ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 92 หอการค้าตระกูลฉินห้ามชนะ!

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 92 หอการค้าตระกูลฉินห้ามชนะ!

เมื่อกลับมาถึงที่พัก ฉินอี๋เห็นจูลี่ที่มายืนรออยู่ตรงประตู

เรื่องที่จูลี่มารออยู่ที่นี่ ฉินอี๋ได้ทราบระหว่างที่เดินทางมาที่นี่แล้ว

เธอเชิญอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง นั่งลงพูดคุยกัน เป็นเรื่องนั้นอย่างที่คิดเอาไว้

นิสัยของจูลี่แก้ไม่หาย เธอยังหวังว่าจะได้เข้าไปในค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองคุนกว่างเพื่อติดตามสัมภาษณ์เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน แต่ผลปรากฏว่าถูกทางค่ายผู้พิทักษ์เทพปฏิเสธ

สำหรับเรื่องนี้ ฉินอี๋เองก็ช่วยอะไรจูลี่ไม่ได้ แต่เธอยังคงไว้หน้าจูลี่อยู่ หลังครุ่นคิดเล็กน้อยก็กล่าวไปว่า “เรื่องนี้ฉันตัดสินใจไม่ได้ค่ะ คุณลองไปคุยท่านเจ้าเมืองลั่วดูสิคะ ได้ยินว่าเจ้าแคว้นหนานหรูเป็นลูกศิษย์ของท่านเจ้าเมืองลั่ว ถ้าท่านเจ้าเมืองลั่วเอ่ยปาก ฉันคิดว่าน่าจะได้ผลนะคะ”

จูลี่ยิ้มเจื่อน “ไปคุยมาแล้วค่ะ ท่านเจ้าเมืองลั่วปฏิเสธที่จะช่วย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่เปิดโอกาสให้ปรึกษาหารือด้วย”

“ในเมื่อเป็นแบบนี้…” ฉินอี๋ส่ายศีรษะเล็กน้อยแล้วเงียบไป “เกรงว่าฉันคงจะช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกันค่ะ”

จูลี่ลองถามหยั่งเชิง “ได้ยินว่าท่านเลขาธิการซุนแห่งสำนักเลขาธิการกลางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหอการค้าตระกูลฉิน เมืองคุนกว่างอยู่ในการดูแลของสำนักเลขาธิการกลาง ท่านประธานพอจะพูดกับท่านเลขาธิการซุนหน่อยได้ไหมคะ?”

ฉินอี๋ไม่ได้ปฏิเสธตรงๆ แต่ยังคงคิดเหตุผลในการปฏิเสธออกมาอย่างรวดเร็ว “คุณจูลี่คะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยนะคะ ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ฉันเอ่ยปาก ท่านเลขาธิการซุนก็ไม่มีทางรับปากหรอกค่ะ นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะใช้อำนาจส่วนตัวมาแก้ไขได้ นี่เป็นการประมูลที่ทั่วทั้งดินแดนเซียนต่างมาเข้าร่วม เทพมหาวิญญาณของหอการค้าต่างๆ ที่เข้าร่วมการประมูลล้วนแต่มารวมกันอยู่ที่นี่ เพื่อที่จะเอาชนะการประมูลแล้ว เกรงว่าคงจะมีการใช้ลูกไม้สกปรกกันแน่ เมืองคุนกว่างจะต้องมีการป้องกันในเรื่องนี้อย่างเข้มงวดแน่นอนค่ะ”

“อีกอย่าง สถานีออกอากาศที่มาทำการสัมภาษณ์ที่เมืองคุนกว่างไม่ได้มีแค่ปู๋เชวี่ยวีดีโอเท่านั้น คนที่มีอิทธิพลมากกว่าปู๋เชวี่ยวีดีโอนั้นมีอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด ทันทีที่ปล่อยคุณเข้าไป คนอื่นๆ จะทำยังไงล่ะคะ? ถ้าเปิดช่องตรงนี้ล่ะก็ เมืองคุนกว่างก็ไม่มีทางหยุดคนอื่นๆ เอาไว้ได้แน่ ถ้าคนพากันแห่เข้าไปด้านในล่ะก็ หากเกิดเรื่องขึ้นมา ท่านเลขาธิการซุนคงจะรับผิดชอบไม่ไหวแน่”

“ดังนั้นเรื่องนี้ต่อให้ฉันไปพูดก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เรื่องนี้ต้องให้ท่านเจ้าแคว้นหนานหรูเอ่ยปากเท่านั้นถึงจะได้ หากไม่มีคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าคอยหนุนหลัง ท่านเลขาธิการซุนก็ไม่กล้าผ่อนผันให้พวกเราเหมือนกันหรอกค่ะ นี่เป็นเรื่องที่ทางสภาเซียนสั่งการมาโดยตรง หากท่านเจ้าแคว้นให้สิทธิพิเศษแก่คุณ คุณว่ามันเหมาะสมไหมล่ะค่ะ? เกรงว่านี่ก็คงเป็นเหตุผลที่ท่านเจ้าเมืองลั่วก็ไม่ยินดีที่จะช่วยคุณแหละค่ะ คุณเข้าใจความหมายของฉันไหมคะ?”

จูลี่ไม่โง่ อีกฝ่ายบอกกล่าวเหตุผลมาชัดเจนขนาดนี้แล้ว เธอสามารถเข้าใจได้ จึงพยักหน้าเล็กน้อยอย่างผิดหวัง

เธอพบว่าบางปัญหาเป็นตัวเองที่คิดไปเองตั้งแต่แรก

ค่ายผู้พิทักษ์เทพเข้าไปไม่ได้ เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะรีบเดินทางมาที่นี่ทำไม หนทางยาวไกล จะให้เธอเดินทางกลับไปก่อนแล้วค่อยรีบเดินทางกลับมาใหม่ตอนการประมูลจะเริ่มเหรอ? ใครจะมานั่งจ่ายค่าอุโมงค์เดินทางที่แพงแสนแพงให้กับการเดินทางไปกลับที่ไร้ประโยชน์ให้กับเธอ?

แต่ช่วงเวลาในการทำงานที่นี่ก็ได้มีการวางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนจะได้แต่ต้องรออยู่ที่นี่ต่อไปเท่านั้นแล้ว

สุดท้ายก็ไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ตนเองต้องการ จูลี่รู้ว่าฉินอี๋ยังมีงานให้ทำอีกเยอะ หลังจากพูดคุยกันตามมารยาทอีกสองสามประโยค เธอก็ขอตัวลากลับไป

ที่พักของเธอก็อยู่ในต้นไม้ที่หอการค้าตระกูลฉินเหมาเอาไว้ต้นนี้เช่นเดียวกัน เธอเดินทางมาพร้อมกับฉินอี๋ ฉินอี๋ก็เลยพาพวกเธอมาพักที่นี่ด้วยกัน อย่างไรเสียห้องพักภายในต้นไม้ก็มีอยู่เยอะแยะมากมาย พักยังไงก็พักไม่หมด

ด้านนอกต้นไม้ ผู้พิทักษ์เมืองกลุ่มหนึ่งเดินทางมาถึง กองกำลังส่วนหนึ่งกระจายตัวเฝ้าระวังรอบด้าน กองกำลังอีกส่วนหนึ่งกระจายตัวอยู่บนยอดไม้ที่อยู่รอบๆ

ทางเลขาธิการกลางซุนฉีซั่งได้แจ้งเรื่องที่จะส่งคนมาคอยคุ้มกันกับทางหอการค้าตระกูลฉินเอาไว้ก่อนแล้ว

ซุนฉีซั่งรู้ว่าหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวมีอิทธิพลในแคว้นเซียนคุนกว่างอย่างมาก เขากังวลว่าหอการค้าสองแห่งนั้นจะสร้างปัญหาอะไรให้แก่ฉินอี๋ เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองปู๋เชวี่ยเขาเองก็ได้ยินมา จึงจำเป็นต้องทำการป้องกันไว้ก่อน ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าใครก็มองออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหอการค้าตระกูลฉิน หากอยู่ในอาณาเขตของเขาแล้วยังไม่สามารถปกป้องฉินอี๋ให้ปลอดภัยได้ เช่นนั้นตัวเขาก็คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงส่งคนที่ไว้ใจได้มาเสริมกำลังในการป้องกัน

ในทางกลับกันแล้ว นี่ก็นับว่าเป็นอิทธิพลของหอการค้าตระกูลฉินเช่นกัน เป็นรากฐานที่หอการค้าที่มีอิทธิพลและความร่ำรวยมีกัน

ฉินอี๋ที่อาบน้ำเสร็จเดินผมเผ้ายุ่งเหยิงออกมาจากประตูขนาดไม่ใหญ่ที่ถูกเจาะเปิดเอาไว้บนกิ่งไม้ที่อยู่บนยอดของพุ่มไม้

อาภรณ์พลิ้วไหว ใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มดูสง่างาม ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแห่งนี้ทำให้ดูเหงาหงอยและเศร้าสร้อย

เธอเดินทอดน่องไปบนกิ่งไม้ที่มีราวกั้นที่ทอดตัวยาวไปเหมือนสะพาน สายลมยามค่ำคืนพัดโชยแผ่วเบา ทอดตามองเมืองคุนกว่างท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เมืองที่กว้างใหญ่และงดงามมากกว่าเมืองปู๋เชวี่ย บนใบหน้าเผยให้เห็นสีหน้าคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่เป็นระยะ

ไป๋หลิงหลงเดินออกมาจากประตูด้านหลังเธอ เดินมาถึงตรงหน้าเธอแล้วยื่นบัตรเชิญฉบับหนึ่งให้ “บัตรเชิญจากพานชิ่งและโจวหม่านเชา พรุ่งนี้ช่วงกลางวันจะมีงานเลี้ยงต้อนรับค่ะ”

ฉินอี๋ไม่แม้แต่จะเหลือบมอง “มีเจตนาแอบแฝงแน่นอน ตอบกลับไป ไม่ว่าง”

……

ภายในสถานที่ที่เงียบสงัดท่ามกลางความครึกครื้นวุ่นวาย ด้านบนตึกตึกหนึ่ง หน้าต่างที่ล้อมรอบเปิดออกทั้งหมด พานชิ่งกับโจวหม่านเชาอยู่ด้วยกัน นั่งดื่มชา พูดคุยกัน

พานหลิงเยวี่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ พานชิ่งเหลียวหน้ามองไปเป็นครั้งคราว เธอมองดูเผิงซีที่เดินกลับไปกลับมาอยู่ด้านนอกหน้าต่าง ในดวงตามีความรู้สึกเย็นชาปรากฏขึ้นมาเป็นระยะ

เรื่องบางเรื่องถึงแม้จะไม่มีหลักฐาน แต่เรื่องการตายของน้องเล็ก คนในตระกูลพานต่างมองว่าเผิงซีผู้นี้น่าสงสัยเป็นอย่างมาก

เผิงซีเหลียวหน้ามาสบตาเข้ากับพานหลิงเยวี่ยโดยไม่ได้ตั้งใจ ภายนอกยังคงยิ้มแย้มพลางพยักหน้า แต่หลังจากหันหลังไปแล้ว ภายในใจกลับมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง

หลังพานหลิงอวิ๋นประสบเหตุร้าย เขาก็ไม่เห็นด้วยกับการไปร่วมมือกับหอการค้าตระกูลพานทำอะไรในค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองปู๋เชวี่ยอีก เหตุผลนั้นเป็นเพราะเขารู้ว่าการตายของพานหลิงอวิ๋นได้ทำให้เขาล่วงเกินหอการค้าตระกูลพานอย่างมากแล้ว หอการค้าตระกูลพานไม่มีทางพังพินาศลงในวันเดียว แต่ตัวเขาอาจจะมีอันตรายได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนี้เขากับหอการค้าตระกูลพานจะต้องมีวันที่แตกหักกันอย่างแน่นอน

แต่โจวหม่านเชาผู้เป็นน้าของเขากลับยังคงทำตามแผนเดิมก่อนหน้านี้ ยังคงยืนกรานที่จะร่วมมือกับหอการค้าตระกูลฉิน นี่ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก

เหตุผลนั้นง่ายมาก เมื่อทำเรื่องแบบนั้นไปแล้ว ในแง่หนึ่งแล้วจะเท่ากับว่าหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวจะถูกผูกเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เขายากจะลงมือกับหอการค้าตระกูลพานได้อีก แต่หอการค้าตระกูลพานกลับสามารถพยายามหาทางเล่นงานเขาคนเดียวโดยไม่ให้กระทบหอการค้าตระกูลโจวได้ นี่ทำให้เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก

แต่เขาเองก็จนปัญญาต่อการตัดสินใจของน้าของเขา สรุปแล้วคือเขาไม่พอใจ รู้สึกเหมือนว่าน้าของเขาไม่สนใจความเป็นความตายของเขา

ทว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่เขากำลังคิดอยู่ในเวลานี้ ความคิดของเขาในเวลานี้อยู่ที่ฉินอี๋ หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขารู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก เขาก็ไปตรวจสอบดูข้อมูลที่ฉินอี๋เข้ามาบริหารหอการค้าตระกูลฉินในช่วงเวลาหลายปีมานี้อย่างละเอียด ทำให้เขารู้สึกสนใจในตัวฉินอี๋คนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ต้องยอมรับเลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หาได้ยาก!

เขาได้ดูภาพและวีดีโอของฉินอี๋ตั้งไม่รู้กี่ครั้ง แต่มันก็ยังแตกต่างกับการได้เจอตัวจริงอย่างมาก

บัตรเชิญได้ส่งออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าฉินอี๋จะมางานเลี้ยงหรือเปล่า ตอนนี้เขาอยากจะเจอฉินอี๋ต่อหน้าและพูดคุยทำความรู้สึกกันต่อหน้าเสียหน่อย

ชั้นล่างมีคนขึ้นมา กล่าวรายงานคนที่อยู่ในห้องว่า “ท่านประธาน ฉินอี๋ตอบกลับมาว่าไม่ว่างครับ”

นี่คือการปฏิเสธ เผิงซีที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างมองเข้ามาในห้อง แล้วก็หมุนตัวเดินเข้ามาด้านใน

ภายในห้องเงียบเสียงลง โจวหม่านเชาและพานชิ่งสบตากัน ต่างฝ่ายต่างเข้าใจ ถึงแม้จะส่งบัตรเชิญไปในนามพวกเขาทั้งสองคนแล้ว แต่ก็ยังถูกปฏิเสธกลับมา นี่หมายความว่าความหวังที่จะทำการเจรจาเป็นครั้งสุดท้ายได้ถูกทำลายลงแล้ว

การใช้ลูกไม้สกปรกระหว่างการประมูล ไม่มีใครกล้ารับประกันได้ว่าจะไม่มีความผิดพลาด ดังนั้นมันยังคงมีความเสี่ยงอยู่

วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือหวังว่าหอการค้าตระกูลฉินจะยอมเปิดช่องให้เจรจา

ถึงแม้ธุรกิจของทั้งสองตระกูลจะเกี่ยวพันกับข่ายพลังที่อยู่ภายในเทพมหาวิญญาณ แต่ก็เป็นเพียงข่ายพลังเล็กๆ ที่อยู่ในบรรดาข่ายพลังจำนวนมากมาย ได้ส่วนแบ่งเล็กๆ จากในอุตสาหกรรมการผลิตเทพมหาวิญญาณทั้งหมด แต่สิ่งที่จะมาทำการประมูลกันในครั้งนี้คือข่ายพลังในด้านการรองรับน้ำหนักข้อต่อของเทพมหาวิญญาณ พูดอีกอย่างคือนี่มิใช่สิ่งที่หอการค้าทั้งสองแห่งถนัด

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีหวังใดๆ ในการประมูลครั้งนี้ แล้วก็ไม่มีวิธีการแก้ไขปัญาที่มีประสิทธิภาพที่จะนำมาใช้ในการประมูลได้ด้วย พวกเขาเพียงแต่เอาเทพมหาวิญญาณที่ตนมีอยู่มาเข้าร่วมการประมูลเท่านั้น ไม่ได้ทำการแก้ไขดัดแปลงใดๆ ในตัวเทพมหาวิญญาณของตนเลย

หากมิเป็นเพราะหอการค้าตระกูลฉินเข้าร่วมการประมูล ทั้งสองตระกูลก็ไม่มีทางเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้เช่นกัน

ทั้งสองตระกูลย่อมต้องอยากให้ข่ายพลังในด้านข้อต่อกลายเป็นอุตสาหกรรมหลักของตน แต่ข่ายพลังที่อยู่ในสภาวะเคลื่อนไหวและข่ายพลังที่อยู่ในสภาวะหยุดนิ่งนั้นมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ข่ายพลังตรงตำแหน่งที่ข้อต่อเชื่อมต่อกันไม่เพียงแต่จะอยู่ในสภาวะเคลื่อนไหว แต่ยังเป็นจุดสำคัญในการแบกรับแรงโจมตีในการต่อสู้ของเทพมหาวิญญาณด้วย ทำให้เกิดปัญหาได้ง่าย จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถแก้ไขให้ดีได้

เพราะถ้าสามารถแก้ไขให้ดีได้ก็คงไม่มีการประมูลในครั้งนี้

และตำแหน่งข้อต่อที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้บนร่างเทพมหาวิญญาณนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทันทีที่ชนะการประมูล ผลประโยชน์ที่จะได้รับจะมากมายมหาศาลแค่ไหน เพียงแค่คิดก็คงพอจะรู้ได้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผลประโยชน์ที่ทั้งสองตระกูลมีอยู่ในตอนนี้จะเทียบได้เลย

ทันทีที่ปล่อยให้หอการค้าตระกูลฉินได้เนื้อชิ้นนี้ไป หอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวก็จะไม่สามารถกดหอการค้าตระกูลฉินเอาไว้ได้อีก ต่อไปหอการค้าตระกูลฉินย่อมต้องกลายเป็นพี่ใหญ่ในแคว้นเซียนคุนกว่าง นี่เป็นสิ่งที่ทั้งสองตระกูลยากจะยอมรับได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขารังแกหอการค้าตระกูลฉินมาเป็นเวลานานหลายปี ถ้าจะบอกว่าหอการค้าตระกูลฉินจะไม่ล้างแค้นพวกเขา พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อเช่นเดียวกัน

วิธีที่ไม่จำเป็นต้องออกแรง แล้วยังได้ครอบครองชิ้นเนื้อที่ค่อนข้างใหญ่ สามารถแบ่งผลประโยชน์ส่วนใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉินมาได้ แล้วยังสามารถกดหอการค้าตระกูลฉินเอาไว้ได้ต่อ อีกทั้งไม่จำเป็นต้องเสี่ยงด้วย แล้วทำไมพวกเขาจะไม่ทำ?

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฉินอี๋ที่เมื่อก่อนเอาแต่เป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเงียบๆ จู่ๆ จะเปลี่ยนท่าทีไปอย่างมาก จู่ๆ เธอก็แตกหักไม่ยอมเจรจากับพวกเขา แม้จะต้องเผชิญกับแรงกดดันรุนแรงก็ไม่ยอมประนีประนอมใดๆ จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ยอมอ่อนข้อ เรียกได้ว่าดับฝันของทั้งสองตระกูลลงอย่างสิ้นเชิง

โจวหม่านเชาบอกให้คนที่มารายงานถอยออกไป สีหน้าคร่ำเคร่งขึ้นมา

พานชิงแค่นเสียงเหอะ “พูดดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้ความรุนแรงสินะ!”

เขาไม่พอใจฉินอี๋อย่างมาก เรียกได้ว่ามีความเกลียดชังอยู่หลายส่วน หากมิเป็นเพราะความดึงดันดื้อรันของฉินอี๋ ลูกสาวของเขาก็คงจะไม่ต้องไปทุกข์ทรมานอยู่ที่เมืองปู๋เชวี่ย แล้วก็คงไม่หายตัวไปในเมืองปู๋เชวี่ย

โจวหม่านเชากล่าวว่า “ในเมื่อไม่ยอมเจรจา อย่างนั้นก็ต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกแล้ว การประมูลใครจะชนะก็ได้ แต่หอการค้าตระกูลฉินห้ามชนะ!”

เผิงซีกลับมีสีหน้าเรียบเฉย เขาทราบดีว่าความจริงภายในใจทุกคนต่างรู้ดีว่าหอการค้าตระกูลฉินไม่มีทางยอมเจรจา อีกฝ่ายตัดสินใจแตกหักกับหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะมานั่งเจรจาในตอนนี้เพราะเห็นแก่หน้าของประธานหอการค้าทั้งสองคนได้ นี่เป็นแค่การลองหยั่งเชิงด้วยความหวังสุดท้ายเท่านั้น

โจวหม่านเชากล่าวต่อว่า “มีโอกาสที่หอการค้าตระกูลฉินจะรู้เรื่องเสวี่ยหลานคนนั้น ไอของที่พวกเราเอาไปติดไว้ในเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินจะใช้ได้ผลจริงๆ ใช่ไหม?”

พานชิ่งกล่าว “อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังมีผลอยู่”

โจวหม่านเชากล่าว “หมายความว่ายังไง? ถึงขนาดนี้แล้ว นายยังมาทำเป็นเล่นกับฉันอยู่อีกเหรอ?”

พานชิ่งกล่าว “ฉันรับรองไม่ได้ว่าหอการค้าตระกูลฉินแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องหรือเปล่า แล้วก็รับรองไม่ได้ว่าหอการค้าตระกูลฉินจงใจไม่กำจัดมันออกไปเพื่อให้พวกเราตายใจหรือเปล่า แต่สิ่งที่ยังมั่นใจได้ในตอนนี้ก็คือเจ้าสิ่งนั้นมันยังอยู่ในตัวเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน ขอเพียงเทพมหาวิญญาณตัวนั้นทำงานขึ้นมา และคลื่นพลังงานไปสัมผัสถูกเจ้าสิ่งนั้น เจ้าสิ่งนั้นมันก็จะอาศัยพลังงานจากข่ายพลังทำการปิดผนึกเทพมหาวิญญาณ และขณะเดียวกันก็จะส่งสัญญาณสั้นๆ ที่ยากแก่การพบเห็นออกมา คนของฉันที่อยู่ในค่ายผู้พิทักษ์เทพได้รับสัญญาณนี้แล้ว”

โจวหม่านเชาครุ่นคิดพลางพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอีกว่า “นายให้ผู้หญิงคนนั้นขึ้นไปทำอะไรในตัวเทพมหาวิญญาณกันแน่ มั่นใจนะว่าเจ้าสิ่งนั้นมันจะมีประโยชน์?”

พานชิ่งกล่าว “นายก็อย่าถามละเอียดนักเลย”

โจวหม่านเชากล่าวเสียงคร่ำเคร่ง “ถึงขนาดนี้แล้ว หรือว่านายยังไม่ไว้ใจฉัน?”

พานชิ่งเงียบไปเล็กน้อย “เอาเป็นว่ามันทำให้แขนข้างหนึ่งของเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินเสียได้”

โจวหม่านเชาไม่พอใจ “ลงทุนทำขนาดนี้ แต่ทำให้แขนเสียไปได้แค่ข้างเดียวเหรอ?”

เผิงซีที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นมา “คุณน้าครับ การต่อสู้ระหว่างเทพมหาวิญญาณไม่เหมือนกับการต่อสู้ระหว่างผู้บำเพ็ญเพียรครับ ผู้บำเพ็ญเพียรสามารถใช้พลังและใช้การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในการต่อสู้ได้ แต่เทพมหาวิญญาณนั้นใช้แต่เพียงการป้องกันที่แข็งแกร่งและการโจมตีที่รุนแรงในการต่อสู้กัน การที่เสียแขนไปข้างหนึ่ง มันก็เท่ากับเสียความสามารถในการต่อสู้ไปเกือบครึ่งแล้วครับ ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลแล้วครับ”

…………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน