ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 138 นายสูบบุหรี่ไหม

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 138 นายสูบบุหรี่ไหม?

จูเก่อม่านกระตือรือร้นในการทำงานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจในการเรียนรู้งานของตำแหน่งใหม่และตั้งใจเรียนรู้จากอดีตผู้จัดการ

ช่วงเวลาอาหารเที่ยง ณ โรงอาหารชั้นมนุษย์ พนักงานผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งจับกลุ่มซุบซิบนินทากันอยู่

“เหอะ ไม่ได้มีฝีมือ แล้วก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย แต่กลับได้เลื่อนตำแหน่งทีเดียวสามขั้น คิดไม่ถึงว่าจะกระโดดจากพนักงานระดับล่างไปเป็นผู้จัดการได้”

“เพราะเห็นแก่หน้าคุณหลัวน่ะสิ คุณหลัวพยายามอย่างหนักเพื่อการประมูลของหอการค้าตระกูลฉิน ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ความดีความชอบยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ดูแลผู้หญิงของเขาสักหน่อย ใครจะไปว่าอะไรได้? ถ้าผู้ชายในอนาคตของเธอมีความสามารถแบบนี้ เธอก็จะได้อานิสงส์แบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ”

“เฮ้อ คนเราแข่งอะไรแข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาไม่ได้ หล่อนวาสนาดี ได้เจอแฟนดีๆ อย่างคุณหลัว เรื่องนี้คงต้องยอมหล่อนล่ะนะ”

“วาสนาดีอะไรล่ะ พูดให้ดูดีขนาดนั้นหล่อนก็ไม่มีทางรับน้ำใจหรอก ก็แค่หน้าด้านยอมถอดกางเกงอ้าขาเท่านั้นแหละ ตอนนั้นฉันเห็นกับตาว่าพอคุณหลัวมา หล่อนคือคนที่หน้าด้านที่สุด เข้าไปหาคุณหลัวเป็นคนแรก ได้ยินว่าคืนนั้นก็นอนบ้านคุณหลัวด้วย หน้าไม่อายจริงๆ!”

“คุณหลัวนี่ สุดท้ายก็ยังเป็นผู้ชาย ไม่รู้ว่าควรจะว่าอะไรเขาดี ตาบอดชัดๆ ผู้ชายนี่ไม่มีสมองกันเลย คิดไม่ถึงว่าจะไม่ระวังผู้หญิงที่คิดไม่ซื่อแบบนี้เลยสักนิด มองไม่ออกกันเลยหรือไง คิดไม่ถึงว่าจะถูกผู้หญิงแบบนี้คว้าไปได้ คิดๆ แล้วก็น่าโมโห”

“โมโหแล้วมีประโยชน์อะไร? ตอนนี้หล่อนอยู่สูงกว่าพวกเรา ขึ้นไปกินข้าวที่โรงอาหารชั้นปฐพีแล้ว คนที่จะติดต่อในอนาคตก็ล้วนเป็นคนระดับผู้บริหารของหอการค้าทั้งนั้น”

“กวนเสี่ยวชิงคนนั้นเกาะคุณหลิน ก็ได้ไปอยู่ห้องผู้ช่วยท่านประธาน เวลาเดินไปเดินมาก็เอาแต่เชิดหน้ามองตรง ไม่ได้เห็นคนที่หลีกทางให้อย่างพวกเราอยู่ในสายตาเลย วันนี้จูเก่อม่านคนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ คิดไม่ถึงว่าจะได้เป็นผู้จัดการ เหอะๆ โลกเราเนี่ยนะ คนที่เสียเปรียบมักจะเป็นคนซื่ออย่างพวกเรานี่แหละ”

ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังนินทาลับหลังจูเก่อม่าน สรุปแล้วก็คือพวกเธออิจฉาริษยา บางคนปากพูดจาฟังดูดี แต่ความจริงภายในใจก็คิดว่ารูปร่างหน้าตาของตัวเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าจูเก่อม่านเลย นึกแค้นใจที่ตอนนั้นมีโอกาส แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่หน้าด้านสักนิดแล้วเข้าหาหลัวคังอันเสีย

ถ้ารู้ว่าหลัวคังอันจะถูกหลอกง่ายขนาดนี้ พวกเธอก็คงไม่มัวลังเล

หากตอนนั้นกล้าสักหน่อย ตำแหน่งของจูเก่อม่านในตอนนี้อาจจะเป็นของตนก็ได้

คนที่ปากมากล้วนแต่แค้นใจที่ตัวเองไม่ได้ตำแหน่งของจูเก่อม่าน หากได้มาล่ะก็ ต่อให้ต้องโดนคนอื่นนินทาลับหลังพวกเธอก็ยอม

กลุ่มผู้หญิงที่กำลังซุบซิบนินทากันล้วนไม่ยอมที่จะหาคนธรรมดาๆ แล้วใช้ชีวิตธรรมดาๆ

การได้เลื่อนตำแหน่งในหอการค้าขนาดใหญ่ที่มีอะไรให้รู้ให้เห็นมากมายอย่างหอการค้าตระกูลฉินนั้นไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดี เมื่อได้เจอคนที่ทำให้รู้สึกอิจฉาริษยาบ่อยๆ มันก็จะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหัวสูงทั้งๆ ที่ตนเองไร้ความสามารถ

……….

ช่วงเย็น จูเก่อม่านโทรหาหลัวคังอัน เธอไม่ได้บอกข่าวดีกับเขา เพราะคิดว่ากลับไปแล้วค่อยบอก จึงบอกแค่ว่าจะเลี้ยงข้าวเพื่อนร่วมงาน เลยกลับช้านิดหน่อย

หลัวคังอันไม่ได้ว่าอะไร ตามใจเธอ อาการบาดเจ็บของกระดูกตรงบั้นเอวยังไม่หายดี

ส่วนภายในห้องทำงานของประธานในเวลานี้ หลินยวนที่อยู่ในช่วงพักผ่อนมาถึงแล้ว เขาถูกเรียกตัวมาอย่างกะทันหัน กำลังยืนรออยู่ข้างๆ โต๊ะทำงานของฉินอี๋

ฉินอี๋ที่จัดการเอกสารเรียบร้อยแล้วรวบเอกสารทั้งหมดส่งให้ไป๋หลิงหลง ก่อนจะพูดกับหลินยวนว่า “นั่งสิ”

หลินยวนส่ายหน้าว่าไม่ต้อง “มีอะไรครับ?”

ฉินอี๋กล่าว “การเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ทำให้นายต้องเสี่ยงอันตราย แต่ผลที่ออกมาถือว่าไม่เลว คนที่เข้าร่วมการประมูลล้วนได้รับรางวัลกันทั้งนั้น นายอยากได้อะไร?”

หลินยวนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า “พอจ่ายหนี้ไหม?”

ฉินอี๋จ้องมองเขาครู่หนึ่ง “พวกเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้ว”

ผู้หญิงคนนี้เอาอีกแล้ว! หลินยวนรู้สึกรับไม่ค่อยได้ ที่สำคัญคือตัวเองเริ่มเลอะเลือนแล้ว ไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้าอย่างไรดี ในสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ การหลบหลีกคือตัวเลือกที่ดีที่สุด จึงปฏิเสธอ้อมๆ ไปว่า “ถ้าไม่มีเรื่องอื่น ผมขอตัวกลับก่อนล่ะ”

ฉินอี๋ยืนขึ้นมา “กินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อย แล้วหนี้ของนายฉันจะยกให้ทั้งหมด”

หลินยวนควรตอบอย่างไร? เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี

ฉินอี๋ถือเสียว่าเขาตอบตกลง ขยิบตาให้ไป๋หลิงหลง

ไป๋หลิงหลงพยักหน้า รีบเดินออกไปจัดการ

เพียงครู่เดียวคนส่งอาหารก็มาถึง จัดวางอาหารเอาไว้ในห้องทานอาหารที่อยู่ด้านหลังชั้นวางหนังสือ

หลังจากนั้นคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ถอยออกไปทั้งหมด

ฉินอี๋ที่ลงมาจากชั้นบนเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เธอเดินไปที่ริมหน้าต่าง ยืนเคียงข้างหลินยวน มองดูดวงไฟที่กระจัดกระจายอยู่ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรีที่กำลังจะมาเยือน ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินไปยังเครื่องเล่นแผ่นเสียงเพื่อเปิดเพลง จากนั้นเอียงศีรษะแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “มานั่งนี่สิ”

เธอนั่งลงก่อน หลินยวนค่อยๆ หมุนตัวแล้วเดินไปที่โต๊ะ จากนั้นนั่งลงตรงข้ามเธอ นิ่งเงียบไม่กล่าวอะไร

เมื่อเห็นเขานั่งลงที่โต๊ะทานข้าวตัวเดียวกับตัวเองจริงๆ ฉินอี๋กลับเผยให้เห็นถึงความรู้สึกประหม่าอย่างที่ยากจะเห็นได้ในเวลาปกติ หวนนึกถึงความรู้สึกในตอนที่ทั้งสองคนแอบจูบกันครั้งแรกเมื่อในอดีต สายตาที่มองดูหลินยวนก็คล้ายจะมีความอ่อนโยนเหมือนอย่างเมื่อในอดีตกลับคืนมา

จู่ๆ บรรยากาศก็กลายเป็นแบบนี้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี จู่ๆ เธอพลันลุกขึ้นยืนอีกครั้ง หยิบไวน์มาเปิด ก่อนจะเดินไปหาหลินยวนแล้วจะช่วยรินไวน์ให้เขา

ปกติแล้วหลินยวนจะไม่กินของที่ไม่รู้ที่มาที่ไปแน่ชัดเวลาที่อยู่ข้างนอก เขาเลยยื่นมือไปปิดบนแก้วไวน์ไว้ด้วยความเคยชิน “ไม่ต้อง ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์”

ฉินอี๋ที่กำลังประคองขวดไวน์อยู่ตะลึงงัน ก่อนจะถามทันทีว่า “นายสูบบุหรี่ไหม?”

หลินยวนกล่าว “ฉันไม่แตะของที่มีควันพิษแบบนั้น”

ความอ่อนโยนภายในตาของฉินอี๋พลันหายไปทันที จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

หลินยวนจนปัญญา ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เธอโมโหเข้าอีก

“ไม่ดื่มก็ไม่บังคับ” ฉินอี๋ถือขวดไวน์แล้วหันกลับไป ปัง! ขวดไวน์ถูกกระแทกกลับลงบนโต๊ะ ส่วนตัวเธอก็กลับมานั่งที่ตัวเอง กล่าวว่า “กินเถอะ” ก่อนจะยกตะเกียบขึ้นแล้วตั้งหน้าตั้งตาทานอาหาร

หลินยวนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาเช่นกัน ค่อยๆ ชิมรสชาติอาหารอย่างช้าๆ

ฉินอี๋คล้ายกินมูมมามเล็กน้อย หลังจากรีบยัดอาหารลงท้องแล้วก็วางตะเกียบลง “จำได้ว่าก่อนประมูลนายมาที่นี่ บอกว่าไม่อยากทำการทดสอบเทพมหาวิญญาณตนนั้นกับหลัวคังอัน เมื่อวานฉันเลยคุยกับหลัวคังอัน บอกให้เขาหาผู้ช่วยคนอื่นแทน แต่เขาไม่เห็นด้วย เขาเพิ่งจะสร้างความดีความชอบให้แก่หอการค้าตระกูลฉิน ฉันก็เลยต้องรับฟังความคิดเห็นของเขา ดังนั้นเรื่องนี้เกรงว่านายคงต้องไปคุยกับหลัวคังอันเอาเอง”

หลินยวนนิ่งเงียบไป ตอนนั้นที่เขามาหาฉินอี๋ที่นี่ก็เพราะไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องการประมูล แถมยังถูกฉินอี๋ตอกหน้ากลับมาอย่างแรงด้วย ทว่าตอนนี้เขาเข้าไปพัวพันกับเรื่องการประมูลแล้ว เจตนาของผู้อาวุโสรุ่นก่อนเขารู้ดีอยู่แก่ใจ เกรงว่ามือข้างนั้นคงต้องการจะยื่นเข้ามาในหอการค้าตระกูลฉิน แล้วตอนนี้เขายังจะออกไปจากนี่ได้อีกหรือ? สายไปแล้ว!

หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง เขาก็พูดว่า “ช่างเถอะ เอาตามนี้แล้วกัน”

ฉินอี๋มึนงง จ้องมองดูเขา “หมายความว่ายังไง?”

หลินยวนกล่าว “ทำงานกับหลัวคังอันมานานขนาดนี้ เขาก็มีความสามารถอยู่จริงๆ อยู่กับเขาแล้วได้เรียนรู้อะไรไม่น้อยเลย ก็เลยอยากจะเรียนรู้จากเขาต่อไป”

ฉินอี๋มองดูเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อย สุดท้ายก็ทนไม่ไหว “ฉันไม่ให้นายไป นายจะไป ฉันให้นายไป นายกลับจะอยู่ หลินยวน นายชอบขัดใจฉันนักใช่ไหม ขัดใจฉันแล้วมันทำให้นายมีความสุขใช่ไหม?”

หลินยวนกล่าว “เธอคิดมากไปแล้ว ฉันหมายความตามนั้นจริงๆ”

ฉินอี๋ “ได้ อย่างนั้นตอบคำถามฉันมาข้อนึง ฉันอยากฟังความจริง”

หลินยวน “อะไร?”

ฉินอี๋ “ฉันในตอนนั้นสวย หรือว่าฉันในตอนนี้สวย?”

“…” หลินยวนหมดคำจะพูดอย่างถึงที่สุด นี่มันเป็นคำถามอะไรกัน? ถ้าบอกว่าเธอในตอนนั้นสวย อย่างนั้นไม่เท่ากับว่าเธอในตอนนี้ไม่สวยหรอกเหรอ แล้วถ้าบอกว่าตอนนี้สวย อย่างนั้นก็เท่ากับว่าตัวเธอในตอนนี้ดีกว่าเมื่อในอดีต… คำถามนี้เขาไม่สามารถตอบได้เลย “อดีตมันผ่านไปแล้ว”

ฉินอี๋พูดด้วยความโมโหว่า “มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้? เมื่อก่อนนายอยากได้ ฉันก็ให้นาย มาตอนนี้นายไม่อยากได้ ฉันก็ต้องไสหัวไปอย่างว่านอนสอนง่ายเหรอ? ไหนลองบอกมาสิ ฉันทำผิดต่อนายตรงไหน?”

หลินยวนนิ่งเงียบ ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ “ฉันมีผู้หญิงคนอื่นแล้ว”

คำพูดนี้ทำร้ายจิตใจเป็นอย่างมาก ฉินอี๋คล้ายถูกโจมตีใส่อย่างรุนแรง กัดริมฝีปากสีแดงขึ้นมาทันที ความรู้สึกภายในใจเรียกได้ว่าปวดใจ ในดวงตาคล้ายจะมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา กล่าวว่า “ไสหัวไป!”

หลินยวนยืนขึ้นอย่างเงียบๆ แล้วเดินออกไป

เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู ฉินอี๋ก็ฟุบลงไปบนโต๊ะทันที หลั่งน้ำตาร่ำไห้ออกมา

…..

“ท่านเสมียนใหญ่!”

ณ คฤหาสน์ของหอการค้าตระกูลโจว ประตูหน้าเปิดกว้าง รถหลายคันแล่นเข้ามาจอดภายในสวนที่อยู่ลึกเข้าไปในเรือนชั้นใน ชายหนุ่มรูปร่างกำยำบึกบึนคนหนึ่งก้าวลงจากรถ โจวหม่านเชาผู้ซึ่งเป็นประธานหอการค้าตระกูลโจวและพวกเผิงซีพากันทำความเคารพอย่างนอบน้อม

ผู้ที่มาเยือนคือกงหู่จ้าว เขาคือผู้ดูแลภายในกลุ่มดาวโต่วของตระกูลกงหู่ ผู้ดูแลประเภทนี้จะถูกเรียกว่าเสมียนใหญ่ ซึ่งหมายถึงหัวหน้าบัญชีของพื้นที่เขตนั้นๆ

กงหู่จ้าวกวาดสายตามองดูทุกคน ในสายตาที่ดูแคลนเผยให้เห็นถึงความรู้สึกทรงอำนาจ เมื่ออยู่ต่อหน้าทุกคน ความรู้สึกที่คล้ายว่าตนเองอยู่เหนือทุกคนนั้นยิ่งชัดเจน เขาส่งเสียงอืมออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนที่งดงามโดยมีโจวหม่านเชามาคอยนำทางด้วยตนเอง

เมื่อเข้าไปในโถงใหญ่ กงหู่จ้าวก็เดินไปยังที่นั่งประธาน สะบัดชายเสื้อเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงโดยไม่รอให้ใครเชิญ ผู้ติดตามทั้งสองคนยืนตัวตรงอยู่ทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวาทางด้านหลังของเขา

เผิงซีกับเมิ่งซู่ไม่กล้าเข้าไป จึงยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู

โจวหม่านเชาที่เข้ามาด้านในยืนนิ่งๆ ด้วยความเคารพนอบน้อม

กงหู่จ้าวนั่งตัวตรง สายตาจ้องมองโจวหม่านเชาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเฉยชาว่า “แม้แต่หอการค้าตระกูลฉินก็ยังจัดการไม่ได้ แถมยังก่อเรื่องวุ่นวายขนาดนี้อีก แกจะให้ฉันไปอธิบายกับทางตระกูลยังไง? ที่ให้หอการค้าตระกูลโจวของพวกแกมาเฝ้าอยู่ที่แคว้นเซียนคุนกว่าง เป็นฉันที่มองคนพลาดไปเหรอ?”

โจวหม่านเชาอับอายจนเหงื่อตก “เป็นผมที่ไร้ความสามารถ แต่มันก็คิดไม่ถึงจริงๆ นะครับ คิดใคร่ครวญวางแผนเสียดิบดี คิดไม่ถึงว่าหลัวคังอันคนนั้นจะโผล่พรวดพราดเข้ามาทำให้เสียแผนได้ ทำเอาพวกผมรับมือไม่ทันเลยครับ”

“หลัวคังอัน!” กงหู่จ้าวแค่นเสียงเหอะออกมา “นักเรียนของหลงซืออวี่ เป็นคนที่หลงซืออวี่แนะนำให้เข้าไปเป็นผู้พิทักษ์เทพในเมืองหลวงด้วยตัวเอง แต่พวกแกกลับมองข้ามเขาไปเสียได้ เจ้าพวกโง่!”

“หลงซืออวี่?” โจวหม่านเชาตกใจ ภายในหัวมีคนคนหนึ่งแวบเข้ามา จึงเอ่ยถามว่า “หมายถึงอาจารย์หลงที่เป็นหนึ่งในสามอธิการบดีของหลิงซานน่ะเหรอครับ?”

กงหู่จ้าว “โลกนี้ยังมีหลงซืออวี่คนที่สองอีกหรือไง?”

เผิงซีกับเมิ่งซู่ที่อยู่ด้านนอกต่างมองหน้า สายตาต่างเผยให้เห็นถึงความรู้สึกตกใจ คิดไม่ถึงว่าหลัวคังอันจะมีภูมิหลังเช่นนี้

โจวหม่านเชาอึกอักลังเล เขาอยากจะพูดเหลือเกินว่าก่อนหน้านี้ก็เคยสอบถามท่านแล้วนี่ ทำไมท่านไม่บอกให้รู้ล่ะครับ?

หารู้ไม่ว่าเป็นเพราะครั้งนี้หลัวคังอันแสดงความสามารถออกมาเหนือความคาดหมาย กงหู่จ้าวถึงได้ใช้เส้นสายที่ไม่ธรรมดาสืบประวัติความเป็นมาของเขาอย่างละเอียด ถึงได้รู้เรื่องความสัมพันธ์นี้ได้

โมโหส่วนโมโห แต่ภายในใจก็รู้ว่านี่มิใช่ความผิดของหอการค้าตระกูลโจวไปเสียทั้งหมด เลยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า “หลงซืออวี่ทำให้องค์จักรพรรดิเทียนอู่ทรงพิโรธ องค์จักรพรรดิจึงทรงลงโทษ เอาตัวหลงซืออวี่ไปขังไว้ในนรก ร่างเทพของหลงซืออวี่ดับสลาย กลายเป็นอดีตไปแล้ว ลำพังหลัวคังอันเพียงคนเดียวไม่มีอะไรน่าห่วง สิ่งสำคัญในตอนนี้คือหอการค้าตระกูลฉิน หากหยุดหอการค้าตระกูลฉินเอาไว้ไม่ได้ หอการค้าตระกูลโจวของพวกแกจะเป็นอย่างไร แกน่าจะรู้ดีนะ”

………………………………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน