ตอนที่ 109 สังหารต่อเนื่อง
มองเห็นอะไร?
ตูม! ดาบทวนปะทะกัน เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉวี่ที่ถือดาบกับเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลอู๋ที่ถือทวนเข้าปะทะกัน ก่อนจะกระโดดถอยหลังไปแทบจะในเวลาเดียวกัน
หลังแยกออกจากกัน ทั้งสองก็ไม่ได้เข้าโรมรันกันต่อเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ เหตุผลหลักๆ เป็นเพราะหวงอวี่ไม่ได้เข้ามาพัวพันกับเขาอีก
ทั้งสองคนที่แยกออกจากกันลอยอยู่บนฟ้า มองดูตำแหน่งที่เทพมหาวิญญาณตนหนึ่งเหยียบเทพมหาวิญญาณอีกสองตนลงไปบนพื้น
พื้นดินสั่นสะเทือน ท่ามกลางฝุ่นควันที่ระเบิดคละคลุ้งขึ้นมามีเสียงคำราม ‘เข้ามาสิวะ’ ดังกึกก้องออกมา
หวงอวี่เคยพูดคุยกับหลัวคังอัน จึงฟังออกว่าเป็นเสียงใคร เขาเห็นเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่พุ่งออกมาจากฝุ่นควันได้เหวี่ยงทวนปะทะกับเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลเผยต่อ เทพมหาวิญญาณอีกเจ็ดตนก็พุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกัน
เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินยังคงพุ่งซ้ายทะลวงขวา ไม่ยอมถูกปิดล้อม
ท่าทางดูคล้ายหวาดกลัวว่าจะถูกปิดล้อมอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งหอการค้าตระกูลฉินหวาดกลัว หอการค้าอีกแปดตระกูลก็ยิ่งพยายามปิดล้อมอย่างเต็มที่
แต่สำหรับหวงอวี่และขุยชิวแล้ว นี่ไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญคือในการต่อสู้เมื่อครู่นี้ พวกเขาถูกความสามารถในการสังหารเทพมหาวิญญาณสองตนในพริบตาของหอการค้าตระกูลฉินทำให้ตกใจ
และนี่ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทั้งสองไม่ได้เข้าปะทะกันอีก เพราะความสามารถนั้นมันก็ไม่เหมือนกับความสามารถที่หอการค้าตระกูลฉินแสดงออกมาให้เห็นตอนอยู่ใต้ฝูงแมงมุมสวรรค์ก่อนหน้านี้เลย อีกทั้งยังไม่เหมือนอย่างมากด้วย
ขุยชิวเป็นคนหนึ่งที่รับรู้ถึงความแตกต่างที่ว่านั้นได้มากที่สุด หอการค้าตระกูลฉินไหนเลยจะมีความสามารถแบบนั้นได้ หากมีความสามารถเช่นนั้นล่ะก็ อย่างนั้นร่องรอยความเสียหายบนตัวเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินเหล่านั้นเป็นฝีมือใคร? แขนของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินที่ถูกฟันขาดเป็นฝีมือใคร ก่อนหน้านี้เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินถูกเขาโจมตีจนเฉียดตายอยู่หลายครั้ง หากไม่เป็นเพราะหอการค้าตระกูลอู๋สอดมือเข้ามาช่วย เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถจัดการหอการค้าตระกูลฉินได้อย่างง่ายดาย
แต่หอการค้าตระกูลฉินที่อยู่เบื้องหน้าในตอนนี้ยังจะสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายอยู่ไหม? คิดไม่ถึงว่าภายใต้การรุมล้อมโจมตีของเทพมหาวิญญาณสิบตน อีกฝ่ายจะสามารถสังหารหอการค้าตระกูลจู่และหอการค้าตระกูลเฟิงได้อย่างง่ายดาย!”
คล้ายว่าเปลี่ยนเป็นคนละคน!
ขุยชิวคิดถึงสิ่งที่ทางหอการค้าตระกูลฉวี่สอบถามก่อนหน้านี้ สายตาหันมองกลับไป ก่อนจะมองเห็นเศษซากเทพมหาวิญญาณสามตนที่อยู่ใต้กองซากศพแมงมุมสวรรค์ที่อยู่ห่างออกไป
หอการค้าตระกูลเมิ่ง หอการค้าตระกูลเซวียน หอการค้าตระกูลหลานล้วนไม่ได้หลบหนี เป็นเขาที่เข้าใจผิด เช่นนั้นใครเป็นคนฆ่า?
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่หอการค้าตระกูลอู๋อย่างแน่นอน หอการค้าตระกูลอู๋ต่อสู้พัวพันอยู่กับเขา แทบจะไม่ได้หายไปจากสายตาเขาเลย เช่นนั้นยังจะเป็นฝีมือใครได้อีก?
ขุยชิวเหลียวหน้ากลับไปมองเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของเทพมหาวิญญาณอีกแปดตน ภายในใจรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา หอการค้าตระกูลฉินแสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ!
หวงอวี่เองก็เหลียวหน้ากลับไปมองเศษซากเทพมหาวิญญาณสามตนนั้น จากนั้นคิดถึงภาพที่หอการค้าตระกูลเฟิงและหอการค้าตระกูลจู่ถูกสังหาร ก่อนจะมองดูภาพหอการค้าตระกูลฉินกำลังเผชิญหน้ากับหอการค้าอีกแปดแห่ง ภายในใจลอบสบถด่าขึ้นมาทันที ไอแซ่หลัวช่างเสแสร้งเก่งจริงๆ ที่แท้ก่อนหน้านี้ไม่ได้แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาเลย แล้วยังกล่าวคำพูดเหล่านั้นอีก นี่เราถูกหลอกชัดๆ แล้วยังมีหน้าไปคิดเป็นจริงเป็นจังจนรู้สึกซึ้งใจอีก!
ตอนนี้ทั้งสองรู้สึกลังเลขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะร่วมวงต่อสู้หรือไม่
ขุยชิวเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา หอการค้าตระกูลเมิ่ง หอการค้าตระกูลเซวียน หอการค้าตระกูลหลานล้วนตายอยู่ไม่ไกลจากเขา แต่เขาแทบจะไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้อะไรเลย!
แต่หวงอวี่กลับหวาดกลัวว่าคู่ต่อสู้ของหอการค้าตระกูลฉินมีจำนวนเยอะเกินไป คนที่หอการค้าแต่ละแห่งส่งมาล้วนแต่เป็นมือดี แค่ขุยชิวเพียงคนเดียวก็ทำให้เขาแทบจะผละไปไหนไม่ได้แล้ว หากเขาเข้าไปร่วมวงแล้วถูกล้อมโจมตี เขาไม่แน่ว่าจะรับมือไหว!
ขุยชิวไม่มีทางเลือก จำใจต้องเข้าไป ทางหอการค้าตระกูลฉวี่ติดต่อเขามาอีกแล้ว ถามเขาว่ามัวชักช้ารีรออะไร ให้เขารีบเข้าไปร่วมวงต่อสู้ ต้องกำจัดเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินให้ได้
สำหรับหอการค้าตระกูลฉวี่ หอการค้าตระกูลอูและหอการค้าตระกูลเผยที่เป็นผู้มีผลประโยชน์อยู่แต่เดิมแล้ว ฝีมือที่หอการค้าตระกูลฉินแสดงออกมาในเวลานี้ได้เผยให้เห็นถึงความสามารถที่จะกลืนกินผลประโยชน์ของหอการค้าทั้งสามแห่งแล้ว
สุดท้ายขุยชิวก็พุ่งเข้าไป เข้าไปร่วมการต่อสู้ ในการประมือครั้งนี้ เขายิ่งมั่นใจว่าก่อนหน้านี้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินล้วนแต่เสแสร้งแกล้งทำ!
หวงอวี่ค่อนข้างกระอักกระอ่วน มองดูเทพมหาวิญญาณอีกแปดตนที่ลอยนิ่งๆ อยู่บนฟ้า จากนั้นมองไปยังเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินอีกครั้ง พบว่าอีกฝ่ายยังรับมือไหว จึงหยุดการต่อสู้แล้วดูอยู่ข้างๆ คิดจะสังเกตการณ์ไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
…..
ลั่วเทียนเหอกลับมายังที่นั่งของตน
ในตอนที่เลขาธิการตะวันออกฮั่นซาเดินผ่านฉินอี๋ เขาเหลือบมองดูฉินอี๋เล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนแท่น
เดิมทีเขาคิดอยากจะถามฉินอี๋ว่าเธอบอกว่าจะถอนตัวออกจากการประมูลไม่ใช่เหรอ? แต่เมื่อคิดๆ ไป สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา คนที่อยู่ในแดนแมงมุมสวรรค์ยังไม่พูดอะไรเลย เขาไม่มีความจำเป็นต้องหาเรื่องขายหน้าให้ตัวเอง
เลขาธิการกลางซุนฉีซั่งยังยืนอยู่ข้างกายฉินอี๋ จ้องมองการต่อสู้ที่อยู่ในฉากแสง พร้อมกล่าวประโยคหนึ่งว่า “ประธานฉิน ถ้าเธอเปลี่ยนคนล่ะก็ ไม่แน่ว่าจะมีความสามารถในการรับมือกับการรุมโจมตีเช่นนี้ก็ได้นะ”
ตอนนี้ฉินอี๋ร้องไห้ไม่ออก แล้วก็ดีใจไม่ได้ เพราะว่าเทพมหาวิญญาณของเธอยังอยู่ในวงล้อมการโจมตี เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไร
ในตอนที่เธอวางแผนจะให้เจียงอวี้เข้าร่วมการประมูล เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าหอการค้าแต่ละแห่งจะหน้าไม่อายกันถึงขนาดนี้ ร่วมมือกันรุมโจมตีตั้งแต่เริ่ม แล้วก็คิดไม่ถึงว่ากฎของเจ้าแคว้นหนานหรูจะเป็นปัญหากับเธอขนาดนี้ เดิมทีเธอเพียงแต่วางแผนจะให้เจียงอวี้แค่ผ่านด่านการประมูลให้ได้เท่านั้น
เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ หากเจียงอวี้ลงไปประมูลล่ะก็ บางทีอาจจะเป็นอย่างที่ซุนฉีซั่งกล่าวมาจริงๆ ก็ได้ เกรงว่าเขาอาจจะไม่มีความสามารถในการรับมือกับการรุมโจมตีที่หน้าไม่อายเช่นนี้ได้
ซุนฉีซั่งเหลียวหน้ากลับมามองเธอ “ประธานฉิน เธอเองก็แสดงได้แนบเนียนเกินไปหรือเปล่า ไม่เพียงแต่จะหลอกฉันได้ เกรงว่าทุกคนคงถูกเธอหลอกกันหมดแล้วมั้ง”
ฉินอี๋หันหน้ากลับมาอย่างงุนงง “ท่านเลขาธิการกลางหมายความว่ายังไงคะ?”
ซุนฉีซั่งแค่นเสียงเหอะ “คนของเธอแสร้งทำเป็นอ่อนแอตั้งแต่เริ่ม เธออย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้?”
ฉินอี๋ประหลาดใจ “แสร้งทำเป็นอ่อนแอ?”
ซุนฉีซั่งชี้ไปยังสถานที่ที่มีเศษซากของเทพมหาวิญญาณสามตนนอนกองอยู่ “หากฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ ตอนที่เขาอยู่ใต้ฝูงแมงมุมสวรรค์ที่กองพะเนินเป็นภูเขา เขาคงจะกำจัดเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลเมิ่ง หอการค้าตระกูลเซวียนกับหอการค้าตระกูลหลานไปแล้ว”
“หา!” ฉินอี๋ตกใจ “ไม่ใช่ฝีมือของหอการค้าตระกูลอู๋หรือคะ?”
ซูนฉีซั่งกล่าว “เธอคิดว่าฉันมองไม่ออกเหรอ? จากที่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลอู๋สู้กับหอการค้าตระกูลฉวี่เมื่อครู่นี้ เธอคิดว่าเขาจะมีเวลาออกมาฆ่าเทพของหอการค้าทั้งสามตระกูลนั่นเหรอ? หรือว่าหอการค้าตระกูลอู๋จะแสดงด้วยเหมือนกัน?”
“…..” ฉินอี๋มึนงงเล็กน้อย เธอเหลียวหน้ากลับไปมองฉากแสงที่กำลังทำการต่อสู้กันอยู่ รู้สึกยากจะเชื่อได้ เทพมหาวิญญาณทั้งสามตัวนั้นก็เป็นฝีมือของหลัวคังอันอย่างนั้นเหรอ?
เธอพบว่าหลัวคังอันผู้นี้เก็บงำความสามารถเอาไว้เสียมิดชิดทีเดียว!
ซุนฉีซั่งดูปฏิกิริยาของเธอ รู้สึกสงสัยเล็กน้อย เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ตามหลักแล้วฉินอี๋ไม่มีความจำเป็นต้องหลอกเขาอีก แต่เมื่อดูจากท่าทางแล้ว ผู้หญิงคนนี้เหมือนจะไม่รู้เรื่องจริงๆ
เขามองดูเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่กำลังทำการต่อสู้อย่างดุเดือด ยกมือขึ้นลูบเคราพลางกล่าวว่า “เธอยืนอยู่ตรงนี้ดูไม่ดีเท่าไร กลับไปนั่งเถอะ”
“ค่ะ!” ฉินอี๋ค้อมตัวเล็กน้อย แต่จู่ๆ ก็ถามออกมาว่า “ท่านเลขาธิการคะ ท่านว่าเทพมหาวิญญาณของฉันจะเอาชนะได้ไหมคะ?”
เธอเพิ่งจะกล่าวจบ รอบๆ ก็มีเสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นมา เธอเหลียวหน้าไปดู เห็นเทพมหาวิญญาณตนหนึ่งร่วงตกลงมาจากฟ้า กระแทกลงบนพื้น ส่วนการฆ่าฟันบนท้องฟ้ายังคงดำเนินต่อไป
“เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลกู่ถูกเขากำจัดไปอีกแล้ว!” มือที่ลูบเคราอยู่ของซุนฉีซั่งหยุดชะงัก กล่าวพึมพำว่า “คนที่เธอส่งลงมาสู้คนนี้ไม่ธรรมดา หอการค้าที่รุมโจมตีอยู่รอบๆ ต่างหลงกลเขาแล้ว ก่อนหน้านี้เขาแสร้งทำเป็นอ่อนแอ ไม่ลงมือสังหารหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพาน แสร้งทำเป็นรับมือได้อย่างยากลำบาก ทำท่าเหมือนพร้อมจะล้มลงได้ทุกเมื่อ นั่นก็เพื่อทำให้คนอื่นตายใจ คิดว่าเป็นจังหวะดีที่จะลงมือ ล่อให้หอการค้าอีกแปดแห่งมารุมโจมตี”
“หลังล่อมาได้แล้ว เขาก็ยังไม่ลงมือจัดการในทันที หากแต่แสร้งทำเป็นฝืนรับมือเอาไว้ ล่อให้หอการค้าเหล่านั้นกลุ้มรุมโจมตี หลังยื้อจนได้เวลาแล้ว เขาถึงจะทำให้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าต่างๆ ได้รับความเสียหายทีละน้อยๆ โดยไม่รู้ตัว อีกทั้งตำแหน่งที่เกิดความเสียหายเหล่านั้นก็ยังพอเหมาะพอเจาะยิ่งนัก จะโจมตีอย่างรุนแรงก็ทำไม่ได้ จะล้มก็ไม่ล้มเช่นกัน แต่ความสามารถในการแสดงพลังในด้านต่างๆ ได้ถูกลดทอนลง ถ้าเป็นแบบนี้เกรงว่าคงยากจะผ่านด่าน ‘หล่อหลอมกายา’ และ ‘ข่ายพลังหมื่นฤทธา’ ได้
“หอการค้าแต่ละแห่งที่เข้าร่วมการล้อมโจมตีในตอนนี้เหมือนกำลังดื่มยาพิษเพื่อดับกระหาย จะล้มเลิกก็ไม่ได้ ทำได้เพียงพยายามหาวิธีเอาชนะให้ได้ เจ้าหลัวคังอันคนนี้มันร้ายจริงๆ ไม่เสียทีที่เป็นผู้พิทักษ์เทพในเมืองหลวงมาหลายปี เชี่ยวชาญกลยุทธ์การต่อสู้ของเทพมหาวิญญาณ เธอจ้างเขาด้วยเงินเดือนที่สูงก็นับว่าจ้างถูกคนแล้ว เธอให้รางวัลเขาอย่างงาม เขาก็ตอบแทนเธออย่างงาม! ตอนนี้เขาควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้…แค่คนคนเดียวแต่กลับควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้ ช่างเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ หอการค้าเหล่านั้นอยากจะกำจัดเขา เกรงว่าคงไม่ง่าย”
ส่วนจะเอาชนะได้หรือไม่นั้น เขาเองก็ไม่ได้พูดออกมา ถ้าไม่ถึงท้ายที่สุด ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นได้เสมอ คำพูดบางอย่างไม่สะดวกจะพูดออกไป ทันทีที่กล่าวจบก็หมุนตัวกลับไปยังแท่นที่อยู่ตรงหน้าตำหนัก
ฉินอี๋เข้าใจความหมายของอีกฝ่าย เธอมองดูเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่กำลังต่อสู้อยู่ คิดไม่ถึงเลยว่าหลัวคังอันที่ดูพึ่งพาไม่ได้คนนั้นจะร้ายกาจเหมือนอย่างที่ตัวเองคุยโวเอาไว้จริงๆ เรียกได้ว่ามีความสามารถ ทว่าไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือจริงๆ!
สถานการณ์ดำเนินมาถึงตอนนี้ อารมณ์ของฉินอี๋คงที่แล้ว กลับมาสงบเยือกเย็น หมุนตัวเดินกลับไปยังที่นั่งของตนเอง
แต่ยังเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบพูดคุยอีก จึงเหลียวหน้ากลับไปมอง ก่อนจะเห็นเทพมหาวิญญาณตนหนึ่งร่วงตกลงมาอีกครั้ง จากนั้นได้ยินเสียงคนพูดขึ้นมาเบาๆ ว่าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลว่านถูกกำจัดไปอีกแล้ว
เธอเดินๆ หันๆ เช่นนี้ไปจนถึงด้านหน้าที่นั่ง เมื่อไปถึงตรงหน้าที่นั่งเธอถึงได้พบว่าประธานหอการค้าที่นั่งอยู่หลายคนได้ลุกออกไปแล้ว ไปรวมตัวอยู่ตรงข้างเสาที่อยู่ไม่ไกล ไม่รู้กำลังวางแผนอะไรกันอยู่
ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย จะต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อหอการค้าตระกูลฉินแน่
ฉินอี๋เพิ่งจะนั่งลง หนานชีหรูอันที่นั่งอยู่ถัดจากฉิงชุ่ยออกไปก็ชะโงกหน้าออกมา กล่าวกับเธอพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนว่า “ประธานฉินนี่แสดงได้ยอดเยี่ยมจริงๆ เลยนะครับ ปิดบังความสามารถเอาไว้เสียมิดชิดจริงๆ มิน่าถึงมีความมั่นใจในการประมูลครั้งนี้อย่างมาก!”
ท่านผู้นี้ก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ฉินอี๋พบว่าหลังจากที่หลัวคังอันแสดงความสามารถออกมาเช่นนี้แล้ว การกระทำทุกอย่างของตัวเองก่อนหน้านี้ล้วนแต่กลายเป็นการแสดงละครไปเสียหมดแล้ว ในเวลานี้เธอเองก็พูดอะไรไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไรด้วย จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าตอบกลับไปเล็กน้อย
“ว้าว หอการค้าตระกูลจวงก็เสร็จไปแล้ว” หนานชีหรูอันกล่าวเสริมขึ้นมาอีกประโยค
ฉินอี๋รีบเงยหน้าขึ้นดู พบว่าเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลจวงถูกเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินกดลงบนพื้น เข่าข้างหนึ่งกดเอาไว้บนหน้าอก พร้อมกับแทงทวนลงไปในศีรษะแล้วบิดหมุน หลังจากปลิดชีพศัตรูได้แล้ว เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินพลิกตัวกลิ้งไปทางด้านหลัง แทงทวนออกไปงัดร่างของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลจวงขึ้นมา ก่อนจะใช้ถีบเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลจวงจนกระเด็นออกไปรับดาบที่ฟันลงมาเอาไว้ ส่วนตัวเองก็กลิ้งตัวแล้วกระโดดออกไปเช่นกัน หลบการโจมตีที่กระหน่ำฟาดฟันลงมา
ความเคลื่อนไหวนี้เรียกได้ว่ารวดเร็วดุดัน การลงมือนั้นเรียกได้ว่าโหดเหี้ยมเด็ดขาด เหลือแขนแค่เพียงข้างเดียว แต่กลับมองไม่เห็นถึงปัญหาใดๆ!
“ไม่ต้องกลัวๆ” หนานชีหรูอันยกมือขึ้นลูบศีรษะฉิงชุ่ยที่เอียงศีรษะมาหลบอยู่ที่หัวไหล่ของตน จุ๊ปากพลางกล่าวว่า “ยามที่ไม่ลงมือดูคล้ายคนป่วยขี้โรค ทันทีที่ลงมือกลับไม่ไว้ชีวิตกระทั่งคนที่อยู่ในเทพมหาวิญญาณ ไร้ความปราณีจริงๆ!”
ครั้งนี้นับว่าฉินอี๋ได้เห็นการลงมือสังหารศัตรูของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินอย่างชัดเจนแล้ว
ไป๋หลิงหลงที่ยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้ก็ค่อนข้างงุนงง เธอคิดไม่ถึงว่าหลัวคังอันจะเป็นหลัวคังอันแบบนี้ ที่แท้ก็แอบซ่อนความสามารถเอาไว้ มิน่าก่อนหน้านี้เขาถึงกล้าไปไหนมาไหนในเมืองปู๋เชวี่ยคนเดียว มิใช่ว่าเขาคิดไม่เป็น หากแต่เป็นเพราะเขาไม่กลัว!
เผิงซีที่ยืนอยู่ด้านหลังน้าชายของตัวเองละสายตาจากฉากแสง มองมายังฉินอี๋ สายตาของเขาเรียกได้ว่าแฝงไว้ด้วยความลุ่มลึกอย่างแปลกประหลาด
เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา แต่ผลสุดท้ายพบว่าตัวเองยังคงดูแคลนอีกฝ่ายเกินไป จากคำพูดที่เขาได้ยินมาจากพวกประธานหอการค้าที่กำลังพูดคุยกันเหล่านั้นทำให้เขารู้ว่าหอการค้าตระกูลฉินกับหอการค้าตระกูลอู๋ร่วมมือกัน นี่มันหมายความว่าอะไร? นี่หมายความว่าตระกูลหนานชีที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาได้แอบเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังหอการค้าตระกูลฉินมานานแล้ว!
แล้วก็ยังมีภาพที่ตัวเองได้เห็นก่อนหน้านี้ ผู้หญิงคนนี้แสดงเก่งจริงๆ กระทั่งเขาก็ยังหลงเชื่อ ความจริงผู้หญิงคนนี้วางแผนวกไปวนมา คนโง่หลงกลเข้าไป คนฉลาดก็หลงกลเข้าไปเช่นกัน ทำเอาหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวหัวหมุนไปตามๆ กัน
เขานับว่าเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรหลังจากที่เลิกเสแสร้งแกล้งทำ ตอนยังไม่ลงมือไม่มีอะไรน่ากลัว แต่พอได้ลงมือกลับโหดเหี้ยมดุดัน บดขยี้ทุกคนที่ขวางหน้า ไร้ซึ่งความปราณี!
เหล่าประธานของหอการค้าต่างๆ ที่อยู่ตรงหน้าได้ถูกหอการค้าตระกูลฉินปั่นหัวจนทำอะไรไม่ถูก ลนลานกันไปหมดแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาเกิดความคิดว่าฉินอี๋คือผู้หญิงที่เหมาะสมสำหรับตน หมายจะพังหอการค้าตระกูลฉินแล้วค่อยเข้าหาฉินอี๋ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มองเขาอยู่ในสายตาเลย ผู้หญิงแบบนี้เขาไม่กล้าเอาแล้ว การแต่งเอาผู้หญิงแบบนี้เข้าบ้านไม่ได้ต่างอะไรกับการหาเรื่องให้ตัวเองเลย ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป!
………………………………………………………………….