ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 128 เสวี่ยหลานเคยเข้าไป

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 128 เสวี่ยหลานเคยเข้าไป

ทันทีที่เอ่ยคำพูดนี้ออกไป กระทั่งเขาก็ยังนึกด่าตัวเองอยู่ในใจ การที่หาเรื่องใส่ตัวแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

เจ้าหน้าที่สอบสวนยังคงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพียงแค่ยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอนว่านับ ใครก็ตามที่เข้าใกล้เทพมหาวิญญาณก่อนการประมูลล้วนถือเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งสิ้น ”

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองปู๋เชวี่ย จริงๆ แล้วทางนี้ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

หลัวคังอันทำหน้าจริงจัง “เสวี่ยหลานเคยเข้าไป”

เจ้าหน้าที่สอบสวนสงสัย “เสวี่ยหลาน? เสวี่ยหลานเป็นใคร?”

หลัวคังอัน “เทพธิดาเสวี่ยหลาน”

“เทพธิดา?” เจ้าหน้าที่สอบสวนงุนงงไปทันที เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “เทพธิดาเสวี่ยหลานแห่งดินแดนเซียนคนนั้นน่ะเหรอ? เทพธิดาคนนั้นน่ะเหรอ? ” พร้อมทั้งยื่นมือออกมาทำไม้ทำมือตรงหน้าอกเพื่อสอบถามยืนยันอีกครั้ง

หลัวคังอันพยักหน้า “คนที่พวกเราพูดถึงน่าจะเป็นคนคนเดียวกัน เทพธิดาในดินแดนเซียนยังจะมีใครชื่อเสวี่ยหลานอีกอย่างนั้นเหรอ?”

เจ้าหน้าที่สอบสวนไม่เข้าใจ “เธอจะมีโอกาสเข้าใกล้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินได้ยังไง?”

หลัวคังอันกล่าว “ก่อนหน้านี้ไม่นาน ตอนที่มีการจัดงานตระเวนแสดงขึ้นในเมืองปู๋เชวี่ย เธอเคยเข้าไปในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉิน ”

เจ้าหน้าที่สอบสวนยิ่งไม่เข้าใจ “ผู้คุ้มกันของค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองปู๋เชวี่ยจะปล่อยให้เธอเข้าไปในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินได้ยังไง? หรือเธอแอบเข้าไปแล้วถูกคุณเห็นเข้าโดยไม่ตั้งใจ?”

หลัวคังอัน “ไม่ใช่ ผมเป็นคนพาเธอเข้าไปเอง”

เจ้าหน้าที่สอบสวนหันไปมองหน้าเจ้าหน้าที่จดบันทึกที่เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะถามหลัวคังอันที่อยู่ตรงหน้าต่อว่า “คุณพาเธอเข้าไปทำไม?”

หลัวคังอันมีท่าทีอึกอักลังเล นึกด่าตัวเองอยู่ในใจอีกครั้ง พร้อมทั้งสาปแช่งบรรพบุรุษของหลินยวน สุดท้ายเขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ก็สถานการณ์ในตอนนั้นมันจวนตัว จะไปที่อื่นก็ไม่สะดวก ผมก็เลยพาเธอเข้าไปในโรงเก็บเทพมหาวิญญาณที่เก็บเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินเอาไว้อยู่”

เจ้าหน้าที่สอบสวนสงสัย “อะไรคือสถานการณ์จวนตัว จะไปที่อื่นก็ไม่สะดวก?”

หลัวคังอันลังเลเล็กน้อยขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะบอกไปว่า “อันที่จริงผมกับเธอรู้จักกันมานานแล้ว ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ที่หลิงซาน…..” เขาบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์อันน่าคับแค้นใจของตัวเองกับเสวี่ยหลานในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา แล้วก็ยังเล่าถึงเหตุการณ์หลังจากที่ได้พบกันโดยบังเอิญในครั้งนี้ เพราะบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องสําคัญ จึงไม่ได้ปิดบังเรื่องสกปรกที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองและเสวี่ยหลาน

หลังจากได้ยินเรื่องเหล่านี้ หลายคนที่อยู่ในห้องสอบสวนต่างมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง

ทุกคนมองหลัวคังอันด้วยสายตาเหลือเชื่อ พบว่าชายคนนี้ช่างตัณหากลับเสียจริง คิดไม่ถึงว่าจะกล้าพาเสวี่ยหลานเข้าไปในห้องควบคุมของเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินเพื่อทําเรื่องสกปรกแบบนั้น เขาบ้าไปแล้วเหรอ!

โชคดีนะที่เป็นเทพมหาวิญญาณของหอการค้า ถ้าเป็นเทพมหาวิญญาณของค่ายผู้พิทักษ์เทพละก็ ใครก็ตามที่กล้าทำเรื่องแบบนี้จะต้องถูกแล่เป็นชิ้นๆ แน่!

หัวหน้าเจ้าหน้าที่สอบสวนกลืนน้ำลายแล้วถามต่ออีกว่า “ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้บอกเรื่องนี้กับทางหอการค้าตระกูลฉินหรือ?”

หลัวคังอันส่ายศีรษะอย่างเงียบ ๆ

เจ้าหน้าที่สอบสวนถามต่อว่า “แล้วทำไมตอนนี้คุณถึงพูดมันออกมาละ?”

เขาเตรียมข้ออ้างสำหรับเรื่องนี้เอาไว้แต่แรกแล้ว หลัวคังอันกล่าวด้วยใบหน้าคร่ำเคร่งว่า “ทันทีที่เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินเกิดปัญหาขึ้น ตัวผมที่กำลังควบคุมอยู่ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ หลังกลับมาที่นี่ ผมก็ได้ทำการตรวจสอบจุดที่เกิดความเสียหายดู ซึ่งมันบังเอิญตรงกับตำแหน่งที่เสวี่ยหลานเคยเข้าไปพอดี ตอนนี้ผมเริ่มนึกสงสัยแล้วว่าบางทีเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว…..” ก่อนจะหยุดแต่เพียงเท่านี้ เชื่อว่าทุกคนคงจะเข้าใจความหมายที่เขากำลังจะสื่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และตัวเขาก็ไม่กล้าปกปิดอีกต่อไปแล้ว

เหล่าเจ้าหน้าที่สอบสวนรู้สึกยากจะเชื่อได้ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าคนที่ไม่น่าจะมีปัญหาที่สุด กลับมีปัญหาบางอย่างแอบซ่อนเอาไว้อยู่

ถูกต้อง นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก แล้วก็น่าตกตะลึงเป็นอย่างมากด้วย

เจ้าหน้าที่สอบสวนไม่กล้าลังเล เขายืนขึ้นแล้วพูดว่า “พักก่อนสักครู่” ก่อนจะหันกลับไปกำชับให้คนอื่นๆ เฝ้าหลัวคังอันเอาไว้ให้ดี ส่วนตัวเองขอบันทึกการสอบสวนแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่ออกไป เขาก็รีบตรงไปเข้าพบซุนฉีซั่งที่เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ทันที เขาเล่าเรื่องการสอบสวนทั้งหมด พร้อมทั้งมอบบันทึกการสอบสวนให้ซุนฉีซั่งดูด้วย

ซุนฉีซั่งที่เข้าใจในสถานการณ์ทั้งหมดหนังตากระตุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เขารีบสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างๆ ทันที “ปิดเรื่องนี้ไว้ หากไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าใครก็ห้ามออกไปไหน ตอนนี้งานตระเวนแสดงยังคงทำการแสดงอยู่ รีบไปตรวจสอบกับทางทีมจัดแสดง หาว่าเสวี่ยหลานอยู่ที่ไหน จากนั้นแจ้งทางผู้พิทักษ์เมืองให้ควบคุมตัวเสวี่ยหลานทันที บอกกับเจ้าหน้าที่ทางนั้นว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการประมูลของสภาเซียน เบื้องลึกเบื้องหลังค่อนข้างซับซ้อน จึงจำเป็นต้องปิดข่าวและดำเนินการควบคุมตัวเสวี่ยหลานอย่างลับๆ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น แล้วก็ต้องรับประกันความปลอดภัยของเสวี่ยหลานด้วย มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา!”

ถ้าหากเป็นเสวี่ยหลานคนนั้นจริงๆ เขากลัวว่าถ้าหากเรื่องนี้รั่วไหลออกไป อาจจะทำให้เสวี่ยหลานตกอยู่ในอันตรายได้

“ครับ” ผู้ใต้บังคับบัญชารีบรับคำสั่งแล้วออกไป

แต่ไปได้ไม่นาน ผู้ใต้บังคับบัญชาก็รีบวิ่งกลับมารายงานว่า “ท่านเลขาธิการ เสวี่ยหลานคนนั้นประสบอุบัติเหตุไปตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อน เธอพลัดตกจากหน้าผาตายแล้วครับ”

ซุนฉีซั่งที่กำลังเอามือไพล่หลังและเดินครุ่นคิดกลับไปกลับมาพลันหยุดชะงัก เอ่ยด้วยน้ำเสียงคร่ำเคร่งว่า “พลัดตกจากหน้าผาตาย? เมื่อไหร่กัน!”

ผู้ใต้บังคับบัญชารีบส่งข้อมูลที่รวบรวมมาให้เขาดูทันที “ได้รับการยืนยันแล้วครับ แล้วก็ทำการตรวจสอบกับทางทีมจัดแสดงมาแล้ว เสวี่ยหลานเกิดอุบัติเหตุจริงๆ ครับ เวลาที่เกิดอุบัติเหตุนั้นบังเอิญมากๆ เป็นวันที่การประมูลเริ่มต้นขึ้นพอดีครับ”

เมื่อได้ฟังการรายงานและอ่านข้อมูลที่รวบรวมมาได้ ซุนฉีซั่งก็ตบเอกสารกลับไปบนอกของผู้ใต้บังคับบัญชา ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ช่างบังเอิญเสียจริง!”

เขากลับไปเอาบันทึกคำรับสารภาพของหลัวคังอันแล้วรีบเดินออกไป ไปที่ตำหนักคุนกว่างเพื่อเข้าพบเจ้าแคว้นหนานหรูอย่างรีบเร่ง

ฉินอี๋ที่คอยติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอเห็นซุนฉีซั่งที่ก็จู่ๆ ก็รีบวิ่งออกไป จึงเข้าไปถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ข่าวถูกปิดเอาไว้ แม้แต่ซุนฉีซั่งก็ไม่ได้เผยข้อมูลใดๆ ให้เธอทราบเลย ดังนั้นเธอจึงสอบถามข้อมูลอะไรไม่ได้ นี่ยิ่งทำให้ฉินอี๋ตระหนักได้ว่ามีการสืบพบข้อมูลอะไรบางอย่างเข้าแล้ว

เธอค่อนข้างประหลาดใจ นึกว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นคดีที่หาเบาะแสอะไรไม่พบเสียอีก คิดว่าในเมื่อมีคนกล้าทำเรื่องแบบนี้ เช่นนั้นคงจะไม่ถูกเปิดโปงง่ายๆ แน่ คิดไม่ถึงเลยว่าทางนี้จะสืบพบอะไรเร็วขนาดนี้

ภายในตำหนักคุนกว่าง หนานหรูพลิกดูบันทึกการสอบสวนที่ได้รับมา พอดูจบแล้วก็ฉีกยิ้มเล็กน้อย “หลัวคังอันคนนี้ช่างเป็นคนที่ไม่ธรรมดาที่ชอบทำเรื่องไม่ธรรมดาจริงๆ น่าสนใจ”

ซุนฉีซั่งถามว่า “การเสียชีวิตของเสวี่ยหลานคนนี้บังเอิญเกินไป อาจจะมีปัญหาอยู่จริงๆ ครับ ”

หนานหรูเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สำหรับเขาแล้ว เรื่องนี้ไม่สำคัญ เสวี่ยหลานจะเป็นหรือตายเขาไม่ได้สนใจ แม้แต่เรื่องที่หอการค้าตระกูลฉินถูกเล่นสกปรกในครั้งนี้ก็ไม่ได้สำคัญสำหรับเขาเช่นกัน เขาส่งบันทึกสอบสวนคืนไป “เอาไปให้อาจารย์คนนั้นของฉันดู ให้เขาไปจัดการเอง”

“ครับผม” ซุนฉีซั่งรับคำสั่งแล้วออกไป

เขาออกมาจากตำหนักคุนกว่าง ตรงไปยังสำนักงานของเมืองปู๋เชวี่ยที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของแคว้นเซียน ทันทีที่พบลั่วเทียนเหอก็อธิบายเรื่องราวให้ลั่วเทียนเหอฟัง

หลังจากอ่านบันทึกการสอบสวนในมือจบ สีหน้าของลั่วเทียนเหอพลันดูมืดมน เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ภายในดวงตาฉายแววดุร้ายออกมา ตะโกนกร้าวออกมาทันทีว่า “อวดดี! ”

ก่อนจะเหลียวหน้ากลับไปแล้วตะโกนอีกว่า “เจ้าหน้าที่!”

……

จู่ๆ ฉินอี๋ที่อยู่ในค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองคุนกว่างก็ได้รับโทรศัพท์ด่วน เป็นโทรศัพท์จากหลิ่วจวินจวิน “ลูกอี๋ หนูไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“ทางนี้ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ” ฉินอี๋ฟังออกว่าน้ำเสียงของหลิ่วจวินจวินผิดปกติ จึงถามกลับไปว่า “ที่บ้านมีปัญหาเหรอคะ?”

หลิ่วจวินจวินว่า “ที่บ้านไม่มีเรื่องอะไรหรอก แต่ค่ายผู้พิทักษ์เทพของทางนี้น่ะสิเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ค่อนข้างวุ่นวายทีเดียว ถึงขั้นย้ายผู้พิทักษ์เมืองจากในเมืองมาอยู่ที่ค่ายผู้พิทักษ์เทพ มีคนบอกว่าเจ้าเมืองลั่วเทียนเหอสั่งให้มาควบคุมค่ายผู้พิทักษ์เทพเอาไว้ แม้แต่หัวหน้าเหิงเทาก็รีบทิ้งงานในมือแล้วมานั่งบัญชาการด้วยตนเอง สิ่งที่รู้ในตอนนี้ก็มีเพียงเท่านี้ ส่วนพวกเขากำลังทำอะไรอยู่นั้น พวกเราก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน” ฟังออกถึงความรู้สึกกังวลต่อเรื่องราวที่ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุอยู่ในน้ำเสียงของเธอ

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ฉินอี๋ปลอบใจ แต่ภายในใจกลับนึกสงสัยเช่นกัน เธอไม่รู้ว่าการที่จู่ๆ ลั่วเทียนเหอก็เคลื่อนไหวแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่หอการค้าตระกูลฉินกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้?

เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน หลังจากทั้งสองวางสายไป เธอก็พบความผิดปกติที่นี่อีกครั้ง

เธอพบว่าคนของเมืองปู๋เชวี่ยที่ประจำการอยู่ในศูนย์กลางของแคว้นเซียนได้เข้ามาในค่ายผู้พิทักษ์เทพแห่งนี้ แต่สิ่งที่ผิดปกติมากกว่านั้นคือคนเหล่านั้นตรงไปยังสถานที่ที่ทำการสอบสวนหลัวคังอัน คล้ายเข้ารับหน้าที่สอบสวนหลัวคังอันต่ออย่างไรอย่างนั้น

เมื่อรวมกับสิ่งที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าแล้ว เธอจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองปู๋เชวี่ยนั้นอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องทางนี้จริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าการที่ยังคุมตัวหลัวคังอันเอาไว้มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่ หรือว่าหลัวคังอันจะเข้าไปพัวพันกับอะไรเข้าแล้ว?

ตามหลักแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้นี่นา หลัวคังอันไม่น่าจะทำร้ายตัวเอง หรือว่าหลัวคังอันจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ใช่คนที่จะเข้าประมูล?

ก็ไม่น่าจะใช่ ถ้ารู้แต่เนิ่นๆ ล่ะก็ ถ้าหลัวคังอันมีปัญหาอะไรล่ะก็ คนที่อยู่เบื้องหลังพวกนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องให้หลัวคังอันไปควบคุมเทพมหาวิญญาณถึงจะถูก

ในขณะที่เธอกำลังทำการคาดเดาอยู่นั้น เธอก็เห็นเลขาธิการกลางซุนฉีซั่งกลับมาแล้ว

ฉินอี๋รีบคิดหาวิธีเข้าไปพูดคุยกับเขา จนในที่สุดซุนฉีซั่งก็ยอมพบเธอ

ซุนฉีซั่งที่เผชิญหน้ากับคำถามที่เต็มไปด้วยความสงสัยของฉินอี๋ยกมือไพล่หลัง กวาดมองไปรอบด้านด้วยท่าทีลังเล แต่พอคิดถึงว่าเรื่องราวมันมาถึงจุดนี้แล้ว เสวี่ยหลานเองก็ตายไปแล้ว ต่อให้ฉินอี๋รู้อะไรบางอย่างไปก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากนัก เขาจึงเผยข้อมูลออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “หลัวคังอันเคยพาผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปภายในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉิน ในคืนวันที่มีการจัดแสดงในเมืองปู๋เชวี่ย เทพธิดาเสวี่ยหลานคนนั้นถูกเขาพาไปยังห้องควบคุมของเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน……”

พอได้ฟังคำบอกเล่าคร่าวๆ เช่นนี้ ฉินอี๋กับไป๋หลิงหลงต่างตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกไปตามๆ กัน พวกเธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ใครจะไปเชื่อว่าหลัวคังอันจะไม่รู้จักว่าอะไรควรไม่ควรถึงขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะพาผู้หญิงอย่างเสวี่ยหลานเข้าไปยังห้องควบคุมของเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินได้

แล้วยังทำเรื่องแบบนั้นอีก! ข้อมูลนี้ทำให้ผู้หญิงทั้งสองคนรู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมาก

ฉินอี๋กล่าวถาม “ท่านเลขาธิการ ท่านแน่ใจนะคะว่าเสวี่ยหลานเป็นคนทำ?”

ซุนฉีซั่งได้เอ่ยเตือนอย่างมีนัยขึ้นมาอีกประโยคว่า “ในวันที่การประมูลเริ่มขึ้น เสวี่ยหลานได้เกิดอุบัติเหตุ เธอไปเที่ยวแล้วพลัดตกหน้าผาตาย ผู้หญิงคนนี้เป็นคนมีชื่อเสียง การตายของเธอไม่ใช่ความลับอะไร แค่หาข้อมูลดูก็น่าจะเห็นแล้ว”

ไป๋หลิงหลงที่อยู่ข้างๆ รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทันที

สีหน้าของฉินอี๋คร่ำเคร่งลงทันที เสวี่ยหลานที่เป็นผู้ต้องสงสัยเสียชีวิตในตอนที่การประมูลเริ่มขึ้น ไหนเลยจะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ได้ ตอนนี้ดูเหมือนจะมีโอกาสสูงมากที่เรื่องนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ

ตอนนี้เรียกได้ว่าเธอทั้งโกรธทั้งหงุดหงิดหลัวคังอัน ถ้าหากผลการตรวจสอบมันยืนยันว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ล่ะก็ เธอก็ไม่กล้าจินตนาการเหมือนกันว่าถ้าเธอส่งเจียงอวี้ลงประมูล ผลลัพธ์ที่ออกมามันจะกลายเป็นอย่างไร นั่นเท่ากับว่าเธอปล่อยให้เจียงอวี้ที่ซุ่มเก็บตัวอยู่หลายปีต้องไปตายเปล่า ต้องขอบคุณคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังที่ให้หลัวคังอันเข้าร่วมการประมูล

คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังลงมือเล่นงานอย่างต่อเนื่อง นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการขัดขวางไม่ให้หอการค้าตระกูลฉินเอาชนะการประมูลได้

ถ้าเธอได้รู้เรื่องนี้ก่อนการประมูล เธอเองก็ไม่ใช่คนที่มีความเมตตาปราณีอะไร เธอคงจะจัดการกับหลัวคังอันอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เรื่องราวมันกลายเป็นแบบนี้แล้ว นอกจากหงุดหงิดโมโหแล้ว เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับหลัวคังอัน จะไล่เขาออกไปก็ไม่ได้ เพราะความสามารถที่หลัวคังอันแสดงออกมาให้เห็นนั้นยังมีประโยชน์ต่อหอการค้าตระกูลฉินอย่างมาก

ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทําไมทางค่ายผู้พิทักษ์เทพในเมืองปู๋เชวี่ยถึงมีการระดมพลจำนวนมาก

การที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ แสดงให้เห็นว่าภายในค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองปู๋เชวี่ยจะต้องมีหนอนบ่อนไส้ที่คอยให้ร่วมมือกับเสวี่ยหลานอยู่อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่อย่างเสวี่ยหลาน อีกทั้งยังอยู่ในค่ายผู้พิทักษ์เทพที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาจะสามารถทำภารกิจจนบรรลุเป้าหมายอย่างราบรื่นได้อย่างไร?

คิดไม่ถึงว่าจะมีหนอนบ่อนไส้อยู่ในกลุ่มกองกำลังหลักของเมืองปู๋เชวี่ยได้ ลั่วเทียนเหอโกรธเกรี้ยวเพียงใด เพียงแค่คิดดูก็น่าจะรู้ได้ เกรงว่าถ้าไม่ลากหนอนตัวนั้นออกมาเขาคงไม่มีทางยอมรามือแน่

เธอเข้าใจแล้วเช่นกันว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่จากเมืองปู๋เชวี่ยถึงเดินทางมารับช่วงสอบสวนหลัวคังอันต่อ จะต้องเป็นเพราะทางเมืองปู๋เชวี่ยต้องการทราบรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดเพื่อใช้ในการจับหนอนบ่อนไส้ตัวนั้นอย่างแน่นอน

…………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน