่ยวเฉินเสี่ยวหลงเอ๋อ ก็ประคองชายชราวิปลาสออกมาจากหลังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
“สนุกสนุกจังเลย”
ชายชราวิปลาสปรบมือพลางหัวเราะอย่างดุดัน “สนุกจังเลย เด็กน้อยยืมกริชพิษของเจ้ามาเล่นหน่อย ข้าอยากจะแทงเขาสักสองสามจึ้ก”
สีหน้าของชายชรายิ่งตื่นตระหนกเขารีบหันกลับไปมอง แต่ครั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองชายชราวิปลาส ร่างของเขาก็ถึงกับแข็งค้างขึ้นทันที
บทที่ 1124 : หลิงหู (4)
“เจ้า… เจ้าคือ … ”
จะเป็นเขาได้อย่างไร?
แม้ว่าจะเคยเห็นชายชราวิปลาสผู้นี้จากระยะไกลในเทวาคารทว่าเขาก็ประทับใจชายผู้นี้มาก
ชายชราผู้นี้แม้จะเสียสติไปแล้วหากแต่ด้วยฐานะอันทรงเกียรติในเทวาคารก็ไม่ควรไปกระตุ้นเขา ทั้งไม่ควรไปทำให้เขาขุ่นเคือง
ชายชราที่ต้องพิษกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเขาตระหนักแล้วว่า ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะแหย่รังแตนขนาดใหญ่เข้าให้แล้ว
ชายชราผู้วิปลาสวิ่งไปหาชายชราที่ต้องพิษพร้อมรอยยิ้มครั้นเข้าถึงตัวเขาก็ใช้มือสกปรก ๆ ของตนตบท้ายทอยชายชราผู้อ่อนอาวุโสกว่า
“วิ่งไปเร็ว ๆ อย่าหยุด ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ … “
ไป๋เสี่ยวเฉินหันไปมองชายชราผู้วิปลาสจากนั้นก็หันไปหาหญิงสาวในชุดดำที่นอนอยู่บนพื้น พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเด็กน้อย “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ?
หลิงหูสะดุ้งนางยันกายลุกขึ้นจากพื้นด้วยความยากลำบากก่อนจะเอนอิงพิงต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง พลางสูดลมหายใจเข้าลึกสองสามครั้ง
“ข้าไม่เป็นไรขอบใจเจ้ามากหนูน้อย”
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบนัยน์ตากลมโต“เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่า เหตุใดเขาถึงต้องการจับเจ้า ?”
หลิงหูหลบสายตา“เขาต้องการใช้ข้าเพื่อปรุงยา เช่นนั้นข้าจึงพยายามหนี ไม่คาดคิดว่าผ่านมาหลายปี ก็ยังต้องพบเขาอีกจนได้”
“ข้ามียาเม็ดอยู่หากแต่ข้าไม่รู้ว่าเม็ดไหนสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าได้ หรือ … เจ้าจะลองกินมันทั้งหมดดู ?” ไป๋เสี่ยวเฉินส่งยาเม็ดในมือให้หลิงหูพลางขมวดคิ้วขณะเอ่ยกล่าว
หลิงหูยิ้ม“ยาเม็ดเหล่านี้ไม่มีประโยชน์สำหรับข้า เมื่อใดก็ตามที่ข้าได้รับบาดเจ็บ ข้าเพียงต้องนอนสักพัก หากแต่ที่นี่อันตรายเกินไป เจ้าช่วยพาข้าไปด้วยจะได้หรือไม่ ?”
“ได้สิ”
ไป๋เสี่ยวเฉินเก็บยา
“เช่นนั้น…เจ้าก็พักผ่อนให้สบายเถอะข้าจะพาเจ้าไปด้วย”
“อืม”
หลิงหูหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า
ร่างของนางพลันปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้า
หลังจากนั้นไม่นาน…สตรีในชุดดำที่กำลังเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่ก็เลือนหายไปเหลือเพียงสุนัขจิ้งจอกสีฟ้าตัวหนึ่งนอนอยู่บนพื้น อีกทั้งยามนี้สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว
“เสี่ยวหลงเอ๋ออุ้มนางไปด้วย”
“เหตุใดต้องเป็นข้าด้วยล่ะ?”
“โง่จริงชายกับหญิงไม่ควรชิดใกล้ นางเป็นสัตว์ตัวเมียไม่เหมือนเสี่ยวมี่ ข้าไม่สะดวกที่จะอุ้มนาง”
สีหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินแลดูจริงจังมากก็หม่ามี้ของเขาบอกว่ายกเว้นญาติพี่น้อง และว่าที่ภรรยาแล้ว เขาไม่ควรเข้าใกล้สตรีอื่นให้มากจนเกินไป
เขาเชื่อฟังในสิ่งที่หม่ามี้เขาพูดมาโดยตลอด
“หึ”ชายชราวิปลาสเลิกทุบตีชายชราอีกคนแล้ว เขารีบหันหลังกลับ วิ่งมาด้วยอาการตื่นเต้น เขาถูฝ่ามือไปมา น้ำลายไหลยืด “คืนนี้…มีอาหารเป็นจิ้งจอกย่างใช่หรือไม่ ? ข้าอยากกินขาจิ้งจอก ข้าชอบกินขาจิ้งจอกเป็นที่สุด”
สีหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินเปลี่ยนเป็นดำมืดเขาหันไปจ้องชายชราวิปลาส “สุนัขจิ้งจอกตัวนี้เป็นสหายของข้านะ ไม่ใช่อาหาร หากท่านกินสุนัขจิ้งจอกอีกในวันหน้าข้าจะ … ข้าจะไม่สนใจท่านอีกเลย !”
ชายชราวิปลาสเลียริมฝีปากพลางรู้สึกเสียใจเล็ก ๆ “เจ้าไม่กินก็ไม่กินสิ เหตุใดต้องห้ามข้าด้วยล่ะ ?”
“ห้ามท่านกินสุนัขจิ้งจอกรวมถึงสัตว์อสูรอีกต่อไป หากท่านทำไม่ได้ ข้าก็จะไม่ช่วยท่านตามหาไป๋ไป๋” ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวอย่างหงุดหงิดพร้อมกับยกมือขึ้นเท้าสะเอว
“ถ้าเช่นนั้นข้าไม่กินก็ได้ แต่เจ้าต้องช่วยข้าตามหาไป๋ไป๋นะ”
ชายชราผู้วิปลาสมองไป๋เสี่ยวเฉินอย่างน่าสงสาร
ไป๋ไป๋สำคัญกว่าท้องอิ่ม…
“เช่นนั้นก็ดี”ไป๋เสี่ยวเฉินลูบศีรษะชายผู้วิปลาสพลางกล่าวสำทับ “เราจะพาสุนัขจิ้งจอกตัวนี้ไปด้วย อย่ากินนางนะ หาไม่ท่านจะไม่ได้พบเจอไป๋ไป๋อีก”
“อ้อ”
ชายชราผู้วิปลาสเหลือบมองหลิงหูเขาทำได้เพียงมองหากแต่กินไม่ได้ นี่มันทรมานเกินไปนะ …!
บทที่ 1125 : หลิงหู (5)
ไป๋เสี่ยวเฉินรีบเดินเข้าไปหาชายชราผู้ต้องพิษเขากวาดตามองชายชราขึ้น ๆ ลง ๆ พลางใช้นิ้วลูบคางของตน “ชุดเกราะของเจ้าไม่เลวเลย ถอดออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
ชายชราตัวแข็งทื่อจากนั้นก็ตัวสั่น “แต่ข้างใน…ข้าไม่ได้ใส่เสื้อผ้ามาด้วย…”
”ข้าไม่สนใจหากเจ้ายังต้องการมีชีวิต ก็ถอดชุดเกราะของเจ้าออกมา”
น้ำเสียงของไป๋เสี่ยวเฉินทรงอำนาจสายตาเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
ชายชรายื่นมือสั่นสะท้านออกมาถอดชุดเกราะ ก่อนจะวางชุดเกราะลงในมือของไป๋เสี่ยวเฉิน บัดนี้ร่างของเขาเปลือยเปล่า เขายืนกอดอกแน่น พร้อมด้วยเนื้อตัวสั่นเทาท่ามกลางสายลม
”ว๊าย!”
เสี่ยวหลงเอ๋อตกใจนางรีบยกมือขึ้นปิดตา พร้อมกับหันหลังให้ชายชราและไป๋เสี่ยวเฉินทันที
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินเห็นชายชราทำให้เสี่ยวหลงเอ๋อตกใจใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมลง “เจ้ายังมัวยืนงงอยู่ที่นี่อีกทำไม รีบไสหัวไปซะสิ !”
“ยาถอนพิษล่ะ… ?” ชายชราตกตะลึง
เป็นเบี้ยล่างก็ต้องยอมก้มหัวเขาถูกวางยาพิษ เช่นนั้นเขาก็จำต้องเชื่อฟังไป๋เสี่ยวเฉิน
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตา”ข้าเป็นแต่ใช้ยาพิษ ถอนพิษไม่เป็น”
ชั่วขณะนั้นใบหน้าของชายชราพลันเคร่งเครียดทันที ด้วยความโกรธ เขาแทบจะกระโดด ไป๋เสี่ยวเฉินกวาดตามองอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เขากลัวจนหุบปากลงทันที เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มประจบประแจง
“นี่… เจ้าแกล้งหลอกข้าใช่หรือไม่ ? เจ้าจะไม่มียาถอนพิษได้เยี่ยงไร ?”
“ข้าพูดจริง…”ไป๋เสี่ยวเฉินขมวดคิ้ว “ไม่มีทางถอนพิษนี่ได้หรอก ต้องใช้ฉี่เด็กชาย เพื่อกำจัดพิษในกายเท่านั้น นอกจากนี้เจ้าต้องหลบซ่อนตัวให้ห่างจากข้า เพราะเพียงเจ้าเข้าใกล้ข้า เจ้าก็จะยังคงได้รับพิษอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ใช้ลมปราณไม่ได้ แต่เจ้ายังอาจถึงตายอีกด้วย”
ชายชราตื่นตระหนกกับความฉลาดเฉลียวของเด็กชายตัวเล็กๆ คนนี้ ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาแอบสาบานในใจว่าเขาขอไม่พบเจอเด็กน้อยคนนี้อีกตลอดชีวิต
“ข้าได้บอกวิธีถอนพิษแก่เจ้าไปแล้วเจ้าไปได้แล้ว”
ไป๋เสี่ยวเฉินเม้มปากครั้นเห็นว่าชายชรายังไม่จากไป น้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ถ้อยคำเหล่านี้ทำให้ชายชราเหมือนคนได้รับนิรโทษกรรมเขารีบวิ่งไปที่เชิงเขาอย่างรวดเร็ว ความเร็วขนาดนั้นต้องใช้คำว่ารวดเร็ดราวสายฟ้าแลบ
“เสด็จพี่แค่ฉี่เด็กชายก็สามารถถอนพิษนั่นได้จริงหรือ ?” นัยน์ตาของเสี่ยวหลงเอ๋อไร้เดียงสาและสดใส นางหันไปมองไป๋เสี่ยวเฉินอย่างสงสัยพร้อมกับเอ่ยถาม
”ไม่อย่างแน่นอนแต่หม่ามี้ของข้าไม่เคยอนุญาตให้ข้าใช้พิษมากเกินไป ทั้งข้าเองก็ไม่ได้ใช้พิษมากมาย เช่นนั้นพิษจะสลายเองตามธรรมชาติ หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม (1 ชั่วโมง)”
“แล้วเหตุใดเสด็จพี่ถึงได้บอกเขาว่าฉี่เด็กผู้ชายเท่านั้นที่จะสามารถถอนพิษได้”แววตาของเสี่ยวหลงเอ๋อเต็มไปด้วยความสงสัย นางไม่เข้าใจการกระทำของไป๋เสี่ยวเฉิน
“ตาแก่นั่นรังแกคนเผ่าจิ้งจอกของข้าเป็นธรรมดาที่ข้า ย่อมต้องให้บทเรียนแก่เขา !”
ไป๋เสี่ยวเฉินทำเสียงเยาะเขาไม่ปล่อยตาเฒ่านี้ไปง่าย ๆ หรอก
“น้องหลงเอ๋อท่านตา เราไปกันเถอะ”
ใบหน้าเล็กๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินเบิกบาน เขาแย้มยิ้มอย่างไร้เดียงสาอีกครั้ง “หม่ามี้และคนของเผ่าอสูรมายังอาณาจักรสวรรค์นี่ ย่อมต้องเป็นที่ร่ำลืออย่างแน่นอน พวกเรารีบเข้าเมืองก่อน จะได้หาข่าวแล้วค่อยตามหาหม่ามี้กัน”
เสี่ยวหลงเอ๋อพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไรก็ตามเสด็จพี่ของนางย่อมพูดถูกเสมอ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่เสี่ยวหลงเอ๋อเทิดทูนบูชาไป๋เสี่ยวเฉินจนถึงขั้นตาบอด
ต่อให้…ไป๋เสี่ยวเฉินบอกว่าดวงอาทิตย์มืดมิดนางก็พร้อมจะเชื่อเขาโดยไม่ลังเล
”เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ที่ผู้คนกล่าวขานกันว่ามีผู้คนจากอาณาจักรอสูรมาที่นี่ ทั้งยังยึดครองเมือง ๆ หนึ่ง ซ้ำตั้งชื่อให้ว่าเมืองสัตว์อสูรอีกด้วย”