ตอนที่ 97 พยายามเต็มที่
เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ ฉินอี๋ไม่อาจปิดบังอีกต่อไปได้ “หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวคอยจ้องจะเล่นงานหอการค้าตระกูลฉิน ใช้ลูกไม้สกปรกไม่เลือกวิธี ทางฉันจึงได้จัดคนมาเป็นฉากบังหน้าเพื่อปกป้องคนที่จะเข้าร่วมการประมูลที่แท้จริง”
ซุนฉีซั่งเข้าใจทันทีว่าทำไมเลขาธิการใหญ่ทั้งสี่คนถึงพยายามไม่ให้มีการเปลี่ยนตัวผู้เข้าร่วมการประมูล “พูดอีกอย่างก็คืออีกฝ่ายมองแผนเธอออกแล้ว?”
ฉินอี๋มีสีหน้าเศร้าสร้อย ยังต้องพูดอีกเหรอ จะต้องถูกหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวมองแผนการออกแล้วอย่างแน่นอน ตอนนี้เรื่องนี้ไม่สำคัญแล้ว “ท่านเลขาธิการคะ ยังพอจะมีวิธีแก้สถานการณ์ได้ไหมคะ?”
ซุนฉีซั่งนิ่งเงียบไป สุดท้ายค่อยๆ ส่ายศีรษะ “ฉันทำอะไรไม่ได้”
ฉินอี๋กล่าว “แล้วถ้าท่านเจ้าแคว้นเปลี่ยนคำพูดล่ะคะ?”
ซุนฉีซั่ง “เรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้ว ท่านเจ้าแคว้นออกคำสั่งไปแล้ว คนมากมายกำลังมองดูอยู่ แล้วจะให้ท่านเปลี่ยนคำพูดเหมือนเด็กเล่นขายของได้ยังไง? เรื่องนี้ฉันพยายามเต็มที่แล้ว”
ฉินอี๋กล่าว “แล้วถ้าขอให้เจ้าเมืองลั่วไปหาท่านเจ้าแคว้นล่ะคะ พอจะมีหวังไหมคะ?”
ซุนฉีซั่งโบกมือ “คนที่อยู่เบื้องหลังหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวเป็นใครเธอก็น่าจะรู้ ถ้าหากไม่มีข้ออ้าง คนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็ไม่สะดวกที่จะเข้ามาแทรกแซงเช่นกัน แต่ทันทีที่พวกเขามีข้ออ้าง คนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาจะต้องสอดมือเข้ามายุ่งอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นเกรงว่าท่านเจ้าแคว้นเองก็คงไปอธิบายกับทางสภาเซียนไม่ได้เช่นกัน ลั่วเทียนเหอไม่เอ่ยปากตั้งแต่แรก ความเป็นไปได้ที่เขาจะมาเอ่ยปากตอนนี้มีไม่มากนัก เกรงว่าต่อให้เขาเอ่ยปากก็ไม่แน่ว่าจะมีประโยชน์เหมือนกัน ท่านเจ้าแคว้นไม่มีทางกลับคำพูดง่ายๆ แน่”
แม้นจะพูดเช่นนี้ แต่ฉินอี๋ไหนเลยจะยอมแพ้ง่ายๆ หลังออกมาจากสำนักงานเลขาธิการกลาง เธอก็รีบตรงไปยังที่พักของลั่วเทียนเหอทันที
ระหว่างทาง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา โทรกลับไปที่เมืองปู๋เชวี่ย หลังปลายสายรับโทรศัพท์ เธอก็กล่าวว่า “น้าหลิ่วคะ”
เสียงของหลิ่วจวินจวินดังออกมา “ลูกอี๋ เกิดอะไรขึ้น เสียงหนูฟังดูไม่ค่อยดีเลย เหนื่อยเหรอ?”
ใช่เรื่องเหนื่อยไม่เหนื่อยที่ไหนกันล่ะ เวลานี้ฉินอี๋รู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมาก “เปล่าค่ะ น้าหลิ่ว ทางนี้เกิดเรื่องไม่คาดคิดนิดหน่อยค่ะ”
หลิ่วจวินจวินรู้ว่าฉินอี๋เป็นคนเข้มแข็ง ถ้าเป็นเรื่องที่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง เธอไม่มีทางโทรมาหาเด็ดขาด การที่ทำให้เธอโทรมาหาได้ นั่นแสดงว่าเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นแล้วจริงๆ จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงคร่ำเคร่งขึ้นมา “เรื่องอะไร ลองว่ามาซิ”
ฉินอี๋กล่าว “วิธีการประมูลออกมาแล้วค่ะ หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวเล่นลูกไม้สกปรก…” เธอบอกเล่าทุกอย่างออกมาอย่างละเอียด จากนั้นเอ่ยปากขอความช่วยเหลือออกมาอย่างยากลำบาก “น้าหลิ่วค่ะ น้าลองถามคุณพ่อหน่อยได้ไหมคะว่าคุณพ่อพอจะรู้จักใครที่ช่วยเราได้หรือเปล่า?”
ถูกต้อง เรื่องที่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง เธอก็จะจัดการเอง หากไม่อับจนหนทางจริงๆ เธอไม่มีทางเอ่ยปากออกมาเช่นนี้เด็ดขาด
หลิ่วจวินจวินกล่าวว่า “ลูกอี๋ หนูใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวน้าจะไปคุยกับพ่อของเธอ ไม่เป็นไรนะ ใจเย็นๆ”
“ค่ะ” ฉินอี๋เก็บโทรศัพท์ หยิบเอาบุหรี่ขึ้นมา จุดสูบมวนแล้วมวนเล่า
กระทั่งมาถึงที่ทำการของเมืองปู๋เชวี่ยที่อยู่ในเมืองคุนกว่าง หรือก็คือที่พักของลั่วเทียนเหอที่อยู่ในเมืองแห่งนี้ ฉินอี๋ที่มาขอเข้าพบลั่วเทียนเหอก็ถูกขวางเอาไว้ด้านนอกประตู
แม้จะมีคนเข้าไปรายงานแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังไม่ให้เธอเข้าไป เพียงแต่นำเอาคำพูดประโยคหนึ่งของลั่วเทียนเหอมาแจ้งกับเธอ บอกว่าฉินเต้าเปียนเพิ่งจะโทรมาหาลั่วเทียนเหอ ตอนนี้ลั่วเทียนเหอรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้
สรุปแล้วก็คือลั่วเทียนเหอไม่อยากมานั่งฟังอะไรวุ่นวายเป็นครั้งที่สอง ไม่อยากพบฉินอี๋
ฉินอี๋เข้าใจทันที หลังจากที่พ่อของเธอทราบข่าว เขาก็โทรหาลั่วเทียนเหอทันทีเพื่อหาวิธีแก้ไข แต่ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น
เธอยังไม่ยอมแพ้ ยังอยากจะพบลั่วเทียนเหอให้ได้ จึงขอร้องผู้คุ้มกันให้เข้าไปแจ้งกับทางลั่วเทียนเหออีกทีหนึ่ง
ผู้คุ้มกันเองก็ลำบากใจ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป ท่านเจ้าเมืองเอ่ยปากออกมาเช่นนี้แล้ว เขาคงจะไล่อีกฝ่ายออกไปโดยไม่สนใจไยดีอย่างแน่นอน ทว่าคนผู้นี้คือประธานของหอการค้าที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของเมืองปู๋เชวี่ย
ด้วยการขอร้องไม่หยุดของฉินอี๋ ผู้คุ้มกันจึงได้แต่ต้องเสี่ยงที่จะถูกต่อว่า เข้าไปกล่าวรายงานลั่วเทียนเหออีกครั้งอย่างลำบากใจ
กระทั่งผู้คุ้มกันที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนเดินออกมาอีกครั้ง ผลลัพธ์ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เรื่องนี้ลั่วเทียนเหอไม่มีความจำเป็นต้องมากล่าวอ้างโน่นอ้างนี่ต่อหน้าฉินอี๋อีก
ฉินอี๋ที่กลับเข้ามาในรถดูเศร้าสร้อยท้อแท้ ไป๋หลิงหลงที่อยู่ข้างๆ มองดูเธอเที่ยวไปขอร้องอ้อนวอนคนอื่นไปทั่วด้วยความรู้สึกปวดใจ เอ่ยออกมาว่า “ท่านประธาน ไปไหนคะ?”
ฉินอี๋ได้สติกลับมา สูดหายใจลึกๆ ฝืนปลุกความฮึกเหิมให้ตัวเอง “ไปค่ายผู้พิทักษ์เทพ”
“ค่ะ” ไป๋หลิงหลงรีบจัดการติดต่อทันที
หลังจากเอ่ยปากออกไปแล้ว ฉินอี๋ยังคงก้มหน้า ร่างกายโน้มไปด้านหน้า แขนเท้าอยู่บนตักของตัวเอง หางตามีประกายหยาดน้ำตา เธอแอบร้องไห้ออกมาเบาๆ
ผู้หญิงอย่างเธอกว่าจะนำพาหอการค้าตระกูลฉินให้เดินมาถึงวันนี้ได้นั้นยากลำบากเป็นอย่างมาก ถึงแม้ระหว่างทางจะต้องหลบออกไปร้องไห้คนเดียวอยู่หลายครั้ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก เธอก็เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเผชิญกับความยากลำบากเช่นไรก็ยืดหยัดฝ่าฟันมาได้
แต่ครั้งนี้เป็นเพราะความดื้อรั้นไม่ฟังคำเตือนคนอื่นของเธอ เธอจึงพาหอการค้าตระกูลฉินมายืนอยู่ตรงปากเหวแห่งความเป็นความตายในพริบตา อารมณ์ความรู้สึกของเธอในเวลานี้ไม่มีใครเข้าใจได้
ความรู้สึกโดดเดี่ยวอับจนหนทางได้ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ แต่ความจริงที่ว่าเธอไร้ที่พึ่งพาแล้วทำให้เธอค่อยๆ เช็ดน้ำตา ยืดตัวตรงขึ้นมาอีกครั้ง กลับมาเป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งอีกครั้ง
เธอเหลียวหน้ามองออกไปด้านนอกหน้าต่าง บอกกับตัวเองในใจว่านับตั้งแต่วันที่เธอรับช่วงต่อดูแลหอการค้าตระกูลฉิน ในวันนั้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์ร้องไห้งอแงเหมือนหญิงสาวคนอื่นๆ แล้ว การร้องไห้ไม่ช่วยแก้ปัญหาใดๆ การร้องไห้เป็นการแสดงออกของความอ่อนแอ เธอจำเป็นต้องเข้มแข็ง หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ ห้ามย้อมแพ้ง่ายๆ เธอยังมีแผนสำรองอยู่ ยังไม่แน่ว่าจะแพ้
….
รถเคลื่อนตัวเข้าไปในค่ายผู้พิทักษ์เทพ มาถึงโรงเก็บเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน ฉินอี๋ที่ลงจากรถไม่มีท่าทางผิดปกติใดๆ ยังคงเดินเข้าไปในโรงเก็บเทพมหาวิญญาณอย่างทะมัดทะแมง กวาดตามองดูสภาพแวดล้อมภายในเล็กน้อย
เธอมองเห็นหลินยวนและหลัวคังอันที่ดูท่าทางเบื่อหน่ายอยู่ไม่ไกล หลัวคังอันกำลังนอนอยู่ ส่วนหลินยวนนั่งพิงกำแพงอยู่
ไป๋หลิงหลงจ้องมองไปทางหลินยวน เธอทราบถึงสถานการณ์ของฉินอี๋ในเวลานี้ ด้วยเหตุนี้พอเห็นท่าทางเบื่อหน่ายของหลินยวน เธอจึงเกิดความรู้สึกอยากจะเดินเข้าไปตบหน้าเขาสักทีสองที จากนั้นตะโกนด่าด้วยความโกรธว่า “นายยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า!”
ความจริงตอนนี้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ไม่มีอะไรทำเช่นกัน หลายๆ คนดูท่าทางเบื่อหน่าย แต่ในเวลานี้เธอรู้สึกว่าหลินยวนดูขวางหูขวางตาเป็นพิเศษ
เมื่อเห็นว่าฉินอี๋มา หลัวคังอันก็รีบลุกขึ้น พยักหน้าค้อมเอวฉีกยิ้ม
พนักงานที่รับผิดชอบเรื่องการตรวจสอบและซ่อมบำรุงเดินเข้ามา ฉินอี๋ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
พนักงานกล่าวว่า “ทุกอย่างปกติ เทพมหาวิญญาณอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีทางเกิดปัญหาอะไรครับ”
“ดี ขอบใจมาก” ฉินอี๋พยักหน้าขอบคุณ จากนั้นเดินเข้าไปหาพวกหลินยวนที่นั่งเบื่อหน่ายอยู่ตรงมุม
เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา หลินยวนก็ได้แต่ต้องยืนขึ้นมาเช่นกัน
ฉินอี๋ยื่นมือออกไป หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่ไป๋หลิงหลงส่งมาให้ กวาดตามองเล็กน้อย ก่อนจะส่งให้หลัวคังอัน “วิธีและขั้นตอนในการประมูลครั้งนี้ พวกคุณลองดู”
หลัวคังอันรับไปอ่านดูอย่างละเอียดทันที หลินยวนเองก็อดใจไม่ไหว ขยับเข้ามาดูด้วยเช่นกัน เพราะว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันมาถึงเขาด้วย
วิธีการประมูลไม่มีอะไรพิเศษ
แบ่งออกเป็นสามด่านใหญ่ๆ ด่านแรกคือเทพมหาวิญญาณที่เข้าร่วมการประมูลทุกตนจะมุ่งหน้าไปยัง ‘แดนแมงมุมสวรรค์’ เทพมหาวิญญาณที่เก็บตานของแมงมุมสวรรค์ระดับพันปีได้พันดวง ถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปในด่าน ‘หล่อหลอมกายา’ ซึ่งเป็นสนามทดสอบที่สอง คนที่ผ่านด่านที่สองถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปใน ‘ข่ายพลังหมื่นฤทธา’ เพื่อรับการทดสอบด่านสุดท้าย
ความจริงขั้นตอนการประมูลไม่ได้ต่างอะไรกับการทดสอบเทพมหาวิญญาณทั่วๆ ไปหลังจากที่สร้างเสร็จเรียบร้อยมากนัก เพียงแค่การทดสอบอาจจะไม่มีความจำเป็นว่าจะต้องเข้าไปในแดนแมงมุมสวรรค์เท่านั้น
แล้วก็ยังมีเรื่องจำนวนที่มีการเพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด นี่ก็เพื่อจะดูว่าเทพทหาวิญญาณของหอการค้าแต่ละแห่งจะทนรับไหวไหม
จากตรงนี้จะเห็นได้ถึงท่าทีที่เจ้าแคว้นเซียนคุนกว่างมีต่อการประมูลครั้งนี้ว่าไม่ได้มีการตั้งมาตรฐานอะไรเอาไว้สูงนัก เพียงแค่ผ่านด่านได้ก็พอแล้ว ไม่ได้มีการสร้างด่านทดสอบอะไรที่แปลกพิสดารขึ้นมา
ทั้งสองคนที่อ่านวิธีการประมูลจนจบสบตากัน ไม่ได้พูดอะไร
ฉินอี๋กล่าวว่า “การประมูลจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ คุณมีความมั่นใจไหม?” เธอถามหลัวคังอัน
หลัวคังอันยิ้มแห้งๆ “ผมจะพยายามเต็มที่ครับ”
ฉินอี๋กล่าวปลอบ “ไม่ต้องกังวลอะไร พวกคุณจะมีคนคอยช่วยอยู่ เอาไว้ก่อนพวกคุณจะลงสนามในวันพรุ่งนี้ ฉันจะบอกพวกคุณว่าใครเป็นผู้ช่วยของพวกคุณ”
“ผู้ช่วย?” หลัวคังอันงุนงง
ฉินอี๋จ้องมองเขา กล่าวชัดถ้อยชัดคำว่า “ขอเพียงเอาชนะการประมูลได้ ฉันจะให้รางวัลคุณพันล้านมุก! เลื่อนตำแหน่งให้คุณเป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉิน ค่าตอบแทนปีละสิบล้านมุก หากไม่มีความผิดพลาดร้ายแรง ไม่มีวันปลดออก!”
พันล้าน? หลัวคังอันตาโตขึ้นมาทันที ใจเต้นระรัวขึ้นมา
ฉินอี๋ยื่นมือออกไป รับเอาสัญญาที่ร่างเสร็จระหว่างทางจากไป๋หลิงหลงมาส่งให้เขา “ฉันพูดคำไหนคำนั้น ไม่ผิดคำพูดเด็ดขาด!”
หลัวคังอันรับเอาสัญญามาดู พบว่าเป็นสัญญามอบรางวัลที่เขียนเอาไว้อย่างชัดเจน ภายในใจเขาคล้ายมีม้านับหมื่นกำลังห้อตะบึง ยากจะสะกดอารมณ์เอาไว้ได้ ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงจะพูดออกมาประโยคหนึ่ง “ผมจะพยายามเต็มที่ครับ”
ฉินอี๋มองไปทางหลินยวนอีกครั้ง “คอยช่วยเขาให้ดี หลังเรื่องนี้สำเร็จจะตบรางวัลให้นายอย่างงามเช่นกัน”
หลินยวนจะพูดได้เหรอว่าไม่ให้ความร่วมมือ? ทำได้เพียงพยักหน้า
“รบกวนทั้งสองคนด้วยล่ะ?” ฉินอี๋ค้อมกายให้ทั้งสองคน ไม่ได้พูดอะไรอีก หมุนตัวเดินจากไป
กระทั่งเธอเดินจากไปแล้ว หลินยวนจึงค่อยๆ นั่งลงอีกครั้ง
จู่ๆ หลัวคังอันที่ถือหนังสือสัญญาเดินกลับไปกลับมาก็ปิดสัญญา นั่งลงข้างหลินยวนแล้วกล่าวว่า “เงินรางวัลนี่ ทำเอาฉันเลือดลมพลุ่งพล่านไปหมดเลย! ขอเพียงได้เงินรางวัลนี้มา ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว เพียงแต่จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะให้รางวัลแบบนี้ ทำไมฉันถึงรู้สึกแปลกๆ นะ กลัวว่าจะหาเงินมาได้แต่ไม่ได้อยู่ใช้เงินน่ะสิ!”
หลินยวน “ถ้าไม่มีปัญหา ไม่มีทางที่จู่ๆ เธอจะเอาเงินมาฟาดพี่แน่ อาจจะเจอปัญหาอะไรเข้าแล้ว”
“แล้วยังมีผู้ช่วยอีก?” หลัวคังอันลุกขึ้นมาอีกครั้ง เดินไปเดินมา ปากกล่าวพึมพำไม่หยุด
ยังมีผู้ช่วยมาช่วยพวกเขาอีก นี่คล้ายจะเป็นการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสำเร็จ อีกทั้งเงินรางวัลก้อนใหญ่นั่น ภายในใจเขาเริ่มขัดแย้งกันขึ้นมา
……
ฉินอี๋ที่กลับมาถึงที่พักขังตัวเองเอาไว้ในห้องคนเดียว คิดทบทวนอยู่กับตัวเอง
หลังฟ้ามืด ฉินเต้าเปียนก็โทรศัพท์มาหาเธอ ฉินเต้าเปียนไม่เพียงแต่จะไปหาลั่วเทียนเหอ แต่ยังโทรหาคนรู้จักทุกคนที่จะหาได้ แต่เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคำสั่งของสภาเซียน คนที่รู้จักทุกคนต่างบอกปัดหรือไม่ก็ปฏิเสธไป ไม่มีใครยินดีเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้
ฉินเต้าเปียนจำต้องโทรมาบอกลูกสาวอย่างเสียใจ เขาพยายามเต็มที่แล้ว “ลูกอี๋ ถ้าไม่ได้จริงๆ ลองไปขอร้องทางหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวดูไหม”
ฉินอี๋กล่าว “สายไปแล้วค่ะ ตอนนี้ไปขอร้องพวกเขา ค่าตอบแทนที่พวกเราต้องจ่ายไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะแบกรับได้! พ่ะคะ ไม่มีทางถอยแล้วค่ะ มีแต่ต้องพยายามเต็มที่! พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ขอเพียงในมือพวกเรายังมีของที่ใช้ได้จริงอยู่ หอการค้าตระกูลฉินก็ไม่มีวันล้มค่ะ อย่างมากก็แค่ต้องเจอปัญหากับความยากลำบากนิดหน่อยเท่านั้น ไม่มีอะไรน่ากลัวค่ะ!”
ฉินเต้าเปียนกล่าว “พ่อคุยกับเจ้าเมืองลั่วแล้ว เดี๋ยวตอนกลับมา เขาจะพาหนูกลับมาด้วย แบบนั้นจะได้ปลอดภัยหน่อย”
ฉินอี๋กล่าว “พวกพ่อรีบพักผ่อนเถอะค่ะ” หลังวางโทรศัพท์ เธอก็นั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของเตียงคนเดียว ยกขานั่งคุดคู้ รู้สึกค่อนข้างหนาว ห่อตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มอย่างโดดเดี่ยว
……
หลินยวนเดินออกมาจากประตูโรงเก็บเทพมหาวิญญาณ เขาเดินออกไปไม่ไกล แล้วก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินออกไปจากที่นี่ด้วย เขาจึงได้แต่ต้องเดินไปยังมุมหนึ่งที่ค่อนข้างห่างไกลผู้คน จากนั้นรับโทรศัพท์แล้วกล่าวเสียงถามเสียงเบาๆ “ใคร?”
“หม่อมฉันเองเพคะ” เสียงผู้หญิงที่อ่อนโยนเสียงหนึ่งดังขึ้น
หลินยวนขมวดคิ้ว “ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าพยายามติดต่อมา?”
หญิงสาวกล่าว “ไม่ใช่ว่าหม่อมฉันต้องการติดต่อพระองค์เพคะ หากแต่เป็นเพราะผู้อาวุโสรุ่นก่อนมีเรื่องจะฝากถึงพระองค์เพคะ”
หลินยวนกล่าว “เรื่องอะไร?”
หญิงสาวกล่าว “ผู้อาวุโสรุ่นก่อนบอกว่าพยายามช่วยหอการค้าตระกูลเอาชนะการประมูลให้ได้ โดยต้องรักษาความปลอดภัยของตัวเองเป็นสำคัญเพคะ”
หลินยวนงุนงง กล่าวถามว่า “อยู่ดีๆ จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ทำไม?”
หญิงสาวกล่าว “ผู้อาวุโสรุ่นก่อนบอกว่าเคยได้รับความช่วยเหลือจากหอการค้าตระกูลฉิน ต้องใช้คืนเพคะ!”
………………………………………………………