ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 107 ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 107 ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน?

ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการต่อสู้ หลินยวนพลันเงยหน้าขึ้นไปมอง มองเห็นเทพมหาวิญญาณแปดตนที่พุ่งเข้ามา สีหน้าเขายังคงเยือกเย็น เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยประโยคหนึ่งว่า “ในที่สุดก็มาซะที!”

สถานการณ์พลันเปลี่ยนแปลง!

เทพมหาวิญญาณของหอการค้าสิบแห่งร่วมมือกันโจมตี หลัวคังอันตื่นเต้นจนหัวใจกระดอนขึ้นมาอยู่ที่ลูกกระเดือกแล้ว เขามองเห็นว่าการโจมตีและการหลบหลีกของหลินยวนเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

การต่อสู้ทวีความดุเดือดขึ้น เทพมหาวิญญาณสิบเอ็ดตนเข้าโรมรันต่อสู้ รวดเร็วปานสายฟ้า แทบจะทำให้คนดูตาลาย

หากมิเป็นเพราะร่างกายของเทพมหาวิญญาณมีขนาดใหญ่ จึงทำให้มองเห็นได้ง่าย ไม่อย่างนั้นคนธรรมดาก็ไม่มีทางมองตามเทพมหาวิญญาณที่กำลังบินฉวัดเฉวียนเหล่านั้นได้ทันเลย ความเร็วในการต่อสู้นั้นรวดเร็วอย่างมากจริงๆ

บางสิ่งบางอย่างไม่จำเป็นต้องพูดออกมา ถึงแม้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวไม่ใช่พวกเดียวกันกับหอการค้าอีกแปดแห่ง แต่เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ พวกเขาย่อมต้องเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ย่อมต้องรู้ว่าควรจะให้ความร่วมมืออย่างไร

เป้าหมายในการโจมตีของหอการค้าสิบแห่งนั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก นั่นคือร่วมมือกันผนึกเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินเอาไว้ ไม่ให้อีกฝ่ายกระโดดหลบหลีกไปมาได้อีก จากนั้นทำการกำจัดทิ้ง!

เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินคล้ายมองเจตนาของหอการค้าทั้งสิบออก จึงรีบพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้เทพมหาวิญญาณทั้งสิบตนนั้นขังตัวเองเอาไว้ ทันทีที่เห็นช่องทางก็รีบพุ่งออกไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ตีฝ่าวงล้อมออกไปเหมือนพร้อมจะตายไปด้วยกัน

เมื่อถูกบีบจนอับจนหนทางก็ฝืนทำลายภูเขา พุ่งทะลวงเข้าไปในภูเขา

ทันทีที่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินพุ่งเข้าไปในภูเขา เทพมหาวิญญาณอีกสิบตัวก็รีบพุ่งตามเข้าไปทันที

ตู้มๆๆๆ ภูเขาลูกแล้วลูกเล่าพังถล่ม คล้ายฟ้าจะถล่มดินจะทลายอย่างไรอย่างนั้น

ยอดเขาที่สูงหลายพันจั้งลูกหนึ่งถูกเทพมหาวิญญาณสิบเอ็ดตนระเบิดพลังรุมทึ้ง บดขยี้ ฉีกกระชาก ประหนึ่งจะทำลายทั้งแดนแมงมุมสวรรค์ให้สิ้นซาก

ประชาชนจำนวนมากที่ยืนดูการถ่ายทอดสดอยู่ตรงหน้าฉากแสงต่างถูกภาพการทำลายล้างราวกับกำลังถล่มฟ้าดินของเทพมหาวิญญาณเหล่านั้นทำให้ตกตะลึงไม่น้อย

แล้วก็มีผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาจำนวนมากที่พากันรู้สึกครั่นคร้ามต่อเทพมหาวิญญาณขึ้นมาเมื่อได้เห็นภาพการทำลายล้างเช่นนี้ ช่างเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่จริง!

ผืนดินที่สั่นสะเทือนและพังถล่ม ฝุ่นควันที่คละคลุ้งฟุ้งกระจายขึ้นมาจากการไล่ล่าสังหาร

ภายในตำหนักด้านหลังของตำหนักคุนกว่าง หนานหรูที่ยืนมือไพล่หลังพลางจ้องมองการต่อสู้ร้อง ‘เอ๋’ ขึ้นมา “เหมือนจะเร็วขึ้นแล้ว….น่าสนใจนี่”

เขามองออกว่าความเร็วของเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่คล้ายพยายามฝืนยืนหยัดต่อสู้อย่างอ่อนแรงเหมือนจะเร็วขึ้นกว่าเดิม คล้ายว่าพยายามจะเร่งความเร็วของตัวเองเพื่อจะหลบเลี่ยงการโจมตีของเทพมหาวิญญาณอีกสิบตนนั้นให้ได้ ไม่รู้ว่าเป็นพลังแฝงที่ระเบิดออกมาในช่วงเวลาวิกฤติหรือเปล่า

……

ณ วังพิฆาตมารในเมืองหลวง คราคร่ำไปด้วยสรรพสิ่ง สัตว์เทพและวิหคเซียนเดินย่ำและโบยบินอยู่รอบๆ

ภายในส่วนลึกของวังพิฆาตมาร บนป้ายที่แขวนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าตำหนักหลักมีตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่ที่ดูดุดันน่าเกรงขามเขียนไว้ว่า ‘ตำหนักประจัญบาน’

ภายในตำหนักไม่มีที่นั่ง มีเพียงพรมสีเหลี่ยมที่ปูอยู่บนแท่นที่ลดหลั่นเป็นชั้นๆ ตรงด้านหน้าตำหนัก ไม่มีโต๊ะและเก้าอี้ มีแค่แท่นแท่นหนึ่ง แท่นนั้นมีชื่อว่าแท่นไพศาล

ชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาสง่างามผู้หนึ่ง หว่างคิ้วมีลายอักขระสีทองอยู่ดวงหนึ่ง เข่าข้างหนึ่งยกชันขึ้นมา แขนข้างหนึ่งวางเท้าอยู่บนหัวเข่า นั่งอย่างสง่าผ่าเผยอยู่บนแท่นไพศาล

อาภรณ์ภายนอกยิ่งขับให้ดูงามสง่า บนศีรษะสวมมงกุฎทองประดับประดาด้วยขนนกสีม่วง บนร่างสวมชุดแพรเฉียนคุน เอวคาดสายรัดหยก สวมรองเท้าสีม่วงทอง บุคลิกท่าทางสุขุมเยือกเย็น สายตายามที่เหลือบมองดูมากด้วยอำนาจบารมี

คนผู้นี้คือผู้บังคับบัญชาแห่งวังพิฆาตมาร ผู้คนเรียกขานว่าท่านสอง หรือก็คือหยางเจินผู้มีฉายาว่าเทพสงครามอันดับหนึ่งแห่งสภาเซียน!

ตรงเบื้องหน้าฉากแสงที่อยู่ในตำหนัก คนที่ทยอยเข้ามาในตำหนักก่อนหน้านี้พากันหยุดฝีเท้าหลังจากที่ได้เห็นภาพการต่อสู้บนฉากแสง คนหกคนกำลังยืนมองดูอยู่

บุคลิกของทั้งหกคนนี้ดูองอาจห้าวหาญ เปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขาม ยามที่เข้ามาในตำหนักประจัญบาน เหล่าทหารที่เฝ้าอารักขาต่างพากันทำความเคารพด้วยความนอบน้อม

ทั้งหกคนนี้มีนามว่า จื๋อเวย กัวฉีสวิน เหยาเทียนมี่ หลี่หรูเยียน จางเต้ากว่าง คังซ่า

ทั้งหกคนนี้ก็คือแม่ทัพเทพแห่งวังพิฆาตมารที่เหล่าร้ายภายในดินแดนเซียนต่างพากันหวาดกลัว ทั้งยังเป็นพี่น้องร่วมสาบานของหยางเจิน แล้วก็เป็นลูกน้องคนสนิทด้วย

ทั้งเจ็ดคนนี้เหมือนพร้อมที่จะบุกน้ำลุยไฟ ตะลุยนรกทะลวงสวรรค์ไปด้วยกัน

ทั้งหกคนจ้องมองดูการถ่ายทอดสดการประมูลเทพมหาวิญญาณที่อยู่ในฉากแสง ส่วนหยางเจินที่นั่งอยู่บนแท่นไพศาลก็ลุกขึ้นยืน ก้าวเดินลงมาจากบนแท่น เดินมาตรงหน้าฉากแสงเช่นเดียวกัน

หลังทั้งหกคนสังเกตเห็นก็ขยับเปิดทางให้ ต่างคนต่างมองดูเขา ทุกคนต่างรู้ว่าการที่ทำให้คนผู้นี้เดินเข้ามาได้ นั่นแสดงว่าในการประมูลครั้งนี้น่าจะมีจุดที่ทำให้เขารู้สึกสนใจขึ้นมา

“ความเร็วเพิ่มขึ้นแล้ว!” ดวงตาทั้งสองของหยางเจินจ้องมองดูฉากแสง พลางเอ่ยเนิบๆ ด้วยน้ำเสียงใสกระจ่างและเยือกเย็นว่า “เป็นกลลวง! จะลงมือแล้ว…. คนที่ควบคุมเป็นใคร?”

……

ดินแดนที่แมงมุมสวรรค์อาศัยอยู่นั้นเต็มไปด้วยอันตราย นานวันเข้า สัตว์ต่างๆ ที่อยู่นอกดินแดนก็ไม่กล้ารุกล้ำเข้าไป ทำให้ทุกวันนี้การจับเหยื่อเป็นไปด้วยความยากลำบาก ด้วยเหตุนี้ทันทีที่มีเหยื่อรุกล้ำเข้ามา แมงมุมสวรรค์ที่จับกลุ่มรวมกันจะต้องมีความดุร้ายเป็นอย่างมากแน่นอน ภายในหัวคิดเพียงแต่จะล่าเหยื่อโดยไม่สนใจความเป็นความตาย

แต่ยามนี้ในแดนแมงมุมสวรรค์เกิดความโกลาหลวุ่นวาย พื้นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่น หมู่เขาพังถล่ม ยอดเขาพังพินาศ ฝุ่นควัน คล้ายกำลังเริงระบำอย่างคลุ้มคลั่ง ราวกับเป็นวันสิ้นโลกอย่างไรอย่างนั้น

ในที่สุดความกระหายที่หมายจะล่าเหยื่อมาเติมเต็มความหิวโหยก็ถูกความรู้สึกต้องการมีชีวิตรอดเข้ามาแทนที่

ในสถานการณ์ที่คล้ายโลกกำลังจะพังถล่ม แมงมุมสวรรค์ที่สามารถหลีกหลบหายนะไปได้ย่อมไม่กล้าชักช้ารีรออีก ในที่สุดก็เกิดความหวาดกลัว พากันแยกย้ายหลบหนีไป

หลินยวนที่อยู่ท่ามกลางการต่อสู้อย่างดุเดือด ฉวยโอกาสเหลือบมองดูเทพมหาวิญญาณแปดตนที่มองดูการต่อสู้อยู่กลางอากาศ ก่อนจะแค่นเสียงกล่าวว่า “มาแล้วแต่ไม่ยอมเข้ามา ดูเหมือนคงจะไม่ลงมือสินะ”

ทันทีกล่าวจบ ร่างที่กระโจนไปมาอยู่ใน ‘วงเวทย์จักรวาลน้อยหวนคืน’ ก็ยิ่งดูพลิ้วไหวขึ้น ทวนที่ถูกถือไว้ด้วยมือข้างเดียวทิ่มแทงไปมาไม่หยุด

…..

องอาจและน่าเศร้า! สภาพของเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินน่าหดหู่เป็นอย่างมาก ภายใต้การรุมโจมตีเช่นนี้ ไหนเลยจะยังมีทางรอดไปได้ ผู้คนพากันโกรธเกรี้ยวขึ้นมา!

“นี่มันใช่การประมูลที่ไหน? ที่มันรังแกกันชัดๆ! สภาเซียนไม่ยุติธรรม!”

ภายในเมืองปู๋เชวี่ย ถนนเส้นหนึ่งแออัดไปด้วยผู้คนจนไม่สามารถสัญจรได้ แต่กลับไม่มีใครไปไล่ให้คนเหล่านั้นออกไป ทุกคนต่างจ้องมองฉากแสง

คนที่อารมณ์หวั่นไหวง่ายได้เอามือปิดหน้าพลางร่ำไห้ออกมา คนที่อารมณ์ร้อนพลันส่งเสียงตะโกนด่าออกมา

ทันทีที่มีคนตะโกนขึ้นมา คนอื่นๆ ก็พากันตะโกนด่าตามไปด้วย ทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ผู้คนชกต่อยกันขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยวด้วย

มีคนแก้ต่างให้สภาเซียน “สภาเซียนจะต้องมีเหตุผลที่จัดการประมูลแบบนี้ขึ้นมาแน่นอน”

“สาระแนไม่เข้าเรื่อง?” มีคนหมุนตัวเหวี่ยงหมัดออกไป ผู้คนฮือกันเข้าไปรุมทุบตี

เกิดเรื่องแล้ว! ผู้พิทักษ์เมืองมีความเคลื่อนไหวทันที รีบเข้ามาควบคุมสถานการณ์เอาไว้

ทั่วทั้งเมืองปู๋เชวี่ยต่างตกอยู่ในความรู้สึกโกรธเกรี้ยวที่อัดอั้นตันใจ

ไม่ว่าปกติจะมีความเกี่ยวพันกับหอการค้าตระกูลฉินหรือไม่ แต่คนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่เกิดและโตขึ้นที่นี่ พวกเขาย่อมต้องมีความเห็นใจต่อหอการค้าตระกูลฉิน

ในเวลาเช่นนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ หอการค้าตระกูลฉินถูกรังแกและดูแคลน ผู้คนต่างรู้สึกคล้ายตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งโกรธเกรี้ยวและเสียใจ แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ความรู้สึกบีบคั้นเช่นนี้ทำให้ประชาชนพากันโกรธแค้น!

“ผู้จัดการคะ ผู้จัดการช่วยไปบอกท่านประธานว่าไม่ต้องประมูลแล้วได้ไหมคะ ชนะไม่ได้แล้วค่ะ อย่าสู้เลยค่ะ ขอให้ท่านประธานช่วยหลัวคังอันออกมาเถอะนะคะ!”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการกลุ้มรุมโจมตีจนไม่มีทางถอยหนีเช่นนี้ เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่บาดเจ็บสาหัสเหมือนจะไม่มีทางรอดแล้ว หลัวคังอันกำลังจะต้องจบชีวิตลง หัวใจของจูเก่อม่านพังทลาย คุกเข่าลงตรงหน้าผู้จัดการแผนก กอดขาของผู้จัดการเอาไว้ กล่าวขอร้องวิงวอนด้วยน้ำตานองหน้า

ผู้จัดการมีสีหน้าลำบากใจ เขาไหนเลยจะมีความสามารถไปพูดเช่นนั้นได้ แต่เขาเองก็รู้สึกทนดูต่อไปไม่ได้เช่นกัน รู้สึกปวดใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้

…..

“ภายในเมืองปู๋เชวี่ยเกิดการลุกฮือขึ้นมา คนจำนวนมากพากันตะโกนว่าสภาเซียนไม่ยุติธรรม ใกล้จะเกิดการจลาจลแล้วครับ!”

บนที่นั่งกรรมการ มีคนเดินเข้ามาทางด้านหลังลั่วเทียนเหอ กระซิบข้างๆ หูเขา กล่าวรายงานสถานการณ์ภายในเมืองปู๋เชวี่ยเสียงเบาๆ

ลั่วเทียนเหอหันหน้าไปทันที กล่าวเสียงเบาๆ ว่า “ใครก่อเรื่อง จับ!”

คนที่มารายงานกล่าวเสียงเบาๆ ว่า “ท่านเจ้าเมืองครับ จับไม่ได้ครับ เยอะเกินไปครับ ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย จับไม่ทันแล้วครับ ถ้าฝืนจับ เกรงว่าจะเกิดเรื่องได้ครับ”

“ซู๊ด!” ลั่วเทียนเหอสูดหายใจลึกๆ คิดไม่ถึงว่าการประมูลนี้จะก่อให้เกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ได้ จากนั้นเหลียวหน้าไปมองดูฉากแสง โชคดีที่ใกล้แล้ว น่าจะใกล้จบแล้ว

เหล่าเจ้าเมืองคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ในที่นั่งกรรมการทต่างทยอยได้รับรายงานสถานการณ์ภายในเมืองของตน ภายในเมืองเหล่านั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่ประชาชนลุกฮือขึ้นมาด่าการประมูลเช่นกัน

เจ้าเมืองที่ได้รับแจ้งข่าวต่างมองหน้ากัน ก่อนจะมองไปยังตำแหน่งประธานที่อยู่ใต้ชายคา พบว่าเจ้าแคว้นหนานหรูยังคงไม่ปรากฏตัว

พวกเขาก็พอจะเข้าใจว่าเหตุใดท่านเจ้าแคว้นถึงไม่มาชมการประมูลข้างนอก การประมูลที่ไม่ยุติธรรมเช่นนี้ จะให้เจ้าแคว้นมานั่งดูต่อหน้าผู้คนจำนวนมากได้อย่างไร?

และในเวลานี้เอง ฉินอี๋ก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

ฉินอี๋หลั่งน้ำตาออกมาเงียบๆ ผู้หญิงที่แข็งกร้าวเช่นนี้กลับร้องไห้ออกมาต่อหน้าทุกคน

พอแล้ว! สำหรับเธอแล้ว หลัวคังอันได้ทำมามากพอแล้ว แล้วก็ยังมีหลินยวน บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าเจออันตรายก็ไม่ต้องสนใจ รีบหนีออกมาเลย ทำไมถึงยังไม่หนีอีก?

เมื่อดูจากสถานการณ์ที่เห็นอยู่ในตอนนี้ พวกเขาน่าจะไม่มีโอกาสให้หนี

เธอไม่สามารถนิ่งเงียบต่อไปได้อีก

ฉินอี๋เช็ดน้ำตาแล้วยืนขึ้น รีบก้าวเท้าไปยังแท่นที่นั่งของกรรมการ

หนานชีหรูอันรีบหันหน้ามองมาทันที ประธานของหอการค้าต่างๆ ก็พากันเหลียวหน้าไปมอง

ใบหน้าของฉินอี๋ที่เดินมาตรงแท่นที่นั่งของกรรมการเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ชี้ไปยังฉากแสงที่ทำการต่อสู้กันอยู่ กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า “นี่มันใช่การประมูลอย่างนั้นเหรอคะ? นี่มันยังใช่การประมูลอยู่อีกเหรอคะ? ทำไมถึงไม่สั่งหยุดคะ? ทุกท่านทำเหมือนว่าไม่เห็น ความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหนคะ?”

เจ้าเมืองทั้งสามสิบหกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครพูดอะไร ก็เหมือนอย่างที่เจ้าแคว้นหนานหรูว่ามา เบื้องหลังคนส่วนใหญ่ล้วนแต่มีกลุ่มอำนาจคอยสั่งการอยู่ แล้วจะให้พวกเขายุติธรรมได้อย่างไร? ตั้งแต่ตอนที่รุมกันต่อว่าฉินอี๋ พวกเขาก็ไม่เคยคิดจะประมูลอย่างยุติธรรมอยู่แล้ว

ในเวลานี้ยิ่งไม่มีทางมายึดถือความยุติธรรมอะไร

เลขาธิการตะวันออกฮั่นซาก้าวเดินลงมาจากบันได เข้ามาใกล้ฉินอี๋พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงคร่ำเคร่งว่า “ประธานฉิน ความสามารถในการต่อสู้จริงก็เป็นจุดที่ทำพิจารณาในการประมูลเช่นเดียวกันนะ!”

ฉินอี๋โต้แย้งอย่างดุเดือดว่า “ตัวท่านเลขาธิการเชื่อคำพูดของตัวเองด้วยเหรอคะ? มีการต่อสู้จริงแบบนี้ด้วยเหรอคะ? ขอเพียงไม่ได้ตาบอด ไม่ว่าใครต่างก็มองออกทั้งนั้นว่าหอการค้าแต่ละแห่งอยากจะรุมรังแกหอการค้าตระกูลฉิน!”

ฮั่นซาพลันโกรธเกรี้ยวขึ้นมา ชี้หน้าฉินอี๋พลางตะคอกด้วยความโมโห “กล้าดียังไง? นี่เป็นการประมูลที่ทางสภาเซียนจัดขึ้นมา ท่านเจ้าแคว้นเป็นคนตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมา แต่เธอกลับมาพูดจาเหลวไหลแบบนี้ คิดอยากจะทำลายการประมูล เธอมีเจตนาอะไรอยู่กันแน่?”

พวกจูลี่ที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่อีกฟากหนึ่งไม่ได้ยินว่าทางนี้กำลังคุยอะไรกัน แต่พวกหอการค้าตระกูลพานกลับมองมาทางด้านนี้อย่างสะใจ

ฟึบ! เงาร่างคนคนหนึ่งเข้ามาใกล้ ลั่วเทียนเหอปรากฎกาย ก้าวเท้าขึ้นมาก้าวหนึ่งจนเกือบจะชนฮั่นซา กล่าวต่อหน้าอีกฝ่ายว่า “ไม่จำเป็นต้องมาแข่งกันว่าใครเสียงดังกว่า การประมูลมันดูแล้วก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ”

“ท่าน…” ขณะที่ฮั่นซากำลังจะอ้างถึงคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าเพื่อข่มอีกฝ่าย ลั่วเทียนเหอก็ยกมือขึ้นมาปราม ไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีก หมุนตัวไปหาฉินอี๋แล้วกล่าวว่า “ยังไม่ถอยไปอีก!”

เขาเข้าใจความรู้สึกของฉินอี๋ การแพ้ชนะในการประมูลมันเกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของหอการค้าตระกูลฉิน อีกทั้งในเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินก็ยังมีชายคนรักของนังหนูคนนี้อยู่ด้วย

แต่ในการตัดสินใจของคนระดับสูงบางกลุ่มนั้นมีผลประโยชน์จำนวนมหาศาลแอบแฝงอยู่ ลำพังเพียงหอการค้าตระกูลฉินไม่มีทางไปแทรกแซงอะไรได้ หากก่อเรื่องวุ่นวายต่อไปก็รังแต่จะสร้างปัญหาให้ตัวเอง

ฉินอี๋โกรธแค้นจนยากจะทนได้ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฮั่นซา เธอก็ได้แต่ต้องใจเย็นลงหน่อย เธอรู้ดีว่าการก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นในสถานการณ์แบบนี้นั้นมีผลเป็นอย่างไร จึงกัดฟันกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็ขอท่านเลขาธิการช่วยสั่งหยุดการรุมโจมตีด้วยค่ะ แล้วเดี๋ยวทางหอการค้าตระกูลฉินจะถอนตัวจากการประมูลดีไหมคะ?”

การตัดสินใจแบบนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากสำหรับเธอ แต่สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้ามันก็เห็นกันอยู่ชัดเจนแล้ว หากฝืนดึงดันต่อไปก็ต้องแพ้เหมือนเดิม เช่นนั้นมิสู้ยอมแพ้ดีกว่า

ฮั่นซากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องนี้เธอมาพูดกับฉันก็ไม่มีประโยชน์” ก่อนจะหมุนตัวไปอีกด้าน ชี้ไปยังเหล่ากรรมการที่นั่งอยู่ในที่นั่งเพื่อบอกว่าให้ไปพูดกับพวกเขา

………………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน