ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 86 ความหลัง (1)

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 86 ความหลัง (1)

ภายในห้องพักตกอยู่ในความมืด อาเหิงนอนกระสับกระส่ายไปมา ภายในหัวยังคงมีภาพของคนคนหนึ่ง ท่าทางของชายที่เธอบังเอิญเจอตรงทางเดินยังคงปรากฏขึ้นมาให้เห็นเป็นระยะ

ทั้งๆ ที่เหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แต่เธอกลับไม่รู้สึกง่วง พยายามจะข่มตาตัวเองให้หลับลงไปก็แล้ว แต่ผ่านไปได้เพียงครึ่งทางก็ต้องยอมแพ้

“เขาชื่อหลินยวนเหรอ?” เธอที่นอนตะแคงกล่าวพึมพำขึ้นมา สุดท้ายก็ลุกขึ้นมานั่ง

เธอนอนไม่หลับจริงๆ จึงเลิกผ้าห่มแล้วมานั่งอยู่ตรงขอบเตียง เท้าทั้งสองข้างคลำไปมาในความมืด สุดท้ายก็หารองเท้าไม่เจอ จึงยอมแพ้แล้วลุกออกมาจากเตียงด้วยเท้าที่เปลือยเปล่า

เธอค่อยๆ เดินมาตรงริมระเบียงที่มืดสลัว เปิดผ้าม่านออก แสงจันทร์ดูคล้ายสายน้ำสีเงินที่ไหลบ่าเข้ามาภายในห้อง ทะลุผ่านกระจกใส ส่องสว่างตัวเธอที่ผมยาวปรกบ่าในชุดคลุมยาวสีขาว

ครืด! เธอเลื่อนประตูออก สายลมยามค่ำคืนไหลเข้ามา พัดเส้นผมที่ยาวสลวยของเธอ ชายกระโปรงไหววูบไปมา ดูงดงามคล้ายเทพธิดาที่กำลังลอยเข้าไปหาดวงจันทร์

เดิมเธออยากจะเดินออกไปด้านนอกระเบียง แต่เธอต้องระวังภาพลักษณ์ของตัวเอง กลัวว่าจะมีใครมาเห็นเข้า จึงพิงตรงขอบประตูแล้วค่อยๆ นั่งลงไป กอดเข่าทั้งสองข้างพลางมองดูแสงจันทร์ ดื่มด่ำกับสายลมยามค่ำคืนที่สดชื่น

ใบหน้าที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์ดูอ่อนโยนเป็นพิเศษ ดวงตาทั้งสองข้างที่อยู่ใต้แสงจันทร์ดูสุกสกาวเป็นอย่างมาก

“เขาชื่อหลินยวนเหรอ?” อาเหิงกล่าวพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง

เธอรู้จักเขามานานแล้ว แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาชื่ออะไร ถึงแม้จะเป็นชื่อปลอมก็ไม่รู้ รู้จักแต่เพียงฉายาของเขา

“หลินยวน….” เธอกล่าวพึมพำขึ้นมาอีกครั้ง ภายในหัวพลันคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่ทั้งสองคนได้เจอกันเป็นครั้งแรก นั่นคือที่บ้านของเธอ

บ้านของเธออยู่ใกล้ๆ เมืองหลวง อยู่ในเมืองเมืองหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ เมืองหลวง

ตัวเธอในเวลานั้นยังเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง จำได้ว่าเพิ่งจะอายุสิบห้าปี เป็นเด็กผู้หญิงที่ผิวพรรณดำคล้ำ ผอมแห้งเหมือนท่อนฟืน

เธอยังมีพี่สาวอีกคนหนึ่ง พี่ของเธอมีชื่อว่าฉีอวี่เอ๋อร์ หรือก็คือผู้ช่วยของเธอในปัจจุบัน อายุมากกว่าเธอเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น

ทั้งสองคนไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แต่กลับมีพ่อคนเดียวกัน เป็นพ่อบุญธรรมของพวกเธอ

พ่อบุญธรรมเป็นผู้พิทักษ์เมืองคนหนึ่งที่อยู่ในเมือง เป็นผู้พิทักษ์เมืองตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

พ่อบุญธรรมดูแลพวกเธอไม่ดี มักจะออกไปข้างนอกแต่เข้า ค่ำมืดดึกดื่นถึงจะกลับมา ไม่สนใจใยดีพวกเธอ แล้วก็ยังชอบดื่มเหล้า หลังดื่มจนเมาก็มักจะทุบตีพวกเธอเป็นประจำ

เวลาที่พ่อบุญธรรมต้องไปเข้าเวร เขามักจะออกไปสิบวันครึ่งเดือนไม่กลับมาบ้าน ตอนที่ออกไปก็ไม่ทิ้งเงินเอาไว้ให้พวกเธอกินข้าว

พวกเธออยากจะออกไปทำงานหาเลี้ยงตัวเอง เคยลองทำครั้งหนึ่ง แต่หลังจากที่พ่อบุญธรรมรู้เข้า เขาก็โมโหเป็นอย่างมาก ทุบตีพวกเธออย่างรุนแรง

เหตุผลที่พ่อบุญธรรมทุบตีพวกเธอคือถ้าคนอื่นรู้เข้า พวกเขาจะคิดว่าพ่อบุญธรรมกำลังรังแกพวกเธอ

ครั้งนั้นพ่อบุญธรรมออกไปข้างนอกอีกครั้ง ภายในบ้านไม่มีอาหารเหลืออยู่แล้ว ทั้งสองคนจำเป็นต้องคิดหาวิธี ฉีอวี่เอ๋อร์ที่เป็นพี่สาวของเธอจึงให้เธออยู่ที่บ้าน ส่วนตัวเองออกไปหาของกินข้างนอก

ภายหลังเธอถึงได้รู้ว่าทุกครั้งที่พี่เธอออกไปหาของกิน ความจริงแล้วคือการออกไปขโมย

ครั้งนั้นจู่ๆ ตัวเธอที่กำลังรอคอยพี่สาวกลับมาด้วยความหิวโหยก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายขึ้นมาที่ด้านนอก ยังไม่ทันที่เธอจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มีคนผลักหน้าต่างบ้านของเธอแล้วกระโดดเข้ามา

นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอหลินยวน บนใบหน้าสวมหน้ากากเอาไว้ แขนกุมท้องที่มีเลือดไหล นั่งย่อตัวอยู่ตรงใต้หน้าต่าง สบตาเข้ากับเธอ

ด้านนอกประตูมีเงาคนวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตัวเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหันมองออกไปด้านนอกประตู มองเห็นผู้พิทักษ์เมืองจำนวนมาก จึงเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าผู้พิทักษ์เมืองที่อยู่ด้านนอกต้องการจะจับคนสวมหน้ากากที่บุกเข้ามาในบ้านของตน

บางทีอาจจะเป็นเพราะพ่อบุญธรรมของเธอ เธอถึงได้มีความรู้สึกไม่ดีต่อผู้พิทักษ์เมือง

เธอที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูยื่นมือชี้ไปทางด้านหลังของคนที่สวมหน้ากาก ผนังที่อยู่ตรงนั้นสามารถถอดออกมาได้ ด้านหลังผนังคือช่องว่าง เป็นสถานที่ที่เธอและพี่สาวของเธอทำขึ้นมาเพื่อใช้ซ่อนตัว ทุกครั้งที่พ่อบุญธรรมของเธอดื่มจนเมาแล้วทำให้พวกเธอรู้สึกหวาดกลัว พวกเธอก็จะหลบเข้าไปอยู่ด้านใน ถึงแม้สุดท้ายจะถูกหาเจออยู่ดีก็ตาม

คนสวมหน้ากากที่นั่งยองๆ อยู่ใต้หน้าต่างถอยไปด้านหลังทันที ยื่นมือไปลูบผนังก็เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร จึงรีบเปิดผนังออกแล้วมุดเข้าไป

ขณะที่เพิ่งปิดผนังเสร็จก็มีผู้พิทักษ์เมืองจำนวนหนึ่งบุกเข้ามาในบ้านของเธอ พวกเขาถือเป็นเพื่อนร่วมงานของพ่อเธอ แล้วก็รู้จักเธอด้วย จึงถามเธอว่าเห็นใครเข้ามาในนี้ไหม ตอนนั้นเธอกลับตอบออกไปอย่างมั่นใจว่าไม่มี

บ้านของเธอไม่ใหญ่ บางทีอาจเป็นเพราะความเชื่อใจในฐานะเพื่อนร่วมงานของพ่อเธอ ผู้พิทักษ์เมืองเหล่านั้นเพียงค้นบ้านเธอเล็กน้อยก็เดินออกไป

กระทั่งการไล่ล่าที่อยู่ด้านนอกผ่านไปแล้ว เธอจึงรีบปิดประตูหน้าต่าง วิ่งไปตรงหน้าผนังแล้วกล่าวเสียงเบาๆ ว่า “พวกเขาไปแล้ว คุณออกมาได้แล้ว”

ด้านในมีเพียงเสียงหอบหายใจ แต่กลับไม่มีการตอบสนองใดๆ แล้วก็ยังได้กลิ่นคาวเลือดที่โชยออกมาจากด้านใน เธอเปิดผนังออก ก่อนจะมองเห็นภาพที่ชั่วชีวิตนี้ยากจะลืมได้

คนสวมหน้ากากที่นอนอยู่ด้านในคล้ายไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ เสื้อผ้าตรงหน้าท้องถูกฉีกออก มือที่สั่นเทายัดอะไรบางอย่างเข้าไปในท้องไม่หยุด เลือดไหลทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก

ตอนนั้นเธอตกใจกลัวเป็นอย่างมาก

คนสวมหน้ากากกล่าวด้วยเสียงแหบพร่าสั่นเครือว่า “เข็มด้าย….เข็มด้าย…”

เธอฟังเข้าใจ จึงรีบไปหาเข็มกับด้ายมา จากนั้นร้อยด้ายตามคำบอกของคนสวมหน้ากาก ก่อนจะมองดูคนสวมหน้ากากทำการเย็บท้องของตัวเองอย่างลวกๆ ทำเอาเธอขนลุกขนพองไปหมด

จากนั้นเธอเห็นคนสวมหน้ากากที่หอบหายใจหยิบเอายาเม็ดใส่เข้าไปในปากจำนวนหนึ่งแล้วกลืนลงไป จากนั้นเคี้ยวยาเม็ดอีกจำนวนหนึ่งจนแหลกละเอียดแล้วบ้วนใส่มือ ก่อนจะเอามาโปะไว้บนบาดแผล

เมื่อทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ คนสวมหน้ากากก็นอนลงไปบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง สายตาที่เลื่อนลอยและท่าทางที่ไร้เรี่ยวแรงนั้นคล้ายว่ากำลังจะปิดตาหลับลงไปอย่างไรอย่างนั้น แต่กลับพยายามฝืนอดทนเอาไว้

จากนั้นจู่ๆ ประตูพลันเปิดออก ฉีอวี่เอ๋อร์ที่เป็นพี่สาวกลับมา แล้วก็หอบของกินกลับมากองใหญ่

หลังพี่สาวที่กำลังตื่นเต้นรู้ว่าในบ้านมีคนร้ายแอบซ่อนตัวอยู่ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก จึงจะออกไปแจ้งความทันที แต่ถูกเธอห้ามเอาไว้ ขอร้องพี่สาวไม่ให้ไปแจ้งความ

หลังพี่สาวรับปาก ในที่สุดคนสวมหน้ากากก็ทนไม่ไหว ดวงตาหลับลงไป ศีรษะห้อยพับ สลบไสลไม่ได้สติ

ส่วนสองพี่น้องก็รีบตักน้ำมา ทำความสามารถคราบเลือดบนผนังที่ไหลออกมาจากร่างของคนสวมหน้ากาก เป็นคราบเลือดจำนวนมาก

ในตอนที่ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนสวมหน้ากาก เธอได้ถอดหน้ากากของเขาออก จึงได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาเป็นครั้งแรก เป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสกับชายแปลกหน้าด้วยมือของตัวเองเป็นครั้งแรก

…..

หลังจากนั้นเธอได้ยินเสียงพูดคุยของเพื่อนบ้านที่อยู่ด้านนอก ถึงได้รู้ว่าผู้พิทักษ์เมืองกำลังไล่ตามจับคนร้ายที่ก่อคดีนองเลือดคนหนึ่งที่ชื่อ ‘ป้าหวัง’

ในเวลานั้นป้าหวังยังไม่ได้กลายเป็นสิบสามมารสวรรค์ที่สร้างความหวาดผวาให้แก่ดินแดนเซียนในภายหลัง

ป้าหวังสลบไสลไปหลายวัน บางครั้งก็จะสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา ร่างกายร้อนผ่าว เป็นไข้สูง สองพี่น้องเองก็คอยผลัดกันป้อนข้าวป้อนน้ำดูแลอยู่หลายวัน

พ่อบุญธรรมกลับมาแล้ว ดื่มจนเมาอีกแล้ว สองพี่สองที่ไม่กล้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกำแพงถูกทุบตีอย่างทารุณอีกครั้ง

ในตอนที่ถูกตี เธอเหลียวหน้ากลับไปมอง รับรู้ได้ว่าภายในช่องกำแพงมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังมองดูพวกเธอโดนตีอยู่ เธอรับรู้ได้ว่าคนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในตื่นขึ้นมาแล้ว

หลังจากพ่อบุญธรรมนอนหลับไป เธอก็ค่อยๆ ไปเปิดกำแพงออกดู พบว่าคนที่อยู่ด้านในตื่นขึ้นมาจริงอย่างที่คิดเอาไว้ กำลังสบตาเธออย่างเงียบๆ

ป้าหวังค่อยๆ ยกมือจับใบหน้าของตนเอง คล้ายรู้สึกได้ว่าหน้ากากบนใบหน้าของตนถูกถอดออกไปแล้ว

เธอรีบหยิบเอาหน้ากากที่วางอยู่ข้างกายเขาขึ้นมา ประคองสองมือยื่นให้

แต่ป้าหวังกลับจ้องมองรอยคราบเลือดที่อยู่บนด้านหลังมือของเธอ นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ดังนั้นเธอจึงคุกเข่าลงไปบนพื้น ค่อยๆ ใส่หน้ากากกลับไปบนใบหน้าของป้าหวังอย่างระมัดระวัง

ในตอนที่ผนังประกบปิดเข้าไป เธอยังพูดกับเขาด้วยเสียงเบาๆ ว่า “เดี๋ยวตอนดึกๆ ฉันเอาของกินมาให้นะ”

พ่อบุญธรรมไม่รู้ว่าในบ้านมีคนซ่อนอยู่ ยังคงออกไปแต่เช้า มืดค่ำถึงจะกลับมา

หลังป้าหวังรักษาตัวอยู่ในบ้านของเธอประมาณหนึ่งเดือน เขาก็ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิได้ แล้วก็น่าจะเข้าใจสถานการณ์ในครอบครัวของเธอแล้ว

ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่พวกเธอสองพี่น้องมีความสุขอย่างมาก เพราะว่าป้าหวังมีเงิน ทั้งสองคนไม่ต้องกลัวว่าจะหิวโหยอีกต่อไป

มีอยู่วันหนึ่ง ในที่สุดป้าหวังก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา แต่คำพูดประโยคแรกของเขากลับถามเธอว่า “โตขึ้นเธออยากทำอะไร?”

เธอเหลียวหน้ากลับไปชี้ภาพโปสเตอร์ที่อยู่บนกำแพง “กลายเป็นเทพธิดาที่ทุกคนจับตามองเหมือนอย่างพวกเขาค่ะ”

ป้าหวังมองดูโปสเตอร์ กล่าวถามว่า “อย่างนั้นดีเหรอ?”

เธอครุ่นคิดอย่างไร้เดียงสาพลางกล่าวตอบไปว่า “แล้วไม่ดีเหรอ? มีเกียรติขนาดนั้น มีเงินให้ใช้ไม่หมด แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหารด้วย”

ป้าหวังไม่ได้พูดอะไรอีก

ภายหลังพ่อบุญธรรมกลับมาด้วยสภาพเมามาย ตอนตบตีพวกเธอสองพี่น้องก็เริ่มพูดจาเหลวไหล ที่แท้เป็นเพราะคดีที่ป้าหวังก่อขึ้นมา เบื้องบนจึงโมโหเป็นอย่างมาก พ่อบุญธรรมจึงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ถ้าไม่สามารถไขคดีได้ คนจำนวนมากจะต้องถูกลงโทษ รวมทั้งพ่อบุญธรรมด้วย

พ่อบุญธรรมเอาความโกรธมาลงกับพวกเธอสองพี่น้อง แล้วก็หลุดพูดเรื่องราวในอดีตออกมา ที่แท้ฆาตกรที่สังหารคนในครอบครัวของพวกเธอสองพี่น้องก็คือพ่อบุญธรรม พ่อบุญธรรมแสร้งปลอมตัวเป็นโจรเพราะหวังในทรัพย์สมบัติ ตอนนั้นเพราะบ้านของเธอและพี่สาวเป็นเพื่อนบ้านกัน พวกเธอที่ออกไปเล่นข้างนอกจึงรอดตายมาได้

สองพี่น้องรู้ความจริง ขณะที่กำลังร่ำไห้หลั่งน้ำตา จู่ๆ พ่อบุญธรรมก็ฟุบลงไปบนโต๊ะ ไม่ขยับเขยื้อน

ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมา มองเห็นป้าหวังที่สวมหน้ากากยืนอยู่ตรงหน้าพวกเธอ

ป้าหวังยกมือขึ้นมา มีดสั้นด้ามหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาในมือของเขา จากนั้นส่งให้เธอ อีกมือหนึ่งหิ้วพ่อบุญธรรมขึ้นมา กล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฆ่าเขาซะ ล้างแค้นให้พ่อแม่ของเธอ!”

เธอรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าลงมือ แต่ป้าหวังกลับหิ้วพ่อบุญธรรมค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธอ เธอส่ายหน้าพลางเดินถอยหลัง หลั่งน้ำตานองหน้า

ภายหลังพี่สาวของเธอก็โพล่งออกมาประโยคหนึ่ง “ฆ่าเขาแล้ว พวกเราจะทำยังไง?”

ป้าหวังเหลียวหน้ากลับมามองพี่สาว กล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบช้าว่า “ฉันจะสร้างความวุ่นวายแล้วหนีออกไป พวกเธอตะโกนเรียกคนมา ความผิดฉันเป็นคนแบกเอาไว้เอง”

พี่สาวยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา วิ่งไปแย่งมีดสั้นมาจากมือของเขา ก่อนจะแทงเข้าไปที่หัวใจของพ่อบุญธรรมอย่างไม่ลังเล

พี่สาวที่ได้ระบายความแค้นคล้ายจะได้สติขึ้นมา ตกใจจนทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น

ป้าหวังดึงมีดสั้นออกมาจากทรวงอกของพ่อบุญธรรม ก่อนจะสะบัดมีดปาดคอของพ่อบุญธรรม โลหิตสดๆ สาดกระเซ็นใส่ร่างของสองพี่น้อง

ปัง! หลังจากนั้นป้าหวังที่ถอดแหวนสารพัดนึกออกมาจากนิ้วของพ่อบุญธรรมที่กองลงไปกับพื้นก็พังประตูแล้วหายตัวไป

พี่สาวที่ร่างกายสั่นเทิ้มเริ่มส่งเสียงตะโกนขึ้นมา “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย….”

จากนั้นพวกเธอสองพี่น้องก็กลายเป็นเด็กกำพร้าอีกครั้ง ขณะที่ทั้งสองคนไม่รู้ว่าควรจะหันหน้าไปทางไหน พวกเธอก็บังเอิญไปเจอเข้ากับหวงชิวเหนียงที่เป็นประธานหอการค้าหนีเสีย หอการค้าทางการแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังของดินแดนเซียน

หวงชิวเหนียงบอกว่าชื่นชมในความสามารถและสติปัญญาของพวกเธอ หลังถามพวกเธอว่ายินดีหรือไม่ เธอก็ไปหาผู้พิทักษ์เมืองเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ก่อนจะพาตัวพวกเธอออกไป

หลังออกไปจากที่นั่นแล้ว ทั้งสองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินอีก เพียงแค่เรียนหนักหน่อยเท่านั้น หวงชิวเหนียงยังหาคนมาสอนการร้องรำทำเพลงและศิลปะต่างๆ มาให้พวกเธอด้วย

เมื่อเรียนไปได้ครึ่งทาง คนที่สอนพวกเธอก็บอกว่าพี่สาวของเธอไม่เหมาะที่จะเรียนต่อ พรสวรรค์มีไม่พอ ไม่ใช่คนที่จะทำอาชีพนี้ ให้พี่สาวไปหาอย่างอื่นเรียน

ส่วนเธอพอเรียนก็เก็บตัวเป็นเวลาสามสิบปี หลังร่ำเรียนเป็นเวลาสามสิบปีเต็มๆ ทางหอการค้าหนีเสียถึงจะเปิดตัวเธอ

…………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน